หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร


ซื่อ สละ ขยัน อดออม

ต้นถั่วฝักยาวที่ปลูกไว้ในสวนหลายแปลง กำลังแทงยอดยาวโยกเยกเอนลู่ลม

ประเสริฐถือมีดพร้าพร้อมกับชวนเจ้าจุกที่ตามพ่อออกมาในสวนเช่นเคย เมื่อถึงวันหยุด เสาร์อาทิตย์ สองพ่อลูก เข้าป่าเพื่อหาตัดแขนงไม้ ที่ยาวประมาณ สองเมตร เอามาปัก ให้ต้นถั่วเลื้อยพันขึ้นไป ติดดอกออกฝัก

ใบไม้แห้งหลายใบปลิวลงมาจากต้นไม้ใหญ่ สองพ่อลูกเงยหน้าขึ้นมองที่คบไม้ เห็นรังหนู มีใบไม้แห้ง ค้างกองอยู่ หนูท้องขาวไต่ออกจากรัง ด้วยความเร็ว แล้วไปหยุดสั่น อยู่บนยอดกิ่งไม้ และเห็นงูตัวเขื่อง สีออกเหลือง ปนเส้นดำแนวยาว จากหัวจดหาง (งูไม่มีพิษจัดอยู่ในจำพวกงูสิงห์ดง ชาวบ้านชอบล่า มาเป็นอาหารป่า ราคาแพง) เลื้อยตามหนูท้องขาวขึ้นไป แล้วงูก็ฉก งับหัวหนูตัวนั้น อย่างรวดเร็ว ทั้งงูและหนู ตกจากยอดไม้ พอลงสู่พื้น งูขยอกหนูเข้าไปเรื่อยๆ

เจ้าจุกหลบมายืนมองด้านหลังพ่อด้วยความกลัว "เราฆ่ามันดีไหมพ่อ" เจ้าจุกพูดเสียงสั่น "อย่าทำบาป เลยลูก ปล่อยไปตามทางของมันดีกว่า" ประเสริฐพาลูกเดินเลี่ยงออกมา "ปกติวิสัยของหนู ที่ทำรังบนต้นไม้ หากมีสัตว์อื่น หรือคนปีนต้นไม้จะขึ้นไปจับมัน พวกหนูจะกระโดดหนี จากยอดไม้ลงสู่พื้นทันที แต่ถ้าเจองู มันจะจำนนนิ่งอยู่กับที่ จนงูเลื้อยไปงับได้อย่างสบาย พ่อคิดว่ามันคงจะเป็นธรรมชาติของสัตว์ ที่ต้องแพ้กัน ต้องกำจัดกัน เพื่อให้ธรรมชาติ เกิดความสมดุล แต่ทุกวันนี้ ชาวบ้านนิยมล่างู มาเป็นอาหารกันมาก พวกหนูตัวน้อยใหญ่ จึงพากันขยายพันธุ์กันมากขึ้น ในแต่ละปี พวกหนูจึงออกมากัดกิน ต้นข้าวของชาวบ้าน เสียหายไปไม่น้อยเลย"

ประเสริฐตัดไม้แขนง ได้มากพอที่จะนำไปทำค้างถั่ว แล้วรวมเป็นกองๆ หาเครือเถาวัลย์ เอามามัดลำเลียง ออกจากป่า แบกมาไว้ที่สวน

สองพ่อลูก ช่วยกันเอาเสียมขุดหลุม แล้วปักฝังแขนงไม้ ที่ตัดมาเป็นแนวห่างกันหนึ่งศอก เพื่อให้ เครือยอดถั่ว เกี่ยวพันขึ้นไป

ไม้ยืนต้นที่ริมรั้ว มีนกขนสีดำสองตัวขนาดเท่านกเอี้ยง ตัวเมียหางสั้น ส่วนตัวผู้มีหางหนึ่ง เส้นยาวออกมา คล้ายหางลูกธนู มันส่งเสียงร้องแก้กๆ พร้อมบินใช้จะงอยปาก และกรงเล็บ จิกเปลือกต้นไม้ อยู่ไม่หยุด เจ้าจุกเฝ้ามองอยู่นาน แต่ก็ยังคิดไม่ออก "พ่อครับ พวกนกมันบินทำอะไรกัน ที่ต้นไม้นั้นหนะ" ประเสริฐ เงยหน้า มองไปที่นก "อ้อ!นกมันคาบเศษหญ้า ขึ้นไปทำรัง ที่ยอดไม้ เพื่อวางไข่ แล้วก็ช่วยกัน แกะเปลือกไม้ออก ให้เกลี้ยงทั้งลำต้น เพื่อป้องกันพวกงูเขียว ไม่ให้เลื้อยผ่านขึ้นไป กินลูกนกในรัง สัตว์ก็มีวิธี ป้องกันภัย ให้ตัวเอง บางพวกจะมีเขี้ยวเล็บ หรือ มีพิษไว้ป้องกันตัว และสัตว์อีกหลายชนิด จะปรับสีของตัว กลมกลืนกับสีของธรรมชาติ อำพรางตัวให้พ้น จากภัยที่มาใกล้ตัว"

"แต่ก่อนผมคิดว่า เกิดเป็นนกจะมีความสุข มีปีกบินท่องเที่ยวไปในอากาศ ตามสบาย แต่ที่ไหนได้ พวกมัน ก็ต้อง ทำงานหนัก ไม่เบาเหมือนกัน" เจ้าจุกพึ่งจะเข้าใจ

"เกิดมาเป็นสัตว์นั้นจะลำบากที่สุด เพราะมันไม่มีกฎหมายปกป้อง ไม่มีปัญญารู้ดีรู้ชั่ว จะใช้พละกำลัง เขี้ยวเล็บ ไว้ป้องกันตัว หาอาหารใส่ท้อง และมุ่งผสมพันธุ์ พ่อเคยดูทีวีเกี่ยวกับนกกินปลา ทำรัง อยู่ชายฝั่ง ทะเล จะหาอาหารแต่ละที ต้องบินดิ่งลงไป มุดเอาปลา ในน้ำขึ้นมา คาบปลาบินขึ้นมาได้ ก็จะมีพวกนกเกเร สายพันธุ์เดียวกัน ต่างพากันบิน มารุมแย่งชิง เอาปลาไป แม่นกต้องดำมุดน้ำ หาปลาอยู่ ตั้งหลายรอบ จึงได้ปลาคาบบินหนี พวกนกเกเร มาป้อนลูกนก ในรังได้ พวกนกเกเร แทนที่บินมุดจับปลา ด้วยความสามารถ ของตัวเอง แต่กลับขี้เกียจมักง่าย คอยบินวน จ้องหาเหยื่อ แย่งชิงเอาปลา กับพวกนก หมู่ขยัน ขนาดเป็น สัตว์เดรัจฉานแท้ๆ ยังขี้เกียจ และขี้โลภ ขนาดนี้ ยิ่งคนเรา มีปัญญาเลศเล่ห์มากกว่า คนขี้เกียจ ก็ยิ่งรู้ ช่องทาง หลบเลี่ยงอู้งาน หรือไม่ยอมทำงาน อะไรเลย สุดท้าย กลายเป็นคน เกกมะเหรก เกเร ยึดอาชีพปล้น แย่งชิงเอาทรัพย์สินคนอื่น กินเสพไปวันๆ"

ประเสริฐเริ่มหักมุมจากเรื่องสัตว์เข้ามาหาเรื่องคนและเรื่องของศีลธรรม เพราะคิดว่า วิชาศีลธรรม ที่คุณครู ของเจ้าจุก ได้นำพาเรียนสอนอยู่ในโรงเรียนนั้น อาจเป็นบทที่สั้นรวบรัด เรียนเพื่อ ท่องเอาคะแนน แต่ไม่สามารถ ปลุกจิตสำนึก ให้ปฏิบัติได้ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสม ประเสริฐจึงตั้งใจป้อน สอดแทรกศีลธรรม ในเรื่องที่ เด็กฟังแล้วเข้าใจสนใจ อยากนำไปปฏิบัติให้ตัวเองเติบโต เป็นคนดีด้วย เพราะเรื่องราว รอบตัว เอามาบอกสอนกันได้ทุกเมื่อ

"คนที่เกิดมา เป็นคนขยันที่ถูกวิธี หนักเอาเบาสู้ ยิ่งทำได้มาก เขาจะมีคุณค่าในสังคม จะอยู่ได้อย่าง ไม่น้อยหน้าเลย ดั่งคำสอน ของท่านสมณะที่ว่า "ความยากจนจะไม่มี ในหมู่ของคนขยัน" เช่นคนจีน หลายคน ที่หนีสงคราม มาอยู่บ้านเรา เมื่อห้าสิบปีก่อน เขาไม่มีสมบัติอะไร ติดตัวมาด้วยเลย แต่อยู่มา ถึงทุกวันนี้ มีหลายคน เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่ๆ เลยหละ"

"ขยันแล้วจะรวยทุกคนใช่ไหมพ่อ" เจ้าจุกนึกสงสัย

"ไม่ถึงกับร่ำรวยทุกคนหรอก แต่คนขยัน ที่รู้จักอดออมจะไม่ยากจน พอมีอยู่มีกินได้ตลอด ซึ่งตรงข้าม กับคนที่ขี้เกียจ และไม่อดออม แม้เขาจะได้รับมรดก พร้อมสรรพทั้งบ้านทั้งที่ดิน และเงินทุนก้อนโต เขาอาจกลายเป็น คนยากจน ในเวลาอันใกล้ก็ได้ คนที่ขยันสร้างคุณงาม ความดีสั่งสมเข้าไว้ จนติดเป็นนิสัย คนคนนั้น ก็จะช่วยเหลือสังคมได้มาก แต่คนขี้เกียจชอบเที่ยว จนติดเป็นนิสัย ก็จะมีความเห็นแก่ตัวจัด เหมือนพวกนกที่เกเร พร้อมที่จะทำร้าย ทำลายนกตัวอื่นได้ และคนที่ขี้เกียจ จะเป็นผู้ทำลายศีลธรรม สังคมบ้านเมือง พร้อมตัวของเขาเอง"

(เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๓ มิถุนายน ๒๕๔๕)

ฝุ่นฟ้าฝากฝัน