เราคิดอะไร.

คุยนิดคิดหน่อย บรรณาธิการ


ลมเอยเจ้าหอบรักมาให้ใคร จงพัดกลับไป เพราะดวงฤทัยข้าไม่ต้องการ ข้ากลัวเหลือเกิน..."
แม้ปีนี้ลมหนาวออกจะอ้อยสร้อย มาตามนัดล่าช้าไปหน่อยก็ช่างลมเถอะนะ คนกินเงินดาวเงินเดือน กินง่ายอยู่ง่าย ตามน้ำ ตามท่า ก็กินได้ไม่ถือสา ยังไม่มาตามนัด ออกเยอะไป เห็นไหมละๆ นัดประชุมสภาห้าร้อย เมื่อ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายนนี้ มาตามนัดและอยู่ กระจู๋กระจี๋กันแค่ ๒๓๔ คน ไม่ถึง ๒๕๐ ไม่ครบองค์ประชุม นาวาสภา "คิดใหม่ทำใหม่"จึงออกอาการ เอียงวูบวาบ แล้วล่มอีก เป็นคำรบสาม ในสมัยประชุมนี้

นาวาสภามีฝีพายเต็มอัตรา ๕๐๐ แต่ฝีพายแค่ ๒๕๐ ก็ออกเรือได้แล้ว นายทุนหุ้นใหญ่ ผูกขาดฝีพายไว้ในกำมือตั้ง ๓๓๙ คนแต่คงจะเป็น ฝีพายที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย อยู่ไม่น้อยเชียวละ จึงเป็นเด็กอมมือนั่งๆ นอนๆ เอาเท้าราน้ำ ขวางเรือกลางกระแส
น้ำเชี่ยว นาวาสภาจึงล่ม รับลมหนาว เอาฤกษ์อัปราชัยจนได้ หนาวทั้งลมเย็น ทั้งน้ำ ปากเขียว ตัวสั่น เป็นลูกนกตกน้ำไปตามๆ กันเลยครับ

อุเหม่ๆ...ไม่น่าทำกันเลย เพิ่งหวานชื่นจากขบวนรถไฟ ไปเบิ่งอีสานมาแท้ๆ กลับถึงเรือนชาน หมอนข้างของตาย ไม่น่าจะ เจ้าแง่แสนงอน รุนแรงกันถึงขนาดนี้เลย

"พอเธอเป็นดาวสกาวก็ลอยฟ้า มีแสงมีค่าสูงสง่าสุดตาแลดู กระท่อมรักเก่าที่เราเคยชิดชื่นชู..."
"พอเธอเป็นจันทร์ก็พลันติดปีกบิน ลืมเชื้อลืมถิ่น..."

โบราณว่าอย่าวางใจรถไฟ ลิเก เรือเมล์ ตำรวจ เห็นทีต้องเพิ่มสภาเข้าไปอีกหนึ่งกระมังครับ เป็น สภา รถไฟ ลิเก เรือเมล์ ตำรวจ
มาเล่นทายใจกัน ดีไหมครับ ในราชพิธีรัฐพิธี เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายเหล่านี้ จะฉุกคิด เกิดสำนึกไหมว่า ตัวเองกำลังประทุษร้ายแผ่นดิน...โดยสุจริต

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๓๗ ธันวาคม ๒๕๔๔)