หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >เราคิดอะไร

คนบ้านนอกบอกกล่าว โดย...จำลอง

คนกรุงมักจะเห็นอะไรๆ เฉพาะแต่ในกรุง ไม่เหมือนคนบ้านนอก ซึ่งจำเป็นต้องเข้ากรุงบ้างเป็นครั้งคราว จึงเห็นทั้งกรุงทั้งบ้านนอกพร้อมๆ กันไป

รัฐบาลกำลังบอกว่า เศรษฐกิจดีขึ้นๆ ซึ่งก็จริง แต่จากการสังเกตของอีกหลายๆ คนพบว่า ดีขึ้นนิดเดียว ร้านรวงในกรุงเทพฯ ริมถนนสองข้างทางที่ปิดไปแล้วก็ยังปิดเป็นส่วนใหญ่ บ้านนอกนิยมจัดตลาดนัด บางแห่งจัดบ่อยและใหญ่มาก ไม่รู้จะหาอาชีพอะไร เป็นพ่อค้าแม่ค้า พอมีเงินประทังชีวิตบ้างก็ยังดี ผมนั่งรถประจำทาง ระหว่างเมืองกรุง กับเมืองกาญจน์ เห็นตลาดนัดทีไร ไม่สบายใจทีนั้น เต็มไปด้วยคนขาย ส่วนคนซื้อไม่ใคร่มี รถที่จอดกันแน่น เป็นรถพ่อค้าแม่ค้าเกือบทั้งนั้น

โทรทัศน์ ๒ ช่อง ไปถ่ายทำไร่ไร้สารพิษที่โรงเรียนผู้นำ ออกอากาศไปได้ไม่เท่าไร มีคนสมัคร เข้าเป็นเกษตรกร ในโครงการ เขียนจดหมายติดต่อบ้าง ไปติดต่อด้วยตัวเองบ้าง รับไม่หวาดไหว

โทรทัศน์ไม่ได้แจ้งว่า เราเลิกรับสมาชิกมานานแล้ว เพราะเราทำสำเร็จแล้ว ชาวบ้าน ช่วยชาวไร่ ชาวนา ระยะต้นๆ แล้วชาวไร่ชาวนาช่วยตัวเองได้ตลอดไป สามารถเป็นตัวอย่าง ได้ว่า ทำกสิกรรมไร้สารพิษอย่างเดียว ก็เอาตัวรอดได้ แต่เราไม่มีปัญญา รับเกษตรกรได้ ทั้งตำบลทั้งอำเภอ ใครเห็นดีก็เอาเป็นแบบอย่างไปกระจายกันทำ บ้านเมืองเรา สามารถ แก้ปัญหาชาวไร่ชาวนาได้

โรงเรียนผู้นำตั้งมา ๑๖ ปี นี่ย่างเข้าปีที่ ๑๗ แล้ว บางครั้งก็รุ่งเรือง บางครั้งก็ร่วงโรย ระยะนี้มี ผู้สนใจมาก หน่วยราชการและบริษัทห้างร้านมากมาย ส่งผู้บริหาร พนักงานไปฝึกอบรม มหาวิทยาลัย หลายแห่ง ถือเป็นการเรียนนอกสถานที่ ของนักศึกษาปริญญาโท คนเข้าเรียนมาก จนต้องเปิดสอนสองห้อง พร้อมๆ กันอยู่บ่อยๆ

เราเคยส่งคนไทยไปฝึกและดูงานที่เกาหลีทุกปี ปีนี้เปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษให้ไปสู้กับหิมะ สู้กับความหนาว ในช่วงหนาวที่สุด ผมคนริเริ่ม จะต้องรับผิดชอบ ถ้าคนไทยทนไม่ได้ หรือเป็นอะไรไป จึงต้องออกไปวิ่งย่ำบนลานน้ำแข็ง และปีนเขาสูงๆ ขณะหิมะตก ร่วมกับ ผู้เข้ารับการอบรม หนุ่มๆ สาวๆชาวไทย และชาวเกาหลี

โรงเรียนผู้นำชี้แนะให้ลดความเห็นแก่ตัว จงพัฒนาตัวเอง จงดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง จงช่วยทำชุมชน ให้เข้มแข็ง และ จงนิยมไทยด้วยการปฏิบัติอย่างแท้จริง จงสู้ให้รู้สิ้น

เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๕๑ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖