ฉบับที่ 188 ปักษ์แรก1-15 สิงหาคม 2545

[01] อาศิรวาท : สิริแห่งแผ่นดิน
[02] รรมะพ่อท่าน: "ดอกผลของคน"
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ:
[04] จับกระแส ตอ.
[05] กสิกรรมธรรมชาติ การทำกสิกรรมธรรมชาติให้ประสบผลสำเร็จ ๒
[06] บทนำข่าวอโศก : ยิ่งกว่า เอช ไอ วี
[07] ชุมชนราชธานีอโศก ฟื้นฟูประเพณี จัดเข้าค่ายอุโบสถศีล ครั้งที่ ๑
[08] ศูนย์สุขภาพ: คลื่นไส้อาเจียน
[09] ข่าววันแม่ : จากพุทธสถานต่างๆ
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] นางงามรายปักษ์: นางแก้ว นาคตระกูล
[12] นานาสาระ : กระทรวงสาธารณะสุข ชมรมเจ จัดมหกรรมมังสวิรัติ, เด็กเลวเพราะผู้ใหญ่ชั่ว
[13] ผู้รักชาติรวมพลังคัดค้าน ส.ส. ส.ว.ขึ้นเงินเดือน ในขณะที่ประเทศชาติยังมีหนี้สิน
[14] ข่าวสั้นทันอโศก: รับเพื่อนใหม่กลุ่มรามบูชาธรรม, พ่อท่านเทศน์ที่บ้านตะวันใหม่ สมุทรปราการ
[15] ข่าว : ครบรอบ ๑๐ ปี ชมร. เชียงใหม่
[16] ข่าว : เขตปลอดบุหรี่ได้ผลคุ้มค่า
[17] ข่าว : ครัวอโศก มะระขี้นก ทำน้ำผักสุขภาพ
[18] ข่าว : ริมรั้ววัด


อาศิรวาท
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในมงคลสมัยวันเฉลิมพระชนมพรรษา
๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๕


สิริแห่งแผ่นดิน

ขอเดชะ พระแม่เจ้าเหล่าทวยราษฎร์ น้อมบังคมบรมบาทอภิสมัย
เฉลิมชนมพรรษาถวายชัย ทรงพระเจริญยศไกรนิรันดร์กาล

ศิลปาชีพทรงลงมาสร้าง ดั่งใบเบิกเส้นทางร่างสืบสาน
รวมศิลปะ รวมพลัง หวังให้งาน เป็นรายได้ เจือจาน ประชาไทย

ทรงย้ำคำว่า "ป่า" อย่าทำลาย เป็นต้นสายลำธารสราญใส
ทุกถิ่นฐานแม้กันดารและห่างไกล ทรงบุกบั่นด้วยพระทัยเปี่ยมเมตตา

เป็นบุญราษฎร์ยิ่งแล้วชีวิตนี้ องค์มหาราชินียากจักหา
เป็นสิริแห่งแผ่นดินปิ่นนครา คู่พระองค์กษัตรานิรันดร์เทอญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.พ.ข่าวอโศก

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ดอกผลของคน

การปฏิบัติธรรมของเราจะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง  เราก็ต้องหมั่นพยายามอ่านจิตอ่านอารมณ์ ของตนเองเสมอๆ อุปมาเหมือนดัง คนขับรถที่ดี ก่อนจะนำรถไปใช้งานก็ต้องตรวจตราดูแลสภาพรถเช็คน้ำ น้ำมันเครื่องอยู่เสมอ ในแต่ละวัน เราควรตรวจตรา ดูแลอารมณ์ ของตนเองอยู่เสมอๆ  สำหรับธรรมะพ่อท่านฉบับนี้  เราขอเสนอ  คาถาธรรม คำว่า "เจริญธรรม"

เจริญธรรม  คำคำนี้ในความหมายแง่หนึ่งของเรา คือ ความเจริญในธรรม  ซึ่งจะสามารถสังเกตได้คือ ความไม่เฉื่อย ไม่เนือย หรือ ไม่รู้สึกเบื่อๆ ในหมู่ฝูงที่เป็นนักธรรมะ ในกิจกรรมที่เป็นคุณธรรม โดยเฉพาะยิ่งในหมู่ทั้งอาจารย์ และเพื่อนฝูง ที่มีคุณธรรม ด้วยกัน เราจะไม่เบื่อๆ ไม่เฉื่อยๆ ไม่เนือยๆ แต่...จะรู้สึกอบอุ่น จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น

เพราะฉะนั้น  ถ้าหากผู้ใดสังเกตเห็นอาการ ที่เรารู้สึกเฉื่อย เนือย และรู้สึกเซ็งๆ เบื่อๆ ไม่อบอุ่น เหี่ยวๆ ห่อๆกับมิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ตั้งแต่บรรดาคณาจารย์  พี่ๆเพื่อนๆที่เป็นนักธรรมะ  ที่เป็นหมู่กลุ่ม  สหพรหมจรรย์  ไปจนกระทั่ง ถึงเนื้อหา สาระธรรม

ถ้าเรารู้สึกเบื่อ รู้สึกเฉื่อย รู้สึกเนือย รู้สึกจะไม่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า อบอุ่น พอใจแล้วล่ะก็  จงรู้อาการเกิดว่า  เราตกต่ำแล้ว ในขณะนั้นๆ  เรากำลังจะเสื่อมลง เสื่อมลง ขอให้แก้ไขโดยรีบด่วน

การหมั่นอ่านอารมณ์ตนเองเสมอๆ ก็เหมือนคนขับรถ ขณะขับรถอยู่ก็จับอาการของรถ เมื่อรู้สภาพรถว่า ผิดปกติ ก็หยุด ปรับเปลี่ยน ซ่อมแซมได้ไว ก่อนที่จะเสียหาย มากกว่านั้น อารมณ์จิตของเรา ก็เช่นกัน  เมื่อรู้ว่า เราเริ่มเสื่อมลงแล้ว เราก็สามารถ ที่จะปรับ เปลี่ยนได้ไว หากเราหัดอ่านจิตดูใจเราเสมอๆ.

โพธิ รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สองเดือนแล้ว (๑๑ มิ.ย. - ๑๑ ส.ค.) ที่พ่อท่านทำการสวนล้างลำไส้ใหญ่เพื่อขับสารพิษ(Colon Detoxification) ด้วยน้ำกาแฟ ผสมวิตามิน บีคอมเพล็กซ์ ในช่วงเช้า และน้ำมะนาวในช่วงค่ำ วันละสองเวลาทุกวัน ตามคำแนะนำของ หมออารีย์ โดยมีน้ำผลไม้เสริม ภายหลังการสวนล้างลำไส้แล้ว และยังมีวิตามิน อีกหลายชนิด เช่น ซี, สังกะสี, ซีลีเนี่ยม...ฯลฯ ช่วยเสริมอีก วันละสามเวลา อีกทั้งยังมีการควบคุมอาหาร ที่ปราศจากเกลือ, แกง, ผัด ไม่มีเลย ส่วนมากจะเป็นผักต้ม แล้วหยดน้ำมันใส่ หรือผักสดหลายชนิดหั่นซอย แล้วใช้น้ำเสาวรสสดๆ ไม่มีน้ำตาล และเกลือเลย เทราดผักสด

ก่อนทำการสวนล้างลำไส้ ได้ตรวจเลือดพ่อท่านพบว่า ค่าอัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส สูงกว่าปกติเล็กน้อย ๑๒๖ (ค่าปกติ 70-117 U/L) แต่หลังจากทำการสวนล้างลำไส้ หนึ่งเดือนผ่านไป ตรวจเลือดใหม่ พบค่าอัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส อยู่ในเกณฑ์ปกติ 94 U/L

การใช้น้ำกาแฟสวนล้าง ก็เพื่อให้คาเฟอีน ไปกระตุ้นการทำงานของตับ เพื่อขับท็อกซินสารพิษออก การเติมวิตามิน บีคอมเพล็กซ์ ก็เพื่อชดเชย ส่วนที่เสียไป จาการชำระล้างลำไส้ เนื่องจากการสวนล้างลำไส้ทุกวัน ทำให้วิตามินบี ๑๒ ที่ลำไส้ สร้างขึ้นได้เอง ถูกชำระล้างออกมาด้วย

ส่วนการใช้มะนาวผสมน้ำเพื่อชำระล้างคราบไขมันในลำไส้ เป็นการทำความสะอาดธรรมดา ไม่ได้ขับท็อกซินออก

แต่วิธีการข้างต้นนี้ หมอผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการแพทย์ทางเลือกคนหนึ่งไม่เห็นด้วย ว่าไม่ควรสวนล้างลำไส้ทุกวัน เช่นเดียวกับ ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเขาทำ กับการใช้น้ำมะนาวชำระล้าง ก็ว่าไม่มีประโยชน์อะไร และการเติมวิตามิน บีคอมเพล็กซ์ ลงไปในน้ำ ที่ทำการสวนล้าง ก็ไม่เห็นด้วย ทำไมไม่กินเข้าไปเลยล่ะ?

พ่อท่านรับฟังยิ้มๆ แล้วก็ยังคงปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออารีย์ต่อไปก่อน อาจเป็นเพราะอยากพิสูจน์ดู ให้ถึงที่สุดสัก ๓ เดือน ว่าจะเกิดผลเป็นอย่างใด อย่างน้อยๆเดือนหนึ่งที่ผ่านมา ก็ทำให้ค่าอัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส กลับสู่ภาวะปกติแล้ว

ในช่วงเดือนแรกที่ทำนั่น น้ำหนักตัวลดจาก ๖๓ กก. เหลือ ๕๙ กก. มีหลายคนทักชมว่า ดูพ่อท่านผ่องใสดี มาถึงวันนี้ น้ำหนักลด ลงมาเหลือ ๕๖ กก.(๙ ส.ค.) เริ่มมีเสียงทักว่า ดูพ่อท่านซีดเซียว ฝ่ายพยาบาล จึงขอตรวจดูเลือดทางเล็บฯ พบว่า ค่าของเกลือต่ำไป เนื่องมาจากช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ มีผู้ตามไปคุมเข้มแม่ครัว ที่ทำถวายพ่อท่าน ตามที่ต่างๆ ให้งดใช้เกลือ ซีอิ๊วทุกชนิด อาหารที่ถวาย ล้วนจืดสนิท มีขม มีเฝื่อน ตามรสของผักจริงๆเท่านั้น สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ ตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่พ่อท่าน ฉันอาหารอย่างนี้ พ่อท่านต้องใช้เวลา ในการขบฉันยาวนานขึ้น เนื่องด้วยอาหาร ที่ขมเฝื่อน ทำให้ฝืด ไม่ลื่นคล่อง

เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง ย่อมมีคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ยิ่งเป็นการดูแล รักษาสุขภาพ ด้วยวิธีต่างๆ หลายครั้งที่ผ่านมา ก็จะมีเช่นนี้ ทั้งผู้ที่เชื่อ และผู้ที่ยังไม่เชื่อ หากยึดเอาแต่ใจตัว ไม่พยายาม เข้าใจอีกฝ่าย โอกาสที่จะผิดใจ กระทบกระทั่งถือสา มีมากทีเดียว เริ่มจากความคิดหลงตนว่า รู้มากกว่า หมิ่นเหยียดผู้อื่น ที่ไม่คิดไม่เชื่อ อย่างที่ตนรู้ตนเชื่อ จากความคิด ก็มาสู่สายตา กิริยาท่าที จนที่สุด ก็ออกมาเป็นวาจา... พวกที่ทำ เพราะเห่อไป ตามกระแส ทำเพราะเห็นว่า พ่อท่านทำ ก็จึงทำ ยังไม่รู้ผลดีผลเสียอะไรเลย หรือ ทำไมยังไม่ทำล่ะ กลัวอะไร รู้มากยากนาน!

ทั้งผู้ทำ หรือไม่ทำดีท็อกซ์ ควรจะสำนึกสำเหนียกให้จงหนักว่า เรากำลังปฏิบัติธรรม เรากำลังล้างกิเลสนะ

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สามประสาน

๗ พฤษภาคม ๒๕๔๕
เรียน คณะผู้จัดทำสารอโศก และดอกหญ้า ที่เคารพอย่างสูง

ผมขอฝากเรียนถึงหน่วย  ต.อ.ด้วยครับ ผมซื้อปลาร้าเจ ที่ผลิตโดยชุมชนอโศกแห่งหนึ่ง  ที่เป็นถุงสีแดง ไม่มีวันผลิต, หมดอายุ, ราคา ติดอยู่ที่ถุง ผมซื้อที่ร้านอาหารเจ อยู่ห้าแยกประตูชัย  จ.ลำปาง ราคาถุงละ ๒๕ บาท คุณภาพดี หลังจาก เปิดถุงแล้ว ผมเอาใส่ขวดพลาสติก ฝาปิดมิดชิด (เป็นขวดยาเก่า) ไม่มีปัญหาอะไร พอเกือบหมด ผมได้ซื้อปลาร้าเจ อีก ๒ ถุง ที่เชียงรายอโศก ผลิตโดยชุมชนอโศกแห่งเดิมนั้น เป็นถุง ตัวอักษรสีแดง (เป็นชนิดเดียวกับ ที่ซื้อที่จังหวัดลำปาง) และไม่มี วันผลิต, หมดอายุ และราคาเช่นเดิม  ขายถุงละ ๑๕ บาท พอถุงแรก (จาก จ.ลำปาง) ใกล้หมด ก็เทถุงแรก (จาก จ.เชียงราย) ปรากฏว่า อีกประมาณ ๕  วัน เกิดราขึ้นเต็มไปหมด ผมก็ล้างภาชนะที่ใส่ (ล้างสะอาด ตากแดดอย่างดี) แล้วก็ใส่ถุงที่ ๒ จาก จ.เชียงรายอีก และอีกประมาณ ๕ วันก็เป็นเชื้อราอีก  ผมคิดว่า ที่ผมซื้อมาจาก จ.เชียงราย คงจะหมดอายุ จึงเรียนมาเพื่อทราบครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
สมาชิกหมายเลข ๒๕๙๓๒๙

เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคฉบับนี้ เป็นเรื่องที่แต่ละฝ่าย น่าจะได้มาทบทวนตนเอง เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพ ผลผลิตร่วมกัน อันจะก่อให้เกิด ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ดังนี้

ผู้ผลิต
๑. ควรติดวัน/เดือน/ปีที่ผลิต วันหมดอายุ เพื่อคุ้มครองชื่อเสียง ของสินค้าของตนเอง เพราะบางที ร้านค้า นำสินค้าของชุมชนไปขาย แต่ขายไม่ออก จนหมดอายุ หรือใกล้หมด ก็ยังขายอยู่ ผู้บริโภคมาซื้อไป ก็ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ทำให้มองว่า ชุมชนผลิตสินค้าไม่ดี เสียชื่อเสียงชุมชน
๒. นอกจากติด วัน/เดือน/ปีที่ผลิต และวันหมดอายุดังกล่าว ผู้ผลิตยังควรติดชื่อ ที่อยู่ โทรศัพท์ ปริมาณสุทธิ บนฉลากด้วย เพื่อเป็นการแสดง ความรับผิดชอบ ให้ผู้บริโภคติดต่อได้ ในกรณีสินค้ามีปัญหา

ร้านค้า
๑. ร้านค้า โดยเฉพาะร้านค้าขายส่ง ควรประมาณการสต็อกสินค้าในร้าน และมีการระบายสินค้าให้ใหม่ สด อยู่เสมอ เพื่อให้สินค้า ถึงมือผู้บริโภค ไม่เก่าเกินไป ไม่เสียชื่อเสียงร้านค้า
๒. ปฏิเสธการรับสินค้าที่ไม่มี วัน/เดือน/ปีที่ผลิต และ/หรือวันหมดอายุ
๓. ควรมีการตรวจสอบสินค้า ที่มาวางจำหน่าย ให้มีการติดวัน/เดือน/ปีที่ผลิต วันหมดอายุ บนฉลาก

ผู้บริโภค
๑. หลีกเลี่ยง หรือไม่ซื้อสินค้าที่ไม่มีวัน/เดือน/ปีที่ผลิต และ/หรือ วันหมดอายุ เพื่อความปลอดภัย ในการบริโภค ไม่ต้อง เสียเวลา และ เสียความรู้สึก
๒. ทวงถามวัน/เดือน/ปีที่ผลิต วันหมดอายุ หรืออื่นๆที่ฉลากพึงมี เช่น ปริมาณสุทธิ ชื่อที่อยู่ผู้ผลิต ส่วนประกอบ ของผลผลิต จากร้านค้า เพื่อให้ร้านค้า ขอร้องให้ผู้ผลิต เขียนข้อมูลบนฉลาก ให้สมบูรณ์
๓. แจ้งปัญหาที่พบจากการซื้อสินค้าไปยังร้านค้าที่ซื้อ ผู้ผลิต หรือหน่วยตรวจสอบ และพัฒนาคุณภาพผลผลิต ดังที่ท่าน สมาชิก หมายเลข ๒๕๙๓๒๙ นี้ได้กระทำอยู่

ขอขอบคุณ ท่านสมาชิกหมายเลข ๒๕๙๓๒๙ ที่ทำหน้าที่ผู้บริโภคที่ดี
ขอขอบคุณ ร้านค้าทั้งหลาย ที่ทำหน้าที่ร้านค้าอย่างดี
และขอขอบคุณ ผู้ผลิตทั้งหลาย ที่ทำหน้าที่ผู้ผลิตด้วยดี

ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง ๓ ฝ่ายจะได้ร่วมมือกัน อันก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่สินค้าชุมชน ให้เป็นที่ยอมรับ มากขึ้นเรื่อยๆ.

ต.อ.กลาง รายงาน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


การทำกสิกรรมธรรมชาติให้ประสบผลสำเร็จ
ตอนที่ ๒

กสิกรรมธรรมชาติแบบที่ ๑ (ต้นตำรับฟูกูโอกะ)

๑.๑ ถ้าหากพื้นดินสูง-ต่ำเสมอกัน  ไม่มีหญ้าและวัชพืชมากนัก ให้นำฟางข้าวมาคลุมหนาพอประมาณ (เพื่ออากาศ และ แสงแดด ไม่สามารถส่องถึงพื้นดินได้ ถ้าอากาศและแสงแดด ส่องถึงพื้นดินได้ วัชพืชก็จะเกิดขึ้นง่าย)  แล้วรดด้วยน้ำ ให้มีความชุ่มชื้น พอประมาณ แล้วแหวกฟาง เพื่อหยอดเมล็ดพืช หรือต้นกล้าที่เราต้องการ ลงไปในดินทันที

ประมาณ ๑๐-๑๕ วัน ให้สังเกตดู หากใบของพืชมีสีเหลือง ใบบาง แคระแกร็น ให้นำฟางเน่าหรือแกลบ รำเน่า โรยกลบ บนแปลง พืชผักอีกครั้ง หรือเอาปุ๋ยหมักชีวภาพ โรยกลบบนแปลงพืชผัก  ในอัตราส่วน  ปุ๋ยหมักชีวภาพ ๑ กก.:  เนื้อที่  ๑ ต.ร.ม.  อินทรียวัตถุที่เรานำไปคลุมแปลงผักดังกล่าว ประมาณ ๒๐-๓๐ วัน  ก็จะย่อยสลายเป็นปุ๋ย รวมกับฟางข้าว ก็จะเป็น หัวปุ๋ยของพืชชั้นดี  ดินที่เราคลุมฟางก็จะปรับโครงสร้างเป็นดินดี  มีความชุ่มชื้น อีกทั้งดินที่เป็นกรดด่าง ก็จะมีความสมดุล ในตัวของมันเองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะฟาง แกลบ รำ  จะมีแร่ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส  โปแตสเซียม  อยู่อย่างเพียงพอ เมื่อย่อยสลาย เป็นปุ๋ยแล้ว  ก็จะเป็นอาหารของพืชเป็นอย่างดีทีเดียว

อาการลักษณะใบเหลือง แคระแกร็น ก็จะค่อยๆหายไปทีเดียว

วิธีนี้ คนไม่ค่อยนิยม เพราะช้า ไม่ทันใจ อีกทั้งไม่ค่อยจะมีความมั่นใจในผลผลิตที่จะเกิดขึ้น

ข้อดีคือ ทำให้โครงสร้างของดินมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์เหมือนกับดินที่อยู่ในป่าดงดิบ สรุปให้ชัดเจนอีกครั้งคือ วิธีไม่ไถ พรวนดิน เห็นผลผลิตช้า ถ้าขยัน อดทน รอคอยสักนิด ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะสบาย

๑.๒ พื้นที่ที่เราจะปลูก  หากมีวัชพืชมาก ให้ถางให้เตียน แล้วหว่านพืชตระกูลถั่วลงบนแปลง เมื่อต้นถั่วโต ตัดต้นถั่ว ลงในแปลง ปล่อยให้เน่าเป็นปุ๋ย แล้วคลุมด้วยฟางอีกครั้งหนึ่ง

พื้นที่ที่วัชพืชมาก  วิธีที่ดีที่สุดคือ ถอนขึ้นจากดินให้เป็นปุ๋ยเลย วัชพืชบางอย่าง  เช่น หญ้าคา  หญ้าแฝก  เมื่อนำฟางไปคลุม ก็จะแตกหน่อขึ้นมาใหม่  ยิ่งนานไปฟางเน่า ย่อยสลายเป็นปุ๋ย  ยิ่งงามทวีคูณ เพราะฟางเป็นหัวปุ๋ยชั้นดี  เพราะฉะนั้น ในสวนที่มีหญ้าคา  อย่าเอาฟางไปคลุม ให้หวานถั่วบางชนิด เช่น ถั่วเขียว ถั่วลาย ฯลฯ ลงไปในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม ประมาณเดือน สิงหาคม-กันยายน  ต้นถั่วก็จะเจริญเติบโต ขึ้นคลุมหญ้าคาทั้งหมด สุดท้าย หญ้าคาก็จะค่อยๆหมดไป วิธีนี้เราได้ทั้ง ต้นถั่วบำรุงดิน หญ้าคาก็เน่าเป็นปุ๋ยอย่างดี เมื่อปราบวัชพืชได้แล้ว ให้นำฟางมาคลุมได้ทันที แล้วดำเนินการปลูก เหมือนข้อ ๑

ส่วนกสิกรรมธรรมชาติ แบบที่ ๒ เป็นสูตรผสมผสานหลายทฤษฎีเข้าด้วยกัน รวดเร็ว ทันใจ.

(สรุปจากบทความ กสิกรรมธรรมชาติ ในระบบบุญนิยม โดย อ.อุดม ศรีเชียงสา)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ยิ่งกว่าเอช.ไอ.วี.

หลายๆคนในชาวเรา ต้องการให้คนมาช่วยงานตัวเอง

บางคนให้ความสำคัญกับงานของตัวเองมาก โดยไม่คำนึงถึงความสำคัญของงานหน่วยอื่น หรือจิตใจคนอื่น
จนมีความรู้สึกว่า ใครไม่สามารถมาช่วยงานฉันได้ เป็นคนไม่ดี คนมีปัญหา หรือคนไม่พัฒนา ไร้ประสิทธิภาพ บางคน เกิดความรู้สึก ถึงขั้นเป็นคนละพวก หรือเป็นศัตรูกันเลยทีเดียว ถ้าไม่มายอมฉัน ไม่มาช่วยงานฉัน

คนที่มีความรู้สึกเช่นนี้ จึงต้องการคนอื่นให้เวลา ให้ความเข้าใจ ต้องการการยอมรับจากคนอื่น จนไม่ใส่ใจ ในการเป็น นักปฏิบัติธรรม ลืมไปว่าตัวเองมาอยู่วัด มาปฏิบัติธรรม เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณ เพื่อเสียสละ ลดละความเห็นแก่ตัว ความทุกข์ในจิตใจ ให้น้อยลงๆ ให้มากที่สุด จนพ้นทุกข์ได้เป็นที่สุด

คนที่มีความรู้สึกเช่นนี้จะเป็นแบบอย่าง และเป็นที่พี่งให้กับใครได้เล่า

เราเป็นผู้หนึ่งที่รู้สึกนึกคิดเช่นนี้หรือไม่

โปรดทบทวน เพื่อสร้างสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้น ก่อนที่มิจฉาทิฏฐิในตัวเราจะแพร่เชื้อไปยังผู้อ่อนแอกว่า โดยเฉพาะ ตัวเราเอง จะเป็นผู้ติดเชื้อ และเพาะเชื้อนี้เอง จนกลายเป็น ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นภูมิแพ้ ยิ่งกว่าโรคเอช.ไอ.วี.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชุมชนราชธานีอโศก ฟื้นฟูประเพณี
จัดเข้าค่ายอุโบสถศีล ครั้งที่ ๑
ญาติธรรมหลายจังหวัดร่วมงาน

เมื่อวันอาสาฬบูชา พุธที่ ๒๔ ก.ค. ๔๕ ชุมชนราชธานีอโศก ฟื้นฟูประเพณีเข้าวัดฝึกอุโบสถศีล จัดงานเข้าค่าย อุโบสถศีล ครั้งที่ ๑ มีผู้สนใจ และญาติธรรม จากจังหวัด อำนาจเจริญ ยโสธร มุกดาหาร และ อุบลฯ รวมทั้งหมด ๑๐๓ คน

หลังจากลงทะเบียนแล้ว ฟังธรรมะก่อนฉัน โดยสมณะเดินดิน ติกขวีโร เรื่อง อานิสงส์ของศีล ๘ แล้วปฏิญาณตน รับประทาน อาหารร่วมกัน ณ ใต้เฮือนศูนย์สูญ

 

ภาคบ่าย ปฐมนิเทศน์ โดยสมณะเดินดิน ติกขวีโร เสร็จแล้วโฮมแฮง ปลูกตะไคร้ ข้างเฮือนโสเหล่

ภาคเย็น เรียนรู้วิธีการและอานิสงส์ของการเดินจงกรม แล้วแบ่งกลุ่มเป็น ๓ กลุ่ม เดินตามสมณะแต่ละรูป จากเฮือนเพิงกัน ไปยังบริเวณแม่น้ำมูล

ภาคค่ำ เวียนธรรมจากสมณะ-สิกขมาตุ ๑๕ รูป มีผู้เข้าร่วมฟังธรรมประมาณ ๔๐๐ คน

๒๕ ก.ค. ธรรมะรับอรุณ โดยสมณะแดนเดิม พรหมจริโย และ สมณะฟ้าไท สมชาติโก แล้วยืดเส้นยืดสายด้วยโยคะ แล้วโฮมแฮง ปลูกตะไคร้ หน้าเฮือนศูนย์ฯ

ก่อนฉัน พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์แสดงธรรม ให้เรียนรู้การช่วยสังคมด้วยสันติวิธี และทำความเข้าใจกับสังคม ร่วมสร้าง เมตตาวิธี แล้วรับประทานอาหาร และสรุปงานในเวลา ๑๓.๐๐ น.

กำหนดการเข้าค่ายฯ ครั้งต่อไป วันที่ ๑๗-๑๘ ส.ค.๔๕ สำหรับผู้เข้าค่ายฯ ครั้งนี้ได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้

พ่อสอน ราตรี อ.วารินฯ จ.อุบลฯ "กิจกรรมนี้ดีมาก ช่วยให้จิตใจสงบ อยากให้จัดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ผมและแม่บ้าน จะมาร่วมทุกครั้ง"

นางดินดิน ธรรมชาติอโศก ชาวชุมชน "ช่วยให้ดิฉันฝึกวางงาน ตัดรอบ เข้ากับวิถีชีวิต ไม่เสียงานประจำจนเกินไป มีเวลา เรียนรู้อารมณ์ และทบทวนตัวเองค่ะ"

นายประวี วะลิวงศ์ อ.สำโรง จ.อุบลฯ "ทำยังทำงานอยู่ข้างนอก บางครั้งอนุโลมตามสังคม ขาดการเข้าหาสมณะ และฟังธรรม ครั้งนี้ทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น มีโอกาสฝึกฝนตนเอง ควรมีการประชาสัมพันธ์ ให้มากกว่านี้ เพื่อให้เกิดเป็นจารีต ประเพณีปฏิบัติ สืบต่อไป"

น.ส.รักธรรม อโศกตระกูล ผู้ประสานงาน "ประทับใจทีมงานช่วยเหลือกันดี ถือว่าเป็นการเพิ่มอธิศีล ฝึกฝนตน แม้จะมีงาน อบรมนักเรียน ซ้อนกันอยู่ แต่ทุกอย่างลงตัวดีมาก"

สมณะเดินดิน ติกขวีโร "งานครั้งนี้ทำให้ญาติธรรมได้กลับมารวมพลังสร้างบารมี จะได้ไม่ตกรถด่วนขบวนสุดท้าย และมีส่วน ทำให้แต่ละคน เคร่งครัด เจริญรอยตาม พระอรหันต์ ได้ฝึกสมถะ และได้รวมจิตวิญญาณ ของพวกเรา เข้ามาเป็น อันหนึ่ง อันเดียวกัน"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

คลื่นไส้อาเจียน

เวลาคุณไม่สบาย  คุณอาจมีอาการคลื่นไส้ ส่วนอาการอาเจียนนั้นเป็นการตอบสนองอาการคลื่นไส้  อาการคลื่นไส้ อาจเกิดจาก สาเหตุต่างๆ เช่น กินมากไป  แพ้ท้อง เมารถ  ไมเกรน เวียนศีรษะ หรือเป็นอากา รของโรคเบาหวาน ที่ไม่ได้รับ การควบคุม  สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งคือ อาหารเป็นพิษ หรือลำไส้อักเสบ จากการกินอาหาร ที่ปนเปื้อน เชื้อแบคทีเรีย ทำให้เยื่อบุ กระเพาะอาหาร และลำไส้ เกิดการอักเสบ และมีการท้องเสีย

การอาเจียนถือว่าเป็นการโต้ตอบของร่างกายเพื่อขับสารที่เป็นพิษออก และจะทำให้คุณมีอาการดีขึ้น แต่อาการ อาเจียน บ่อยครั้ง เกินไป จะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้

นักบำบัดแบบกดจุด  แนะนำให้กดจุดบริเวณกึ่งกลางของข้อมือสูงขึ้นไปจากข้อมือด้านใน  ๓ นิ้วมือ กดตามแนว ของนิ้วกลาง หรืออีกทางหนึ่งคือ  กดหนักๆเข้าไปด้านใน ตรงกลางที่จุดกึ่งกลางของท้อง ระหว่างกระดูกหน้าอกและสะดือ  และให้ดื่ม น้ำลูกยอ โดยลูกยอใหญ่แก่จัด  ๓ ลูก หั่นเป็นชิ้น ใส่หม้อ ต้มน้ำตาลทราย รับประทานครั้งละ ๑ แก้ว หรือใช้ลูกยอใหญ่ ๑ ลูก และเถาบอระเพ็ด ครึ่งคืบ นำไปเผาไฟ แล้วแช่ในน้ำสุก เอาน้ำมาดื่ม  สมัยโบราณ คงปลูกต้นยอไว้ข้างๆบ้าน แก้สารพัดโรค และ แก้อาเจียนได้ด้วย แถมยังเป็นเคล็ด ให้ได้รับการสรรเสริญเยินยอด้วย

แม้ในปัจจุบันยิ่งสังคมในเมือง  เป็นเรื่องยากมาก ที่จะมีที่ปลูกต้นยอ แต่เราสามารถปลูกต้นยอในจิตใจได้คะ เห็นใครทำดี ก็ให้กำลังใจ สรรเสริญเยินยอกันบ้าง การปลูกต้นยอในใจ ก็อาจจะแก้โรคได้สารพัดโรค ได้เหมือนกันนะคะ ลองปลูกดูซิคะ.

กิ่งธรรม

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


วันแม่

สันติอโศก
สันติอโศกจัดงานประเพณีบูชาบุพการี ๒ วัน คือวันที่ ๑๐ ส.ค. เป็นส่วนของ น.ร.สัมมาสิกขาฯ เริ่มงานเวลา ๑๗.๓๐-๒๑.๐๐ น. บริเวณเวทีธรรมชาติ ลานทรายข้างตึกแดง มีสมณะกล้าตาย ปพโล กล่าวเปิด-ปิดงาน มีการแสดงของ น.ร. ผู้ปกครอง ขึ้นไปร่วมร้องเพลง และให้โอวาทแก่ลูกๆ จากนั้นลูกๆ ลงไปกราบพ่อแม่ ผู้ปกครอง ของตนเอง และของเพื่อนๆ สร้างความ ประทับใจ ซึ่งกันและกัน

และในช่วงเช้าของวันเดียวกัน มีการรวมตัวของศิษย์เก่า มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และรับโอวาท จากสมณะ -สิกขมาตุ และโชว์ฝีมือ การทำอาหาร เลี้ยงน้องๆสัมมาฯ และผู้ปกครอง

วันที่ ๑๑ ส.ค. เป็นส่วนของ น.ร.พุทธธรรมจัดร่วมกับ น.ร.สัมมาสิกขาฯ เริ่มงานเวลา ๑๒.๐๐ น. เป็นการสวด เคารพคุณ บิดามารดา จากนั้นบรรดาลูกๆ ขึ้นไปกราบแม่ บนเวที และถือโอกาสนี้ ขอขมา กราบขอบพระคุณ และมอบของขวัญให้แม่ ต่อจากนั้น เป็นการอ่านเรียงความของ น.ร.สัมมาสิกขาฯ แล้วเป็นการแสดงของ น.ร.สัมมาสิกขาฯ, น.ร.พุทธธรรม และ ผู้ปกครอง น.ร.พุทธธรรม สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช กล่าวปิดงาน ปีนี้งานลงตัวมากขึ้น และกระชับเวลาได้ดี และปิดเทอม ๑๐ วัน เพื่อให้ลูกกลับบ้าน พร้อมแม่ให้หายคิดถึง

สีมาอโศก
เริ่มงานตั้งแต่ ๓ โมงเช้า ของวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ส.ค. ๔๕ โดยเป็นรายการกินข้าวหิน มีการแสดงต่างๆ และมีการประกวด ร้องเพลง ภาคบ่าย กิจกรรมสัมพันธ์แม่-ลูก มีการเล่น เกมต่างๆ ระหว่างแม่กับลูก ภาคเย็น รายการแม่เปิดใจ

๑๒ ส.ค. หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จแล้ว แม่-ลูกร่วมกันปลูกต้นไม้ ทำบุญตักบาตร และฟังเทศน์ก่อนฉัน และพิธีกรรม กราบแม่ ส่วนภาคบ่าย เป็นการสัมมนา ผู้ปกครอง

ศาลีอโศก
๑๒ ส.ค. ช่วงทำวัตรเช้า หลังจากสวดมนต์เสร็จ เป็นรายการแม่เปิดใจ และลูกๆทุกคนเปิดใจ หลังจากนั้น แม่ลูก ไปทำงาน ร่วมกัน ตามฐานงานต่างๆ เสร็จแล้ว ทำบุญ ตักบาตรร่วมกัน

ก่อนฉันฟังธรรม แล้วพิธีกรรมกราบแม่ แม่ผูกข้อมือลูก และในช่วง ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐ น. รายการแสดงและละคร ของน.ร. สัมมาสิกขาฯ แต่ละชั้น ๑๒.๐๐ น. เป็นรายการ ประกวดร้องเพลง บทกลอน เรียงความ และวาดภาพ เนื่องในวันแม่ โดยถ่ายทอดสด ทางวิทยุชุมชนศาลีอโศก มีผู้มาร่วมงาน ประมาณ ๓๐๐ คน

ราชธานีอโศก
เริ่มงานตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ ๑๑ ส.ค. เป็นรายการปฐมนิเทศผู้ปกครอง

ช่วงทำวัตรเช้า วันที่ ๑๒ ส .ค. หลังจากทำวัตร แม่ลูกร่วมออกกำลังกาย แล้วทำบุญตักบาตร ก่อนฉันเป็นพิธีกรรม กราบแม่ แล้วรับประทาน อาหารร่วมกัน

ภาคบ่าย เป็นกิจกรรมสาธิต สัมมาอาชีวะให้แม่ ๓ ฐานงาน คือ น้ำยาอเนกประสงค์, เพาะถั่วงอก และ อาหารมังสวิรัติ เสร็จแล้ว เปิดโอกาสให้คุณแม่ ไปฝึกงาน ตามฐานต่างๆ ที่สนใจต่อ

ภาคเย็น รายการม่วนซื่น มีการแสดงโปงลางชุดใหญ่ให้แม่ชม และการแสดงต่างๆของน.ร. ตั้งแต่กลุ่มสมุนพระราม ระดับ ประถมฯ และน.ร.สัมมาสิกขา ระดับมัธยมฯ มีรุ่นพี่ ศิษย์เก่า ที่จบแล้ว มาร่วมเป็นพิธีกรด้วย

ปฐมอโศก
๑๒ ส.ค. ๔๕ ผู้ปกครองร่วมทำวัตรเช้า หลังจากนั้นทำบุญตักบาตรร่วมกัน มีพ่อท่านนำหมู่สมณะ-สิกขมาตุ บิณฑบาต ในชุมชน ก่อนฉัน เป็นพิธีกรรมกราบแม่ เสร็จแล้ว แม่-ลูก เปิดใจ แล้วฟังธรรมต่อ จากพ่อท่าน

ภาคบ่าย ประชุมผู้ปกครอง และภาคค่ำ เป็นรายการแสดงของลูก น.ร.สัมมาสิกขา ปฐมอโศก

ทักษิณอโศก
ยังไม่มี ร.ร.สัมมาสิกขา มีเพียง น.ร.พุทธธรรมวันอาทิตย์ และเป็นปีแรก ของการจัดงานวันแม่ ของที่นี่ เริ่มรายการวันแม่ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ส.ค. ภาคเช้า น.ร.พุทธธรรม -ผู้ปกครอง -ญาติธรรม ร่วมกิจกรรม รายการสัมภาษณ์ แม่-ลูก พิธีกรรม กราบแม่ การแสดงร้องเพลงของ น.ร. ประกวดบทกลอน และมอบรางวัลชนะเลิศ มีผู้มาร่วมงาน ประมาณ ๕๐ คน

ภูผาฟ้าน้ำ
มีการจัดบอร์ดนิทรรศการระลึกถึงพระคุณของแม่ มีการแสดงต่างๆของ น.ร. และการเปิดซุ้มอาหารต่างๆ ของเด็ก บริการ แก่ผู้ใหญ่ ในชุมชนทุกคน และแม่ของทุกๆคน

๑๑ ส.ค. น.ร.แต่ละคนไปรอรับแม่ ที่สะพานแขวน หรือสะพานเชื่อมใจ แล้วช่วยแม่ถือของ เดินขึ้นสู่ที่พัก ร่วมทำวัตรเช้า กับลูก ในวันที่ ๑๒ ส.ค. และพิธีกรรม กราบแม่ ในช่วงก่อนฉัน บรรยากาศอบอุ่น

ศีรษะอโศก
อุ่นไอรัก-อุ่นไอธรรม งานวันแม่ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ สิงหาคม ๔๕ มีผู้ปกครองมาร่วมงาน ๑๐๐ กว่าชีวิต เข้าค่าย อบรม สัมมนา ตลอด ๓ วัน มีคุรุเป็นพี่เลี้ยง แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม สนทนากับ สมณะ-สิกขมาตุ, ลงฐานงานร่วมกับลูกๆ กิจกรรรม เต็มเอี๊ยด ตั้งแต่เช้า จนถึงแยกย้ายไปนอน เพื่อให้ผู้ปกครอง ทั้งเก่าและใหม่ รับรู้วิถีทางฝึกอบรม ของลูกๆ โดยเน้น ธรรมะ เป็นหลัก เพื่อให้เกิดทิฐิเดียวกัน ในการร่วมมือ แก้ไขปัญหาลูกๆ และช่วยให้ลูกๆ เกิดความมั่นใจ ไม่สับสน เวลาที่กลับไปบ้าน ผู้ปกครอง ให้ความร่วมมือ -ร่วมใจ เป็นอย่างดี เพราะมี ผู้ปกครองเก่า เป็นแกนหลัก แข็งแรง

เป็นการประยุกต์กิจวัตร-กิจกรรม ให้เหมาะสมกับงานวันแม่ ซึ่งได้ทั้งสาระและบันเทิง ความประทับใจ วัตรเช้า ฟังธรรม จากสมณะ -สิกขมาตุ, ก่อนฉัน ล้อมวงกินข้าว พ่อแม่ลูก พร้อมดูการแสดง ที่พ่อแม่มอบให้ลูกๆ และลูกๆ มอบให้พ่อแม่ ภาคค่ำเป็นรายการลูกกราบแม่ พร้อมข้อคิดสะกิดใจ ของสมณะ -สิกขมาตุ อ่านเรียงความ เรื่องแม่ และลูกๆ กราบแม่ ทั้งทางสายเลือด และทางธรรม บรรยากาศ เต็มตื้น และตื้นตัน

ผลพลอยได้ จัดตั้งกลุ่มผู้ปกครอง รวมทั้งเครือข่ายได้ ๑๑ กลุ่ม มี คุณเหมือนหล้า พวงแก้ว จาก จ.เชียงใหม่ ได้รับเลือก เป็นประธาน และก่อตั้งกองบุญสวัสดิการ เพื่อลูก ไว้ เพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อลูกร่วมกัน เป็นเสมือนกำแพงบุญ โอบล้อม และ รองรับลูก หลุดออกไปพบภัยอันตราย ในโลกโลกีย์ และมีการรวมกลุ่ม เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ และผลิตผล ในผู้ปกครองกันเอง และ จากลูกๆ ที่ร่วมกันผลิต ในพุทธสถาน เพื่อไปขาย ในงานตลาดอาริยะ รวมทั้งเตรียมการ จัดงานวันแม่ ในปีต่อไป และ ระดม ภูมิปัญญา ชาวบ้านต่างๆ มาบอกสอนลูกๆ ในโอกาสต่อๆ ไปด้วย

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจริญธรรม  สำนึกดี พบกับน.ส.พ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๑๘๘(๒๒๑) ปักษ์แรก ๑-๑๕ ส.ค.๔๕

แค่ช่วงเวลาห่างกันไม่กี่วันของปักษ์นี้ ชาวเราก็ต้องสูญเสียญาติธรรมเก่าแก่ไปถึง ๒ ท่าน   คือ  คุณแม่บุญมาก  สิทธิพันธุ์  (โยมแม่ของสมณะเสียงศีล  ชาตวโร)  ผู้เป็นอุปัฏฐากอีกท่านหนึ่ง ตั้งแต่สมัยแดนอโศก  ส่วนอีกท่านก็คือ คุณพ่อสุเมธ ดีรัตนา บรรพชนรุ่นบุกเบิก ของปฐมอโศก    ซึ่งนอกจากตัวคุณพ่อสุเมธ จะมั่นคงต่อการปฏิบัติธรรม มาโดยตลอดแล้ว แม้กระทั่งครอบครัว ไม่ว่าจะคู่ชีวิต และลูกๆหลานๆของท่าน ก็ล้วนเป็นชาวอโศก ที่เสียสละแรงกายแรงใจ เข้าร่วมจรรโลง งานบุญของชาวเรา   อย่างน่าอนุโมทนา จิ้งหรีดก็ขอแสดงความไว้อาลัย กับการจากไป ของท่านทั้งสองไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ส่วนงานศพของท่านทั้งสองนั้น   ถูกจัดขึ้นที่พุทธสถานปฐมอโศก อย่างเรียบง่ายตามวิสัยของ นักปฏิบัติธรรม อย่างครบถ้วน  โดยมีพ่อท่านฯ  และสมณะเทศน์หน้าศพ  จนกระทั่งเวลาประมาณ  ๑๕.๐๐  น.ของวันที่ ๑๓ ส.ค.๔๕  จึงเคลื่อนศพ รอบเมรุฯ พร้อมกัน แล้วพ่อท่านฯ กล่าวให้ข้อคิด ก่อนฌาปนกิจ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของชาวอโศกที่จัดพิธีศพพร้อมกัน งานศพของท่านทั้งสอง มีผู้มาร่วมงาน เป็นจำนวนมาก

และเช่นเคยในฉบับนี้พบกับ  "สดจากปัจฉาสมณะ" คอลัมน์ที่หลายต่อหลายคนบอกว่าชอบ (กับประโยชน์ที่ได้)

ส่วนเรื่องอื่นๆ ในแวดวงที่น่าสนใจ จิ้งหรีดขอนำเสนอดังนี้

ภราดรภาพ...จิ้งหรีดที่ศาลีฯฝากชื่นชมคุณตายจริง   คนหนุ่มไฟแรงอีกท่านหนึ่งของชาวอโศก   ที่มีจิตเอื้อเฟื้อต่อผู้สูงอายุ โดยประดิษฐ์ รถสามล้อพ่วง ให้คุณยายห่อขี่ เพราะเดินมาวัดไม่ค่อยไหว แรกๆก็ไม่มีกำลังขาจะขี่เท่าไร แต่พอใช้ไปนานๆ กำลังก็ดีขึ้น  คุณตายจริง จึงต้องผลิตแบบเดียวกัน อีกหลายคัน เพราะผู้เฒ่าผู้แก่สนใจ อยากแข็งแรง อย่างยายห่อบ้าง

ภาพคนแก่พยายามขี่รถสามล้อพ่วงข้าง   โดยมีเด็กๆช่วยดันให้  เป็นภาพที่อบอุ่นน่าประทับใจ ในชุมชนศาลีฯ ขณะที่คุณยาย หลายคน ขี่กันอย่างช้าๆ ยังไม่มีกำลังขา เพราะฝึกใหม่ แต่ยายห่อ ก็ปั่นฉิว นำคนอื่นเป็นรอบ อย่างนี้คุณยายห่อ ก็คุยได้สิว่า ตัวเอง แข็งแรงกว่าใครๆ จิ้งหรีดก็ต้องขอชื่นชม คนหนุ่มอย่างคุณตายจริง เพื่อนของคุณตายแน่ ที่เอาภาระ ดูแลคนเฒ่า คนแก่มา ณ ที่นี้นะฮะ...จี๊ดๆ

กระแสเอ็นไซม์...ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านราชฯ หรือที่ภูผาฯ หลังจากได้ฟังเท็ปเรื่อง "อาหารของมนุษย์" ของคุณหมออารีย์ ชาวเรา หันมานิยม กินผักสด ผักพื้นบ้านผักป่า ที่ไม่ผ่านความร้อนกันเพิ่มขึ้น เพื่อรับเอาเอ็นไซม์ จากผักสดเหล่านั้น โดยเฉพาะ ใบบัวบก  ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อย่างนี้ก็คงสุขภาพดีกันถ้วนหน้าซินะ  กินผักสดแล้ว อย่าลืมรักษาอารมณ์ ให้สด (ชื่น) ด้วยนะฮะ...จี๊ดๆ

เขาว่ากันว่า...ปฐมอโศก เจริญก้าวหน้าทางด้านวัตถุมาก จนด้านจิตวิญญาณเริ่มไม่อบอุ่น จริงหรือไม่ คนปฐมฯ คงตอบ คำถามนี้ได้ แต่ที่จิ้งหรีดเห็นก็คือ ตอนนี้ปฐมอโศก เขาเริ่มปรับปรุงโฉมใหม่ จนไฉไลกว่าเดิม

อย่างสมณะร่มเมือง  ยุทธวโรและคณะครู จัดขบวนการกลุ่มให้กับนักเรียนแต่ละชั้นปี จนมีศัพท์ใหม่ฮิตติดปากว่า "อย่า! ตกผลึก ทั้งครูและนักเรียน ช่วยติงเตือนกัน"

ผลก็คือ  กลุ่มเด็กๆ เริ่มมีความกระฉับกระเฉงขึ้น พี่ๆดูแลน้องอย่างอบอุ่น ดีใจด้วยนะฮะ

ข้างฝ่ายทีม ม.วช.และทีมคนวัด ก็ไม่แพ้เด็กนักเรียน เดินทางไปเข้าค่ายมหัศจรรย์ที่ภูผาฟ้าน้ำ ได้รับการแนะนำ ดูแลเอาใจใส่ จากท่านอาจารย์ ๑ จบค่ายแล้ว ลงจากเขามา แต่ละท่าน ก็หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เบิกบาน  บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ดี มีความสุข ถ้าอยากรู้ ก็ต้องไปดูเอง"...จี๊ดๆ

ทึ่งจริง...จิ้งหรีดได้ยินข่าวมาว่า  สส.สอ. อาภา ดวงพร  ชอบเปิดเทปธรรมะฟัง ช่วงลงฐานงาน จิ้งหรีด จึงรีบบิน ไปสังเกตการณ์ พบเธอกำลังขะมักเขม้น กับงานซ่อมกล่องเทป พร้อมกับเปิดเทปธรรมะ จากพ่อท่านฟังไปด้วย

เธอเผยให้จิ้งหรีดฟังด้วยรอยยิ้มอันสดใสว่า  "ชอบฟังพ่อท่านเทศน์ได้ทั้งความรู้ และ ความสบายใจ..." จิ้งหรีด ฟังแล้ว รู้สึก เขินจัง เด็กอาไร้ ช่างมีบุญจริงๆ ผู้ใหญ่หลายคน (รวมทั้งจิ้งหรีดด้วย)  ชอบฟังเพลง เพื่อความสบายใจ ต่อไปนี้ เห็นที จะต้อง คิดใหม่  ทำ(กรรม)ใหม่แล้วล่ะ ไม่ใช่อะไรดอก เดี๋ยวจะตามเด็กไม่ทัน  อายเขาแย่เลยนะแบบเนี่ย... จี๊ดๆ

ฟังจนเสียงแหบ...เมื่อมีการประชุม ถกปัญหากันในที่ประชุมคราใด ท่านดินดี สันตจิตโต  มักบ่นว่า  ฟังพวกเราพูดกัน จนเสียงแหบ  ทำให้บรรยากาศ การประชุม คลายความตึงเครียด ไปตั้งเยอะแน่ะ...จี๊ดๆ

ทนไม่ได้...คุณป้าลำไย (ป้าจนสนิท)  เป็นพี่เลี้ยง งานอบรมนิสิตบัณฑิตกองทุนหมู่บ้าน รุ่นที่  ๔  ที่ทักษิณอโศก  ทำให้นิสิต บางคน ในรุ่นนี้ได้คิดว่า  ตัวเขาหนุ่มสาวกว่าป้าตั้งเยอะ ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ให้สังคมเลย ก็เลยสัญญาว่า จะกลับมา ช่วยงาน เป็นพี่เลี้ยงช่วยป้าลำไยถึง ๓ คน และพวกเธอก็มาจริง ในรุ่นที่ ๕...จี๊ดๆ

ตัวแทนเอกทักษิณ...แม้ว่าคุณอำนวย  เอกทักษิณ จะไม่ค่อยได้ไปช่วยงานกลุ่มทักษิณอโศก  เพราะติดภารกิจ ดูแลภรรยา ๑ และ ลูกน้อย ๒ คนรวมทั้งคุณแม่ ที่ป่วยหนัก ก็ยังอุตส่าห์สนับสนุนน้องสาวที่ชื่อ เมี้ยว ไปช่วยงาน อบรมลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ทักษิณอโศก อยู่เสมอ ซึ่งก็มีญาติธรรมราว ๒๐-๓๐ คน มาช่วยงาน อยู่เป็นประจำ และทำงานกันหนักจริงๆ เมี้ยวช่วย ทำหน้าที่ เป็นแม่ครัว ก็สำคัญไม่เบาทีเดียว แม้เมี้ยวจะเคยผ่าตัดปีกมดลูกข้างหนึ่งมาแล้ว ทำให้ทำงานหนัก และยืนนานๆ ไม่ไหว ก็ต้องคอยระวังตัวเอง ดีที่มีเพื่อนซี้ อย่างคุณจินตนา ล้ำเลิศประเสริฐกุล ไปร่วมด้วยช่วยกัน กับเมี้ยวเสมอ  จี้งหรีด ถามแกนนำ ที่ช่วยงาน อยู่ทักษิณอโศกว่า "งานหนัก ลำบากใจไหม" ก็ได้รับคำตอบว่า เอกทักษิณ ส่งเมี้ยวมา เป็นอันใช้ได้ สาธุ...จี๊ดๆ

ลองใจ...ประมาณ  ๑๐ โมงเช้า ขณะที่คุณกรักท่านหนึ่งกำลังถืออาหาร เพื่อจะนำไปถวายสิกขมาตุ ที่ตึกแดง สันติอโศก ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา แล้วถามว่าจะนำอาหารไปให้ใคร  เมื่อทราบแล้วเขาก็บอกว่า "ผมจะเป็นลมอยู่แล้ว ยังไม่ได้ทานอะไรเลย"   คุณกรักก็เลยเอาอาหาร ที่ถือมานั้นให้เขา  แต่เขาปฏิเสธว่า เป็นอาหารที่จะนำไปถวายสิกขมาตุ จนคุณกรัก ได้อธิบาย ถึงความจำเป็นมากกว่าของเขา เขาจึงยอมรับอาหาร

แต่ครั้นพอคุณกรักเดินคล้อยหลัง  ชายคนนั้นก็เดินตามมา พร้อมกับพูดว่า "ผมขอบคุณมาก ผมไม่ได้หิวหรอก ผมแกล้ง ลองใจดูเท่านั้น ว่าคนที่นึ่ เขามีจิตใจอย่างไร"...จี๊ดๆ

๕ ส.มีผล...จิ้งหรีดไปเยี่ยมญาติธรรมที่ปากช่อง ก็ได้รับรายงานจากคุณหลั่น(พัชรี) แกนนำของกลุ่มว่า  เสร็จจากการขายของ ในช่วงนักเรียนเปิดเทอมแล้ว เศรษฐกิจด้านการค้าขายที่ร้าน หลังจากขายดี ก็ซบเซาลงทันที ยิ่งในช่วงฟุตบอลโลก ที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าที่ไหนๆส่วนใหญ่ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แย่! ทำให้การค้าขายตกลงมามาก คือ เงียบและขายของไม่ดี

แต่ทุกวันนี้คุณหลั่น มีความรู้สึกว่า ธรรมะช่วยให้เข้าใจสัจธรรมที่ว่า  "รู้ความจริง ตามความเป็นจริง"  ได้มากขึ้น เข้าใจจริต อันหลากหลาย ของมนุษย์ และปลดปล่อยปลงวางได้บ้าง

หลายครั้งที่รู้สึกปีติ   ฟูฟองใจ  ที่ตัวเองสามารถเสียสละได้มากขึ้น  แจกจ่ายแบ่งปัน(วัตถุ-ข้าวของที่เหลือ) ใช้ได้มากขึ้น ลดละ ความตระหนี่ -หวงแหนได้มากขึ้น ฯลฯ

กลับจากงานพุทธาฯ -ปลุกเสกฯปีนี้  ที่มีโอกาสไปได้ทั้ง ๒ งาน  ซึ่งก็หาโอกาสนี้ไม่ง่ายเลย ในหลายปีที่ผ่านมา ก็รู้สึกมีไฟ กับนโยบาย ๕ ส. โดยได้กลับมา สะสางข้าวของที่สะสม สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้อีก

การทำความดี การเสียสละ การแบ่งปัน การเกื้อกูลเอื้อเฟื้อ การทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น (ที่ไม่ใช่ญาติ)   มิใช่ว่า คนในบ้าน จะเห็นด้วยทั้งหมด ทั้งๆที่ตัวเองคิดว่า ประมาณกำลัง ความสามารถดีแล้ว  ว่าไม่ได้ทำความเดือดร้อน ให้ตนและผู้อื่น แต่ก็มี
ความรู้สึก สุขใจลึกๆ และพอเข้าใจผู้อื่น ที่ไม่เห็นด้วย  จนทำให้ตัวเองต้องทุกข์ สับสน หรือ คล้อยตาม ไปกับความคิด ของผู้ไม่เห็นด้วย

ที่จิ้งหรีดนำเรื่องนี้มา ก็เพื่อให้ชาวเรารู้การทำงานของชาวอโศกว่ามีผล   โดยเฉพาะจิ้งหรีด รู้สึกหายเหนื่อย แทนสมณะ และ สิกขมาตุ ที่รณรงค์เรื่อง  ๕  ส. (สะสาง สะอาด สะดวก สุขลักษณะ สร้างนิสัย) จริงๆนะฮะ...จี๊ดๆ

มรณัสสติ
นางบุญมาก  สิทธิพันธุ์ อายุ ๘๐ ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๙ ส.ค. ๔๕ ฌาปนกิจศพวันที่ ๑๓ ส.ค.๔๕ ที่ปฐมอโศก

นายสุเมธ ดีรัตนา อายุ ๘๑ ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๑๒ ส.ค.๔๕ ฌาปนกิจศพวันที่ ๑๓ ส.ค.๔๕ ที่ปฐมอโศก

ก่อนจากขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านฯที่ว่า
คนไม่ดี ส่วนมากจะเอาชนะคะคาน ส่วนคนดี จะไม่เอาชนะคะคานเลย

พบกันใหม่ฉบับหน้า

จิ้งหรีด

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชื่อ นางแก้ว นาคตระกูล
เกิด ปีมะเมีย อายุ ๗๒ ปี
ภูมิลำเนา ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
การศึกษา ป.๔
สถานภาพ ม่าย บุตร ๖ คน
ส่วนสูง
๑๕๙ ซ.ม. ส่วนสัด ๒๙-๒๖-๓๕ นิ้ว
น้ำหนัก
๔๒ กก.

 

ยายแก้ว  เป็นญาติธรรมของศาลีอโศก ปฏิบัติธรรมมานาน ยายเป็นคนขยัน  เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม มีลูกสาว มาบวช เป็นสิกขมาตุ อยู่กับชาวอโศกด้วย ไปรู้จักกับ ยายกันเลยนะคะ

ชีวิตลำบาก
มีพี่น้อง  ๔ คน ยายเป็นคนโต เกิดและโตที่บ้านตะคร้อ พ่อแม่ทำนา ยายกำพร้าพ่อ ตั้งแต่เล็กๆ  แม่หาเลี้ยงครอบครัว ตอนนั้นครอบครัวยากจน  และช่วงสงครามโลกครั้งที่  ๒ ข้าวยากหมากแพงหากินอัตคัตมาก ฝนฟ้าก็แล้ง ทำนาบางปี ก็ได้ข้าวพอกิน บางปีก็ไม่พอกิน  ต้องไปยืมข้าวเขา ต้องหาบคอนผักผลไม้ไปแลกข้าว  พอได้เลี้ยงน้อง เลี้ยงแม่

แต่งงานตอนอายุ  ๒๓ ปี พ่อบ้านเป็นคนบ้านเดียวกัน อายุเท่ากัน เขาเป็นคนดีมาก มีลูกด้วยกัน  ๖ คน (แต่คนโต เสียชีวิตไป ตั้งแต่เล็กๆ)  อยู่ด้วยกันไม่นาน เขาก็เสียชีวิต ด้วยโรคบาดทะยัก ลูกก็ยังเล็กๆ เสียใจมาก โชคดีที่พ่อบ้าน เป็นคนมีฐานะ ทิ้งไร่นา ไว้ให้ทำกิน พอได้เลี้ยงลูกมาได้ตลอด ไม่ลำบากเท่ากับ สมัยที่ยายอยู่กับพ่อแม่ โอ...ช่วงนั้น ลำบากจริงๆ

พบอโศก
ปี ๒๕๒๑ ท่านเดินดิน ติกขวีโรและท่านกระบี่บุญ มนาโป ได้จาริกไปแจกใบปลิวงานพุทธาฯ ที่หมู่บ้าน  ลูกสาวคนโต ชื่อลิ้นจี่ (ปัจจุบันคือ สม.พูนเพียร ชาวหินฟ้า) สนใจไปร่วมงาน ตอนนั้นยายไม่เห็นด้วย เพราะเขาลือกันว่า พระวัดป่า เป็นพระ คอมมิวนิสต์ แต่ลูกสาวก็ไปร่วมงาน แล้วสั่งเพื่อนบ้าน ที่กลับมาว่า   ขอให้ยายไปฟัง สักวันก็ยังดี แต่ยายก็ไม่ไป

เมื่อลูกสาวกลับมาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองหลายอย่าง  กินมังสวิรัติ  ยายก็ดูอยู่ ตอนนั้นซีอิ๊ว ก็ไม่รู้จัก เขาก็เอาเกลือ มาแช่น้ำ แทนซีอิ๊ว ยายก็ยังไม่กินตาม จน ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ครูอุดม พรหมสีดา(โยมพ่อสมณะเดินดิน ติกขวีโร) ซื้อผ้าอาบน้ำฝน ถวายพระ ยายก็ไปร่วมด้วย ได้ฟังธรรม ก็ยังไม่เข้าใจเท่าไรหรอก  แต่ลูกเราไม่กินเนื้อสัตว์ ยายก็หัดไม่กินบ้าง หมากก็กินมา ตั้งแต่เด็กๆ ก็เลิกหมดทั้งหมาก และเนื้อสัตว์ ก็เลิกได้ไม่ยาก หมากก็ค่อยๆลดๆ ค่อยๆละ จนเลิกได้ในที่สุด ก็ละมาได้ตั้ง
แต่ปลายปี'๒๑ จนถึงวันนี้

อนาคาริกกับบทฝึก
ไปๆมาๆระหว่างบ้านกับวัด  ต่อมาก็ตัดสินใจมาอยู่วัด เพราะอยู่บ้านก็วุ่นวาย ลูกคนนั้นก็จะเอาอย่างโน้นอย่างนี้  ก็คิดจะมา หาทาง สงบจิตสงบใจ  ปีแรกๆก็กลับไปบ้านบ้าง อยู่วัดบ้าง หนักเข้า ก็มาอยู่วัดเลย ก็อยู่มาได้ ๕ ปีแล้ว

มาอยู่วัดงานยุ่งงานเยอะก็จริง  แต่สบายใจนะ เมื่อก่อนยายยังแข็งแรง  งานที่วัดยายก็ทำทุกอย่าง ทั้งทำนาทำไร่ ไปกับเขาหมด ไม่ได้หยุด ทั้งที่ตอนนั้น กินข้าวมื้อเดียว ไม่เหน็ดไม่เหนื่อย เพิ่งมากิน ๒ มื้อก็ตอนป่วย แต่ตอนนี้ ก็กินมื้อเดียว

เมื่อมีการขัดแย้งกัน  ก็พยายามทำใจคิดว่า เขาก็เป็นคนอย่างนั้น พยายามหัดปล่อยวางที่ตัวเอง แล้วพิจารณา สังเกตดูว่า คนเราเกิดมา ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ต่างคนต่างจิตต่างใจ  จะให้เหมือนกันไม่ได้ จะให้ตรงใจเราไม่ได้  เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ยายเป็นคน ไม่ค่อยอะไร กับใครเท่าไรหรอก

ตอนยังไม่ปฏิบัติธรรมก็ขี้โมโห  ความโกรธ ความแค้นก็มาก  แต่มาปฏิบัติธรรมแล้ว พระสอนก็เข้าใจ  พยายามทำตามก็ดีขึ้น  เวลาโกรธ ก็ทำใจว่า โกรธเขาไม่ดี  ไม่สบายที่ตัวเรา  ทำให้เราไม่ดี หนักเข้าๆ ก็พาให้ร่างกายทรุดโทรม จะโกรธเขาไปทำไม  พยายามหัดไม่โกรธ ถ้าผิดใจกัน ก็เข้าไปเจริญธรรมเขาก่อน ขอโทษเขาว่า ฉันผิดไปนะ ฉันขอโทษนะ ก็ขอโทษเขาอย่างนี้

ทุกวันนี้
ไม่กลัวตายหรอก  แต่อยากจะอยู่ไปก่อน  แต่ถ้ามันถึงคราวก็เป็นไปตามวิบาก  ไม่ห่วงอะไรแล้ว  ห่วงแต่ชีวิตของเราว่า จะอยู่ดี หรือเจ็บไข้ ได้ป่วยอะไร  ก็พยายามดูร่างกายของเรา  ทรัพย์สมบัติ ก็แบ่งให้ลูกๆไปหมดแล้ว  ถ้าเป็นอะไร ก็อยู่วัดนี่แหละ ยายมั่นใจว่า พึ่งพากันได้

ทุกวันนี้มีความสุขอยู่กับการฟังธรรมะ  ถ้ามีทุกข์อะไรก็ไปพูดคุยกับสิกขมาตุบ้าง ท่านเป็นที่ปรึกษาได้ดี ตั้งแต่มีสิกขมาตุมาอยู่ ก็อบอุ่น มากขึ้น

เวลามีงานก็ไปช่วยต้อนรับ ช่วยร้องเพลง และวันสุดท้ายไปส่งผู้อบรมฯ ส่วนช่วงงานก็หาผัก  ต้มผักเลี้ยง ช่วงไม่มีงานอบรม ก็ดูแลสวนผัก รดน้ำ ช่วยทำปุ๋ยบ้าง

ความรู้สึกกับสิกขมาตุ
ตอนท่านมาบวชก็เฉยๆ  แต่พอลับหลังลูก ก็ร้องไห้คิดถึงลูก แต่ต่อหน้าก็ไม่แสดงอะไร ก็ดีใจที่ท่านบวชได้ไปดี เจอกันก็คุย วางใจได้สบาย ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกก็มี  มันไม่ขาดหรอก จะให้ห่วงนั้น ไม่ห่วง เพราะห่วงชีวิตเรามากกว่า ว่าอยู่ไป เราจะทำดีได้มากแค่ไหน ก็จะทำไป เท่าที่เราจะทำได้

ฝาก
ขอฝากว่า ลูกหลานที่ได้อ่านแล้ว ถ้าใครอยากทำตามก็ให้ทำตาม เพราะยายก็เป็นคนมาอย่างนี้แหละ ก็แค่นี้แหละ

ไม้ใกล้ฝั่งต้นนี้ไม่ย่อท้อต่อการทำความดี สั่งสมบารมีให้กับตัวเอง ยายชัดเจนแล้วในเส้นทางสายนี้  แล้วท่านล่ะ จะรอให้ถึงวัน ที่เราเลือกไม่ได้แล้วหรือ จึงจะชัดเจนกับชีวิตว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร? กำลังสั่งสมอะไร? กุศลหรืออกุศล.

บุญนำพา รายงา

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


กระทรวงสาธารณสุข, ชมรมเจ
ร่วมกับชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย
จัดมหกรรมมังสวิรัติ ณ สวนไผ่สุขภาพ

เมื่อวันที่ ๒๓-๒๘ ก.ค. ๔๕ ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย, ชมรมเจ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จัดงาน "มหกรรมมังสวิรัติ ๒๕๔๕" ณ สวนไผ่สุขภาพ ถ.พหลโยธิน มีสโลแกนว่า "เข้าพรรษา เมตตาสรรพสัตว์ กินมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพ"

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อสร้างประเพณีการรับประทานอาหารมังสวิรัติในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ให้ประชาชน ได้ปฏิบัติบูชา สร้างกุศลเพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมกันทำความดีน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เพื่อปลุกจิตเมตตา ไม่เบียดเบียนชีวิตเพื่อนร่วมโลก และให้ประชาชนมีสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ที่ดีขึ้น เพื่อส่งเสริม ให้ประชาชนกินของไทย ใช้ของไทย และ ร่วมใจกันประหยัด

กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐-๒๐.๐๐ น.ของทุกวัน อาทิ สาธิตการทำอาหารเพื่อสุขภาพง่ายๆ สาธิตการออกกำลังกาย เช่น โยคะ แอร์โรบิค ชี่กง มีคลินิค "ภูมิปัญญาสามประสานแห่งเอเชีย" นอกจากนี้ มีออกร้าน ตลาดนัดสุขภาพ เช่น อาหารมังสวิรัติ เพื่อสุขภาพ อาหารมังสวิรัติสำเร็จรูป เป็ดเจ ไก่เจ ไส้กรอกเจ มีร้านผัก ผลไม้ไร้สารพิษ จากเครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษ แห่งประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ จากชุมชนต่างๆ และจากโครงการพระราชดำริ

ภาคเวที มีการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ จากมูลนิธิฯ ชมรมฯ และกระทรวจสาธารณสุข เช่น นพ.เฉก ธนะสิริ บรรยายเรื่อง "ทำอย่างไรถึงจะอยู่ ๑๒๐ ปี" ดร.สุริยัน บุญนาคค้า บรรยายเรื่อง "มหันตภัยจากสารเคมี" เป็นต้น

๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. การแสดงดนตรี และการแสดงพื้นบ้าน รีวิวประกอบเพลง ฯลฯ จากนักเรียน สัมมาสิกขา ของชาวอโศก ให้ชมกัน ทุกวันด้วย


เด็กเลวเพราะผู้ใหญ่ชั่ว

คนอายุ   ๒๙-๓๐  ปี  สามารถไปเป็นผัวเด็กเล็กๆ  ได้ไม่รู้ว่าเขาคิดได้อย่างไร เพราะอยู่ในวัย ที่ไม่เหมาะสม เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งต่อไปนี้ ในวันข้างหน้า เด็กวัยรุ่นใจแตกจะเพิ่มมากขึ้น  เพราะมีสิ่งเย้ายวนใจเพิ่มมากขึ้น  วิดีโอ ซีดี หนังสือโป๊ มีวางอยู่ อย่างเกลื่อนกลาด หาซื้อได้ง่ายยิ่งกว่าผักปลาในตลาดสดเสียอีก ราคาก็ไม่แพงเสียด้วย รวมทั้งหนังสือพิมพ์ หลายฉบับ ที่เป็นตัวชี้นำ เสนอภาพโป๊ บนหน้าหนึ่ง ข่าวพระดีๆ กลับไปอยู่หน้าใน

ไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ พี่น้องเท่านั้น แต่คนไทยทุกคนต้องช่วยกันหยุดยั้งความใจแตกของลูกหลาน ผู้ชายที่อายุมากๆ ก็อย่าไปยั่ว อย่าไปกระเซ้า เย้าแหย่ อย่าไปเกี้ยวพาราสี  อย่าไปกระตุ้น ต่อมตัณหาเด็ก ให้เด็กมันใจแตกเร็ว ให้คิดย้อนกลับมาถึง ลูกหลาน ของเราด้วย ว่าหากลูกหลานเรา ถูกกระทำบ้าง จะเป็นเช่นไร

อย่าหาความสุขจากเด็กที่อ่อนเยาว์ อย่าฉวยโอกาสจากผู้ขาดความรู้และขาดประสบการณ์ รวมทั้ง อย่าใช้เงิน ล่อซื้อความสุข ทางอารมณ์ทางเพศ เพราะจะเป็นตราบาป ของเขาติดตัวไป ตลอดชีวิต

เด็กใจแตกเริ่มจากการเที่ยวเตร่  ขนาดเด็กที่วัดของอาตมาซึ่งอยู่ในวัดแท้ๆ มีพระคอยอบรมสั่งสอน  เด็กยังใจแตกเลย แค่ ม.๑-ม.๒ เท่านั้น ก็ตั้งท้องและมีลูก วันๆหนึ่ง มีแต่เรื่องจะมั่วกับ ผู้ชายอย่างเดียว

มันลำบากที่จะตามไปดูแลถึงโรงเรียน   พอไปโรงเรียนเพื่อนกลับลากไปเที่ยวต่อที่ห้าง และก็ถูกพวก ไม่มีการศึกษา รวมทั้ง พวกที่มีการศึกษา แต่ไร้คุณธรรม ฉวยโอกาสใช้เงินฟาดหัว ปล้นเอาความสาว ความไร้เดียงสา

ที่เลวร้ายไปกว่านั้น  คือ ความวิปลาสทางสังคม พี่ชายกับน้องสาวหรือพี่สาวกับน้องชาย  ชวนกันเล่นเรื่องทางเพศ ฝ่ายพี่ เป็นคนชวน ฝ่ายน้องก็ยินดี ที่จะเล่นกับพี่ด้วย ที่วัดนี้มีญาติโยม เอาลูกชายมาฝากหลายคน  เพื่อที่จะแยกให้ห่างจากกัน  ที่เป็นเช่นนี้ เพราะปัญหา ภายในครอบครัว

"พระอาจารย์พุทธทาส" เคยสอนไว้ว่า อินเทอร์เน็ต เวบไซต์ คอมพิวเตอร์ มันคือไอ้ยักษ์ตาบอดที่กัดกินศีลธรรม และวันนี้ มันก็เป็นจริง อย่างที่ท่านเคยพูดไว้

พระพยอม กลฺยาโณ
(จาก น.ส.พ.คม ชัด ลึก วันพุธที่ ๑๔ ส.ค.๔๕)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ผู้รักชาติรวมพลังขอพบนายกฯ คัดค้าน ส.ส. ส.ว. ขึ้นเงินเดือนในขณะที่ประเทศชาติยังมีหนี้สิน!

เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ ส.ค. ๔๕ พี่น้องประชาชน และ พรรคเพื่อฟ้าดิน กว่า ๓๐๐ ชีวิตจากทั่วประเทศ ร่วมแสดงเจตนารมณ์ คัดค้าน การขึ้นเงินเดือนของ ส.ส., ส.ว. นับเป็นงานเปิดตัวพรรคเพื่อฟ้าดินสู่สังคมวงกว้างอย่างเป็นทางการ ภายใต้การนำ ของหัวหน้าพรรค น.ส.ขวัญดิน สิงห์คำ, เลขาธิการพรรคฯ นายแก่นฟ้า แสนเมือง และคณะทำงาน พรรคเพื่อฟ้าดิน

๐๗.๓๐ น. เริ่มตั้งแถวที่ท้องสนามหลวง เดินผ่านถนนราชดำเนิน เลี้ยวซ้ายผ่านหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง ไปยังลาน พระบรมรูปทรงม้า ตัดตรงไปทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และ ประธานรัฐสภา ตามลำดับ

ขบวนเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน ที่กำลังสัญจรไปมาในช่วงเวลาเริ่มงานของวันใหม่ ผู้ปกครองที่มาส่งลูกเข้าเรียน พ่อค้า แม่ค้าหาบเร่ รถเข็น ตลอดจนประชาชนที่ขับขี่ยวดยานบนท้องถนน รวมทั้งรถร่วมขสมก. ต่างก็มองดูป้าย คำความ คัดค้าน การขึ้นเงินเดือนของ ส.ส., ส.ว. ในครั้งนี้ด้วยความสนใจ บางท่านยกมือส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจ ตอบรับ การโบกธงทิว ของชาวเรา อีกฟากถนน

รถโมบายล์ที่เปิดเพลง "คนสร้างชาติ" นำขบวนอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน เป็นสื่อจูงความสนใจ จากประชาชน มาสู่ขบวน ที่เคลื่อนที่มา ด้วยความสงบ สุภาพ ง่ายงาม บ่งบอกถึงพลังแห่งความจริงใจ กระตือรือร้น ตรงไปตรงมา ผู้พบเห็นบางคน ส่งยิ้มให้ พูดให้กำลังใจ สนับสนุน ให้ทำดีอย่างนี้ ต่อไปอีกนานๆ

ประชาชนขอธงทิวและแผ่นปลิวแถลงการณ์จากเราด้วยท่าทียิ้มแย้ม แสดงความเห็นด้วย ต้องการมีส่วนร่วม ตามสองข้าง และ สี่แยกไฟแดง ที่เราเดินผ่าน โดยไม่มีผู้แสดงความไม่เห็นด้วย หรือต่อต้านแม้สักราย

ขบวนของเราเดินไปถึงทำเนียบรัฐบาล เวลา ๐๘.๐๐ น. ฝนเริ่มตกลงมาและตกหนักขึ้น แต่คณะของเรา ยังยืนด้วยความสงบ ที่ถนนฝั่งตรงข้าม ทำเนียบรัฐบาล จนคณะตัวแทนได้เข้าไปติดต่อตำรวจ ที่ทำหน้าที่อยู่ หน้าทำเนียบรัฐบาล พบกับ สวส. สน. ดุสิต บริการดีมาก ช่วยเหลือประสานทุกอย่าง ตลอดเส้นทาง เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวแทนของเรา เข้าไปยังห้องรับรอง และถาม เจตนารมณ์ ในการเดินขบวนในครั้งนี้ หน.พรรรคได้ชี้แจง และให้เลขาธิการพรรค แจ้งในรายละเอียด จากนั้น ก็แสดงความจำนงว่า จะยื่นหนังสือต่อ พณฯนายกรัฐมนตรีโดยตรง แต่เนื่องจาก พณฯนายกรัฐมนตรี ยังไม่เข้ามาทำงาน และ เลขาธิการนายก ก็เดินทางไปกับนายกฯ จึงได้ฝากหนังสือไว้กับตัวแทน จากนั้นตัวแทนทั้งหมด ก็ออกมาสมทบ กับขบวน และร่วมกันร้องเพลง คนสร้างชาติ ก่อนออกเดินทางไปยังรัฐสภา

เมื่อขบวนเดินทางมาถึงหน้าวัดเบญจมบพิตร โชคดีมาก ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จผ่านมาพอดี เราจึงหยุดรับเสด็จ จากนั้น ก็เดินไปยังรัฐสภา ผ่านทางพระบรมรูปทรงม้า

ตัวแทนของเรา ยืนยันจะขอพบประธานรัฐสภา ซึ่งทางตำรวจรัฐสภา ก็พยายามประสานให้จนได้พบ เมื่อพบกับคณะของเรา หน.พรรคแนะนำตัว พร้อมแจ้งเจตนารมณ์ ในการมายื่นหนังสือในครั้งนี้ ท่านประธานรัฐสภา พูดความเห็นของท่าน มากมายหลายประการ ล้วนแต่สนับสนุน ให้ขึ้นเงินเดือน ส.ส., ส.ว. ทั้งสิ้น โดยไม่เปิดโอกาส ให้คณะเรา ได้พูดเลย ตัวแทนของเรา ฟังอยู่นาน เห็นว่าถ้าไม่แทรก คงไม่ได้แสดงความเห็นแน่ๆ จึงขอโอกาสพูดบ้าง โดยพูดคนละประเด็น เมื่อพูดได้ ๓ ประเด็น ท่านประธานฯ ก็หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว จนลืมรับไหว้ จากนั้นตัวแทนทั้ง ๑๐ คน ออกมา สมทบ กับขบวน ร่วมร้องเพลง "คนสร้างชาติ" แล้วจึงเดินทางกลับ สำนักงานใหญ่พรรค และประชุมสรุปงาน ในเวลา ๑๓.๐๐ น.

ผลงานครั้งนี้ แม้ประธานรัฐสภาจะพูดแสดงท่าทีตรงข้ามต่อเจตนารมณ์ที่เราเสนอไว้ ในแถลงการณ์นั้น แต่ก็บอกว่า อำนาจในการตัดสินใจ ขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ เป็นของฝ่ายบริหาร หรือคณะรัฐบาล พรรคเพื่อฟ้าดิน ถือว่าเราก็ได้ ออกมา เคลื่อนไหว แสดงสิทธิ-หน้าที่ ของประชาชนคนไทยแล้ว และเราได้ประกาศไว้แล้วว่า เราจะเคลื่อนไหวต่อไป ในทั่วทุกภาค ของประเทศไทย ไม่หยุด ทั้งโดยสมาชิกพรรคเอง และสื่อบอกพี่น้องประชาชน ที่เห็นด้วย ให้มาร่วมด้วยช่วยกัน ใน ๓ ทาง คือ

๑. ทำแผ่นป้ายคัดค้านติดไว้ตามสถานที่ต่างๆที่เหมาะควร เช่น หน้าบ้านของเรา หรือหมู่บ้านของเรา
๒. ติดธงทิวไว้ตามรถ ร้านค้า สถานที่ที่เหมาะควร แสดงความไม่เห็นด้วย
๓. เขียนไปรษณียบัตรหรือจดหมาย แสดงความคัดค้านการขึ้นเงินเดือนของ ส.ส., ส.ว. โดยจ่าหน้าถึง พณฯ นายกรัฐมนตรี ผู้นำคณะรัฐบาล

ทั้งนี้เพื่อสื่อบอก และพิมพ์แถลงการณ์เผยแพร่ต่อผู้มีอำนาจบริหารของประเทศชาติ ให้ทราบถึงสิทธิ อันพึงได้ พึงมี พึงเป็น ของเรา ในฐานะประชาชนคนไทย และหน้าที่อันชอบธรรม ในการตรวจสอบ การทำงานของรัฐบาล

ในที่สุดเราเพียงแต่หวังว่า บทเรียนวิชาหน้าที่พลเมือง ที่เราพาลูกหลาน เยาวชนอโศกพันธุ์ใหม่ของเรา เรียนรู้ ด้วยการ ปฏิบัติจริง ในสังคมชีวิตจริงๆ จะเป็นบทเรียนรู้ อันสำคัญ ที่ลูกหลานจะได้เก็บเกี่ยว ประสบการณ์ที่ได้นี้ ไปเป็นทุน ทางสังคม ที่เข้มแข็ง ในอนาคตสืบไป

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รับเพื่อนใหม่กลุ่มรามบูชาธรรม

เมื่อวันที่ ๒๖-๒๘ ก.ค. ๔๕ กลุ่มรามบูชาธรรม จัดงานรับเพื่อนใหม่ปี ๒๕๔๕ สองคืน สามวัน ณ พุทธสถานสันติอโศก โดยมีการ ติดประกาศ รับสมัครล่วงหน้า ๑ เดือน ที่หน้าแผง ๒๒ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปรากฏว่า มีผู้มาลงชื่อทั้งหมด ๑๔ คน แต่มาจริงๆ ๙ คน ประมาณบ่ายโมงของวันที่ ๒๖ ก.ค. ทีมงานจึงพาเพื่อนใหม่ ขึ้นรถเมล์มุ่งหน้าสู่สันติอโศก โดยมี ชาวชุมชน ผู้อายุยาว ให้ความอนุเคราะห์และเป็นกำลังใจในการจัดงานครั้งนี้ หลายคนประทับใจ ทั้งเพื่อนใหม่ และเพื่อนเก่า ติดตามรายละเอียด ของงานได้ ในสารอโศก

พ่อท่านเทศน์ที่บ้านตะวันใหม่ สมุทรปราการ

เมื่อวันอังคารที่ ๓๐ ก.ค. ๔๕ เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง พ่อท่านเดินทางพร้อมสมณะ ๓ รูป ไปเทศน์อบรมเด็กติดยา และ เด็กด้อยโอกาส ที่บ้านตะวันใหม่ (มูลนิธิ ปปส.) อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ มีเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาล-มัธยม และเด็กวัยรุ่น ที่พักฟื้นติดยา รวมประมาณ ๕๐ คน พ่อท่านพูดคุยแบบเป็นกันเอง พูดถึงเรื่องกรรมวิบาก, ทรัพย์แท้ ทรัพย์เทียม โดยมี ทีมงาน ถ่ายวิดีโอ ของมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน ถ่ายเก็บภาพ ๕ โมงเย็น จึงเดินทางกลั

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ครบรอบ ๑๐ ปี ชมร.เชียงใหม่
พ่อท่านและสมณะผู้ใหญ่ โทรศัพท์ให้พรสดๆ
อนุโมทนาที่แจกอาหารฟรีได้ทุกเดือน

เมื่อวันศุกร์ที่ ๒ ส.ค. ๔๕ ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดเชียงใหม่ (ชมร.ช.ม.) ทำบุญครบรอบ ๑๐ ปี ได้นิมนต์ สมณะจากพุทธสถาน ภูผาฟ้าน้ำจำนวน ๙ รูป มาฉันภัตตาหาร และแสดงธรรม นอกจากนี้ มีการแจกอาหารฟรี ทั้งทางที่ร้าน และนำกลับไปบ้าน แก่ทุกท่าน ที่มารับประทานอาหารในวันนี้ เวลาประมาณ ๐๙.๑๐ น. ได้กราบนิมนต์พ่อท่าน สมณะ โพธิรักษ์ จากพุทธสถาน ราชธานีอโศก (บ้านราชฯ) เทศน์ทางโทรศัพท์ เนื่องในวาระนี้ด้วย

บรรยากาศในวันนี้ อบอวลไปด้วยรอยยิ้มของทุกๆคน ลูกค้าและญาติธรรมทยอยเข้ามาในร้าน ญาติธรรมหลายคน นำข้าวหม้อ แกงหม้อ พืชผักผลไม้ ไร้สารพิษ มาร่วมบุญ ช่วยกันจัดอาสนสงฆ์ บริเวณน้ำตก ด้านหน้าของร้าน และปูเสื่อ หน้าบริเวณ อาสนสงน์ สำหรับญาติธรรม และลูกค้าที่สนใจ นั่งฟังธรรม และรับประทานอาหาร

ประมาณ ๐๘.๔๕ น. สมณะเดินดิน ติกขวีโร โทรศัพท์จากบ้านราชฯ หลังจากทางชมร.ช.ม.โทร.ไปนิมนต์ โดยท่านได้ แสดงความยินดี ที่ครบรอบ ๑๐ ปี มีความเจริญก้าวหน้า สามารถปรุงอาหาร ด้วยผักไร้สารพิษ และมีการ แจกอาหารฟรี ทุกเดือน ฝากย้ำให้ดูแลสุขภาพ หลังจากนั้น สมณะบินบน ถิรจิตโต อาจารย์ ๑ นำสวดมนต์ไหว้พระ สมณะเก้าก้าว สรณีโย แสดงธรรม ให้ข้อคิด กำลังใจ จนถึงเวลา ๐๙.๑๐ น. พ่อท่านได้เทศน์ให้โอวาทว่า ให้แต่ละคนพัฒนาตัวเอง และดูแล สุขภาพด้วย ๗ อ. คือ อิทธิบาท อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย เอนกาย(พักผ่อน) และ เอาพิษออก พร้อมกับ การทำงาน สู่สังคมรอบกว้าง ด้วยเมตตาวิธี จนเกิดสังคมร่วมมือ และกล่าวว่า ขณะนี้ชาวอโศก มีชมรมอายุ ๑๕๐ ปี ชีวีแข็งแรง หลังจากนั้นอาจารย์ ๒ และ ๑ แสดงธรรมต่อ จากนั้นคุณพ่อไพโรจน์ ภัทรโกศล ผู้บริจาคที่ดินสร้าง ชมร.ช.ม. กล่าวแสดง ความยินดี หลังจากนั้น ผู้รับใช้ ชมร.ช.ม. นางหนึ่งในธรรม บุญยัง มอบของที่ระลึก แด่คุณพ่อไพโรจน์ แล้วรับประทาน อาหารร่วมกัน น.ร.ชั้นประถมฯ ร.ร.สัมมาสิกขา ภูผาฟ้าน้ำ ฟ้อนภูผาฟ้าน้ำให้ชม ๒ รอบ เช้า-บ่าย

นอกจากนี้ทางร้านได้จัดเต็นท์ล้างจาน ล้างใจ สำหรับลูกค้าที่ต้องการจะร่วมบุญในครั้งนี้ ด้วยการล้างภาชนะ ของตนเอง ประมาณ ๙๙% ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งชาวไทย และต่างประเทศ สำหรับลูกค้า ที่ต้องการนำอาหาร กลับไปบ้าน ก็ได้นำภาชนะ มาใส่เอง

พืชผักผลไม้ที่ญาติธรรมนำมาร่วมงานในครั้งนี้ ประเมินเป็นราคาได้ ๕,๑๕๕ บาท บางท่านได้ส่งธนาณัติ และบริจาคเงิน สมทบกองทุน บุญนิยมระดับ ๔ เพื่อใช้จ่ายในการแจกอาหารฟรี ทุกเดือนด้วย

บ่าย ๒ โมง หยุดบริการ ช่วยกันเก็บล้าง เก็บหาง เสร็จแล้ว ร่วมกันสรุปงาน อาจารย์ ๑ เป็นประธาน

ชมร.ช.ม. ตั้งอยู่เลขที่ ๔๒ ถ.มหิดล ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๕๐๐๐ โทร. ๐๕๓ - ๒๗๑๒๖๒ เปิดบริการ ตั้งแต่เวลา ๖ นาฬิกา ถึงบ่าย ๒ โมง หยุดเสาร์-อาทิตย์ ใข้คูปอง ในการแลกซื้ออาหาร คูปองที่ใช้ไม่หมด ไม่สามารถแลกคืนเป็นเงิน แต่สามารถ เก็บไว้ใช้ได้ ตลอดไป

สำหรับความเป็นมาของ ชมร.ช.ม. เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖ โดยญาติธรรมได้ร่วมกันทำงานฟรี เช่าสถานที่ เปิดร้าน จำหน่าย อาหารมังสวิรัติ ชื่อว่า ศาลามังสวิรัติ ๕๔ อยู่บริเวณแจ่งหัวริน ต่อมานายไพโรจน์ ภัทรโกศล ได้บริจาคที่ดินจำนวน ๑ ไร่ (ขณะนั้น ราคาประมาณ ๑๕ ล้านบาท) เพื่อเป็นสถานที่ก่อสร้างร้าน โดยสร้างเป็นทรงไทยล้านนา ชั้นเดียว ปี พ.ศ.๒๕๓๖ จึงย้ายมาจำหน่ายที่นี่ จนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี ชมร.ช.ม. มีอัตราความก้าวหน้า ที่น่าสนใจ ดังนี้

๑.ลูกค้าช่วยเช็ดโต๊ะหลังจากรับประทานเสร็จแล้ว นอกเหนือจากนำภาชนะที่รับประทานเสร็จแล้วไปคืน ในที่ที่ทางร้าน จัดไว้ให้

๒.ทุกเที่ยงวัน ลูกค้าให้ความร่วมมือหยุด ๑ นาทีเพื่อรำลึกถึงสันติภาพ

๓.ลูกค้าให้ความร่วมมือ งดใช้ถุงพลาสติกใส่อาหาร โดยนำภาชนะมาใส่อาหารเอง เมื่อต้องการซื้อกลับไปบ้าน

๔.ทางร้านปรุงอาหารด้วยผักไร้สารพิษและผักป่า จากดอยแพงค่า

๕.ทางร้านแจกอาหารฟรีเดือนละ ๑ ครั้ง (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๖)

๖.เกิดกองทุน บุญนิยมระดับ ๔ เพื่อใช้จ่ายในการแจกอาหารฟรี ของทุกเดือน

๗.ร่วมมือกับเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ เปิดร้านกู้ดินฟ้า สาขาที่ ๔ จำหน่ายพืชผักผลไม้ และเต้าหู้ไร้สารพิษ ภายในร้าน

๘.แจกอาหารฟรีทั้งรับประทานในร้านและนำกลับบ้าน ในวันครบรอบ ๑๐ ปี

ในส่วนของผู้รับใช้ ที่เสียสละทำงานฟรีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน มีรายชื่อดังต่อไปนี้

นายกลั่นฟ้า อโศกตระกูล, น.ส.ต้นกล้า มากสุข, นายเมืองหิน ลือโขง, นายมาณพ รักพงษ์อโศก, นายไพร จริยา, นายฟ้ารู้ รังสรรค์ (ปัจจุบันคือ สมณะฟ้ารู้ นโภคโต), พ.ต.ต.สุรศํกดิ์(บุญโพธิ์) อินตานนท์ (ถึงแก่กรรมแล้ว), นางใบจริง นาวาบุญนิยม(เป็น ๒ สมัย) และนางรัตนาภรณ์(หนึ่งในธรรม) บุญยัง เป็นผู้รับใช้ สมัยที่ ๓

คุณพ่อไพโรจน์ ภัทรโกศล ได้เปิดเผยความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานว่า "เมื่อก่อนมาช่วยที่ชมร.เป็นประจำ ต่อมาล้มป่วย สุขภาพ ไม่ค่อยแข็งแรง จึงไม่ค่อยได้มาช่วย แต่ถ้ายังมาได้ ก็จะพยายามมา ขอขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยเหลือ การงานของชมร. ด้วยดีเสมอมา"

นายสุรเดช สมบูรณ์ ลูกค้า "สถานที่ของที่นี่สะดวก สบาย เป็นธรรมชาติ อาหารก็อร่อยเหมือนทุกวันเลยครับ ผมเห็นคนสูงอายุ มาช่วยตักอาหาร ผมว่าดีมากครับ เพราะทำให้คนแก่ เขามีความสุข ไม่เหงา อยากเชิญชวน ให้หันกลับมา ทานผักกันเพิ่มขึ้น เพื่อสุขภาพ เนื้อวัวควายเลี่ยงได้ก็ดี เพราะเป็นสัตว์มีบุญคุณ"

ด.ต.ใจศรี ปันทะ ลูกค้า "มาทานที่นี่ประจำ บรรยากาศครึกครื้นดีครับ ผักป่าปรุงอาหาร รสชาติดีมากเลยครับ หาทานยาก"

คุณใบไม้ สุทธิชีวะ ผู้ช่วยงาน ตั้งแต่ศาลาฯ ๕๔ ถึงปัจจุบัน "เห็นความเจริญขึ้นเรื่อยๆ มีคนมาอุดหนุนมากขึ้น มีคนเข้ามา ทำงานฟรีเพิ่มขึ้น"

นางบัวดาว พรมเลิศ รอง ผรช.ชมร.ช.ม. "จะว่าไปเหนื่อยกว่าเมื่อก่อนนะ แต่จิตใจสบายขึ้น วางใจได้มากขึ้น ผิดกับเมื่อก่อน แบกไปสาระพัด แต่ทุกวันนี้สบาย เชื่อมั่นในหมู่กลุ่มเต็มร้อยค่ะ และภาคภูมิใจ ที่ร้านเลิกใช้ถุงพลาสติก ใส่อาหาร ใช้ผักป่าปรุงอาหาร และแจกฟรี ได้ทุกเดือน"

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

รู้เขารู้เรา- เศษเหล็ก

เขตปลอดบุหรี่ได้ผลคุ้มค่า

สิงห์อมควันที่คาดว่ามีจำนวนสูง ถึง ๑,๒๐๐ ล้านคนทั่วโลก รวมถึงสูบซิการ์และสูบไปป์ อาจจะไม่ชอบ งานวิจัยล่าสุด ที่ออกมาเปิดเผย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มาตรการกำหนดเขตปลอดบุหรี่ ในที่ทำงาน ช่วยให้คนเลิกบุหรี่ ได้ดีกว่า การเพิ่มภาษี สรรพสามิตบุหรี่

แต่เศษเหล็กก็เห็นว่า ไม่ว่ามาตรการใดที่ช่วยให้คนเราเห็นโทษภัยของบุหรี่เพิ่มขึ้น ย่อมเป็นผลดี ที่จะช่วย ให้คนเลิก สูบบุหรี่ มากขึ้น

(คัดบางส่วนจาก น.ส.พ. คม ชัด ลึก เรื่อง เขตปลอดบุหรี่ได้ผลคุ้มค่า ฉบับ อ. ๓๐ ก.ค. ๔๕)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

ครัวอโศก ชวนชิม
มะระขี้นก ทำน้ำผักสุขภาพ

พบกันอีกแล้วค่ะ เจอกันงวดนี้`ชวนชิม'ไปอ่านเจอเรื่องของ "มะระขี้นก" ทำน้ำผักสุขภาพ  จากน.ส.พ.ไทยรัฐ  ฉบับวันที่ ๒๖ ก.ค.๔๕  เลยอยากนำมาฝาก ให้ญาติธรรมที่สนใจได้ทดลองทำ  เผื่อคนในบ้านหรือญาติสนิท มิตรสหายของท่านใด เป็นโรค
เบาหวาน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

ผักพื้นบ้าน  จะมีสรรพคุณทางสมุนไพรในตัว นอกจากรับประทานอร่อย  ยังเป็นยารักษาโรคต่างๆด้วย  ซึ่ง "มะระขี้นก" ถูกจัดอยู่ในจำพวก ดังกล่าวเช่นกัน แต่เนื่องจากเป็นผักที่มีรสขม   จึงมีผู้นิยมรับประทานกันน้อยมาก  เพื่อตัดปัญหาความขม และ รับประทานอาหารยาก  จึงขอแนะนำ วิธีทำเป็นน้ำผักสดดื่ม เพื่อสุขภาพ แบบง่ายๆ ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ครบทุกอย่าง

ส่วนผสม  มีเนื้อ "มะระขี้นก" ๓๐ กรัม ใบเตยหอมแห้ง ๑๕ กรัม น้ำสะอาด ๒๐๐ กรัม เกลือป่น ๑ กรัม และน้ำมะนาว ๑๕ กรัม จากนั้นนำ "มะระขี้นก"ล้างสะอาด ผ่าซีกแกะเอาเมล็ดออกให้หมด  หั่นเป็นชิ้นบางๆ ตามขวางของผล นำใบเตยหอม หั่นเป็นท่อนสั้นๆ  คั่วให้เหลืองกรอบ  เอา "มะระขี้นก" ใบเตยหอม น้ำ  ใส่หม้อต้มให้เดือด  ยกลงแล้วกรองด้วย ผ้าขาวบาง เทน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากันดี ตักดื่ม วันละ  ๒-๓ แก้ว ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะมีรสขม เพราะแก้ไขด้วยการเอา ใบเตยหอม และน้ำมะนาว ผสมช่วยให้ดื่มง่ายขึ้น  ช่วยกลบความขมของ "มะระขี้นก" ได้มาก

ประโยชน์   และสรรพคุณที่ได้จากการดื่ม  "น้ำมะระขี้นก"  คือ   มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา    ช่วยลดการเกิด ต้อกระจก ซึ่งเป็นอาการ จากโรคเบาหวาน ช่วยเจริญอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด ลดไข้ แก้อาการข้ออักเสบ และบำรุงน้ำดี

มะระขี้นก  หรือ BITTER CUCUMBER MOMORDICA CHARANTIA LINN.  อยู่ในวงศ์  CUCURBITACEAE เป็นไม้เถา มีมือเกาะ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปฝ่ามือ ขอบใบ เว้าเป็นแฉก ๕-๗ แฉก สีเขียวสด

ดอก  เป็นสีเหลืองสด ออกเป็นดอกเดี่ยว ตามซอกใบ เป็นดอกแยกเพศบนต้นเดียวกัน "ผล" รูปกระสวย ผิวขรุขระ มีรสขม รับประทาน เป็นอาหารได้ ภายในมีเมล็ด นิยมเอาผล และยอด ลวกจิ้มน้ำพริกต่างๆ  ดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด มีชื่อเรียกอีกคือ ผักเหย, ผักไห, มะร้อยรู, มะห่อย และ มะไห่

ตำรายาไทย  ใช้เนื้อผลเป็นยาขมเจริญอาหาร บำรุงน้ำดี  แก้โรคของม้ามและตับ ขับพยาธิ น้ำคั้นจากผล เป็นยา ระบายอ่อนๆ แก้ไข้ อมแก้ปากเปื่อย ปากเป็นขุย การทดลองในสัตว์พบว่า สารสกัดจากเนื้อผล มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด สามารถต้านไวรัส และเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ในหลอดทดลอง  แพทย์ชนบท ใช้ผลกินแก้เบาหวาน  ลดน้ำตาลในเลือด แก้ปวดเข่า ม้ามอักเสบ ผลสุก คั้นน้ำทาหน้าแก้สิว แพทย์จีนใช้ผลตำพอกฝี แก้บวม แก้เจ็บปวดอักเสบ ใบเถากินแก้ไข้ ดับพิษร้อนดี"

ตัว`ชวนชิม'เองก็เคยชิมตามสูตรข้างต้นแล้ว  ก็รู้สึกว่าดื่มได้ไม่ลำบากแม้จะยังมีรสขมอยู่บ้างก็ตาม ส่วนใครมีสูตร ทำน้ำ มะระขี้นก ได้เด็ดกว่าจะเขียนมาเล่าสู่ กันฟังบ้างก็ยินดีอย่างยิ่งค่ะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

แจกยิ้ม
ริมรั้ววัด

ยุคนี้เรื่องที่มาแรง แซงโค้งใครๆ เห็นจะเป็นเรื่องดี๊ดี ก็ดีท็อกซ์ไง

เช้าวันหนึ่งที่ปฐมอโศก

สมณะ : คุณมีกาแฟทำดีท็อกซ์มั้ย?

โยม ๑ : มีค่ะ (รีบนำมาถวายอย่างรวดเร็ว) พลันเอ่ยต่อว่า "ท่านคะ...โยมต้มถวายนะคะ"

สมณะ : "ไม่ต้องๆ อาตมาทำเองได้" แล้วท่านก็เดินจากไป

สักครู่ใหญ่ๆ มีโยมอีกท่านหนึ่งเดินมา

โยม ๒ : "ท่านน่ะ ทำ(ดีท๊อกซ์)ไม่เป็นก็ไม่บอก"

โยม ๑ : "บ่นอุบอิบเรื่องอะไรกันพี่"

โยม ๒ : "ก็ท่านนะสิ บอกว่า เปิดสายสวนเท่าไหร่ๆ น้ำกาแฟก็ไม่ออกสักที

โธ่! ก็จะไหลได้ไง ก็ท่านเล่นเทน้ำร้อน ใส่กาแฟแล้วชงๆๆๆ แต่ไม่ยอมกรองกากกาแฟออกนะสิ"

โอ...อดีตนักชงกาแฟฝีมือเยี่ยม สอบตกเพราะดีท๊อกซ์แท้ๆ (ฮา).

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]