คณะฟรานซิสกัน สนทนากับสมณะโพธิรักษ์


ชาวฟรานซิสกัน ข้าพเจ้าทั้งหลายดีใจ ที่มีโอกาสพบกัน ที่สันติอโศก ข้าพเจ้ามาที่นี่บ่อยๆ กำลังเรียนอยู่กับ พระวสวัตติโก เรามาจากครอบครัว ฟรานซิสกัน มีนักบวชชาย นักบวชหญิง และฆารวาสด้วย ที่พยายามทำตามนักบวช เราทุกๆคนเชื่อว่า คณะของสันติอโศก มีอะไรที่จะสอนเรา เพราะว่าที่นั่น เป็นศูนย์กลางของคำสอน ของพระพุทธเจ้า สำหรับเรา นักบวชฟรานซิส เน้นด้วยว่า สำหรับเรา เราไปศูนย์กลางของ ....... ดังนั้น เราอยากเรียนรู้ คุณ ท่านพยายาม มีแนวทาง Unity ใน Contemplation ใน Mission ในชีวิตทั้งหมด หวังว่า dialogue นี้จะมี ประโยชน์สำหรับเรา และสำหรับพวกท่านด้วย

สมณะโพธิรักษ์ เอ้าเชิญ เชิญ ถามได้เลย

ชาวฟรานซิสกัน I am very happy to be here. I can feel the presence of God very much. I was captivated by the sign on the door front in the lady's side of the monastry where it reads "one for all and all for one". Now, that....... with what Francis himself has said "My God and my all". I..... rather cannot understand if you would like to clarify for me. And you are doing a wonderful work, a wonderful life. And is the glory given to Lord Buddha or would you have it as Lord Buddha would have wished it that the glory is given to one God, one for all, the creator? Thank you.

ล่าม รู้สึกดีใจ แล้วก็ชื่นชม แล้วก็ดีใจมาก ที่ได้มาในวันนี้ ซิสเตอร์ ประทับใจ ที่เขียนไว้ในเขตหญิงว่า ONE FOR ALL AND ALL FOR ONE ซึ่งซิสเตอร์บอกว่า เหมือนกับคำสอนของ ท่านฟรานซิสโก้

แล้วก็อยากจะเรียนถาม พ่อท่านว่า ในความเห็น ของพ่อท่านนี่ ONE FOR ALL นี่หมายความว่า ONE นี่คือ one God แล้วก็ ALL ก็คือ all of us แล้วก็อยากจะเรียนถาม พ่อท่านว่า มันตรงกับความหมาย ของทางที่ซิสเตอร์ เคยเรียนรู้มาหรือเปล่า

สมณะโพธิรักษ์ ตรง ตรง

ชาวฟรานซิสกัน ผมจะพูดภาษาอังกฤษ

ล่าม เชิญค่ะ

ชาวฟรานซิสกัน The theme of our reflection today is unity of contemplation and mission. So I felt that, at least in my limited knowledge of Santi Asoke, this two make up the whole life. So there is no distinction between contemplation and mission. Is there anything perhaps which Phra Bodhirak can share on this topic?

ล่าม หลวงพ่อบอกว่า หัวข้อของ การประชุม แล้วก็การสัมมนา ที่ท่านมานี่ชื่อว่า เอกภาพของความคิด contemplation แล้วก็ mission นี่คือ คล้ายๆงานนะคะ งานที่จะต้องทำ เพราะฉะนั้น หลวงพ่อก็อยาก จะกราบเรียน ถามพ่อท่านว่า ในหัวข้ออันนี้นี่ พ่อท่านอาจจะมีอะไร ที่จะได้สอนเรา แล้วก็แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกัน ในเรื่องของ unity คือ เอกภาพ of contemplation ก็คือความคิด แล้วก็ mission ก็คืองาน ที่จะต้องทำ

สมณะโพธิรักษ์ คำถามนี่ มันรวมหมดเลย หมายถึงความสำเร็จ เมื่อเราเรียนถึง contemplation แล้วก็มีบทที่เป็น mission ได้ ถูกต้อง ตามแต่พระศาสดานั้น สอนว่าอย่างไร คือเราก็มาเรียนรู้ คำสอนของศาสดา ให้ตรงจริงๆๆ แล้วปฏิบัติตรวจสอบ ค้นหา เพ่งพิจารณา หาความจริง จนได้ความจริง เกิดความจริง เห็นความจริงนั้นๆ Contem plation แล้วก็นำออกมาประกาศ เผยแพร่ความจริงนั้น mission นั้นเป็นงาน เป็นหน้าที่

สมณะโพธิรักษ์ เมื่อประสบความสำเร็จ เมื่อถูกต้องมันจะเป็น unity

ชาวฟรานซิสกัน What is the deep reason that you don't use a statue?

ล่าม มีเหตุผลที่ลึกซึ้งอะไรหรือเปล่า ที่ทางนี้ไม่มีพระพุทธรูป

สมณะโพธิรักษ์ เหตุผลก็คือ พระพุทธรูปนั้นน่ะ มีมากแล้ว เราก็ไม่ส่งเสริมให้สร้าง นั่นข้อที่ ๑

ข้อ๒ พระพุทธรูปนั้นน่ะ เอามาค้า เอามาขายกัน จนเหมือนสินค้า จนเขาไม่รู้สึกกันว่า เอาพ่อมาขายกิน เอาสิ่งบูชาเทิดทูน มาทำสินค้า

ข้อ ๓ ทำให้ไปเคารพพระพุทธรูป กลายเป็นนอกรีต นอกศาสนา มี concept ที่ผิดเพี้ยนไปจากเนื้อหา เราก็เลยไม่ส่งเสริม เพื่อที่ในความหมาย ข้อสุดท้าย

ข้อที่ ๔ ก็คือ เราไม่ส่งเสริม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เราไม่ต้องมีพระพุทธรูป เราก็สามารถ ที่จะปฏิบัติ ศาสนาพุทธนั้น ได้มรรคผล แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่เคารพพระพุทธรูป


ชาวฟรานซิสกัน Does it mean that you also advise people not to have pictures or statues of Buddha in their homes?

ล่าม หมายความว่า พ่อท่านแนะนำ ไม่ให้พุทธศาสนิกชน มีพระพุทธรูป หรือว่าภาพของพระพุทธเจ้า ที่บ้านเขา ด้วยหรือเปล่า

สมณะโพธิรักษ์ รูปของพระพุทธเจ้า ที่นี่มีเยอะไป แต่ไม่มี sculpture

ชาวฟรานซิสกัน Before you said not having statues does not stop you from worshipping the Lord Buddha and his image. My question is what is the meaning of the word worship in the context.

ล่าม เขาถามบอกว่า เมื่อพ่อท่านบอกถึงข้อที่ว่า ถึงแม้จะไม่มีพระพุทธรูปปั้น เป็นองค์ปั้น แต่ก็ยังสามารถ ที่จะแสดงความเคารพ พระพุทธเจ้าได้ เขาก็ถามว่า ขอให้พ่อท่าน อธิบายคำว่า เคารพ คือ worship กับคำว่า image ว่ามันหมายความว่าอย่างไร เคารพได้อย่างไร โดยที่ไม่มีรูป

สมณะโพธิรักษ์ จะเคารพได้อย่างไร เราสามารถระลึกถึงพ่อ ถึงสิ่งที่เราต้องการ อาจไม่ต้องถึงขั้น ที่มีจินตนาภาพ มีอะไร ขึ้นมาก็ได้ หรือจะเป็นจินตนาการ จินตนาภาพอะไรก็ได้ imagination นั่นแหละ ก็ได้

คุณสิริมา Excuse me. Does it mean that the worship of your concept is you do according to Lord Buddha's principle, right?
หมายความว่า จะเรียนถามว่า การเคารพของท่านนั้น ท่านปฎิบัติตามคำสอน ของพระพุทธเจ้า ใช่ไหมคะ

สมณะโพธิรักษ์ เขาต้องการลักษณะเคารพ ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเจาะลึกเข้าไปอีก ใช่! คือเราจะเคารพ ด้วยการกระทำ ตามคำสอน ของพระพุทธเจ้า จนไปถึงเป้าหมาย ที่พระพุทธเจ้า ท่านต้องการไปถึง

ชาวฟรานซิสกัน ที่ข้าพเจ้าเข้าใจคำถาม ของคุณพ่อองค์นั้น เขาบอกว่า worship เป็นอย่างไง เป็นวิธีอย่างไงค่ะ เพราะว่าถ้า worship เรามีภาพที่นี่ แล้วก็เราต้องสวดภาวนานี่นะ แต่จิตของเรา ไม่อยู่ในภาพนี้ แต่จิตใจของเราอยู่ในใจ คุณพ่อนั้น เขาต้องการรู้ เวลาพุทธศาสนิกชนเคารพเป็น ไม่ใช่ worship แต่ที่ข้าพเจ้า เข้าใจเคารพเป็น revere หรือ respect ไม่ใช่ worship ที่ข้าพเจ้าเข้าใจค่ะ คุณพ่อค่ะ

ล่าม ซิสเตอร์อธิบายว่า เท่าที่ซิสเตอร์เข้าใจ บทความรู้สึกของคุณพ่อ ก็คือว่า คำว่า worship ของคุณพ่อนั้น หมายถึงบูชา เทิดทูน แต่ว่าไม่ใช่ในลักษณะของ ความเคารพ เพราะฉะนั้น ที่คุณพ่อถาม กับที่พ่อท่านตอบ อธิบายว่า worship นี่ต่างกัน สำหรับพวกเขานั้น คือความเทิดทูนบูชา สำหรับสิ่งที่ พ่อท่านอธิบาย นั่นคือ เราเคารพนับถือ แล้วก็ปฎิบัติตามคำสอน

สมณะโพธิรักษ์ แล้วเราได้ทำตามคำสอนนั้นมา ด้วยความเคารพบูชา เทิดทูนอย่างยิ่งเลย

ล่าม With reverence, with worship, with respect with all our heart. And we get the result. That the Lord Buddha want all of us to have that result. That result is called in Buddism Makkha Pol. Makkha that means the Way and Pol is the Result. It's the accomplishment of the worship and accomplishment of the respect of the Lord Buddha. That we get the Makkha, the Path, the Way and the Result of Lord Buddha.

ชาวฟรานซิสกัน Good Morning. Peace be with you, with everyone in the community. First of all I would like to thank you in the name of all the members for permitting us to visit this place and much more for permitting us to talk to you. Can you tell us how many hours do you pray and how many hours do you sleep and how many hours do you beg?

ล่าม ซิสเตอร์กราบขอบพระคุณท่าน ที่ให้โอกาสพวกเขา มาคุยกับพ่อท่าน แล้วก็ได้มาเยี่ยม สถานที่นี้ ในนามของ ผู้ที่มาทุกๆท่าน อยากจะถามพ่อท่านว่า พอท่านใช้เวลา กี่ชั่วโมง สำหรับการสวดมนต์ กี่ชั่วโมง สำหรับการนอน กี่ชั่วโมง สำหรับการทำงาน กี่ชั่วโมง สำหรับการรับประทาน

สมณะโพธิรักษ์ คำว่าสวดมนต์ มันจะสื่ออย่างไร จะได้ครบกัน

สมณะโพธิรักษ์ อธิบายก็ได้... ผู้ที่ยังไม่มีพระเจ้าในตัวเอง จะต้องสวดมนต์ เพื่อพระเจ้า ใช้เวลามากครั้ง ผู้ที่มีพระเจ้า อยู่ในตัวเองแล้ว อย่างจริงจังมากแล้ว ไม่ต้องสวดถึงพระเจ้าเลย เพราะฉะนั้น อาตมา จะมีเวลาสวดมนต์ เพียงเพื่อพาพวกเรา สวดมนต์บางครั้ง เท่านั้น คือนำพาคนอื่นๆสวด เพราะฉะนั้น จึงไม่ตายตัวว่า วันหนึ่งสวดมนต์เท่าไร เพราะบางวัน ไม่ได้พาสวดเลย แต่มีผู้อื่น มาพาสวดแทน นอนวันหนึ่ง ประมาณ ๖-๗ ชั่วโมง เวลารับประทาน ก็ชั่วโมงกว่าๆ นอกนั้นทำงานตลอด ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ ๓.๓๐ น. แล้วก็มีกิจวัตร ดังกล่าวนี้ ถึง ๓ ทุ่ม ประมาณนั้น ก็นอน

ชาวฟรานซิสกัน ขอทราบคำสอน ของพระพุทธเจ้า ที่สำคัญๆ

สมณะโพธิรักษ์ คำสอนของพระพุทธเจ้ามีมาก และก็มีทั้ง บทที่เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย คำสอนของ พระพุทธเจ้านี่ เราจะรู้เป็นเบื้องต้น รู้ในท่ามกลาง รู้ในบั้นปลาย เพราะฉะนั้น เราต้องเรียนรู้ ตามขั้น ตามระดับ ให้ถูกต้องกับตัวเอง ให้ถูกกับฐานะ ของตัวเอง

เช่นเราเป็นนักเรียน เรามีไอคิว หรือเรามีฐานะ แค่ชั้น ประถมหนึ่ง เราต้องเรียนชั้นประถม ๑ ก่อน แล้วปฏิบัตินั้น ให้สำเร็จให้ได้ แล้วก็เรียนมัธยม แล้วเรียนอุดมศึกษา ไปตามลำดับอย่างนี้ ถ้าผิดแล้ว มันจะไม่ได้ผล

ยากที่สุด คือจะรู้ว่าเราน่ะ เด็กชั้นประถม หรือมัธยมจริง หรือ มหาวิทยาลัย

ชาวฟรานซิสกัน I want to ask that when you pray, you see your Lord Buddha, you see him as a person, you have interpersonal relationship or you just loss yourself through self-awareness. I mean, what relationship with the Lord Buddha? As a person or not? Or something abstract?

ล่าม ซิสเตอร์สนใจ เรื่องพระพุทธรูปอีกคะ แล้วก็สนใจ เรื่องการสวด ซิสเตอร์เรียนถามว่า ในขณะที่พ่อท่าน สวดมนต์ พ่อท่าน มีภาพเป็น รูปธรรม หรือว่าในความสัมพันธ์ ระหว่างพ่อท่านกับพระเจ้า พ่อท่านมีภาพ เป็นนามธรรม หรือว่าอย่างไร

สมณะโพธิรักษ์ อันนี้ผู้ที่มีรูปธรรม หรือมีนามธรรม หรือว่ามีสิ่งที่มี เป็นสิ่งที่นอกตน นอกตัวนี่ คงจะฟังคำตอบนี่ ลำบากหน่อย

ล่าม กราบเรียนขอให้พ่อท่าน ตอบสั้นๆ แล้วให้ดิฉัน แปลเป็นตอนๆ นะคะ

สมณะโพธิรักษ์ ตกลง ในศาสนาพุทธ พระเจ้าของเรา คือจิตวิญญาณ ซึ่งมีอยู่ที่ตัวเรา เมื่อเราทำ จิตวิญญาณของเรา เป็นอันหนึ่งอันเดียว กับพระเจ้าแล้ว พระเจ้าก็ไม่ต้องอยู่ที่ไหน เราก็ไม่ต้องระลึก ถึงพระเจ้า เราเป็นพระเจ้า พระเจ้าก็เป็นเรา เราก็ไม่ต้อง ระลึกถึงพระเจ้าที่ไหน เมื่อใดๆ เราก็อยู่กับพระเจ้า ขอให้พระเจ้านั้น เป็นจริงก็แล้วกัน แล้วเราก็จะรู้ว่า เราเอง ไม่ต้องไปมีพระเจ้า แล้วพระเจ้า ก็ไม่ต้องไปมีเรา เมื่อเราต้องการเพชร เมื่อเรามีเพชรแล้ว เราก็ไม่ต้องการเพชร ที่จริงนั้นน่ะ เพชรคือเรา เราคือเพชร

ชาวฟรานซิสกัน May I ask the master what is the philosophy of life and the believe of life after death?

ล่าม ซิสเตอร์อยากเรียนถามว่า พ่อท่านมีปรัชญาชีวิต ว่าอย่างไร แล้วก็เรื่องของชีวิต ในภาคหน้า ชีวิตหน้า นี่เป็นอย่างไร

สมณะโพธิรักษ์ คำถามสองคำถามนั้น ตอบคำตอบเดียว ปรัชญาชีวิตของอาตมา คือ อาตมา ไม่มีข้างหน้า ไม่มีอนาคต

ชาวฟรานซิสกัน คุณพ่อค่ะ ถ้าไม่มี future life ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อว่ามี future life ทำไมคุณพ่อทำชีวิตนี้ค่ะ

สมณะโพธิรักษ์ Work คือ action, actuality เท่านั้นเอง ก็ไม่มีอะไร

ชาวฟรานซิสกัน In that sense you don't expect a reward later.

ล่าม ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า พ่อท่านไม่ได้หวังผลอะไร ในอนาคต

สมณะโพธิรักษ์ ถูกแล้ว เราทำด้วยปัญญาที่เรามีว่า เราควรทำสิ่งที่ดีที่สุด โดยการตรวจสอบ ระมัดระวัง แล้วก็จบในตัว

ชาวฟรานซิสกัน Following this thought are you saying that there is no life after death. You donžt believe in the eternal life.

ล่าม ที่พูดกันมานี้ หมายความว่า ไม่มีชีวิตต่อไป จากชีวิตนี้หรือ ไม่มีชีวิตอมตะหรือ ไม่มีชีวิตนิรันดรหรือ

สมณะโพธิรักษ์ สิ่งที่นิรันดรมี แต่ไม่ใช่เรา

ล่าม What is eternal exist but is not us. แล้วชีวิตข้างหน้าละค่ะ

สมณะโพธิรักษ์ ชีวิตข้างหน้า เมื่อเราจบมันก็จบ เมื่อเรามีมันก็มีเท่านั้น แต่สิ่งที่เขามีก็มี เมื่อเราก่อเกิด สิ่งที่ก่อเกิดไว้ สิ่งที่ก่อเกิดไว้ ก็ต่อสิ่งที่ก่อเกิดไว้ ส่วนเราเอง มีเท่าที่เรามี จบเท่าที่เราจบ

ชาวฟรานซิสกัน Rev. Master, I'm not sure whether have you just said that life is not nothing. If it is so, why do you do all this? For what purpose and for what reason behind that we have to have a good life, to be a good man?

ล่าม เรียนถามพ่อท่านว่า เขาไม่แน่ใจว่า พ่อท่านพูดหรือเปล่าว่า ชีวิตนี้คือ สิ่งที่ไม่มีอะไร ถ้าพ่อท่าน พูดอย่างนั้น เขาก็จะเรียนถามว่า ถ้าอย่างนั้น ทำไมพ่อท่าน หรือคนเรานี่ ถึงต้องทำสิ่งที่ดี และทำไม ต้องทำไปเรื่อยๆ ทำไปเพื่ออะไร

สมณะโพธิรักษ์ ในศาสนาคริสต์ กับศาสนาพุทธ ผิดกันตรงนี้ ศาสนาพุทธมีสูญ มีสิ่งที่หมด จบ ไม่มีอีก ต่อไป ส่วนศาสนาคริสต์ ไม่ได้เรียน สิ่งที่ไม่มีอีกต่อไป เพราะฉะนั้น แม้แต่วิญญาณ ก็ไปอยู่กับพระเจ้า และ มีนิรันดร เพราะฉะนั้น อันนี้คงจะเข้าใจยาก

ล่าม The difference between Christianity and Buddhism is at this ultimate point. That is in Buddhism we can attain the state of nothingness. But in Christianity you attain eternity and you go and stay eternally with your God. So that's why you have difficulty to understand. พ่อท่านยังไม่ได้ตอบ ที่เขาถาม ถ้าอย่างงั้น ทำไปทำไม ที่ทำไปทำไม ทำสิ่งที่เราคิดว่า ดีแล้วนี่ เราทำไปทำไม

สมณะโพธิรักษ์ ก็เมื่อเราเอง เรายังมี เราก็ต้องทำ สิ่งที่ดีที่สุด เพื่อสิ่งที่มี เราทำสิ่งที่มี เพื่อสิ่งที่มี เพื่อสิ่งที่ จะมีต่อๆไป ส่วนเราเองนั้น ถ้าอยากจะมีต่อไปอีก เราก็เกิดมาอีก และทำสิ่งที่มี ที่ดีขึ้นไปอีกยิ่งๆขึ้น นานเท่านาน จนกว่าจะจบ ศาสนาพุทธ สามารถที่จะ finish "ตัวของเรา" ได้

เพราะฉะนั้น เราอยากจะอยู่ นานเท่านาน infinity เท่าไหร่ก็ได้ หรือเราอยากจะจบก็ได้ เมื่อผู้นั้นถึงซึ่ง ความเป็นได้ ในอันนั้นแล้ว

ชาวฟรานซิสกัน Master, the fact that your community is getting controversial in a sense, is this an indication that you are doing the right thing and that you are making an impact in te wider community here in Thailand.

ล่าม กราบเรียนถามพ่อท่านว่า ที่ตอนนี้นี่ มีผลกระทบ อย่างรุนแรงในสังคม มีความขัดแย้งในสังคมนี้ เป็นเพราะว่า พ่อท่าน และหมู่กลุ่มของพ่อท่านนี่ กำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งก่อให้เกิด ผลกระทบ อย่างรุนแรง ต่อสังคม ใช่หรือไม่

สมณะโพธิรักษ์ ก็ดูเป็นเช่นนั้น แล้วมันก็เป็นความจริง ที่ต้องเป็นเช่นนั้น

ล่าม กราบเรียนถามพ่อท่านเรื่อง เกี่ยวกับการหยุด แล้วก็เรื่องของนิพพาน เขาถาม บอกว่า นิพพานนี่ คือการไปสวรรค์ ใช่หรือไม่ นิพพานนี่คือการหยุด ใช่หรือเปล่า แล้วก็พ่อท่าน หยุดได้อย่างไง แล้วก็นิพพานนี้ เกิดได้อย่างไง

สมณะโพธิรักษ์ "หยุด" หยุดคำนี้ก็หมายความว่า เราหยุดผีมาร หรือซาตาน ใช้ภาษาทางด้านคริสต์ นี่เลย ในตัวเรา เราต้องรู้จัก ซาตานในตัวเราให้ครบ แล้วเราก็ฆ่าซาตาน ให้ตายจริงๆ นั่นแหละคือ นิรวาน

ชาวฟรานซิสกัน Thank you.

ชาวฟรานซิสกัน I like the idea you exposed a while ago when you said when you reach nothingness, then that is the time that you have accomplished. If you are emptied of everything then you are one with God. And then you may simply, as you have said, stop existing because you exist in God. That's the way I understand your "stop".

ล่าม ซิสเตอร์ชอบใจ เรื่องของการหยุด ของพ่อท่าน แล้วก็ซิสเตอร์ก็บอกว่า มีคำศัพท์ ในศาสนาคริสต์ เหมือนกัน ที่เรียกว่า self-emptying แปลว่า ล้างออกไปจากตัวให้หมด ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว ก็คือว่า เรานี่ ไม่มีอะไรเหลือ แล้วก็เราก็เป็น อันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า แล้วนั่น

สมณะโพธิรักษ์ เมื่อเราเป็น อันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า สิ่งที่ศาสนาคริสต์เห็นนั้น พระเจ้าเป็นสิ่งที่ นิรันดร์ เพราะฉะนั้น เราจึงจะอยู่กับ พระเจ้านิรันดร์ แต่ศาสนาพุทธนั้นเห็นว่า พระเจ้านั้นก็คือ จิตวิญญาณ บริสุทธิ์ ของแต่ละคน นั่นเอง เพราะฉะนั้น วิญญาณบริสุทธิ์ ของแต่ละคน ท่านพิสูจน์ว่า มันไม่มีอะไร

ล่าม When you become one with God and you say that you exist with God and you stay eternally with God. It means that you are still with God. But in Buddhism we have to prove another level. We can... พ่อท่านสรุปว่าอย่างไรนะคะ

สมณะโพธิรักษ์ พระพุทธเจ้าพิสูจน์ว่า วิญญาณหรือพระเจ้านั้น ก็เป็น อันหนึ่งอันเดียวกันจริงๆ แล้วพิสูจน์ วิญญาณ ที่บริสุทธิ์ที่สุดแล้ว คือสิ่งที่ไม่มีอะไร

ล่าม ขอให้พ่อท่านพูดใหม่ดีกว่า แล้วดิฉันอธิบายอีกที เพราะรู้สึกว่า ดิฉันอธิบายไม่ค่อยชัดเจน

สมณะโพธิรักษ์ ซาตานหรือว่าผีนี่ มันก็อยู่ที่วิญญาณ วิญญาณก็อยู่ที่วิญญาณ หรือว่า ซาตาน มันก็อยู่ด้วยกัน การที่จะแยกวิญญาณ กับซาตาน ออกจากกันนี้ ยาก ในจิตวิญญาณ ต้องเน้นเสมอ ว่า ในจิตวิญญาณของเรา เมื่อเราฆ่าซาตานตายหมด จริงๆแล้ว เราจึงจะรู้ว่า จิตวิญญาณแท้ คือสิ่งที่ ไม่มีอะไร โดยเฉพาะ ไม่ใช่อัตภาพจริง คือไม่มีตัวตนจริง

สมณะโพธิรักษ์ Spiritual ก็คือ actuality ในปัจจุบันนั้นเท่านั้น อันนี้ ทางศาสนาคริสต์ ไม่ได้สอนถึงเรื่อง สูญญตา หรือว่า สิ่งที่ไม่มี สอนแต่ส่วนที่มี คงจะเข้าใจยาก

ชาวฟรานซิสกัน Master, I would like to ask when you talk so much about attaining nothingness. Does it mean that it's the same as reaching the enlightenment, the highest stage of enlightenment? Do we get this as a gift or we have it because of our own efforts? Because when one gets to enlightenment of one which is to the stage of nothingness you're already unified with God. Do you achieve this gift or this is surely you do it yourself of your own efforts?

ล่าม กราบเรียนถามพ่อท่าน ถึงเรื่องสูญญตา เรียนถามว่า ที่ถึงสูญญตานี้ เป็นการที่ได้มาเปล่าๆ หรือว่า เราจะต้อง พยายามทำให้ได้

สมณะโพธิรักษ์ เราต้องพยายามทำให้ได้ ยากกว่ายากทีเดียว

ชาวฟรานซิสกัน It's not a question. For me, the purpose of our visit here today is to find some ideas or we can both agree, we share, we have the same. So maybe we do use different words but I'm very struck to ๒ points and the Rev. Master said that Satan is in us. Our Lord Jesus said the same and St. Francis is repeating that always...... And second that Master said that if their work after Satan stops at nirvana, I think that's just the purpose Jesus sent his disciples and Mathew to attend to throw out the Satan and when the Satan goes out, the Holy Spirit comes in or by coming in, then there is heaven on earth he said Jesus said the kingdom of heaven starts here. I think Jesus .... make much difference between here and after life. So I found those ๒ points very similar in what Master was saying and our Lord Jesus said.

ล่าม คุณพ่อบอกว่า ถึงแม้เราจะพูดกัน คนละภาษา แล้วบางที technicalterm ก็ไม่เหมือนกัน แต่ว่า หลังจากที่ฟังแล้วนี่ คุณพ่อพอจะสรปได้ ๒ อย่างก็คือ
อย่างที่ ๑ ที่พ่อท่านบอกว่า ซาตานอยู่ในตัวของเรา ก็พระเยซู ก็พูดอย่างนั้น St.Francis ก็พูดอย่างนั้น แล้วก็พระเยซู ก็ยังบอกว่า ถ้าหากว่า ฆ่าซาตานไปแล้ว ถ้าหากว่า โยนซาตาน ออกไปจากตัวเรา Holy Spirit คือวิญญาณพระจิต ก็จะเข้ามา แล้วก็อันนั้น เราก็จะถึงสภาพของ สวรรค์บนดิน แล้วก็นั้นคือ นิพพาน

ชาวฟรานซิสกัน And the second point, is the kingdom of heaven starts on this earth and not so much different between present and the future, now and here, afterwards.

ล่าม จุดที่ ๒ ก็คือว่าเมื่อถึงนิพพานแล้ว เมื่อมีสวรรค์ อยู่ในตัวเราแล้วนี่ มันก็คือไม่มีชีวิต ไม่มีชาติหน้า ไม่มีชาตินี้ มันก็คือ มีแต่ปัจจุบัน พระเยซูของเขา ก็สอนอย่างนี้เหมือนกัน เขาก็บอกว่า ก็รู้สึกตรงกัน

สมณะโพธิรักษ์ ก็ดีแล้ว , ทีนี้ อาจจะต่างกันตรงที่ว่า อย่างทางคริสต์ อาจจะสอนเพราะว่า เมื่อไม่มีแล้ว แต่อยากจะอยู่กับพระเจ้า ก็เลยอยู่กับ พระเจ้านิรันดร์ ส่วนศาสนาพุทธนั้น สอนว่า อยากจะอยู่กับพระเจ้า ก็อยู่ ไม่อยากอยู่กับพระเจ้านิรันดร์ ก็สูญได้ ต่างกันตรงนี้ อาจจะต่างกันตรงนี้ คือ จิตวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ไม่มีอะไร "สูญ" แต่ผู้ถึงจิตวิญญาณ บริสุทธิ์นั้นแล้ว อยากจะนิรันดร์ก็ได้ คืออยู่ไป เกิดต่อไปอีก นานเท่านาน และอยากสูญ ผู้นั้นก็สูญได้

ชาวฟรานซิสกัน Do you mean by that we are, we also have the idea in Christianity that we have accepted all these spirits. We can also refuse. If you will say that the same thing, we're death that can stop and I think it is the same.

ล่าม หลวงพ่อคิดว่า ที่ศาสนาคริสต์ เขาก็บอกว่า เขาจะปฎิเสธพระจิตก็ได้ แล้วก็หลวงพ่อคิดว่า มันเหมือนกัน

สมณะโพธิรักษ์ ก็ดี ถ้าเป็นไปได้จริงก็ดี ศาสนาพุทธเห็นว่า ความไม่มี หรือว่าการถึง พระจิตวิญญาณ บริสุทธิ์นั้น ไม่ใช่ของง่ายๆ ผู้ถึงได้จริงๆ จะรู้ความจริง ว่าจริงๆแล้ว ไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าจะมี ก็"เรา"เท่านั้น ที่จะมีต่อไป

ศาสนาพุทธกับศาสนาคริสต์ จึงต่างกันอยู่ที่ว่า จุดสูงสุดแล้ว สุดยอดจริงๆแล้ว คริสต์จะไปจบที่ ความมีนิรันดร์ ส่วนศาสนาพุทธนั้น จะไปจบที่ สุญญตา เพราะความมีทุกสิ่งทุกอย่าง คือทุกข์ ไม่ใช่สวรรค์จริงๆ ไม่ใช่สุข อันนี้ยาก ความสุขของสวรรค์นี่ ที่จะเข้าใจว่า เป็นความทุกข์นี่ ยากมาก

ชาวฟรานซิสกัน In your way of life, is there equality among men and women. Or does women occupy a lower level. That's one question.

ล่าม กราบเรียนถามพ่อท่านว่า ในปรัชญาของเรา ผู้หญิงกับผู้ชายนี้ มีความเท่าเทียมกันขนาดไหน ผู้หญิง ต่ำกว่าผู้ชายหรือเปล่า

สมณะโพธิรักษ์ ของพุทธหรือของคริสต์

ล่าม ของพุทธ

สมณะโพธิรักษ์ ก็เหมือนคริสต์ ผู้หญิงก็คือ กระดูกซี่โครงของอาดัม

ชาวฟรานซิสกัน Can a woman in your way of life become a master, like the Lord Master?

ล่าม เขาถามว่า ผู้หญิงจะสามารถ เป็นอย่างพ่อท่านได้ไหม

สมณะโพธิรักษ์ ได้

สมณะโพธิรักษ์ อีกนาน

สมณะโพธิรักษ์ ได้จริงๆนะ

สมณะโพธิรักษ์ แต่ในปัจจุบัน ที่เป็นผู้หญิงนั้น ก็ย่อมเป็น กระดูกซี่โครงของอาดัม

ชาวฟรานซิสกัน I'd like to ask the Master when you take the robe, do you make vows?

ล่าม กราบเรียนถามพ่อท่านว่า แล้วพ่อท่าน ครองเครื่องสงฆ์นั้น พ่อท่านปฎิญาณหรือเปล่า

สมณะโพธิรักษ์ มันเป็นตนโดยที่ไม่ปฎิญาณแล้ว ปฎิญาณ ก็เป็นเพียงพิธีการ เมื่อเราเป็นพระแล้ว ตั้งแต่ ยังไม่ได้มานุ่งห่ม เราจะนุ่งห่ม ก็เป็นแต่เพียงพิธีการ

สมณะโพธิรักษ์ แต่เราก็ต้องเคารพพิธีการ เราก็ต้องเคารพ สิ่งที่โลกเขามี

ชาวฟรานซิสกัน I would like to ask you, are you also in dialogue with Islam because there are also Muslims living here in Thailand. If there are dialogue between you and Islam? Muslims?

ล่าม กราบเรียนถามพ่อท่านว่า พ่อท่านเคยมีการ สนทนาอย่างนี้ กับพวกอิสลามหรือเปล่า

สมณะโพธิรักษ์ ไม่ค่อยมี พูดกันน้อย แต่คริสต์นี่เยอะมาก

ชาวฟรานซิสกัน And another question, are there other Buddhist countries in the neighbourhood? Are there also reformist movement like you are?

ล่าม กราบเรียนถามว่า ในประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งเป็นพุทธนี้ มีกลุ่มของลักษณะศาสนา ที่เป็น การปฎิรูปศาสนา อย่างของเราหรือเปล่า

สมณะโพธิรักษ์ ไม่ ศาสนาพุทธ เท่าที่อาตมาเชื่อ เท่าที่อาตมารู้ว่าเป็น ว่ามี มีอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ เป็นสภาพที่ ถูกต้องที่สุด

ชาวฟรานซิสกัน พวกของท่าน มีจำนวนเท่าไรค่ะ

สมณะโพธิรักษ์ พวกหมายถึงแค่ไหน หมายถึงอะไร หมายถึงประชาชน ทั้งหมดหรือไง

ล่าม ฆารวาสด้วยหรือเปล่า

ชาวฟรานซิสกัน ฆารวาสด้วยค่ะ

สมณะโพธิรักษ์ ไม่เคยนับ ไม่เคยนับ แล้วไม่คิดว่า จะรู้ได้จริง ไม่เคยที่จะรู้ได้จริง เพราะผู้ที่เขายินดี เขายอมรับเรา แล้วไม่ยอมเปิดเผยตัว มีอีกมาก

สมณะโพธิรักษ์ และยิ่งขณะนี้ มีอำนาจที่ครอบงำ เพื่อที่จะต้านเรามากขึ้น คนที่ไม่ยอมจะเปิดเผย มากขึ้น ก็เหมือนกับ ศาสนาคริสต์ ที่ครั้งที่ต้องปิดตัวเอง ในขณะที่ต่อสู้โน่นแหละ ยุค... สมัย ตั้งแต่ยุค ที่ต้อง ทำงานกัน ตั้งแต่มีสาวก ๑๒ - ๑๓ รูปมา แล้วก็ทำงานปิดบัง เหมือนกันนั่นแหละ

ชาวฟรานซิสกัน หลวงพ่อครับ I think it's we don't want to take more of your time. So, we once again we would like to thank you for giving us this opportunity to meet you and to meet the community and we wish that really become a ferment in the renewal of Buddhism in Thailand and even in the neighbouring countries. And that together we can bring about a better society, a better human community here in the land, especially those of us who are staying here in Thailand become a better human community.

ล่าม หลวงพ่อบอกว่า ไม่อยากจะรบกวน เวลาพ่อท่าน มากกว่านี้ ก็กราบขอบพระคุณ ที่พ่อท่าน ให้โอกาสซักถาม แล้วพ่อท่านให้ความรู้ ท่านหวังว่าทั้ง ๒ ฝ่าย คือทั้ง ๒ กลุ่มของพวกเรานี้ จะได้ทำงานร่วมกัน เพื่อความสุข ของมวลมนุษยชาติ และเพื่อสังคมที่ดีขึ้น


คณะฟรานซิสกัน สนทนากับสมณะโพธิรักษ์