ฉบับที่ 200 ปักษ์แรก 1-15 กุมภาพันธ์ 2546

[01] บทนำข่าวอโศก: ตั้งใจแค่ไหน?
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "จับประเด็นจาก หนังสือคนคืออะไร?(๑๒) "
[03] บันทึกปัจฉาสมณะ:
[04] โครงการสำรวจสถานการณ์การจัดหาวัตถุดิบ ของเครือข่ายชุมชนชาวอโศก ปี ๒๕๔๖ ( ข้าว , ถั่ว , งา )
[05] กสิกรรมธรรมชาติ พ่อโทน...คนดีศรีเชียงราย ผู้นำด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่น่ารู้จัก (๑)
[06] ชาวอโศกชมงานสมุนไพรโลก ครั้งที่ ๓
[07] ชมร.เชียงใหม่ แจกฟรีได้เป็นเดือน และมีผลอย่างไร
[08] ศูนย์สุขภาพ: วิธีเพิ่มพลังสมองและความจำ
[09] เพาะช่างรุ่นพ่อท่านพบปะที่บ้านราชฯ ประทับใจความเมตตาของพ่อท่าน
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] :แม่ค้าข้าวเกรียบปากหม้อประทับใจ ชมร.ช.ม. ขอร่วมตั้งโรงบุญฯแจกฟรี
[12] เขตปลอดบุหรี่ได้ผลคุ้มค่า
[13] สวนส่างฝันทำบุญครบรอบ ๕ ปี ทึ่ง ! แตงโมโตโดยไม่ใช้น้ำ
[14] การประชุมในงานฉลองหนาวฯ
[15] นางงามรายปักษ์ นางคำป้อง อดกลั้น

[16] งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๒๗




ตั้งใจแค่ไหน?

งานพุทธาภิเษก สุดยอดปาฏิหาริย์ เป็นงานของชาวอโศกอีกงานหนึ่ง ที่มุ่งพัฒนาชาวอโศก ตามแนวทางที่พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า อุบาสกอุบาสิกา จะไม่เสื่อมจากทางธรรม ก็พึง
๑.หมั่นเยี่ยมเยียนพระภิกษุ
๒.ไม่ละเลยการฟังธรรม
๓.ศึกษาในอธิศีล
๔.ฟังธรรมไม่เพ่งโทษ
๕.เคารพเลื่อมใสในภิกษุทุกระดับ
๖.ทำบุญในเขตพุทธ
๗.ไม่แสวงบุญนอกเขตพุทธ

ก็หวังว่า ผู้ที่มาร่วมงานคงมีความตั้งใจในแนวทาง ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อย่างจริงใจและจริงจัง ด้วยความยินดี ในธรรม แล้วเราจะมี การเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางที่ดีกว่า ครั้งที่เราไม่ตั้งใจฝึกทำแน่นอน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]



จับประเด็นจาก หนังสือคนคืออะไร?(๑๒)

สติ กับ กรรมฐาน
การเจริญสติอย่างวิปัสสนา หรือสติสัมโพชฌงค์ ต้องสำนึกรู้ตัวถ้วนรอบอยู่เสมอ จับอาการของกิเลสภายในตัวเรา แล้วพยายามล้างมันให้เกลี้ยงให้สูญเผ่าพันธุ์กิเลสไปเลย

ส่วนการเจริญสติอย่างสมถะ ต้องนั่งตั้งกายให้ดี ตั้งจิตให้มั่น ผูกสติไว้กับกสิณอันใดอันหนึ่ง อาจจะเป็นลมหายใจ หรือ อะไรก็ได้ ตามสะดวกเรา เพื่อเป็นหลักยึดจิตให้ตั้งมั่น

ผู้ที่รู้ดีแล้ว แต่ยังทำดีได้ไม่ถึงที่สุด ทำวิปัสสนาและสมถะไม่ค่อยสำเร็จ กิเลสยังหนาเตอะ

อาจเพราะเพียรพยายามยังไม่มากพอ หรือบุญบารมียังน้อยไป กรรมอันเป็นกุศลไม่มีฤทธิ์แรงพอ จึงต้องหมั่นให้มากไว้ในชาตินี้ เพราะวาสนาหรือจะสู้ความพยายาม คนเราจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียรเท่านั้น

อะไรคือการบำรุงส่งเสริมศาสนา?
การถวายเงินให้กับพระ สร้างโบสถ์ศาลาใหญ่โต หรือสร้างเจดีย์สูงเสียดฟ้าก็ตามที นั่นไม่ชื่อว่าส่งเสริมพุทธศาสนา หากแต่จะเป็น การทำลายเสียอีก

แม้แต่การบำเพ็ญธรรม หรือประกอบพิธีกรรมในทางผิดเพี้ยนพระธรรมวินัยก็เฉกเช่นกัน ถือว่าบั่นทอนพุทธศาสนาให้เสื่อมต่ำ สูญสลาย เนื้อแท้ไปในที่สุด

การบำรุงส่งเสริมศาสนาที่ถูกต้องนั้น พึงเรียนรู้ศาสนาอย่างสัมมาทิฏฐิ ทำบุญอย่างเข้าใจสัจจะ ปฏิบัติอย่าง เห็นแจ้งจริง ด้วยตน ศรัทธาด้วยปัญญา มิใช่หลงตามกันไปอย่างโง่งม นับถืองมงายศาสนาอย่างผิดๆ

การบำเรอพระให้เสพสุขเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ถวายเงินถวายสมบัติให้ท่านไม่เป็นบุญ ซ้ำจะเป็นบาปเสียอีก พระแท้ ต้องถือ มักน้อย สันโดษ ดำรงชีพด้วยปัจจัยสี่เท่านั้น รู้จักพอไม่สะสมตามธรรมวินัย หากพระทำได้เช่นว่า รับรองศาสนา ยืนยาวไปอีกนาน

และพุทธศาสนิกชน ตั้งใจรักษาศีลบำเพ็ญธรรม จนเกิดมรรคผลเป็นอริยบุคคลกันถ้วนทั่ว นี้เป็นการบำรุง ส่งเสริม ศาสนา ได้ดีที่สุด.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ช่วงที่ผ่านมานี้ได้ติดตามพ่อท่านเดินทางไปหลายที่หลายแห่ง ตั้งแต่งานฉลองหนาวที่ภูผาฯ-->เชียงรายอโศก-->ศรีโคตรบูรณ์ (ศรีสงคราม) พบคนบุญ "ตก" คือ บรรดาทิดที่เคยเป็นนักบวชชาวอโศกแล้วต้องสึกหาลาเพศออกไปด้วยเหตุต่างๆกัน เวียนกลับ เข้ามาร่วมสัมพันธ์กันหลายคน บางคนก็พยายามสั่งสม "เติม" บุญ ขึ้นมาใหม่เป็นคนบุญ"ฟื้น" บางคนก็แค่ ประคองตัว "ประคอง" บุญ ขอเป็นแค่คนบุญ "ทรง" ไปก่อน บ้างก็มีผมหงอกมากกว่าดำแล้ว บ้างก็มาพร้อม "คู่วิบาก" ตัวกลม อ้วนทั้งคู่ ดูยังมี "สุข" ด้วยกัน บ้างก็มา "เดี่ยว" แต่ก็ยังยิ้มแย้มสดชื่น บอกเล่า ตนทำกสิกรรม "เมีย" ขายหมู่อยู่ในตลาด บ้างก็บอก "เมีย" ตายแล้ว (ไม่เสียดายเท่าบุญ "ตก") กำลังจะมาอยู่ในชุมชนอโศกพร้อมลูก อดีตนักบวชเหล่านี้พ่อท่านยัง "เอื้อ" พูดคุย ตอบข้อซักถาม และยิ้มหัวด้วย

แต่มีอยู่ประเภทหนึ่ง ที่ "เกิน" กว่าที่พ่อท่านจะคุยด้วย ไม่อยู่ในสภาพ "น้อม" รับฟัง คือเป็นคนบุญ "แตก" (กรรมแตก) เป็นอดีต สามเณรชาวอโศกรูปหนึ่ง ที่ออกไปโดยไม่บอกลาผู้ใด พร้อมกับเงินที่หายไป เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แล้วมีข่าวว่า มีปัญหา เรื่องยาเสพติด มาครั้งนี้ (๑ ก.พ.) รูปร่างสูงใหญ่ มีรอยสักยันต์เต็มตัว ที่ผ้าพาดบ่าสังฆาฏิก็มียันต์เขียนไว้ พูดจากร้าวร้าว กล่าวหา พ่อท่านว่า ทำลายศาสนา เพราะทำลายธรรมชาติ ไปขนหินขนต้นไม้มาที่สันติอโศก เรียกพ่อท่านว่าโยม พูดไปพูดมา บางทีก็ใช้คำว่าท่าน แรกๆพ่อท่านจำไม่ได้ เมื่อพยายามพูดให้เข้าใจ ดูท่าทีท่านไม่ฟัง แล้วดูกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมบอกว่า ตนบรรลุแล้ว พ่อท่านจึงหยุด ดีที่คุณแซมดิน มาช่วยกันแยกไปคุยเอง

ยังมีอีกประเภทหนึ่งที่พ่อท่าน "เอื้อ" ให้อย่างมาก ก็คือบรรดาศิษย์เก่าเพาะช่าง เพื่อนร่วมรุ่น ซึ่งได้จัดเลี้ยง พบปะสังสรรค์กัน หลายครั้งแล้ว ที่สันติอโศก ครั้งนี้หลายคนขอไปสังสรรค์ที่บ้านราชฯ และเที่ยวเมืองอุบลฯ (๖-๘ ก.พ.) นอกจากจะให้ ญาติธรรม บริการอาหาร และจัดที่หลับที่นอนให้อย่างดีแล้ว พ่อท่านเองก็เสียสละทั้งเวลา และความสะดวกสบาย ที่น่า จะได้รับ "เอื้อ" ให้กับเพื่อนร่วมรุ่นเหล่านี้ ตั้งแต่เริ่มขึ้นรถ เดินทางไปไหนๆ มีรถตู้ ๒ คันเป็นของบ้านราชฯ คันหนึ่ง และขอยืม มาจากศีรษะอโศกคันหนึ่ง รถของศีรษะฯ เกิดแอร์เสีย พ่อท่านจึงให้รถตู้บ้านราชฯ ที่แอร์ยังดีสำหรับเพื่อนร่วมรุ่น ใช้เดินทาง แล้วพ่อท่านก็มานั่งรถของศีรษะฯที่แอร์เสียแทน ต่อมาเมื่อจะแวะทานอาหาร ที่เขื่อนสิรินธร หลังจากเลือกร่มไม้ ที่พอเหมาะ พ่อท่านก็นั่งบริเวณขอบๆ ร่มเงาไม้มีแสงส่องรำไร เว้นที่นั่งร่มสนิท ให้สำหรับเพื่อนเพาะช่าง และญาติธรรม ที่ติดตาม ไปคอยบริการดูแลด้วย ได้นั่งทานอย่างเย็นสบาย ส่วนที่นั่งของพ่อท่านนั้น พอฉันไปได้ครึ่งชั่วโมง แดดก็เริ่มจ้า ร้อนแล้ว แต่พ่อท่านก็มิได้เอ่ยปาก บ่นเลยสักคำ ผู้หญิงหลายคน ขอไปดูผ้าที่ร้านผ้ามีชื่อ พ่อท่านก็ลงไปเดินๆดูสักพัก ก็ออกมา ยืนรอหน้าร้าน หลายคนอยากจะไปซื้อของที่ช่องเม็ก ก็พากันไป แล้วพ่อท่านก็มานั่งรอที่โต๊ะริมทาง ในฝั่งไทย อ่านหนังสือพิมพ์ รอไปด้วย ให้เวลาเพื่อนร่วมรุ่น ได้ไปซื้อของตามชอบใจ ในฝั่งลาวเกือบ ๒ ช.ม.

บทเรียนนี้พ่อท่านสอนอะไรพวกเราบ้าง? นอกจาก "น้ำใจ" ที่พ่อท่าน "ให้" โดยไม่หวังผลตอบแทนอันใด จากเขาหล่านั้นแล้ว? ยังจะมีขอบเขต การสมานสัมพันธ์ ในฐานะนักบวชกับเพื่อนร่วมรุ่น? และการบริหารปกครอง ให้ผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ เป็นกรณีศึกษา ถึงการยืดหยุ่น ให้กับบุคคลอื่น ที่มาเยือน? หรืออาจจะมีความลุ่มลึกอื่นๆอีก ที่ผู้เขียนยังมองไม่ออก แต่ที่แน่ๆ เห็นพวกเรา คอยบริกา รด้านต่างๆ ดูอ่อนน้อมเป็นผู้รับใช้ที่ดี อย่างน่าประทับใจ

ไม่ใช่คนวัย "ร่างใกล้เมรุ" (สำนวนพ่อท่าน) เท่านั้นที่พ่อท่าน "เอื้อ" พ่อท่านดำริจะ"เอื้อ"ไปถึงวัยรุ่นหนุ่มสาว ให้จัดงาน รวมศิษย์เก่า สัมมาสิกขา รวมถึงศิษย์เก่า กศน. ของอโศก ทุกพุทธสถาน ทั้งที่จบ ม.๖ และที่ออกไปก่อนจบ ม.๖ ไม่ว่าจะเป็น ชั้นไหนๆก็ตาม รวมไปถึงผู้ที่มีทัณฑ์ ถึงขั้นห้ามเข้ามาพักค้างในชุมชน ๑-๓-๕ ปี เฉพาะงานนี้ ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ โดยใช้ชื่อ งานนี้ว่า "คืนสู้เหย้า เข้าสู่ถ้ำสัมมาสิกขา" ซึ่งจะจัดในวันที่ ๓-๕ พ.ค.ที่จะถึงนี้ ที่บ้านราชฯเมืองเรือ นอกจากสิ่งที่พ่อท่าน ต้องการจะย้ำบอก ถึงสิ่งที่ชีวิตควรจะดำเนินไป อย่างเสียสละสร้างสรรแล้ว พ่อท่านบอก งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ อีกงานหนึ่ง และให้นโยบายจัด อย่างรื่นเริงสนุกสนาน ตัวเลขคร่าวๆ ที่บรรดาศิษย์เก่าหลายคน คำนวณกัน อยู่ที่ประมาณ ๕๐๐ คน แต่คาดว่า ชักชวนกันมาได้สัก ๓๐๐ คนนี่ก็เก่งแล้ว ใครมีสามี ใครมีภรรยา รวมถึงใครมีลูกแล้ว งานนี้ก็ให้ชวนกันมา ร่วมได้ ที่สำคัญงานนี้ มีของที่ระลึกแจกศิษย์เก่าโดยเฉพาะ เป็นของสวยงามกะทัดรัด และมีราคาไม่น้อย ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ขออุบเอาไว้ก่อน รอให้พ่อท่านบอกเองจะดีกว่า

ศิษย์เก่าหลายคนคงอยู่ในสภาพบุญ "ตก" จะได้มา "เติม" บุญ ให้เป็นคนบุญ "ฟื้น" แต่ประเภทบุญ "แตก" (กรรมแตก) ถ้ามี ก็อย่าชวนมาเด้อ

ข่าวประเทศมหาอำนาจจะก่อสงครามกับประเทศในตะวันออกกลาง? มีญาติธรรมมากระซิบให้เรียนเสนอพ่อท่านว่า เราเป็น องค์ศาสนา ที่ปรารถนาสันติภาพ น่าจะเคลื่อนไหวคัดค้าน การก่อสงคราม ของมหาอำนาจ พ่อท่านตอบว่า เสียเวลาเปล่า เหมือนนิทานหมาป่า พาลจะกินลูกแกะ อย่างพวกเรา ที่ถูกคณะผู้มีอำนาจ ใช้อำนาจเข้ามาจัดการ ในปี ๒๕๓๒ พวกเราต้อง โอนอ่อนผ่อนตาม หากตอนนั้นแข็งขืน จะโดนหนักกว่านี้

สรุปว่าคนอีกประเภทหนึ่งที่ควรหลีกเว้น ก็คือ คนผู้มีอำนาจแล้วหลงอำนาจ ชอบใช้บาตรใหญ่เกินควร นอกจาก ไม่จัดเป็น คนบุญ ชนิดไหนๆแล้ว ยังถือเป็นคนบาป ที่ไม่ควรสังสรร สมาคม เพราะคนบาป ทำบาปได้.

- ทีมข่าวพิเศษ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


โครงการสำรวจสถานการณ์การจัดหาวัตถุดิบ
ของเครือข่ายชุมชนชาวอโศก ปี ๒๕๔๖
( ข้าว , ถั่ว , งา )

ในปีนี้ (๒๕๔๖) หน่วยตรวจสอบและพัฒนาคุณภาพผลผลิตของชาวอโศก (ต.อ.) ได้จัดทำโครงการ สำรวจสถานการณ์ การจัดหาวัตถุดิบ ของเครือข่าย ชุมชนชาวอโศกขึ้น ดังมีรายละเอียดของโครงการดังต่อไปนี้

๑. ผู้รับผิดชอบโครงการ นายสุวรรณ์ บุญแท้ ต.อ. กลางด้านวัตถุธัญพืช

๒. หลักการและเหตุผล
เนื่องจากพ่อท่านฯได้ประกาศให้การทำกสิกรรมไร้สารพิษ เป็นบุญญาวุธ หมายเลข 3 ซึ่งในปัจจุบัน เครือข่ายชาวอโศก ทั่วประเทศ มีการตื่นตัว ในระดับหนึ่ง ที่จะมีการเพาะปลูก ,การแปรรูป , การจำหน่าย แต่ยังไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูล ที่ใช้เป็น ฐานข้อมูล ในการนำสู่การกำหนดเป้าหมาย และยุทธศาสตร์ ที่จะทำร่วมทั้งเครือข่าย เพื่อให้เกิดพลังรวม ที่จะมีผล กระเทือน ต่อการพัฒนาสังคมโดยกว้าง

ต.อ.ส่วนกลาง จึงได้เสนอ โครงสำรวจสถานการณ์ วัตถุดิบของชาวอโศก ในด้านต่างๆ เพื่อนำไปสู่การณ์ การกำหนดเป้าหมาย, ยุทธศาสตร์ และกิจกรรม ประจำปีร่วมกัน ของเครือข่ายชาวอโศก ในงานเพื่อฟ้าดิน ในเดือน พฤษภาคม 2546 ณ ชุมชน ราชธานีอโศก

๓. วัตถุประสงค์
๑) เพื่อรับทราบสถานการณ์การการจัดหาวัตถุดิบของหน่วยผลิต และร้านค้าชุมชน ของเครือข่ายชุมชนชาวอโศก
๒) เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ จัดหาวัตถุดิบไร้สารพิษ เพื่อใช้ในชุมชน
๓) เพื่อประมวลผลและวิเคราะห์สถานการณ์ ความต้องการวัตถุดิบ ไร้สารพิษของชุมชน ในด้านต่างๆ ( ชนิด ปริมาณ คุณภาพ )
๔) เพื่อประมวลและวิเคราะห์สถานการณ์ ความสามารถในการปลูก เพื่อจำหน่ายวัตถุดิบไร้สารพิษ ของผู้ปลูก ที่ขายวัตถุดิบ ในเครือข่ายปัจจุบัน
๕) เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษในการกำหนดเป้าหมาย,ยุทธศาสตร์ และประสานงาน ในการจัดหา วัตถุดิบ ไร้สารพิษ ในกรณีที่ชุมชน ยังใช้วัตถุดิบ ที่มีสารพิษปนเปื้อน หรือเพื่อลดเส้นทางเดิน ของวัตถุดิบ

๔. ขอบเขตชุมชนที่ศึกษา
๑. ชุมชน สันติอโศก
๒. ชุมชน ภูผาฟ้าน้ำ ( ชมร.เชียงใหม่, ลานนาอโศก )
๓. ชุมชน ศีรษะอโศก
๔. ชุมชน ปฐมอโศก
๕. ชุมชนศาลีอโศก
๖. ชุมชนสีมาอโศก

๕.คำจำกัดความ
คุณภาพ หมายถึง คุณภาพในด้านความปลอดภัยในการปนเปื้อน ( ยาฆ่าแมลง , อัลฟาท็อกซิล ,ความชื้น และอื่นๆ ที่จำเป็น ) และ คุณภาพด้านกายภาพ
วัตถุดิบ หมายถึง ข้าว ,ถั่ว ,งา
หน่วยผลิต หมายถึง โรงสีและหน่วยผลิตที่ผลิตผลิตภัณฑ์ ที่แปรรูปมาจากวัตถุดิบข้าว , ถั่ว, งา
ร้านค้า หมายถึง ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีก

๖.

กรอบแนวคิดในการศึกษา การปลูก ,การซื้อ ,และการใช้วัตถุดิบของแต่ละองค์กร แสดงดังแผนผัง

๗. ระยะเวลาโครงการ ๔ เดือน ( ๑๕ ม.ค. - ๑๕ พ.ค. ๔๖ )

๘. วิธีการดำเนินการโครงการ
๑) แจ้งโครงการฯให้พรรคเพื่อฟ้าดินทราบในการประชุมพรรคเพื่อฟ้าดิน ในงานธรรมชาติอโศก ( ฉลองหนาว) ณ สังฆสถาน ภูผาฟ้าน้ำ

๒) ทีมงานต.อ.ส่วนกลางด้านวัตถุดิบและธัญพืช ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลใร่วมกับชุมชนต่างๆโดยขอให้ชุมชน( (หน่วยผลิตและร้านค้า ) เตรียมข้อมูล ให้พร้อมระดับหนึ่งก่อน

๓) เก็บสุ่มตัวอย่างที่มีความเสี่ยงส่งตรวจห้องปฏิบัติการ โดยศึกษาตัวชี้วัดที่เหมาะสม ในการตรวจ จากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง

๔) ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์วัตถุดิบของชาวอโศก

๕) นำเสนอข้อมูลต่อเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ ในงานเพื่อฟ้าดินในเดือน พฤษภาคม 2545 ในรูปแบบต่างๆ เช่น เอกสารรายงาน (paper) ,นิทรรศการ , การนำเสนอในที่ประชุม

๖) ร่วมประชุมกับเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ และพรรคเพื่อฟ้าดิน เพื่อ กำหนดเป้าหมาย, ยุทธศาสตร์ และกิจกรรมร่วมกัน ต่อไป

ดังนั้น จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังชุมชนดังกล่าว กรุณาให้ข้อมูลดังที่นำเสนอ เพื่อให้โครงการนี้ สัมฤทธิ์ผล อันเป็นฐานข้อมูล สำหรับเครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษ ในการกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง วัตถุดิบไร้สารพิษ ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมาย อันคือ บุญญาวุธหมายเลข ๓ ต่อไป.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


พ่อโทน...คนดีศรีเชียงราย
ผู้นำด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่น่ารู้จัก (๑)

- กิ่งธรรม รายงาน -

"พ่อโทน" เป็นบุคคลที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษผู้หนึ่ง ที่ได้เข้าอบรมสัจธรรมชีวิตรุ่นที่ ๑๕ ณ เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ ชุมชนเชียงรายอโศก จากการได้ศึกษาชีวิต และพูดคุยกับพ่อโทน ก็อดไม่ได้ ที่จะเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เกิดกำลังใจว่า ประเทศไทย ไม่ได้ไร้คนดี มีความสามารถ ยังมีคนที่มุ่งมั่น ในการทำความดี อย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดยั้ง เรามารู้จักพ่อโท่นกันเลยนะคะ

"พ่อโทน" หรือพ่อเกรียงไกร ลือชัย อายุ ๕๘ ปี เป็นแพทย์ประจำตำบลและอาสาสมัครปศุสัตว์ ของหมู่บ้าน คีรีสุวรรณ ต.หนองป่าก่อ กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ที่มีปัญหา ในเรื่องการทำมาหากิน เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ เป็นป่าสงวน ฤดูแล้งไม่มีน้ำ แต่ฤดูฝนน้ำท่วม ชาวบ้านมีอาชีพทำนา ทำสวน ไม่มีรายได้ทางอื่น ส่วนหนึ่ง จึงต้องไปทำงาน นอกพื้นที่ บางคนไปเป็นหญิงบริการ ถึงต่างประเทศ ชาวบ้านบางคน เล่นการพนัน และตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเผาถ่านขาย การศึกษา อยู่ในเกณฑ์ต่ำ และไม่รู้หนังสือ จำนวนมาก นับว่าเป็นบุญของหมู่บ้าน ที่พ่อโท่นได้เข้ามาอยู่ ในหมู่บ้าน เพราะพ่อโท่น ได้ออกเยี่ยมเยียนชาวบ้าน เพื่อดูแลความทุกข์สุขของชาวบ้านทุกหลังคาเรือนอย่างใกล้ชิด เน้นครอบครัว ที่ยากจนเป็นพิเศษ พ่อโท่นได้สร้างความสัมพันธ์อันดี และความคุ้นเคยกับชาวบ้าน บนพื้นฐาน ของความเมตตา สงสาร โดยพ่อใช้หลัก "ไปหาเขาก่อน เคารพเขาก่อน" มีความเคารพ นอบน้อม แก่ผู้เฒ่าผู้แก่ ตามวัฒนธรรม ของชาวเหนือ ไปร่วมทำบุญ รดน้ำดำหัว ปฏิบัติธรรม และรับประทาน อาหารมังสวิรัติ ในช่วงเข้าพรรษาอยู่เสมอ ชาวบ้าน ให้การยอมรับ และศรัทธา ในตัวพ่อโท่นมาก พ่อโท่นจึงใช้จุดนี้ เป็นพลังในการกระตุ้น ผลักดัน และแนะแนว ให้ชาวบ้าน เลิกตัดไม้ ทำลายป่า เลิกเล่นการพนัน ยับยั้ง ไม่ให้ชาวบ้าน ไปเป็นหญิงบริการพิเศษ และไม่ไปทำงาน นอกพื้นที่ ให้เห็นความสำคัญ ของการทำงาน ในหมู่บ้าน ให้รู้จัก การนำทรัพยากร ที่มีในหมู่บ้าน มาแปลงให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยเป็นแกนนำหมู่บ้าน ในการทำปุ๋ยหมัก จากธรรมชาติ ด้วยหน่อไม้ ฟางข้าว ซังข้าวโพด เปลือกถั่ว ซึ่งมีอยู่มากมาย แต่ถูกทอดทิ้ง ส่งกลิ่นเหม็น เมื่อนำไปเผา ก็เกิดควันดำ เป็นมลภาวะ ทำให้เดือดร้อน พ่อโท่นเป็นผู้พาลงมือปฏิบัติ จนชาวบ้านถือเป็นอาชีพได้

(อ่านต่อฉบับหน้า)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชาวอโศกชมงานสมุนไพรโลก ครั้งที่ ๓

งานสมุนไพรโลก ครั้งที่ ๓ จัดที่บริเวณ ชั้น ๖ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๓-๗ ก.พ.๔๖

โดยการจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ห้างร้าน ชมรม ห้างขายยาและอื่นๆ จำนวน ๖๖ ร้าน ซึ่งแต่ละร้าน ได้นำสินค้า มาแสดง อาทิ พืชสมุนไพรชนิดต่างๆ,ผลิตภัณฑ์แปรรูป จากสมุนไพร จำนวนมากมาย ทั้งที่เป็นอาหารเสริม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ไวน์ สเปรย์ ยารักษาโรค และเครื่องมือแยกสาร สำหรับสารอินทรีย์ นอกจากนี้ ยังมีสินค้า หัตถกรรม พื้นเมือง โดยเครือข่ายไทยพัฒนาชุมชน (ภาคเหนือ) และ ชมรมส่งเสริมผลิตภัณฑ์ ภูมิปัญญาไทย งานนี้ มีผู้สนใจ เข้าชมสินค้า มากพอสมควร บริษัทต่างๆ นำยาตัวอย่าง หรือเอกสาร ให้ความรู้ต่างๆ มาแจกผู้สนใจด้วย

ทญ.ฟากฟ้าหนึ่ง อโศกตระกูล จนท.จากศาลาเจาะสมุนไพร ปฐมอโศก แสดงความรู้สึกว่า "งานได้ไปดูตลาดบน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ สมุนไพร จากประเทศต่างๆ กว่า ๖๐ ประเทศที่มาร่วมสัมมนา และ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ที่นำมาจำหน่าย ก็เป็นของคนไทย"

คุณวิสิทธิ์ แสงสร้อย "รู้สึกประทับใจที่ทางบริษัทและห้างร้านต่างๆส่งตัวแทนมาร่วมงานในครั้งนี้ ถ้าเป็นผลผลิต จากไทยเอง ก็คงจะเป็น สิ่งที่ดีกว่า ที่เราจะใช้ของ ที่จะผลิต จากต่างประเทศ แต่ยังไง ก็ขอชื่นชม ที่เขามีเรี่ยวแรง มาเสนอผลงาน ในครั้งนี้" คุณวิสิทธิ์ กล่าวในที่สุด.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชมร.เชียงใหม่ แจกฟรีได้เป็นเดือน
และมีผลอย่างไร

เมื่อปี ๒๕๔๕ ทางชมร.ช.ม. ได้ประชุมลงมติได้ว่า จะแจกฟรีให้ลูกค้า ที่มารับประทานอาหารที่ร้าน เดือนละ ๑ ครั้ง แต่ถ้าลูกค้า จะนำกลับไปบ้าน ต้องซื้อคูปอง

โรงบุญครั้งที่ ๑ เริ่มวันศุกร์ที่ ๒๙ มี.ค.๔๕ แจกเดือนละครั้ง จนถึง ๒๗ พ.ย. มีเสียงทักท้วง ในที่ประชุมว่า ควรยกยอด ไปร่วมกับ โรงบุญใหญ่ ๕ ธันวาฯ มีการเสนอความคิดเห็นกันหลายคน แต่พอลงมติแล้ว เสียงข้างมาก เห็นชอบให้แจกได้ วันที่ ๒๘ พ.ย. และ ๒๙ พ.ย.ญาติธรรมได้ขอจอง เป็นเจ้าภาพทันที

ตลอดทุกเดือนที่ผ่านมา ได้ส่งไปรษณียบัตรประชาสัมพันธ์ให้ญาติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่และญาติธรรมภาคเหนือทราบว่า เรากำลังทำอะไรกันอยู่ จนกระทั่งวัน "๕ ธันวาฯมหาราช" ไปแล้ว ได้มีผู้จองโรงบุญต่อเนื่อง ทางทีมงานไม่ได้มีโอกาส แจ้งให้ญาติธรรมได้ทราบอีกเลย

ก็ขออนุญาตเอ่ยชื่อเจ้าภาพโรงบุญ(ที่ไม่ใช่ ชมร.) มีดังนี้
๒๘-๒๙ พ.ย.๔๕ คุณสมพรและคุณใบจริง
๖ ธ.ค.๔๕ คุณหมอกัมพล
๙-๑๓ ธ.ค.๔๕ แม่บัวหลวง
๑๖-๒๐ ธ.ค.๔๕ คุณใบจริง
๒๓-๒๕ ธ.ค.๔๕ คุณใบขวัญ
๒๖-๒๗ ธ.ค.๔๕ คุณวนิดา(ใบไม้)
ตลอดปี ๒๕๔๕ ได้จัดโรงบุญครบ ๒๘ วันพอดี

ส่วนในปี ๒๕๔๖ เจ้าภาพมีดังนี้
๖-๗ ม.ค.๔๖ คุณสมพร (เจ๊พร)
๘ ม.ค.๔๖ คุณหมอก้อง
๙ ม.ค.๔๖ คุณหมอแก้ง
๑๐ ม.ค.๔๖ คุณสมพร (เจ๊พร)
๑๔ ม.ค.๔๖ คุณกิ่งดาว
๑๕ ม.ค.๔๖ คุณปางหนึ่ง
๑๖ ม.ค.๔๖ ครูกระจาย
๑๗ ม.ค.และ ๒๐-๒๒ ม.ค.๔๖ คุณคะทาชร
๒๓ ม.ค. ๔๖ คุณสมพรและคุณใบจริง (วันนี้แจกผู้ต้องการนำอาหารกลับบ้านด้วย)
๒๘ ม.ค. ๔๖ คุณเรืองรอง(ลูกค้า ชมร.ช.ม.)
๒๙-๓๑ ม.ค.๔๖ ครอบครัวคุณสันติ พรพิงค์
๓-๔ ก.พ.๔๖ ครอบครัวคุณสันติ พรพิงค์
และอีก ๑๓ วันของเดือน ก.พ.๔๖ เจ้าภาพ คือ คุณสุวรรณี สัตยาวิวัฏ
ก็ขออนุโมทนากับเจ้าภาพโรงบุญทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

ส่วนผลกระทบจากโรงบุญในแต่ละวัน คือ
๑.จะมีสมณะบินบน ถิรจิตโต (อาจารย์ ๑) และ/หรือสมณะมาโปรด (บิณฑบาตและแสดงธรรมก่อนฉัน พร้อมทั้งสรุปงานหลังเลิกกิจกรรมแล้ว)

๒.ลูกค้าและญาติธรรมนำผักสวนครัวมาร่วมโรงบุญ บางวันลูกค้าซื้อข้าวสารและอาหารแห้งมาร่วมโรงบุญด้วย

๓.ได้รับความร่วมมือในการล้างภาชนะเป็นอย่างดี แม้แต่เวลาสันติภาพ ๑ นาทีทุกเที่ยงตรงก็ได้รับความร่วมมือด้วย

๔.บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ลูกค้าและแม่ค้าต่างก็ไหว้กันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน บางวันลูกค้าช่วยตักอาหาร ช่วยงานในครัวด้วย และบางครั้งก็ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ในการจัดกิจกรรมต่อๆไป

๕.ลูกค้าหน้าใหม่มามากขึ้นทุกวัน แม้แต่ชาวต่างประเทศหลายเชื้อชาติก็มามากขึ้น

๖.ผู้ปฏิบัติธรรมได้เห็นกิเลสชัด มีข้อสงสัยใดๆ ก็สามารถกราบเรียนถามสมณะในช่วงประชุมสรุปงานได้

๗.ลูกค้าสนใจธรรมะมากขึ้น แม้แต่หนังสือ เช่น คนคืออะไรฯ",สมาธิพุทธ,โพธิรักษ์โพธิกิจ เป็นต้น ก็มีลูกค้าซื้อไปแล้วหลายคน.

 

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


วิธีเพิ่มพลังสมองและความจำ
- กิ่งธรรม -

อาการหลงลืมเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันของเรา แต่ถ้าลืมบ่อยๆเป็นประจำสม่ำเสมอ โปรดทราบว่าสมองของคุณเริ่มเสื่อมแล้ว ใครที่ไม่อยากสมองแก่ก่อนวัย ต้องหมั่นฝึกฝนลับสมองให้มาก สมองของคนเราเหมือนมีด ยิ่งลับยิ่งคม

จิตใจเป็นต้นเหตุสำคัญที่สุดของอาการขี้ลืม นั่นคือเรื่องของความเครียด วิตกกังวล ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ ความคิดแตกกระจาย

ส่วนสาเหตุทางกายนั้นเป็นรอง เพราะทางการแพทย์บอกว่า สมองของคนเรามีจำนวนเหลือเฟือ เราใช้สมองกันจริงๆแค่ ๒๐ ส่วนใน ๑๐๐ ส่วน ถ้าเราพัฒนาใช้สมองเป็น ๓๐-๔๐ ส่วน แม้สมองจะตายไป ๖๐-๗๐ ส่วน คนเราก็ฉลาดขึ้นเรื่อยๆได้

ะเห็นว่าบางคนอายุมากแต่สมองยังปราดเปรื่อง ไม่ใช่จะยกยอ ดูพ่อท่านเป็นตัวอย่าง บางคนชอบทำพฤติกรรม ให้สมาธิ แตกแยก เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูโทรทัศน์พร้อมๆกัน จะทำให้จำอะไรได้ไม่ดีและไม่ชัดเจน เพราะโดยหลักการแล้ว ความจำของคนนั้น อยู่กับความเข้มข้น ของการเอาใจใส่เป็นสำคัญ

คนเราถ้ามีการฝึกฝนสมองอยู่เสมอจะแก่ช้ากว่าร่างกาย คนที่มีอุปนิสัยเรื่อยๆเฉยๆ ไม่ค่อยสนใจสิ่งต่างๆ รอบๆตัว มีสิทธิ สมองฝ่อได้ง่ายๆ เพราะขบวนการของสมองไม่ค่อยได้ใช้ ต่างกับคนที่ชอบคิด-พูด-อ่าน และสนใจสิ่งรอบๆตัว อยู่เสมอ สมองจะมีเส้นใย เป็นแขน-ขาเชื่อมต่อกัน ทำให้เกิดการเชื่อมโยง เป็นโครงข่าย ทำให้ความคิดเป็นระบบ มีหลักการ และเหตุผล ถ้าไม่ได้ใช้เส้นใย โครงข่ายนั้น จะหดตัวลงไปไม่ต่อกัน ความจำและความคิด จะไม่เป็นระบบ

การฝึกคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นประจำ การฝึกนั่งเจโตสมถะ การลดความฟุ้งซ่านและรู้จักสนใจชีวิตรอบข้าง ด้วยจิตใจที่มีเมตตากรุณาบ่อยๆ คิดว่าเราจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างไรให้แต่ละชีวิตทุกข์น้อยลง จะมีอานิสงส์เพิ่มพลังสมอง ลดอาการขี้หลงขี้ลืมของเราได้ไม่น้อยเลยนะคะ ไม่เชื่อก็ลองทำดูซิคะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]



เพาะช่างรุ่นพ่อท่านพบปะที่บ้านราชฯ ประทับใจความเมตตาของพ่อท่าน
เพื่อนเก่า บางคนสงสัยพ่อท่านรู้ธรรมะลึกซึ้งได้อย่างไร

ระหว่างวันที่ ๖-๘ ก.พ. ๔๖ เพื่อนๆของพ่อท่านสมัยเรียนเพาะช่าง ได้เดินทางมาพบปะสังสรรค์ที่ราชธานีอโศก หลังจาก ที่เคยไปพบปะกัน ที่สันติอโศกมาหลายครั้ง สำหรับรายละเอียดของข่าวมีดังนี้

วันที่ ๖ ก.พ. เพื่อนๆของพ่อท่านจำนวน ๑๐ คน พร้อมญาติธรรมที่เดินทางมาด้วย โดยรถไฟจากกทม.ถึงอุบลฯ เวลาประมาณ ๙ นาฬิกา ๓๐ นาที และเข้าบ้านพัก โดยฝ่ายหญิงพักที่บ้านคุณเพชรตะวัน ธนะรุ่ง ฝ่ายชายพักที่บ้านคุณดินดอน ธนะโภค มีเพื่อนอีก ๑ คนพร้อมภรรยาอยู่ศรีสะเกษ รอสมทบที่บ้านราชฯ หลังจากรับประทานอาหารว่าง คณะต้อนรับ ได้นำไปชม ฐานเศรษฐกิจ หลังจากนั้น พ่อท่านพร้อมปัจฉา ได้ร่วมพาไปชมศูนย์ศิลปะ กาญจนาภิเษก ที่ฝั่งเมือง อุบลฯ ก่อนกลับ พ่อท่าน ได้เซ็นต์ ในสมุดเยี่ยมว่า
"ชื่นชมกับความอุตสาหะ เพียรรวบรวม และสร้าง สิ่งที่เป็นประวัติ ของความเป็นมา เพื่อให้อนุชน รุ่นหลัง ได้ซับทราบ ขอได้รับความขอบคุณ เป็นอย่างยิ่ง ที่อาตมา และคณะ ได้มารับประโยชน์ จากการเข้าชม"
สมณะโพธิรักษ์ ๖ ก.พ. ๔๖

วันที่ ๗ ก.พ. เวลา ๕ นาฬิกา เดินทางไปชมตะวันขึ้นและแม่น้ำสองสีที่ อ.โขงเจียม แล้วชมภาพเขียนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม รับประทานอาหารกลางวัน ที่เขื่อนสิรินธร แวะชมแก่งสะพือ และไปซื้อสินค้า ที่ชายแดนไทย-ลาว อ.ช่องเม็ก โดยพ่อท่าน พร้อมปัจฉาฯ นั่งรออยู่ที่รถ แล้วเดินทางกลับบ้านราชฯ ผู้สื่อข่าวได้กราบเรียนถาม ทำให้ทราบว่า แม้พ่อท่าน จะมาที่ราชธานีฯ อยู่เสมอ แต่พ่อท่านเพิ่งมาที่ผาแต้ม และช่องเม็ก เป็นครั้งแรก

วันที่ ๘ ก.พ. เวลา ๖ นาฬิกา พ่อท่านพร้อมเพื่อนๆล่องเรือชมตะวันขึ้นที่ลานเดิ่นฟ้า มี น.ร.สมุนพระราม มาร่วมชมด้วย แล้วรับประทาน อาหารว่าง ประมาณ ๙ นาฬิกาเศษ พ่อท่านพร้อมปัจฉา และเพื่อนๆ มีชาวบ้านราชฯ บางส่วน (เพราะอยู่ในช่วง งานอบรมฯ) น.ร.สมุนพระราม ล่องนาวาบุญนิยม ไปยังท่าอุทยานบุญนิยม ชมตลาดนัด กสิกรรมไร้สารพิษ และจับจ่าย ซื้อของที่อุทยานฯ แล้วล่องเรือกลับ พ่อท่านฉันภัตตาหาร พร้อมกับเพื่อนๆรับประทานอาหารไปด้วย มีการแสดง เล็กๆน้อยๆ ของชาวบ้านราชฯ และเพื่อนๆของพ่อท่าน ร่วมร้องเพลง สร้างบรรยากาศ เวลาบ่าย ๓ โมง เดินทางออกจาก บ้านราชฯ ไปซื้อของฝาก และขึ้นรถไฟกลับ ในเวลา ๖ นาฬิกา ๑๕นาที ตลอดเวลา ที่เพื่อนๆพัก ในบ้านราฃฯ พ่อท่าน ได้แวะเวียน ไปพูดคุยอยู่เสมอ

(พ่อท่านนำเพื่อนเก่าสมัยเรียนเพาะช่าง ล่องเรือชมแม่มูล ที่บ้านราชฯเมืองเรือ
โดยมีเด็กๆและชาวบ้านราชฯ ร่วมล่องเรือด้วย)

สำหรับเพื่อนๆที่มาบ้านราชฯในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์มาดังนี้

พ.อ.ศักดา ประจุศิลป อายุ ๗๖ ปี "สมัยที่เรียนเพาะช่าง ท่านมีลักษณะความเป็นผู้นำ ชอบริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ชอบเขียนหนังสือ เป็นหัวหน้านักเรียน หลังจากนั้น ก็พบกันมาตลอด จากบัดนั้นถึงบัดนี้ แม้ท่านอยู่ทีวีช่อง ๔ บางขุนพรหม พวกเรา ก็นัดเจอกัน ๓ เดือนบ้าง ๖ เดือนบ้าง จะมาห่างกัน ตอนท่านเป็นสมณะเพศ ไม่ได้พบท่าน เหมือนสมัย ตอนเรียนหนังสือด้วยกัน เราก็ดีใจกับท่านด้วย

ฝากอนุโมทนาบุญ กับท่านด้วย ขอให้ท่านอยู่ในสมณะเพศนี้ต่อไป จะได้ทำประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งบางที เขาจะไม่เห็นคุณค่า แต่ความจริง ก็คือความจริง แม้แต่พระพุทธองค์ ยังมีมารผจญ ท่านก็ประสบความสำเร็จ"

พ.อ.บรรลือ น้อยใจรักษ์ อายุ ๗๐ ปี "มาราชธานีเป็นครั้งแรก รู้สึกอบอุ่น ได้เจอลูกๆหลานๆ ที่ให้ความสงเคราะห์ ตลอดเวลา บ้านลุง อยู่ติดกับกุฏิพ่อท่าน ที่สันติอโศกเลย ก็ดีใจ ที่พ่อท่านมาทางนี้ เป็นอีกโลกหนึ่ง ซึ่งเราก็ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า พ่อท่านจะต่อสู้ มาได้ถึงเพียงนี้ และมีลูกหลาน เต็มบ้านเต็มเมือง ก็ขอบคุณครับ"

คุณลุงสว่าง ธีระวุฒิ อายุ ๖๖ ปี "สมัยที่เรียนเพาะช่าง มีการเลือกตั้งประธานนักเรียน พ่อท่านได้คะแนนสูงสุด และลุง ได้รับเลือก เป็นเลขาฯ พ่อท่านเป็นคนที่มีแนวความคิด ริเริ่มตลอด เพื่อนๆก็รัก ท่านไปทำงานช่อง ๔ ก็ยังคุ้นเคย พอท่านไปแสดงธรรม ที่ลานโพธิ์วัดมหาธาตุ พวกเราก็ติดตาม แต่ไม่ได้ใกล้ชิด เพราะตอนนั้น ต่างคนต่างดำเนินชีวิต ผมอยู่แถว บางลำภู เจอพ่อท่าน เดินบิณฑบาต ก็ได้แต่ยิ้ม และยกมือไหว้ ติดตามฟังข่าว ของท่านตลอดมา มีลูกศิษย์ ที่ผมสอน มาบวชเป็นสิกขมาตุ

ที่ประทับใจที่สุด ตอนพวกเราได้มาพบท่านครั้งแรก ที่สันติอโศก ได้รับเอกสารพร้อมจดหมายน้อยๆ ส่งให้พวกเราว่า "ถ้ายังไม่ตาย มาพบกันบ้าง" เจอกันครั้งนี้ ผมประทับใจมากที่สุด วันแรกที่มา ได้เห็นในสิ่งต่างๆ ต้นหมากรากไม้ ท่านก็เดิน อธิบายให้ฟัง ผมได้แนวความคิด หลายอย่างจากท่าน ได้พูดคุยกับหลายๆคนที่นี่ ทำให้รู้สึกว่า พ่อท่านเป็นผู้ที่มี เมตตาธรรม และอีกหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่สามารถทำให้คน ที่มีความทุกข์ หรือกำลังจะเดินไปหาความทุกข์ ได้กลับมาสู่ อีกมุมชีวิตหนึ่ง ในฐานะความเป็นเพื่อน ผมภูมิใจ ในตัวเพื่อนมาก ในฐานะที่ท่านเป็นสมณะ ผมมองว่า ท่านเป็นพระที่แท้จริง แม้ว่า หนังสือพิมพ์ หรือใคร จะออกข่าวกันยังไง ผมสามารถจะกราบท่านได้ ด้วยความเต็มใจ ท่านเป็นคนดี ที่พวกเราเทิดทูน บรรยากาศที่นี่ เป็นการท่องเที่ยว ที่มีความสุขที่สุด เท่าที่ผมเคยเที่ยวมา

ถ้าไม่ตายคงได้พบกันอีก ในโอกาสต่อๆไป ตามที่ท่านบอกไว้ หนังสือทุกเล่ม ของชาวอโศก ผมได้อ่าน อยู่ตลอดเวลา เพราะสิกขมาตุปรานี ได้ส่งมาให้ และส่งต่อให้กับห้องสมุด ของโรงเรียน และพระที่ผมคุ้นเคย ผมเคยไปที่เชียงใหม่ มีพระที่ผมคุ้นเคย กำลังตั้งป้อม จะต่อต้านท่าน ผมบอกว่าสันติอโศก ไม่ต้องไปตีหรอก ยิ่งตียิ่งโต เพราะว่า ปฏิบัติยาก ไม่ต้องกลัว อโศกจะโต แต่จะเล็ก ก็เล็กอย่างมีคุณภาพ เป็นความรู้สึกที่เพื่อน มีต่อเพื่อนครับ"

รศ.หวน พินธุพันธุ์ อายุ ๖๖ ปี "ช่วงที่เรียนเพาะช่าง พ่อท่านเรียนแผนกวิจิตรศิลป์ ผมก็เรียนแผนกนี้ เท่าที่ดู ท่านไม่มีแววว่า จะมาบวช เหมาะจะเป็นนักบริหารมากกว่า ท่านเป็นประธาน จัดงานอาชีวสัมพันธ์ ตอนอยู่ปี ๓ พออยู่ปี ๕ ได้รับเลือกตั้ง เป็นประธาน นักเรียนเพาะช่าง

ผมติดตามข่าวท่านแบบห่างๆ ไม่ได้ไปที่สันติอโศก เมื่อ ๔-๕ ปีที่แล้ว พอเกษียณอายุราชการ พ.อ.บันลือ ได้พูดคุยกันว่า ให้พวกเรา มาพบปะกัน และนัดเจอกัน ที่สันติอโศก เพื่อจะได้พบกับพ่อท่านด้วย เลยได้มาสันติอโศก เป็นครั้งแรก ปรากฏว่า ท่านต้อนรับอย่างดี ประทับใจ ที่ท่านเขียนป้ายว่า "ถ้าไม่ตาย ก็ให้มาพบกันบ้าง" และญาติธรรม ทำอาหารเลี้ยงอย่างดี แต่พวกเรา ไปกันน้อย ประมาณ ๒๐-๓๐ คนถือว่าน้อย เพราะรุ่นเดียวกัน ประมาณร้อยกว่าคน

มาที่นี่เป็นครั้งแรก ประทับใจมากเลย พ่อท่านก็เคยชวนมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ผลัดท่านมาเรื่อย ประทับใจมาก ที่ท่าน ให้ความเมตตา กับพวกเรามากเลย พาไปที่โน่นที่นี่ ซึ่งทราบว่า ท่านไปครั้งแรกกับพวกเรา ทั้งๆที่ท่าน อยู่ที่นี่ และคงจะบอก กับที่นี่ว่า พวกเราจะมา เวลาเดินไปทางไหน จะมีคนมาถาม มาทัก มาไหว้อยู่ตลอด ประทับใจมากเลย อาหารการกิน ที่พัก พาไปโน่นไปนี่ และพาไปล่องเรือ ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือต่างๆ ให้ความเป็นกันเอง

เทปของพ่อท่าน ผมก็ติดตามฟัง ก็สงสัยว่าเอ๊ะ... ท่านได้ความรู้เหล่านี้ มาจากไหน ซึ่งแต่เดิม ท่านไม่มีแววเลย ทำไม ถึงลึกซึ้งมาก อยากจะถามเหมือนกัน เพราะเนื้อหาสาระต่างๆ นี่ลึกมาก หลายเรื่อง ที่อยากจะถามท่าน คิดว่า จะหาเวลา คุยกับท่านอีกที

ก็ขอให้การดำเนินงานของท่าน ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดไปนานเท่านาน โดยเฉพาะ ราชธานีอโศก มองดูแล้ว น่าจะก้าวหน้า มากทีเดียว ก็มีโครงการเยอะแยะ เท่าที่ท่านชี้ให้ดู มาคราวหน้าคงแปลกตาแน่นอนเลย"

นางยุพาพรรณ แท่นนิล อายุ ๖๘ ปี "สมัยเรียนพ่อท่านเป็นคนที่น่ารัก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนใจดี ใครมีอะไร ปรึกษาได้ และ รูปหล่อมาก น้องทุกๆคน จะเรียกว่าพี่แป๊ค แต่ป้าเรียกพี่แป๊ะ ป้ามาที่นี่เพิ่งรู้ว่า พ่อท่านเป็นคนอุบลฯ ได้ยินท่านพูด ภาษาอีสาน คิดว่าท่าน เป็นคนกรุงเทพฯ เสียอีก ประทับใจที่นี่มาก ถ้าไม่จองตั๋วไว้ จะอยู่ต่อ หากมีโอกาส จะมาอีกแน่นอน และนัดกันว่า จะไปภูผาฟ้าน้ำ จะพยายามไปทุกแห่ง ของชาวอโศก ที่นี่ดีพร้อม ไร้สิ่งไม่ดีทุกอย่าง ทุกชีวิต ที่อยู่ในอาณาเขตที่นี่ จะปลอดภัยที่สุด ไร้มลพิษทุกอย่าง"

นางศศิธร สุธรรมชัย อายุ ๖๗ ปี "ตอนเรียนป้าเรียนต่างแผนกกับพ่อท่าน ประทับใจตรงที่ ท่านเป็นผู้ประสานงานที่ดี ไม่ว่าจะเป็น งานรื่นเริง งานโรงเรียนต่างๆ ท่านจะจัดการได้ดี เมื่อวานนี้ ยังร้องเพลง ที่ท่านแต่ง ท่านยังพูดว่า ยังจำได้ด้วย ก็แปลกนะ ท่านเป็นคนอุบลฯ แต่ท่านแต่งเพลงว่า "...นครพนมสมนาม มีพระธาตุงาม ....จำได้แค่นี้ แล้วท่านก็ให้ พวกคุณป้าแน่งน้อย เป็นคนรำ ท่านก็ออกทีวีช่อง ๔ อยู่เรื่อยๆ ไม่เคยนึกเลยว่า ท่านจะมาบวช หนังสือพิมพ์ สกุลไทย ยังกล่าวขวัญ ถึงท่านว่า ท่านเป็นคนดี เป็นคนที่จัดรายการบันเทิง ได้ยอดเยี่ยม มาที่นี่ ประทับใจทุกอย่าง การต้อนรับนี่ดีมาก ยังพูดกันเลยว่า อยากอยู่ต่อ อาหารอร่อยม..า..ก...ก.. คุณป้าสำเนียง ทำอาหารอร่อยจริงๆ"

นางสาวศรีนายก ศโรภาส อายุ ๖๗ ปี "ป้าเรียนแผนกฝึกหัดครู พ่อท่านอยู่วิจิตรศิลป์ ท่านเป็นเพื่อนที่ดี มีน้ำจิต น้ำใจต่อกัน มาที่นี่ก็ชอบ เห็นเด็กๆน่ารัก เห็นความสามัคคี ป้าคิดว่า เราไม่สามารถไปหาสังคมอย่างนี้ที่อื่นได้ เห็นแต่สิ่งที่ดีๆ ก็ชอบ หากมีโอกาส จะมาอีก"

นางพรรษมน (แน่งน้อย) ชินชนะโชคชัย อายุ ๖๙ ปี "ท่านอยู่ในฝ่ายศิลป์ ที่ป้าต้องอาศัยอยู่ตลอดเวลา การแสดงศิลปะ ในโรงเรียน จะใกล้ชิดท่านมาก ท่านแต่งเพลงให้เล่นละคร ให้รำ ท่านมีหัวทาง ศิลปะการแสดงมาก ตอนท่านทำงานทีวี ก็เจอกันบ่อย จะมาห่างตอนท่านมาบวช เพิ่งจะมาพบกันอีก ที่สันติอโศก มาที่นี่ดีมาก อบอุ่น อากาศดี เห็นเด็กๆ ปลื้มใจ เขาทำได้ดี"

นางบุปผา ธีระวุฒิ "ป้าไม่ได้เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับท่าน แต่มากับสามี คือคุณลุงสว่าง ปกติรู้จักท่าน ทางหนังสือ มานานแล้ว เห็นตัวจริงแล้ว รู้สึกว่า ท่านเป็นผู้ที่มีเมตตา มาแล้วประทับใจ ทุกๆอย่างของที่นี่ค่ะ".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 


เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๐๐(๒๓๓) ปักษ์แรก ๑-๑๕ ก.พ.๔๖ มีข่าวความเคลื่อนไหว ในแวดวง ชาวเรา ดังนี้

ใช้หนี้...วิบากเก่า เพราะเคยกินเหล้า ในสมัยวัยรุ่น ตอนนี้อาพาธซะแล้ว ก็เพราะวิบากเก่า บวกกับวิบากใหม่ ขยันทำงานเกิน ช่วยวาง ระบบโทรศัพท์ และไฟฟ้า ที่บ้านราชฯ ป่วยก็ไปช่วยขนเรือ กับทีมหลวงตา และในฐานะ ที่ท่านเอง มีความรู้ ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า พอได้ไฟเขียว ให้หาวิธีหาพลังงานทดแทน โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน แต่ให้ใช้แหล่งพลังงาน ที่มีอยู่ ซึ่งก็คือ โซล่าเซลล์, น้ำตก เป็นต้น ทำไปทำมา คิดค้นไปคิดค้นมา ขณะนี้หมดแร งเพราะโรคตับกำเริบ คุณหมอแผนปัจจุบัน ถึงกับฟันธงว่า ตับของท่าน ไม่มีทางฟื้น คืนสู่สภาพเดิม แต่จะทรุดกว่าเดิม หากไม่พักผ่อนให้พอดี

ช่วงนี้คุณอ้นและคุณบินไกล ก็กลายเป็นหมอจำเป็น ใช้ความรู้แผนโบราณรักษา โดยมั่นใจว่า ตับจะฟื้นตัวได้ หากรักษา อย่างถูกวิธี แถมยังได้ดูแลรักษา ท่านโพธิสิทธิ์อีกรูป ที่อาพาธด้วยโรคงูสวัด ซึ่งขึ้นแถวสะโพก ปวดแสบปวดร้อน ตอนนี้ อาการของทั้ง ๒ รูปก็ดีขึ้นบ้างแล้ว

จิ้งหรีดคิดเอาเองว่า ผู้ป่วยได้ใช้หนี้ ส่วนผู้ดูแลก็ได้บุญไปโดยปริยาย จริงไหมฮะ...จี๊ดๆ

วัยรุ่นยุคใหม่...ขอเรียกว่าเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ใจกตัญญู เพราะหลังจากเรียนจบ ม.๖ จาก ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศกแล้ว ศิษย์เก่า ชนภรา บุญกล้า ก็มุ่งมั่นเรียน ศึกษาศาสตร์ จนจบปริญญาตรี ภายในเวลาเพียง ๓ ปีครึ่ง

ตลอดระยะเวลา ที่กำลังร่ำเรียนอยู่นั้น เธอกินใช้อย่างประหยัด มังสวิรัติบริสุทธิ์ แถมไม่เที่ยวเตร่เฮฮา ให้สิ้นเปลืองเงินทอง จิ้งหรีด ได้ยินข่าวมาว่า เมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมานั้น เธอได้ให้ของขวัญแด่คุณแม่ เป็นเงินถึง สองหมื่นบาท เป็นเงินจาก การเก็บหอมรอมริบ ของเธอเอง

นอกจากนี้ ในปีการศึกษา ๒๕๔๖ นี้ เธอก็อาสามาช่วยงานโรงเรียน ช่วยสอนน้องๆ สัมมาสิกขาฯ เธอบอกว่า หากทางโรงเรียน จะให้เธอช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลย

จิ้งหรีดฟังแล้ว เป็นปลื้มแทนคุณพ่อคุณแม่จริงๆ ที่มีลูกสาวที่แสนดี มีใจกตัญญูและเสียสละเช่นนี้ สาธุ...จี๊ดๆ

กระแสบุญนิยม...หลังจาก ชมร.ช.ม.สามารถแจกอาหารให้ลูกค้า เพื่อพิสูจน์แนวการค้าบุญนิยม ระดับ ๔ ที่พ่อท่าน สอนว่า มิใช่เรื่องละเมอเฟ้อฝัน อย่างที่คนทางโลก หลายคนมอง รวมทั้งชาวเรา บางส่วน โดยเริ่มแจกอาหาร มังสวิรัติ เดือนละ ๑ ครั้ง จนมาถึงขณะนี้ แจกฟรีมาทุกวัน ไม่ต่ำกว่า ๑ เดือนแล้ว ก็มีชาว มรฐ. กล้าสร้างกระแสบุญนิยม ขึ้นมาบ้าง โดยการขายอาหาร จานละ หรือถุงละ ๑ บาท เมื่อวันพระใหญ่ ในเดือน ม.ค.๒๕๔๖ ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ลูกค้าทั้งเก่า และใหม่ มารับบริการ จนคนขาย ขายไม่ทัน และตั้งใจว่า จะทำต่อไป ทุกเดือนๆละ ๑ ครั้ง

และตอนนี้ ชมร.หน้าสันติอโศก ก็สามารถทำได้อีกแห่ง เมื่อเห็นชมร.ช.ม.ทำได้ โดยเริ่มจาก ให้สมาชิกเหมาทำบุญ แต่ละแผนก ในชมร. ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด หรือวันตายก่อนตาย จนการประชุมครั้งล่าสุด ในเดือน ก.พ.๒๕๔๖ ที่ผ่านมา ที่ประชุม มีมติ ออกมาว่า จะเริ่มแจกอาหาร ตามแนวบุญนิยม ระดับ ๔ ทุกเดือน โดยในครั้งแรกนี้ จะแจกอาหารฟรี ในวันจันทร์ที่ ๒๔ ก.พ.๔๖ หลังงาน พุทธาภิเษกฯ ส่วนบรรยากาศ จะเป็นอย่างไร ข่าวอโศก จะนำมาเสนอ และขอเชิญชวนชาวเรา มาร่วมฉลอง โรงบุญ บุญนิยม ระดับ ๔ ที่ชมร.หน้าสันติอโศก ในวันและเวลา ดังกล่าว เพื่อสัมผัสบรรยากาศ แห่งประวัติศาสตร์นี้ด้วย...จี๊ดๆ

โพธิสัตว์...วันก่อนที่เพื่อนฝูงสมัยเรียนเพาะช่าง มากราบเยี่ยมเยียนพ่อท่าน ที่ราชธานีอโศก รถที่จะใช้ สำหรับเดินทาง คันหนึ่ง แอร์เกิดเสีย อย่างกะทันหัน แม้มีผู้นิมนต์ให้พ่อท่าน และปัจฉาฯ ไปรถอีกคัน แต่พ่อท่านก็ปฏิเสธ และกล่าวว่า "เราต้องต้อนรับแขก ผู้มาเยือนให้ดี เราต่างหาก ควรต้องไปนั่งรถที่แอร์เสีย" เป็นรูปธรรม ที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เห็นแล้ว ต่างก็ประทับใจ และซับซาบเอาไปย่อย ให้จิตวิญญาณ ตามแต่ภูมิของตนๆ นี่ก็ยืนยันได้ว่า ได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง เมื่อเวลาอยู่ใกล้ พระโพธิสัตว์...จี๊ดๆ

สาธุ...ขอร้อง "ไชโยๆ" สักหน่อย เพราะเวลานี้ ร.ร.สัมมาสิกขาราชธานีอโศก ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน การศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นโรงเรียนขยายโอกาส ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รับสมัครคุรุ เงินเดือนศูนย์ ไม่จำกัดจำนวนฮะ...จี๊ดๆ

วัวงานตัวใหม่...ที่บ้านราชฯยามนี้ ปรากฏวัวงานตัวใหม่ที่ทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น มามีเงินเดือนศูนย์บาท เรียบร้อย โรงเรียนสัมมาสิกขาแล้ว ก็ขอต้อนรับ พี่(มด) ถึงดิน (สัญชัย วิฆเนศ) ลูกหม้อชาวอโศก (เพราะมาอโศกตั้งแต่เป็น นร. พุทธธรรม จนถึงทุกวันนี้) ตอนนี้จิ้งหรีดรู้สึกว่า พี่มดน้ำหนัก จะเพิ่มเอ๊าเพิ่มเอา แม้งานจะมีให้ทำ มากมาย แต่พี่มด ของน้องๆ ก็มีแต่รอยยิ้ม... นัยว่ามีความสุข มากกว่าทำงานมีเงินเดือนแน่ะ...จี๊ดๆ

ทีม ม.วช....ม.วช.ทั้งจากศีรษะฯ,สันติฯ,ศาลีฯและบ้านราชฯ ที่มาฝึกตนที่ภูผาฟ้าน้ำ ยกทีมไปช่วยงานพุทธาฯ กันแล้ว โดยมีน้องๆ ม.๔ จากปฐมฯและสันติฯ เป็นลูกมือ จิ้งหรีดเห็นแล้ว ก็รู้สึกประทับใจ เพราะพี่ๆม.วช. ก็แข็งขัน ฝึกทำงานไปด้วย ดูแลน้อง ไปด้วย ตัดกิเลสไปด้วย ดุจโคแม่ลูกอ่อนเล็มหญ้าไปด้วย ให้ลูกน้อยดูดนมไปด้วย นี่แหละคือ ทางแห่ง สัมมา อริยมรรค มีองค์ ๘ ที่จะทำให้เกิดสมาธิ แบบสัมมา เรียก สัมมาสมาธิ ไม่ใช่เอาแต่นั่งหลับตา ไร้การงาน ไร้คุณค่า นี่คือ คนรุ่นใหม่ ของอโศก แต่ยังไงๆ ก็ขอให้คนรุ่นเก่า เร่งขวนขวายให้ยิ่งขึ้น ทั้งงานนอกงานใน เช่นกัน ไม่ใช่ปล่อย ให้เด็กๆ รุ่นใหม่ เขาทำกันเอง เท่านั้น เพราะเดี๋ยวบุญ "ตก" บุญ "พร่อง" อย่างที่ท่านสีลวัณโณ ท่านว่าไว้นะฮะ...จี๊ดๆ

เป็นไปได้...คิดว่าโรงบุญฯที่ชมร.ช.ม.จะยุติแค่เดือน ธ.ค.๔๕ แต่ที่ไหนได้มีญาติธรรม และลูกค้า จองทำบุญ ตายก่อนตาย ทำบุญ วันเกิด ทำบุญให้พ่อแม่ ที่ยังมีชีวิต ทำบุญระลึกถึง ความดีของพ่อแม่ ที่ล่วงลับไปแล้ว ฯลฯ ต่อเนื่องไป จนถึงสิ้นเดือน ม.ค. ก็นึกว่าจะยุติแล้ว แต่ว่าก็มีผู้มาติดต่อ จองคิวทำบุญต่อไปอีก ข่าวล่าว่า ตอนนี้ไปถึงต้นเดือนมี.ค. เข้าให้แล้ว

(ว้าว! กลายเป็นเรื่องน่าติดตามสำหรับจิ้งหรีดซะแล้ว ต้องขอเกาะติดสถานการณ์ ตามไปจดสถิติโรงบุญฯ ของชาวเหนือ เขาสักหน่อยแล้ว เราจะนำมารายงาน ให้เปื่อนป้องน้องปี้ทราบนะเจ้า)

ตอนนี้คนที่ ชมร.ช.ม.ส่วนใหญ่ชักจะรู้สึกเสียดาย ที่จะต้องกลับมานั่งขาย เพราะแจกต่อเนื่องมาเป็นเดือนๆ ความเป็นพี่ เป็นน้อง ระหว่างเรากับลูกค้า ก็สูงขึ้นทุกวันๆ จิตใจก็มีความเบิกบานมากขึ้น เป็นส่วนใหญ่ ยังไงๆก็ช่วยกันต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่า "บุญนิยม ระดับ ๔" ซึ่งเป็นหลักการค้า ในแนวบุญนิยมนั้น สามารถทำได้จริง มีจริง เป็นจริง มิใช่เรื่อง "เพ้อฝัน" รายการวิถีธรรม ไม่สนใจบ้างหรือฮะ...จี๊ดๆ

ค่ายมหัศจรรย์...ตั้งแต่ภูผาฟ้าน้ำเปิดค่ายมหัศจรรย์เป็นครั้งแรก แม้จะมีนโยบายอบรม แต่เฉพาะคนภายใน และไม่ให้กลับไป ชักชวนกันมาอบรม ก็มีคนขึ้นไปอบรม จนคุณนาคแด่ธรรม ซึ่งเพิ่งเดินทาง มาจากบ้านราชฯ ไปฝึกตนที่ภูผาฯ ถึงกับอุทานว่า "บรรยากาศการอบรมดูไม่ต่างจากบ้านราชฯเลย" นี่จิ้งหรีด ก็ลองนับๆดูแล้ว คิดว่าไม่ต่ำกว่า ๕๐ คอร์สแล้ว อย่างแน่นอน ที่ผ่านการอบรม ในช่วงราวต้นปีที่แล้ว ถึงในขณะนี้ ทำเอาท่านอาจารย์ ๑ ถูกบ่นว่า ไม่มีเวลาให้นวกะ ก็เลย ฝากบอก จิ้งหรีดมาว่า ตอนนี้ขอปิดคอร์ส "มหัศจรรย์" รุ่นต่อๆไปที่ยังไม่ได้ติดต่อไว้ชั่วคราว และท่าน ยังบอกอีกว่า งานนี้ ท่านได้สมณะนวกะ มาช่วยแบ่งเบา ได้หลายคน เป็นการฝึกทำงาน ก่อนที่จะไปช่วยงาน ตามพุทธสถานต่างๆ ในด้าน การสร้างคน เพื่อไปช่วยคน เพื่อให้มีสัมมาทิฏฐิยิ่งๆขึ้นไป สาธุ...จี๊ดๆ

รับสมัคร...ตั้งแต่ร้านน้ำใจถูกไฟไหม้ไป ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สร้างขึ้นใหม่ แต่อาศัยขยายร้าน กสิกรรมไร้สารพิษ ที่อยู่ข้างๆ ร้านน้ำใจเก่า ขายไปพลางๆก่อน ก็ได้ข่าวว่า ก็ขายดีจนหาคนช่วยงานไม่ทัน เอ้า!ใครพร้อมสมัคร ก็ขอเชิญได้ งานนี้ ไม่จำกัดจำนวน ส่วนเงินเดือน เต็มศูนย์เท่าเดิม...จี๊ดๆ

ศาลีอโศก...มีงานอบรมเกษตรกรลูกหนี้ ธ.ก.ส.เป็นปกติ การอบรมที่ผ่านมาก็ได้ผล ทำให้เกษตรกร มีแนวทาง การดำเนินชีวิต ลุงรำพัน ชะเอม ชาวนา จากบ้านเขาขาด หลังจากภรรยาเสียชีวิต ก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่วัด ตามที่ตั้งใจไว้ และได้กลายเป็น ปฏิบัติกรหลัก ในการอบรม ชนิดดอกเตอร์ ยังอาย เพราะพูดได้ทำได้ ไม่เพ้อฝัน ก็ไม่รู้ว่าปีนี้ ลุงรำพัน จะเตรียมผักพื้นบ้าน ไว้เลี้ยงผู้มาร่วมงานพุทธาฯ ได้เพียงพอหรือไม่ พวกเราจะได้กินผักไร้สารพิษ ส่วนในด้านการศึกษา จิ้งหรีดได้ข่าวว่า อาสาว (ที่ได้เป็นสาวตลอดกาล เพราะชื่อ แม้อายุจะยาวแค่ไหน) ตอนนี้มาช่วยงานด้านการศึกษา ดูแลเด็กๆ ก็ไม่รู้ จะเครียดหรือเปล่า?! จิ้งหรีดก็ขอให้กำลังใจว่า งานนี้จะได้เพิ่มฐานแน่ๆ ถ้าเบิกบานได้ไม่ต่ำกว่า ๘๐% ก็ถือว่า สอบผ่าน... ส่วนอาต๋อ ก็กำลังคิดจะเลื่อนฐาน แม้ว่าช่วงนี้ จะมีนายโตโต้ ลูกหม้อของศาลีฯ เพราะเรียนจบสัมมาสิกขาที่นั่น ช่วยงานอยู่ก็ตาม ก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้อาต๋อ ยังคงคิดจะเลื่อนฐานอยู่หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ นายโตโต้ปีนี้ มาช่วยงานขับรถ ๑๐ ล้อ รับสินค้า จากญาติธรรม ไปขายในตลาดอาริยะปีใหม่'๔๖ ที่ผ่านมา ได้รับคำชม จากญาติธรรมหลายคน โดยเฉพาะ ชาวปากช่องว่า ขับรถได้ดีจริงๆ...จี๊ดๆ

มรณัสสติ
น.พ.คม(คำเครื่อง) ป้องขันธ์ อายุ ๘๑ ปีเศษ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ เมื่อวันที่ ๘ ก.พ.๔๖ ตั้งศพที่วัดสว่างฟ้า (พฤฒาราม) จ.ชลบุรี เสร็จงานอุทิศศพให้โรง พยาบาล

ก่อนจากขอฝากธรรมะจากบางส่วนของการบรรยายธรรมของพ่อท่าน ที่ว่า
"ศาสนาพุทธเป็นศาสนาโลกุตรธรรม ที่ปฏิบัติแล้วจะบรรลุมรรคผล และตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป จึงถือว่า เป็นสงฆ์ของ พระพุทธเจ้า เรียกว่า สาวกสังโฆ ผู้นั้นก็เป็นผู้มีที่พึ่ง พ้นทุกข์ไปตามลำดับ ยิ่งลดกิเลส ลดอัตตามากเท่าไร ยิ่งเป็นที่พึ่ง ให้ตัวเอง มากเท่านั้น ซึ่งจะเกิดได้ เพราะกรรม คือ การประพฤติปฏิบัติ ตั้งแต่ศีลจนเกิดสมาธิ-ปัญญา และ วิมุติในที่สุด พระพุทธเจ้า เป็นคนจน สอนคน ให้มาจน คนมาจนคือคนประเสริฐ คนร่ำรวยคือ คนทำลายสังคม ทำลายตนเอง บุญนิยม คือการเสียสละ ที่จะช่วย สังคมได้"

พบกันใหม่ฉบับหน้า จี๊ดๆ

จิ้งหรีด

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


แม่ค้าข้าวเกรียบปากหม้อประทับใจ ชมร.ช.ม.
ขอร่วมตั้งโรงบุญฯแจกฟรี

คุณกอบศิริ นิลแก้ว อายุ ๕๑ ปี อาชีพแม่บ้าน อยู่บ้านเลขที่ ๒๗ ถ.สามล้าน ซอย ๗ ก. ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทุกวันอาทิตย์ จะไปขายข้าวเกรียบปากหม้อ ที่ ถนนคนเดิน

คุณกอบศิริ เป็นสมาชิก ชมร.เลขประจำตัว ๕๙๑๙ เป็นสมาชิกของร้าน เมื่อหลายปีมาแล้ว เริ่มทานมังสวิรัติบริสุทธิ์ เมื่อเทศกาล กินเจ ปี ๒๕๔๕ จนถึงปัจจุบัน เธอเป็นลูกค้าประจำ ที่อยากจะตอบแทนความดี ของผู้ทำงานเสียสละในร้าน ให้ได้ชิมอาหาร ที่ตัวเองถนัด

วันนี้ (๔ ก.พ.๔๖) จึงเป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มมาร่วมงานโรงบุญกับชาว ชมร.ช.ม. ด้วยการทำข้าวเกรียบปากหม้อ ถวายสมณะ และ สมาชิกในร้าน ได้รับประทาน แม้จะลงทุนน้อย ตามกำลังของตัวเอง แต่ก็มีความเต็มใจ ในงานบุญวันนี้อย่างยิ่ง

คุณกอบศิริ ให้สัมภาษณ์ว่า "วันนี้รู้สึกดีใจมาก ที่ได้มีโอกาสฟังธรรมก่อนฉัน ได้ทำข้าวเกรียบปากหม้อร้อนๆ ถวายสมณะ และ ให้พวกเรา ได้รับประทาน"

เธอบอกว่า แต่ละคนที่ทำงานในร้านคงจะเหนื่อย จึงตั้งใจว่าจะหาเวลามาช่วยในโอกาสต่อๆไป

"ดีใจมากค่ะ ที่ได้มาร่วมกิจกรรมที่โรงบุญของ ชมร.ช.ม.วันนี้" คุณกอบศิริ กล่าวในที่สุด

- ใบจริง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รู้เขา-รู้เรา
เขตปลอดบุหรี่ได้ผลคุ้มค่า
- เศษเหล็ก รายงาน -

สิงห์อมควัน ที่คาดว่ามีจำนวนสูงถึง ๑,๒๐๐ ล้านคนทั่วโลก รวมถึงสูบซิการ์และสูบไปป์ อาจจะไม่ชอบงานวิจัยล่าสุด ที่ออกมา เปิดเผยว่า มาตรการกำหนดเขตปลอดบุหรี่ ในที่ทำงาน ช่วยใคนเลิกบุหรี่ได้ดีกว่า การเพิ่มภาษีสรรพสามิตบุหรี่

นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกัน ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ได้รับควันบุหรี่ หรือลดการเกิดโรคร้าย จากควันบุหรี่อีกด้วย

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นมาตราการ กำหนดเขตปลอดบุหรี่ และเพิ่มราคาบุหรี่ ล้วนเป็นการช่วยให้คนเราคิดเลิกบุหรี่ และเลิกบุหรี่ ได้ในที่สุด ไม่มากก็น้อย จึงควรสนับสนุน ทุกมาตรการ ที่จะช่วยให้คน ตัดใจจากบุหรี่ได้.

(คัดบางส่วนจาก นสพ.คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ ๓๐ ก.ค.๔๕)


[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สวนส่างฝันทำบุญครบรอบ ๕ ปี
ทึ่ง ! แตงโมโตโดยไม่ใช้น้ำ

พ่อท่านแสดงธรรมครบรอบ ๕ ปีสวนส่างฝัน ญาติธรรมพร้อมผู้เข้ารับอบรมรุ่นต่างๆ ร่วมฟังธรรมแน่นศาลา

เมื่อวันที่ ๙ ก.พ. ๔๖ พ่อท่านพร้อมสมณะ-สิกขมาตุ ญาติธรรม ผู้เข้าอบรมฯรุ่นแรก ร่วมงานครบรอบ ๕ ปีสวนส่างฝัน ที่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

 

(พ่อท่านพร้อมสมณะ สิกขมาตุ ญาติธรรมเดินทางมาร่วมงานครบรอบ ๕ ปี ของสวนส่างฝัน
โดยในงานนี้ ผู้เข้าอบรมฯ รุ่นแรก ก็ได้มาร่วมงานครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อวันที่ ๙ ก.พ.๔๖ จ.อำนาจเจริญ)

เวลาประมาณ ๘ นาฬิกา พ่อท่านพร้อมปัจฉา เดินทางถึงสวนส่างฝัน คุณแห่งไท นำชมสถานที่ แปลงแตงโม ไม่ใช้น้ำ และ บ้านดิน ซึ่งกำลังก่อสร้าง

เวลา ๘ โมงครึ่ง ถึง ๑๐ โมงครึ่ง พ่อท่านแสดงธรรม โดยวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการอบรมฯธ.ก.ส.ด้วย ในช่วงท้าย เปิดโอกาส ให้ซักถามปัญหา สรุปได้ว่า ที่คนเราไม่พออยู่พอกิน เพราะไม่มีศีล จึงถูกอบายมุขต่างๆ หลอกเอาเงินไปหมด หลังจากนั้น น.ร.สมุนพระราม จากบ้านราชฯ แสดงรีวิวขยะ รับประทานอาหารร่วมกัน มีซุ้มอาหารต่างๆ บริการมากมาย โดยเฉพาะ แตงโมไร้สารพิษ สีชมพูอ่อน แม้จะไม่แดง แต่ก็ปลอดภัย มีการสัมภาษณ์ผู้เข้ารับการอบรมฯ รุ่นพี่ที่กลับไป เปลี่ยนแปลง วิถีชีวิต และการทำกสิกรรม จนพบทางรอด ตั้งเป็นกลุ่มขึ้น เป็นกำลังใจ ให้กับรุ่นน้อง

บ่าย ๒ โมงถึงบ่าย ๓ โมงเศษๆประชุมกลุ่มบุญค้ำบุญคูณ พ่อท่านเป็นประธาน เรื่องที่ประชุมสรุปได้ดังนี้
๑.การซื้อที่ดินเพิ่ม ให้พิจารณา ตามเหตุปัจจัย ที่เหมาะสม
๒.นโยบายการอบรม ธ.ก.ส.
๓.นโยบายการออกร้านสินค้าบุญนิยม
๔.แจ้งบุญญาวุธ หมายเลข ๔ เน้น ๗ อ.
๕.การปลูกแตงโมโดยไม่ใช้น้ำ และการจดสิทธิบัตรเพื่อความสะดวกในการทำงาน

โอกาสนี้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ผู้มาร่วมงานดังนี้
นายแห่งไท(วีระพล) กมลรัตน์ อายุ ๔๐ ปี ผู้บุกเบิก "สวนส่างฝัน เริ่มบุกเบิกบนเนื้อที่ ๖ ไร่ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ จากไม่มีต้นไม้ จนวันนี้ต้นไม้เริ่มเขียวขึ้น จากคน ๔ คน วันนี้มีญาติพี่น้องมาร่วมสองสามร้อยคน กำลังขึ้นบ้านหลังที่ ๔ ในชุมชน เริ่มตั้งกลุ่ม บุญค้ำบุญคูณ และอบรมตั้งแต่ปี ๔๒ ของกองทุน SIF ธ.ก.ส. องค์กรชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษา รวม ๖๓ รุ่น จะมาจากมุกดาหาร เรณูนคร เลิงนกทา ยโสธร นครพนม สำหรับอำนาจเจริญ เพิ่งอบรมได้ ๔ รุ่น ยโสธรมาอบรม ทั้งจังหวัด ทุกตำบล โดยเฉพาะกลุ่มนาโส่ มีทั้งรุ่นพ่อบ้าน-รุ่นแม่บ้าน -และรุ่นลูก มาอบรมครบทั้งครอบครัว

วันนี้ดีใจที่สุดที่พ่อท่านมา เพราะเป็นจุดสุดยอดของจิตวิญญาณของเรา เมื่อไรที่เราท้อ เหนื่อย พอคิดถึงสิ่งที่พ่อท่านทำ เหนื่อยกว่าเราเยอะ เราก็บอกตัวเองว่า เรายังเหนื่อยน้อยกว่า เมื่อมีปัญหา พ่อท่านเจอมากกว่าเรา ก็ประคับประคองมาได้ วันนี้ก็รักใคร่ ปรองดองกันดี เหมือนกับคำขวัญที่ติดไว้ว่า "อยู่ดีมีแฮง ฮักแพงกันไว้" อุปสรรคในการทำงานคือ เวลาที่เราจะทำ น้อยลง เพราะเราต้องให้เวลา ในการให้ความรู้ ในงานอบรมมากขึ้น

อยากจะฝากว่า กสิกรรมไร้สารพิษต้องใช้เวลา และไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะพื้นที่แต่ละแห่งจะต่างกัน สำคัญอยู่ที่ใจ จะทำได้หรือไม่ได้มันอยู่ที่ใจ"

นายคำโจม วงษ์อาสา อายุ ๕๑ ปี ประธานกลุ่มรวมพลังสร้างสรรค์ "ได้นำความรู้จากการอบรม ไม่ว่าจะเป็น การทำแชมพู สระผม ปุ๋ยชีวภาพ น้ำหมัก ไปปฏิบัติ และสาธิตให้กลุ่ม ได้เรียนรู้ ทำให้ผมมีกำลังใจมาก ตอนนี้กลุ่มกำลังทำ โรงปุ๋ยหมักเล็กๆ ๒ โรง ประทับใจสวนส่างฝัน ที่สร้างทั้งความคิด และการปฏิบัติ ซึ่งผมภูมใจมาก"

นายจอม งิ้วลาย รองประธานฯกลุ่มฯ "อบรม ธ.ก.ส. รุ่นที่ ๕๙ ก่อนมาอบรม ผมไม่เข้าใจการดำเนินชีวิต แบบพอเพียง เมื่ออบรมแล้ว ทำให้รู้แนวทางชีวิต ที่จะเดินต่อไป รายจ่ายลดลง รายรับเพิ่มขึ้น ผมนับถือคริสต์ นิกายแคทอลิค ภูมิใจ ที่ได้มาอบรม ที่นี่ให้ความอบอุ่น และให้ความรู้ทุกอย่าง อย่างไม่ปิดบัง โดยเฉพาะขบวนการกลุ่ม ทำน้ำยาซักล้าง สบู่ ยาสระผม ทำให้ลดรายจ่าย ลงไปได้เยอะ ปลูกผักกินเอง ตอนนี้ทำปุ๋ยชีวภาพแบบเม็ด ผมทำนา ๕ ไร่ ปีแรกต้นข้าวเตี้ย ไม่งาม ได้ข้าว ๘๗ กระสอบ ปีที่สอง ๙๐ กระสอบ ปีนี้ได้ ๙๖ กระสอบ ผลผลิตเพิ่ม แต่ต้นทุนลดลง ทำครั้งแรก ถูกกระแสต่อต้าน ผมก็ยึดคติว่า "เป็นผู้นำทำใจให้แน่วแน่ ต้องเที่ยงแท้มุ่งมั่นอย่าหวั่นไหว คำติฉินนินทาอย่าสนใจ ต่อสู้ไปให้ตลอดยอดผู้นำ วันนี้รวมตัวกัน ตั้งกลุ่มรวมพลังสร้างสรรค์ มีสมาชิก ๗๘ คน ครั้งแรกมี ๒๐ คน"

นายสมศักดิ์ กล้าหาญ อายุ ๔๕ ปี กรรมการกลุ่มฯ "มาอบรมแล้ว กำลังใจผมดีขึ้นมาก และเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ จากติดเหล้า - บุหรี่ กลับไปผมเลิกหมดทุกอย่าง จนถึงวันนี้ สวนส่างฝันให้ความรู้กับผมมากมาย ผมถือว่า ผมจบปริญญาจากที่นี่ครับ" .

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


การประชุมในงานฉลองหนาวฯ

วันที่ ๒๕ ม.ค. เวลาประมาณบ่าย ๒ โมง ประชุมสุขภาพบุญนิยม ครั้งที่ ๑ ตั้งผู้ก่อการ ๗ คน พ่อท่านเป็นประธาน ให้โอวาท เปิด-ปิดประชุมว่า สุขภาพบุญนิยมเป็นบุญญาวุธหมายเลข ๔ เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ต้องดูแลให้ดี ให้คำนึงถึง ผู้มาสืบทอดคือ นิสิตพลาภิบาล และสถานที่กำลังจัดสร้างที่ปฐมอโศก ถือเป็นของชาวอโศกทุกคน มีสิทธิ์ไปใช้บริการ

วันที่ ๒๖ ม.ค.เวลา ๐๕.๐๐ น.ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ ๑/๒๕๔๖ พ่อท่านเปิดประชุมว่า ทิศทาง การทำงาน ของการเมืองบุญนิยม เพื่อเอื้อประโยชน์ ไปรับใช้ เป็นเรื่องของการเสียสละ เป็นบุญนิยม ที่ไม่เคยมีในโลก ขอบคุณ ทุกคน ที่เอาใจใส่ พากเพียร สืบสานให้แก่มวลมนุษยชาติ นอกจากมีการตกลง เรื่องการค้าบุญนิยม ระดับที่ ๓ ต่ำกว่าทุน หรือขายขาดทุนว่า ชาวอโศกจะไม่ขายขาดทุนเฉพาะงานปีใหม่ตลาดอาริยะเท่านั้น แต่จะขายขาดทุน ในงาน ที่มีผู้มาเชิญ ไปออกร้าน จำหน่ายสินค้าชุมชนด้วย โดยขึ้นป้ายบุญนิยม เพราะเราขายต่ำกว่าทุน มากเท่าไร ก็เป็นบุญนิยม มากเท่านั้น หากพุทธสถานใด ได้รับเชิญ ให้ส่งข่าวไปยังพุทธสถาน หรือเครือข่ายอื่นๆทราบด้วย เป็นข่าวปันบุญ ทั่วถึงกัน และ หากว่า ไม่สามารถ ขายต่ำกว่าทุนได้ ห้ามขึ้นป้ายบุญนิยม ให้ขึ้นป้ายชื่อ เฉพาะเครือข่ายเท่านั้น.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชื่อ นางคำป้อง อดกลั้น
เกิด พ.ศ. ๒๔๖๘ อายุ ๗๘ ปี
ภูมิลำเนา จ.ยโสธร
การศึกษา ม.๓ ร.ร. อาชีวะ จ.อุบลฯ
สถานภาพ หม้าย บุตร ๑๐ คน
ส่วนสูง ๑๕๘ ซ.ม.
น้ำหนัก ๖๔ กก.

คุณยายคำป้องเป็นญาติธรรมเก่าแก่ของวัดป่าสวนธรรมร่วมใจ หรือที่ผู้คนมักจะเรียกสั้นๆว่าวัดป่าติ้ว ของหลวงพ่อธรรมชาติ เจอคุณยาย ที่สวนส่างฝัน จึงสัมภาษณ์มาเป็นนางงามค่ะ

ครูประชาบาล
มีพี่น้อง ๒ คน ยายเป็นคนโต พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้าน แม่ทำนา ตอนเด็กๆประทับใจครูผู้หญิงมาก ฝันอยากจะเป็นครูบ้าง หลังจาก จบป.๔ แล้วขอพ่อเรียนต่อที่ ร.ร.อาชีวะ จ.อุบลฯ เรียนจบแล้ว รับราชการเป็นครูประชาบาล ที่โรงเรียนบ้านไผ่สร้างช้าง จ.ยโสธร เจอพ่อบ้าน ซึ่งสอนอยู่ที่นี่ แต่งงานตอนอายุ ๒๐ ปี เขาแก่กว่ายาย ๕ ปี มีบุตรด้วยกัน ๑๐ คน และพ่อบ้าน มาเสียชีวิต ตอนอายุ ๕๗ ปี

งานปลุกเสกฯ
ปี ๒๕๒๓ ครูที่ ร.ร.ทำบุญด้วยอาหารเจ ตามแนวทางชาวอโศก ยายเห็นแล้ว ก็ยังไม่สนใจ ต่อมาเขาพาไปร่วมงานปลุกเสกฯ ที่ศีรษะอโศก ยายได้ฟังธรรม ของพ่อท่านแล้วเข้าใจ เกิดศรัทธา โดยเฉพาะธรรมคีตะเสียงปลุก เสียงปลง ประทับใจมาก ซื้อเทปมาแจก ให้กับพี่ๆน้องๆ แล้วเริ่มลงมือปฏิบัติ เลิกกินเนื้อสัตว์ ปี ๒๕๒๕ ยายไปนิมนต์พระจากสันติอโศก มาทำบุญ ให้พ่อบ้าน มีท่านติกขวีโร, ท่านมนาโป และอีกหลายองค์ ยายจำชื่อไม่ได้แล้ว ก็ทำอาหารมังสวิรัติถวาย

วัดป่าติ้ว
หลังจากนั้นยายก็มาซื้อที่ดิน ปลูกกุฏิเล็กๆปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าติ้วของหลวงพ่อธรรมชาติ จนถึงปัจจุบัน พระที่นี่ ก็ฉันมังสวิรัติ เหมือนกัน เวลาทางบ้านมีงาน ลูกก็มารับไปบ้าน อยู่ที่นี่ยายทำเกษตร ปลูกกล้วย ปลูกอ้อย ปลูกพืชผักไร้สารพิษ อยู่กัน หลายคน ผัสสะก็มีบ้าง แต่ยายทำใจได้ ไม่มีปัญหากับใครๆ เพื่อนๆที่อยู่ด้วยกัน เขาผัสสะให้กันบ้าง ยายก็คอยเตือน ให้สติ เขาก็ลดละ ลงไปได้เรื่อย ยายก็พยายามลดละตัวโลภ โกรธ หลง ๓ ตัวนี้ให้ได้ ก็มีความสุข

แม่ตายให้รีบเผานะลูก
ตอนนี้ห่วงลูกชายอยู่คนหนึ่ง เขากำลังกลับตัวเลิกเหล้า ส่วนเรื่องตายนั้น ไม่ห่วงแล้ว ตายเมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่กลัว แต่ถ้าตาย ง่ายๆ ก็ดี สั่งลูกๆไว้ว่า ถ้าแม่ตายอย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ในงานศพของแม่ ให้ทำอาหารมังสวิรัติ หากตายลง ก็ให้รีบเผาทันที ไม่ต้องรอญาติทางไกล ให้ทำศพง่ายๆ หากยายป่วย ก็ไม่ต้องเอาเข้าโรงพยาบาล ไม่ชอบให้เขาเอา สายโน่นสายนี่ มาแยง ตามร่างกาย ตายแล้วก็ไม่ต้องอ่านประวัติ เผาเลย ลูกๆก็เข้าใจ และรับปากจะปฏิบัติตามที่ยายบอก

ความสุขทุกวันนี้
ทุกวันนี้ยายมีความสุขกับการปฏิบัติธรรมในหมู่มิตรดี สหายดีแห่งนี้ อยู่ด้วยกันก็มีความระลึกถึงกัน มีความรักกัน เคารพกัน
อยากจะฝากว่า ขอให้ลูกๆหลาน ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ทำแต่ความดี สิ่งที่เราปฏิบัติได้ ก็จะเป็นทรัพย์แท้ ติดตัวเราไปทุกชาติ เหมือนที่พ่อท่านสอน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หากเราแต่ดีอย่าง เราก็จะได้ดีอย่างเดียว กับลูกเต้ายายก็ทำใจกับพวกเขาได้แล้ว มีแต่เตือนเขาให้เข้าวัดฟังธรรม ขอให้ลูกๆหลานๆ ปฏิบัติธรรมให้เจริญขึ้นไปเรื่อยๆนะ

ยายสั่งเสียเรื่องงานศพอย่างง่ายๆ ตายแล้วให้รีบเผา ไม่ต้องรอญาติทางไกล ไม่ให้ฆ่าสัตว์ ไม่ต้องอ่านประวัติ เพราะยาย ได้ฝึกมาแล้ว จึงเตรียมพร้อมสำหรับความตาย แล้วทุกวันนี้ ท่านได้คิดถึงความตายบ้างหรือไม่...? .

บุญนำพา

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ ๒๗
วันที่ ๑๖-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖

อาทิตย์ ๑๖ ก.พ.วันมาฆบูชา
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. พิธีเปิดงานและพ่อท่านนำปฏิญญาณศีล ๘
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. ปฐมนิเทศ
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ฟังธรรมกัณฑ์พิเศษ พ่อท่านเทศน ในโอกาสวันมาฆบูชา

วันจันทร์ที่ ๑๗ ก.พ.
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐ น. อีคิวโลกุตระโดยพ่อท่าน
๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. ประชุมตลาดอาริยะ
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. อาหารใจก่อนใส่อาหารจริง
๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. ประชุมต.อ.
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. รายการพิเศษ
๑๖.๑๕-๑๗.๔๕ น. ประชุม ต.อ.
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ณ ทุ่งศาลี

วันอังคารที่ ๑๘ ก.พ.
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐ น. อีคิวโลกุตระโดยพ่อท่าน
๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. ประชุมตลาดอาริยะและ ๖ พาณิชย์
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. อาหารใจก่อนใส่อาหารจริง
๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. ช่วงเวลาของการประชุมกลุ่มย่อย
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. แบ่งกลุ่มสัมมนาตามฐานนาฐานะ
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ณ ทุ่งศาลี

วันพุธที่ ๑๙ ก.พ.
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐ น. อีคิวโลกุตระโดยพ่อท่าน
๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. ประชุมบุญญาวุธ หมายเลข ๓ (กสิกรรมไร้สารพิษ)
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. อาหารใจก่อนใส่อาหารจริง
๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. ช่วงเวลาของการประชุมกลุ่มย่อย
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. แบ่งกลุ่มสัมมนาตามความสนใจ
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ณ ทุ่งศาลี

วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ ก.พ.
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐ น. อีคิวโลกุตระโดยพ่อท่าน
๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. ประชุมคุรุสัมมาสิกขา เพื่อกำหนดการสัมมนา
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. อาหารใจก่อนใส่อาหารจริง
๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. ช่วงเวลาของการประชุมกลุ่มย่อย
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. พ่อท่านตอบปัญหา
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ณ ทุ่งศาลี

วันศุกร์ที่ ๒๑ ก.พ.
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐ น. อีคิวโลกุตระโดยพ่อท่าน
๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. ประชุม ค.ก.ร.
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. อาหารใจก่อนใส่อาหารจริง
๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. ประชุม ค.ก.ร. เฉพาะข้าราชการที่ขอตัว
๑๔.๐๐-๑๖.๐๐ น. พ่อท่านตอบปัญหา
๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร ณ ทุ่งศาลี

วันเสาร์ที่ ๒๒ ก.พ.
๐๓.๓๐-๐๕.๓๐ น. อีคิวโลกุตระโดยพ่อท่าน
๐๖.๐๐-๐๘.๐๐ น. ช่วยกันเก็บงาน
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. สรุปงานพุทธาฯ ครั้งที่ ๒๗
๑๒.๐๐-๑๔.๐๐ น.แยกย้ายกันไปกอบกู้มนุษยชาติ ประกาศโลกบุญนิยม

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

www.asoke.info

[กลับหน้าสารบัญข่าว]