1/10 Close

หน้าแรก >[02] การเมือง > พรรคเพื่อฟ้าดิน > กิจกรรมปี 2545



โอวาทพ่อท่าน

1 2 3 4 5
6
7 8 9 10 

พวกเราอาจจะยังงงอยู่บ้างว่า จะทำงานการเมืองอย่างไร การเมืองหมายความว่าดูแลสังคม ผู้รับหน้าที่คือผู้รับผิดชอบ โดยเป็นสัญญาประชาคมว่าผู้นี้เข้าไปรับหน้าที่ดูแลสังคม เข้าไปรับใช้สังคม ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปจนถึงแม้เสมียน ก็มีส่วนจริงส่วนหนึ่งได้ที่รับใช้สังคม โครงสร้าง หลักเกณฑ์ วัฒนธรรมของการเมืองของสังคมทุกวันนี้เป็นธุรกิจ บทบาทลีลาของการกระทำเป็นอาชีพเลี้ยงตนเพื่อสร้างลาภ ยศ สรรเสริญให้แก่ตนเอง ถ้าใครแสดงตนว่าไม่ไปโลภในลาภทำให้ตำแหน่งหน้าที่ได้โดดเด่นดี ได้รับการสรรเสริญยอมรับชื่นชมยินดี ก็เป็นนักการเมืองที่ดี แต่ต้องได้ลาภ ยศ สรรเสริญ ซึ่งเป็นโลกียะ โลกียสุข โลกธรรม

เราจะทำการเมืองอย่างอาริยะ ไม่ใช่ทำการเมืองอย่างโลกธรรม ซึ่งเรามีพื้นฐานกันมาแล้วว่าเราเป็นมนุษย์โลกุตระหรือมนุษย์อาริยะ มนุษย์ที่ไม่ได้ไปขึ้นต่อลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียะสุข ไม่ได้เอาสิ่งนั้นเป็นเครื่องล่อ หรือเป็นจุดมุ่งหมายทำให้แก่ตัวเอง

ฉะนั้น การเมืองของเราตั้งแต่ประเด็นแรกก็ต่างกับเขาแล้ว เมื่อมาถามตัวบุคคล พวกคุณจะเอาจริงมั้ยแต่ละคน ที่จะมาทำการเมืองพรรคสหกรณ์ ลาภก็ไม่ได้ ตำแหน่ง ยศศักดิ์ ถือเป็นอัตตา ซึ่งก็อาจเป็นอำนาจอิทธิพล แต่ถ้าเคารพยกย่อง เทิดทูน นับถือ เกรงคุณธรรม คุณภาพของผู้นั้น อย่างนั้นเป็นสัจธรรม ไม่ใช่เกรงกลัวแบบอิทธิพลโลกีย์ ส่วนสรรเสริญทั้งในทางโลกและทางธรรม เรานึกถึงพระพุทธเจ้าท่านได้รับการสรรเสริญ แต่ส่วนตนของท่านจะยินดี หลงดีในการสรรเสริญหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่ท่านได้แน่ ๆ ซึ่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ฯลฯ เป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลในตัวตามตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเราจะล้มล้างไม่ให้มีสิทธิหน้าที่ในตำแหน่งนั้น ๆ ไม่ได้ สิทธิของหัวหน้ากับรองหัวหน้าต้องต่างกันโดยสัจจะ ส่วนลึก ๆ ไม่ได้หลงติดยึดกับตำแหน่งเราก็ทำตามหน้าที่ก็พอ ดังนั้นประเด็นแรกที่เป็นโลกียะ เป็นโลกธรรมหรือไม่ เราต้องคำนึงว่านี่เป็นการทำงานของพวกเราที่เป็นการเมืองอาริยะ

พฤติกรรมที่จะทำกับสังคม การเมือง คือ การเสียสละ ฉะนั้นเราจะเสียสละช่วยเหลือสังคม ระบบบุญนิยมของพวกเรา แม้ทุนนิยมก็ตาม จะช่วยเหลือไม่ใช่เอาเงินไปให้เขา ใครขาดอะไรก็หาไปให้เขา เท่านั้นไม่พอ การช่วยเหลืออย่างนั้นไม่มีทางสำเร็จ การเมืองทุกวันนี้ดีที่สุดเท่านี้ ถ้าใครที่ได้รับตำแหน่งแล้วช่วยเหลือประชาชน โดยใครขาดอะไรหาอันนั้นให้ถือว่าเก่ง เป็นนักการเมืองยอดนิยม ในส่วนตัวจะแบ่งไปกี่เปอร์เซ็นต์ไม่เกี่ยว ถ้ายิ่งไม่แบ่งเปอร์เซ็นต์ ยิ่งดีใหญ่ จะเอาคอรัปชั่น คอมมิชชั่นก็เรื่องของเขา แต่ขอให้ช่วยได้ ฉะนั้นจึงมีนักการเมืองบอกว่า จะโกงจะกินบ้างก็ช่างมัน แต่ขอให้ทำงาน ช่วยประชาชนเป็นชิ้นเป็นอัน ดีกว่าคนไม่ทำงาน

การทำงานรับใช้สังคมเราต้องรู้ว่าสังคมต้องการอะไร สังคมต้องการคุณธรรมของมนุษย์ การเมืองระบบแรก คือ สอนมนุษย์ ซึ่งเป็นความต้องการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ต้องการความเป็นคนที่เจริญทางธรรม ซึ่งเขาไม่รู้ตัว ถ้าเขาเจริญทางธรรม ช่วยเหลือให้ประชาชนเจริญทางธรรม เขาเองก็พ้นทุกข์ เขาก็อยู่ได้ ฉะนั้นการเมืองของพรรคสหกรณ์ก็เป็นอย่างนี้ ทำอย่างที่เราทำทุกวัน ซึ่งเป็นประเด็นหลัก คือ ต้องการคุณธรรม ความรู้ความสามารถ ช่วยตัวเอง พึ่งตนเองให้ได้ก่อน คนที่พึ่งตัวเองไม่ได้ เพราะเขาตกเป็นทาสสังคม สังคมมอมเมาเขา แล้วเขาก็มีกิเลส เขาไม่รู้ เขาจึงอยู่ไม่ได้ ให้เขาเรียนรู้จักสังคม ให้เขาหลุดพ้นจากสิ่งที่ครอบงำอะไรบ้าง ตั้งแต่อบายมุข กามารมณ์ กามคุณ โลกียรมณ์ อัตตามานะต่าง ๆ ลดลงมาจริง ๆ นั่นคือ วิธีการเดียวกับศาสนา แต่ทำงานมีระบบ มีหน้าที่ มีนิตินัย ถ้าเราจดทะเบียนเราก็ยืนยันได้ว่าเราเป็นนักการเมือง มีหน้าที่ต่าง ๆ เขาก็เข้าใจ จะมาช่วยอะไรเราบ้าง ไปร่วมกันศึกษาหาความรู้มั้ย ไปแล้วจะได้อะไรบ้าง แต่ไม่ใช่การันตีว่าจะได้เงิน จะได้ทรัพย์สินโน่นนี่ คุณจะรู้ตัว และจะเลิกในสิ่งที่ควรเลิก ขยันสร้างสรรในสิ่งที่ควรจะสร้าง และจะเหลือทรัพย์สินไว้อาศัยพึ่งพาตน เข้าระบบเศรษฐกิจพอเพียง

จากความต้องการข้อนี้สืบเนื่องไปจนถึงวัตถุ เมื่อรู้จักจิตอารมณ์ของตัวเองไปติดไปหลงอะไร ไปโง่อะไร ก็เรียนรู้และเลิกวัตถุ ก็จะสร้างงานสร้างอาชีพ จะไม่สูญเสียสิ่งที่สังคมหลอกก็จะได้กำลัง ทุนรอน ได้เวลาคืนมา ได้กำลังแรงงานทางกายทางใจคืนมา ก็มาพากเพียรสร้างสรรค์

เราดำเนินไปง่าย ๆ ตามหลักเกณฑ์ที่เราได้ปฏิบัติธรรมกันมานี้เป็นงานที่จะสอนประชาชน

ให้ความรู้ในเรื่องความหมายของประชาธิปไตย ประชาธิปไตย คือ ประชาชนส่วนมากเป็นแรงอำนาจแห่งความถูกต้อง แห่งความชนะ ประชาชนคือบุคคลที่มีอิสระเสรีภาพ มีความคิดของตัวเอง รู้อะไรถูกอะไรผิด ดีชั่ว อะไรควรไม่ควร ไม่ใช่ถูกครอบงำหรือจูงจมูก

สรุปแล้วต้องให้ประชาชนมีปัญญา เป็นตัวของตัวเอง มีอิสระเสรีภาพ ให้มีความรู้ความสามารถในการเลือกบุคคล ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้จะเป็นตัวแทน เป็นตัวแทนที่จริง เป็นคนที่ประชาชนรู้จักและเชื่อมั่นในคนนี้จริง ๆ รู้ด้วยปัญญาและความเข้าใจ เลือกได้เหมาะกับตำแหน่งหน้าที่ว่าควรจะทำงานอะไร คนที่ได้รับหน้าที่ไปก็น่าภาคภูมิ เราจะทำอย่างไรให้คนรู้จักศักดิ์ศรี

ประเด็นที่จะสร้างประชาธิปไตย เขาสร้างด้วยวิธีของโลก ไม่ไปสร้างที่คน เขาไปสร้างที่หลักเกณฑ์ข้อบังคับคน

ถึงแม้เราจะพยายามสอนคนให้รู้จักประชาธิปไตย โดยมุ่งไปที่จิตวิญญาณ ประชาธิปไตย คือ คุณเป็นประชา (ประชาชน) คุณเป็นเจ้าของอำนาจ เจ้าของอธิปไตย ไม่ใช่ใครเอาเงินมาซื้อได้ เราต้องมีเอกราชของตัวเองที่แท้จริง

สรุปเราจะสอนประชาชนอย่างไรให้รู้จักประชาธิปไตย นี้คือหน้าที่ ให้เขารู้ว่าฉันเป็นเจ้าของเสียงสวรรค์ เป็นเจ้าของอำนาจ มีศักดิ์ศรี ถ้าประชาชนมีคุณภาพก็จะไม่ไปเรียกร้องอะไรมาก เพราะมีความมักน้อย สันโดษ ฉะนั้นเราต้องสอนประชาชนให้ได้ประเด็นที่กล่าวมาแล้วให้ได้ก่อน เมื่อประชาชนมีคุณภาพก็ไม่ต้องไปเรียกร้องอะไรมาก เขาจะมองเป็นส่วนรวม เพราะส่วนตัวไม่ต้องการอะไรมากแล้ว หากมีการเรียกร้องก็ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อส่วนรวม ก็จะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะไม่เห็นแก่ตัวแล้ว

คิดว่าพวกเรามีงานที่เป็นพัฒนาการของชีวิต ทำงานด้วยความเบิกบาน ร่าเริง แม้จะเจออุปสรรคหนักหนาร้ายแรงอย่างไรก็ยิ้ม อย่าไปหดหู่ท้อแท้จะหมดพลัง ที่สุดก็แค่ตายเท่านั้นเอง ถ้าเข้าใจสัจธรรมก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไร โดยเฉพาะอุปสรรคที่เราไม่ได้ไปหาเรื่อง คิดว่าพวกเราจะแข็งแรงขึ้น คงพัฒนาขึ้นอีกมากมาย เป็นนิมิตหมายที่ดี