ฉบับที่ 213 ปักษ์หลัง16-31 สิงหาคม 2546

[01] บทนำข่าวอโศก:ความอบอุ่น
[02] ธรรมะพ่อท่าน: คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๒)
[03] โรงบุญฯ ๑๒ สิงหาฯ มหาราชินี ณ ลานธรรม ร.ร.ปายวิทยาคาร เมืองสามหมอก
[04] บ้านสะอาดทำให้ลูกประสบความสำเร็จ
[05] ไปดู 'ชีวิตใหม่' เกษตรกรลูกอีสาน หลังพักชำระหนี้และฟื้นฟูอาชีพ จาก ธ.ก.ส.
[06]
สัมมนาเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ จ.อุบลฯ ทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้ผล ต้องใช้ระบบ"บุญนิยม"
[07] สมณะชาวอโศกร่วมเป็นวิทยากรประชุมสัมมนา "พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาสังคมไทยในปัจจุบัน"
[08] ศูนย์สุขภาพ : ข้อมูลใหม่ เกี่ยวกับภัยผงชูรส
[09] คุรุชาวอโศกรับเข็มเชิดชูเกียรติ รางวัลครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๓
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] พรรษานี้... ที่ดงแหน่ง (ตอน ๑)
[12] สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร
[13] อบรมเชิงปฏิบัติการ "การผลิตรายการวิดีโอเทปเบื้องต้น" ครั้งที่ ๒
[14] ข่าวสั้นทันอโศก
[15] ชายงามรายปักษ์ ชื่อเดิม นายไพรัช ข่าทิพย์พาที
[16] ผลสำรวจความคิดเห็น โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา
[17] ชาวชุมชนศรีบูรพาอโศก จ.ปราจีนบุรี จัดอบรมคุณธรรม จริยธรรมเยาวชน
[18] อบรมแกนนำสุขภาพเครือข่าย คกร. กำจัดสารพิษแบบครบวงจร ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง:


ความอบอุ่น

มีไหม? ที่ใครอยู่ในชุมชนชาวอโศกแล้ว มีความรู้สึกว่า ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับวิถีชีวิตของตัวเอง

พอไม่มีใครไปยุ่ง ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยว ไม่อบอุ่นในการอยู่กับหมู่กลุ่ม

ถ้าจะอบอุ่น ก็คือ ฉันทำตามภพของฉันได้โดยไม่มีใครว่า ไม่มีใครมาขัดขวาง แล้วคนอื่น หรือหมู่กลุ่ม ก็ต้องทำ ในทิศทาง ที่ฉันเห็นดี หรือฉันต้องการ หรือคอยมาดูแลฉันและครอบครัวของฉัน

แม้ว่าบางคราวฉันอาจจะทำอะไรให้ส่วนกลางบ้าง ฉันก็รู้สึกว่ามันมากมายเพียงพอ ที่จะเรียกร้อง เป็น บุญคุณ รู้สึกสำคัญ และ ยิ่งใหญ่ ที่คนอื่น ควรให้ความสำคัญ และ ยิ่งใหญ่หรือเห็นว่า ฉันก็ทำความดี ตั้งมากมาย เช่นที่ฉันรู้สึก

ทางบทนำนี้ก็ขออนุญาตแนะนำว่า ใครก็ตามที่มีความรู้สึกนึกคิดดังกล่าว อคติ หรือ อกุศลมูลย่อมงอกงาม

เขาจะไม่อบอุ่นไปจนตายไม่ว่าอยู่ที่ไหน
เพราะความอบอุ่นมิใช่อยู่ที่เราขอจากผู้อื่น
แต่อยู่ที่เราพร้อมให้เวลา ให้ความเข้าใจ ไม่ถือสาและพร้อมที่จะไม่ทำอะไรตามภพตัวเองก็ได้
แล้วเรา จะพบ ความอบอุ่น และเป็นผู้ให้ความอบอุ่นแก่ผู้อื่นได้ด้วยอย่างจริงใจ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?
คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๒)

เครื่องนุ่งห่ม กันร้อนหนาว ถึงคราวใส่
จะสีทรง แบบไหน เขาซื้อขาย
มีให้เลือก มากนักหนา อย่าตาลาย
มันน่าอาย หากหลงตาม ความนิยม

มีที่อยู่ ปลอดภัย ไม่มีทุกข์
กันแดดฝน พอมีสุข ก็เหมาะสม
จะเรียบง่าย หรือหรูหรา งามน่าชม
ใจของเรา อย่าจ่อมจม หลงติดพัน

เราใช้ยา รักษาโรค ยามเจ็บป่วย
อย่าให้ซวย ติดยา บ้ามหันต์
ยาบางอย่าง ก็เสพติด ได้เหมือนกัน
ต้องเท่าทัน ใช้เท่าที่ มีโรคภัย

นามคือ ขันธธาตุ มิอาจเห็น
"เวทนา" นั้นเป็น ตัวบอกไข
มองเห็น "รูป" ได้ยินเสียง สำเนียงใด
ก็แจ้งไป ตามหน้าที่ เท่านี้พอ

"สัญญา"รับ รู้ตาม จำแล้วจบ
"สังขาร"ปรุง สร้างภพ เร่าร้อนหนอ
โลภโกรธหลง หยิ่งทะนง หลงคำยอ
ไม่เคยพอ อยู่ประจำ กำกับคน

"วิญญาณ"คือ ความรับรู้ รวมสู่ยอด
รู้ตลอด เวทนา อย่าฉงน
รู้สัญญา รู้สังขาร วิญญาณตน
รู้จวบจน วิญญาณดับ รับรู้จริง

เมื่อเวทนา สัญญา ทำงานอยู่
สังขารรู้ ปรุงรักชัง ดังถูกสิง
วิญญาณเกิด สืบต่อไป ไวกว่าลิง
ดับสังขาร วิญญาณดิ่ง สู่นิพพาน

วิญญาณดับ ยิ่งรู้จริง ยิ่งรู้แจ้ง
รู้ด้วยแสง ของปัญญา กล้าอาจหาญ
รู้ถูกต้อง รู้ตรงแท้ แม้เนิ่นนาน
ต้องทะยาน พากเพียร เรียนวิธี

เวทนารู้ ไม่มี โลกียรส
ไม่รักชัง ไม่รันทด ทุกข์สุขี
สัญญา กำหนดรู้ จำให้ดี
ความรู้สึก รสโลกีย์ ไม่บีฑา

ถ้าหยุดอยู่ เพียงเท่านี้ ก็ว่างเบา
ทำให้เรา มิเสียแรง แสวงหา
มีสติ หยุดยั้ง เป็นครั้งครา ยังดีกว่า
ปล่อยวิญญาณ ให้มารครอง.

- ธาตุดี -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

โรงบุญฯ ๑๒ สิงหาฯ มหาราชินี
ณ ลานธรรม ร.ร.ปายวิทยาคาร เมืองสามหมอก

เมื่อวันที่ ๑๒ ส.ค.๔๖ กลุ่มผักกาดนาช่วยชีวิต ร่วมกับ นร.ปายวิทยาคาร คณะครูและญาติธรรม ร่วมกันจัดโรงบุญ ๑๒ สิงหาฯ มหาราชินี ที่บริเวณลานธรรมใกล้ร้านผักกาดนามังสวิรัติ จ.แม่ฮ่องสอน

ซึ่งโรงบุญในครั้งนี้เริ่มแจกตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น. ท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยๆ โดยได้ตั้งเต็นท์ทั้งสิ้น ๘ หลัง เพื่อให้บริการ อาหารมังสวิรัติ ทั้งคาว และหวานมากมายหลายชนิด แต่เนื่องจากฝนตกพื้นที่น้ำท่วม ทำให้หาที่นั่งลำบาก

และเวลา ๐๘.๓๐ น. สมณะ ๔ รูปและสามเณร ๑ รูป นำโดยสมณะเก้าก้าว สรณีโย ออกบิณฑบาตภาย ในเต็นท์ของ โรงเรียน เนื่องจาก ช่วงนั้นมีฝนตกลงมา

ระหว่างสมณะฉันอาหาร ได้มีการแสดงดนตรี คนเมืองสะล้อซอซึง มีการฟ้อนไท การอ่านเรียงความ และ กลอน จากตัวแทน นักเรียน การสัมภาษณ์ คุณแม่ตัวอย่าง คุณแม่จิต อุปะละ และหลังฉัน สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ และสมณะเก้าก้าว สรณีโย แสดงธรรม เสร็จแล้วเป็นพิธีลูกกราบแม่ และ การรำกิ่งกะหล่า หรือรำนางนก โดย นร.ปายวิทยาคาร มีผู้มาร่วม รับประทาน อาหารมังสวิรัติ จากโรงบุญ ทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง คณะครูและทหาร ที่มาบำเพ็ญประโยชน์ เนื่องในวันแม่ รวมทั้งสิ้น ๓๐๐ กว่าคน นอกจากนี้ ยังมีนายอำเภอ เมืองปาย ปลัดอาวุโส อดีตศึกษาธิการ และสมาชิกสภาเทศบาล มาร่วมงานด้วย

ผู้สื่อข่าวของเรา ได้เรียนถามท่านนายอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน นายสุวิทย์ ศรีสง่า ถึงข้อบกพร่องของงาน ซึ่งท่านได้ชี้แนะว่า "การประชาสัมพันธ์ รายละเอียดยังไม่ชัดเจน โรงบุญมังสวิรัติดี ไม่มีเนื้อสัตว์ เท่ากับ ได้บุญ ศีล ๕ ได้ศีลข้อ ๑ ไม่ต้องฆ่าสัตว์ เป็นการโปรดสัตว์ไปด้วย ถ้ามีอย่างนี้บ่อยๆ ก็จะดี คนเราเคยชิน จึงไม่รู้ว่า เรื่องศีล ๕ เกี่ยวพันด้วยในเรื่องอาหาร การกิน ของเรา เราควร ประชาสัมพันธ์ ให้เขาทราบ มากกว่านี้"

ส่วนนายทหารท่านหนึ่งกล่าวว่า "ไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อน" ผู้ที่ได้รับการบำบัดเรื่องยาเสพติด ท่านหนึ่ง บอกว่า "ดีมาก" ส่วนตัวแทน ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า "เห็นแล้วอยากเอาไปทำต่อ"

พ่อหลวงมานพ (ผู้ใหญ่บ้าน) "ดี คนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจะได้ผ่อนๆลงไป"

ครูบรรยง สว่างปราจีน "เห็นผู้ปกครอง ชาวบ้าน เบิกบานดี โดยปกติต้องบังคับเด็กมา แต่เด็กมาวันนี้ มาอย่าง สมัครใจ เขามาเอง และคงได้ประโยชน์ไปตามธรรมชาติของเขา"

ผอ.ร.ร.ปายวิทยาคาร นายพรเทพ ศุภราภรณ์ "ดีใจ เป็นกิจกรรมที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน แต่ก็สำเร็จ ลุล่วง ด้วยดี คณะครู นักเรียน ก็ดูเอาใจใส่ดี ทางญาติธรรมมาช่วยเหลือก็คล่องตัวดี สมณะก็มาประชุม ซักถาม ให้มีข้อสรุปก่อน ก็ได้เห็น การทำงาน ตรงนี้ เพื่อจะเอาไปทำงาน ในโรงเรียน ต่อไป"

ครูประไพ ยาสา "เมื่อวานรู้สึกเครียด แต่พอเห็นรถกองทัพธรรมมาก็หาย โดยเฉพาะแม่ครูหนู เป็นกำลัง สำคัญอย่างมาก เด็กนักเรียน ที่มาช่วย ก็มาด้วยใจ ได้เห็นการทำงานอย่างเหนียวแน่นมาก"

คุณร่มเย็น ชาวภูผาฟ้าน้ำ "คิดว่าคุ้มที่เลือกมาที่นี่ ทุกปีจะกลับบ้าน มาแล้วได้ทั้งประโยชน์ตน และ ส่วนรวม ได้ยินกิตติศัพท์ ของครูหนู มานานแล้ว พอได้มาพบ ก็ได้เห็นความเพียร ความอดทน ญาติธรรม ช่วยจัดเตรียมงานดีมาก พืชผักผลไม้ ก็มา บริจาค มากมาย ได้ยินชาวบ้านว่า อาหารมังสวิรัติ เป็นอย่างนี้หรือ ก็เหมือนที่เรากินทุกวัน"

คุณอำไพ หุ่นตระกูล (ครูหนู) "...ประทับใจทุกอย่าง มหัศจรรย์ร้านมังสวิรัติเป็นโครงสร้างครบวงจร มันใหญ่ งานมาก งานน้อย ก็ลุยคนเดียว เด็กหอ มีศักยภาพมากมาย"

น.ส.พลอยเพชร กิจฟูเฟื่อง นร.หอ ชั้นม.๖(ร.ร.ปายฯ) "ประทับใจรุ่นน้องจูงมือ คุณแม่มาทานอาหาร และ มาทำบุญ วันแม่ ร่วมกัน"

น.ส.ฉ่าศิริ เขตเนาว์อนุรักษ์ นร.หอ ชั้นม.๖(ร.ร.ปายฯ) "ดีใจ มีความสุขที่ได้มาร่วมบุญ ถึงแม้ฝนจะตก แต่คน ก็มาร่วม งานเยอะ"

สำหรับความเป็นมาของกลุ่มผักกาดนา ช่วยชีวิต สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๒๑-๒๘ พ.ค.๔๖ ร.ร. ปายวิทยาคาร ได้นำนักเรียน ที่เป็นหัวหน้า ชั้นเรียนทุกห้อง และคณะกรรมการนักเรียน ของโรงเรียน จำนวน ๕๐ คน เข้าอบรม ณ พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ ในหลักสูตร "พัฒนาผู้นำนักเรียน" โดยโรงเรียน มีเป้าหมาย ให้นักเรียนกลุ่มนี้ กลับมาเป็นผู้ช่วย ครูในชั้นเรียน และเป็นผู้นำ ที่ดี ของนักเรียน หลังกลับจาก การอบรม มีการประชุม เพื่อระดมความคิด ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ควรมีการตั้งกลุ่ม เพื่อขยาย ผลงาน ของการ อบรม และเป็นจุด ให้มีการพบปะ ทำงานร่วมกัน

ส่วนที่มาของชื่อร้าน "ผักกาดนามังสวิรัติ" คือ การอบรมครั้งนั้นมีผักกาดนาเป็นอาหารหลัก ซึ่งทุกคน รู้สึกประทับใจ ในรสชาติ ของผักกาดนามาก ประกอบกับอาจารย์ ๑ สมณะบินบน ถิรจิตโต ได้ตั้งชื่อรุ่น ที่เข้าอบรม ครั้งนี้ว่า รุ่นผักกาดนาช่วยชีวิต

โดยมีวัตถุประสงค์ของร้าน ดังนี้
๑. เพื่อขยายผลงานจากการอบรม
๒. เพื่อเป็นจุดให้กลุ่มพบปะ ทำงานร่วมกัน
๓. เพื่อเป็นสถานที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพของนักเรียน
๔. เพื่อเผยแพร่อาหารมังสวิรัติ
๕. เพื่อเป็นแหล่งประสานระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน

สำหรับกิจกรรมของกลุ่มในปัจจุบันมีดังนี้
๑. ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
๒. จำหน่ายก๋วยเตี๋ยวและอาหารมังสวิรัติทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ ๑๐.๐๐-๑๓.๐๐ น.
๓. ฟังธรรมจากพระสงฆ์ ทุกวันพุธ เวลา ๑๒.๓๐-๑๓.๒๐ น. ณ ลานธรรม
๔. ผลิตน้ำสมุนไพรจำหน่าย
๕. สร้างวัฒนธรรมในการล้างจานและการแยกขยะ

ด้วยความเป็นมาดังกล่าวร้านผักกาดนา มังสวิรัติจึงได้ก่อตั้งขึ้นในวันที่ ๒๖ มิ.ย.๔๖ โดยมีปรัชญา การทำงาน ของกลุ่มว่า "จงเห็นคุณค่า ของจิตวิญญาณ ยิ่งกว่าผลงาน".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


บ้านสะอาดทำให้ลูกประสบความสำเร็จ

เล่าสู่กันฟังจากข่าวคราว ๕ ส. มีว่าดังนี้ ๑ ใน ๕ ส. คือ สะอาด ไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าบังเอิญ ใครเป็นคน ที่มี ความสะอาด หรือ รักความสะอาด เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็โชคดีไป แต่ใครที่ยังมี ความสะอาดน้อยอยู่ จากข้อมูลนี้ ถ้าใครเห็นประโยชน์ เห็นความสำคัญ ก็รับไปได้เลย

เก็บงานวิจัยของชาวมะกันมาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิตค่ะ ฟังจาก ชื่อเรื่องแล้ว อาจจะชวนงง สักหน่อยว่า เกี่ยวกันตรงไหน ลองมาดูผลการวิจัยของเขากันก่อนดีกว่าค่ะ

เริ่มจาก คุณราเชล ดูนิฟอน ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมสงเคราะห์ แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน และทีมงาน ได้ทำการสำรวจ รายได้ ของครอบครัว จำนวน ๕,๐๐๐ ครอบครัว และติดตามเยี่ยมดูความสะอาด ของบ้าน เหล่านั้น ทุกปีติดต่อกันถึงสี่ปี

ผลการสำรวจพบว่า ครึ่งหนึ่งของครอบครัวกลุ่มนี้ดูแลบ้านอยู่ในระดับสะอาดถึงสะอาดมาก อีก ๓๐ เปอร์เซ็นต์ อยู่ในระดับ สะอาด ปานกลาง ถึงธรรมดา และอีก ๑๑ เปอร์เซ็นต์อยู่ในระดับไม่สะอาด จนถึงสกปรก จากนั้นอีกยี่สิบห้าปีต่อมา นักวิจัย กลุ่มนี้ ได้สำรวจ ระดับการศึกษา และรายได้ ของคน หนุ่มสาว ที่โตมาจากครอบครัวเหล่านี้ รวมทั้งข้อมูล เรื่องระดับ การศึกษา ของพ่อแม่ และ ระยะเวลา ที่พ่อแม่ใช้ ในการทำความสะอาดบ้าน เพิ่มเติมขึ้น จากเรื่องรายได้ ของครอบครัว (คิดได้ยังไง ไม่รู้เนอะว่า เรื่องเหล่านี้ จะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน)

ปรากฏว่าหนุ่มสาวที่โตมาจากบ้านที่อยู่ในระดับสะอาดจนถึงสะอาดมากจะมีระดับการศึกษาสูงกว่า และ เมื่อเป็น ผู้ใหญ่ จะทำงาน มีรายได้ มากกว่าหนุ่มสาว ที่เติบโตมาจากบ้านที่ไม่สะอาด จนถึงสกปรกถึง ๓,๑๐๐ เหรียญสหรัฐฯต่อปี

ฉะนั้นการดูแลบ้านให้สะอาดน่าอยู่เรียบร้อยและเป็นระเบียบ สามารถสะท้อนถึงความสามารถ ในการ จัดกิจกรรม ทั้งหลาย ในชีวิต ให้ลงตัว และมีชีวิตที่เป็นระเบียบ ซึ่งคุณสมบัตินี้ เป็นตัวสำคัญ ในการ คาดเดา ถึงความสำเร็จของชีวิต ในเวลา ข้างหน้า

ผลการศึกษานี้ ได้นำเสนอต่อที่ประชุมประจำปี ของสมาคมเศรษฐศาสตร์ อเมริกันด้วย

ศาสตราจารย์เฮอร์เบิร์ต กินทิส นักเศรษฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ วิเคราะห์ เพิ่มเติมว่า การที่เรา รักษา บ้านให้สะอาด มีระเบียบ แสดงให้เห็นว่าเป็นคนประณีต มีระเบียบวินัย รักความสะอาด ซึ่งมักจะเลยไปถึง การใส่ใจ ในบุคลิกภาพ ภายนอกของตน และสนใจ ความคิดเห็น ของนายจ้าง ผู้ว่าจ้างจึงมักชอบคนประเภทนี้มากกว่า พนักงาน คนอื่น

เป็นอย่างไรบ้างคะ ผลการวิจัยนี้มีเหตุมีผลหนักแน่นพอที่จะให้คุณพ่อคุณแม่ลุกขึ้นมา เก็บกวาดบ้านช่อง ได้บ้าง หรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ บ้านที่สะอาดเป็นระเบียบย่อมทำให้สบายตาสบายใจและส่งผลดีต่อสุขภาพ แน่นอนค่ะ

บทส่งท้าย
เอาละซี คราวนี้ก็รู้กันแล้วนะฮะว่า บ้านช่อง,ห้องหับ,ที่ทำงานสะอาด เป็นระเบียบ มันชี้บ่งถึงว่า คนๆนั้น เป็นอย่างไร เชียวนะ ยิ่งกว่า หมอดูแม่นๆ ซะอีก แต่ยังไง ก็อย่าถึงกับเพ่งโทสกัน ก็แล้วกัลล์ล์ล์.

- ต.อ.กลาง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ไปดู 'ชีวิตใหม่' เกษตรกรลูกอีสาน
หลังพักชำระหนี้และฟื้นฟูอาชีพ จาก ธ.ก.ส. (ต่อจากฉบับที่แล้ว)

ฟื้นฟูอาชีพ
ผลสำเร็จของการพักหนี้

โครงการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรภายใต้ชื่อ "โครงการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตเกษตรกร" หรือ หลักสูตร "สัจธรรมชีวิต" เป็นตัวอย่าง วัดความสำเร็จ ของโครงการพักชำระหนี้ได้อย่างชัดเจน โดยเป้าหมาย ของโครงการนี้ อยู่ที่การพัฒนา คุณภาพชีวิต เกษตรกร รณรงค์ ส่งเสริม ให้เกษตรกร ลด ละ เลิก อบายมุข ลดต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่าย ในสิ่งที่ ไม่จำเป็น ตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียง หันมาทำ กสิกรรมไร้สารพิษ โดยใช้น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยชีวภาพ และสารสกัด จากธรรมชาติ แทนการใช้ปุ๋ยเคมี และ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยใช้ "เครือข่าย กสิกรรมไร้สารพิษ แห่งประเทศไทย" จำนวน ๑๙ แห่ง และ เครือข่าย ทั่วประเทศ เป็นสถานที่ ในการจัดอบรม โดยรุ่นที่ ๑ จัดขึ้น เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๔ ที่ชุมชน ราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ปัจจุบัน ได้จัดอบรมไปแล้ว ๓๗๘ รุ่น มีเกษตรกร เข้ารับการอบรม ๓๓,๔๕๑ คน และ ธ.ก.ส.จะจัดอบรมต่อไปอีก ๑ ปี จำนวน ๔๐๐ รุ่น มีเป้าหมาย เกษตรกร เข้ารับการอบรมอีก ๔๐,๐๐๐ คน

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายในเวลา ๓ ปีที่กำหนด รัฐบาลจึงได้เร่งรัดติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธ.ก.ส. ได้จัดให้มี การสัมมนา เชิงปฏิบัติการ "โครงการขยายผลการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ ให้แก่เกษตรกร หลังพักชำระหนี้" ในงาน "กสิกรรม ไร้สารพิษ เพื่อฟ้าดิน" ซึ่ง ธ.ก.ส. เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ แห่งประเทศไทย (คกร.) และสถาบัน เพื่อพัฒนา การเกษตร และ ชนบท "จำเนียร สารนาค" (สจส.) ร่วมกัน จัดขึ้น ณ ชุมชนราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมีผู้เข้า ร่วมงานถึง ๒,๖๐๐ คน ในจำนวนนี้ เป็นเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่ผ่านการอบรมหลักสูตร สัจธรรมชีวิต เข้าร่วม ๑,๘๐๐ คน จัดได้ว่า เป็นกิจกรรมเชิงรุก ที่หวังผล ความสำเร็จ ที่ชัดเจนและฉับไว ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางไปดูผล และรับทราบความคืบหน้า ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังได้ นำคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกร ในโครงการ พักชำระหนี้ ที่บ้านเอ็นอ้า ต.ตระการ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็น หมู่บ้านนำร่อง ในโครงการเศรษฐกิจชุมชน เพื่อการพึ่งพา ตนเองด้วย ทั้งนี้ จากการเฝ้าเร่งรัด ติดตามผล อย่างใกล้ชิด พอจะประเมินได้ว่า โครงการนี้ ประสบ ผลสำเร็จ เป็นที่น่าพอใจของหลายฝ่าย และ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำ นโยบาย เชิงรุก ของรัฐบาล ที่ทุกฝ่าย ต่างเฝ้า จับตามอง ในความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอีก ๑ ปีข้างหน้า.
(อ่านต่อฉบับหน้า)
(จาก นสพ.มติชนรายวัน ๓ มิ.ย.๔๖)

- ทีมข่าวสัญจร -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สัมมนาเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ จ.อุบลฯ
ทำเกษตรอินทรีย์ให้ได้ผล ต้องใช้ระบบ"บุญนิยม"

เมื่อวันที่ ๑๖-๑๗ ส.ค. ๒๕๔๖ เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ จ.อุบลฯ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ แนวทาง การดำเนินการ เครือข่าย เกษตรอินทรีย์ จ.อุบลราชธานี ตุ้มโฮมคนลงสู่ดิน ทำมาหากินแบบ เกษตรยั่งยืน ณ เรือเกี่ยข่วมฟ้า (เรือเหลือง) มีผู้เข้า ร่วมสัมมนาฯ ๔๓ คน ประกอบด้วย ๖ เครือข่าย ดังนี้
๑. เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษ จ.อุบลฯ
๒. เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ อ.สำโรง จ.อุบลฯ
๓. เครือข่ายสมัชชาเกษตรรายย่อย จ.อุบลฯ
๔. เครือข่ายเกษตรกรรมไร้สารเคมี จ.อุบลฯ
๕. เครือข่ายคนปลูกข้าวลุ่มน้ำโขง
๖. เครือข่ายคนรากแก้ว

๑๐.๐๐ น. คุณวรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต ๗ เป็นประธาน กล่าวเปิด การสัมมนา แล้ว สมณะเดินดิน ติกขวีโร ปฐมนิเทศ ว่า คนทำนาเป็นคนบุญหนักแต่ศักดิ์ไม่ใหญ่ จึงเกิด การรวมตัวกันง่าย เป้าหมาย ของงานนี้ ทำอย่างไร จะได้เกษตรอินทรีย์อีหลี ถ้าเราไม่ทำจริง จะกลายเป็น ขบวนการต้มตุ๋น เกษตรอินทรีย์ จะไปได้สำเร็จ ถ้าเอาบุญเป็นตัวตั้ง เคล็ดลับ ประสบ ความสำเร็จ คือคิด จะให้กับ พระแม่ธรณี และช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อย่างพี่ อย่างน้อง หลังจากนั้น เป็นรายการ ฮู้จักมักจี่ แต่ละเครือข่าย ออกมาแนะนำตัว แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ ถ่ายทอด เป็นกวี สร้างสรร ภาษิตอีสาน

หลังจากนั้น รับประทานอาหารร่วมกัน ฟังแนวทางการพึ่งตนกับกลุ่มบ้านม่วง แล้วแยกกลุ่มย่อย ค้นหาจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส ปัญหา และอุปสรรค

ภาคค่ำร่วมกิจกรรมม่วนซื่นโฮแซวร่วมกับกลุ่มอบรมสัจธรรมชีวิต ลูกค้า ธ.ก.ส.

๑๗ ส.ค. ฟังธรรมะรับอรุณและซักถามปัญหาจากพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ร่วมกับกลุ่ม อบรมสัจธรรมชีวิต ล่องนาวาบุญนิยม ดูงานที่ สวนไวพลัง ระดมสมอง สรุปแนวทางการดำเนินการ เครือข่ายเกษตรอินทรีย์

สมณะเดินดิน ติกขวีโร ให้โอวาทปิดการสัมมนาว่า คนที่ทำกสิกรรมประสบผลสำเร็จ คือคนจริง ไม่โลภจัด ไม่โกรธ ไม่หลง เป็นคน เสียสละ มีเมตตากรุณา มีแกนธรรมะเป็นหลัก ไม่รวมหัวเพื่อเรียกร้อง ระวังเรื่อง ทำแล้วดัง พูดให้ผักงาม ในที่สุด จะไหลไป ตามกระแสโลกธรรม

ผู้มาร่วมสัมมนาได้ให้สัมภาษณ์ดังนี้
นางนภาพิน(ปางตะวัน) บุญจูง
ที่ปรึกษาเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ จ.อุบลฯ
"การดำเนินกิจกรรม ได้รับงบประมาณ สนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เป็นกรณีศึกษา โดยเอาเครือข่าย กสิกรรม ไร้สารพิษ จ.อุบลฯ เป็นแกนนำ ในการสร้างอุดมการณ์ เนื้อหาหลักก็คือ การนำเอาธรรมะ มาเป็นหัวใจ ระดมความคิดเห็น ความต้องการ จากแกนนำเครือข่าย ที่เกิดจาก แนวคิด การพึ่งตนเอง ด้วยแนวทางที่ถูกต้อง เป็นการเชื่อมประสาน การกู้ชาติ ด้วย เกษตรอินทรีย์ และ การเชื่อม ประสาน กับนักวิชาการ กระทรวงเกษตร, อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอุบลฯ คณะเกษตรศาสตร์, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ อุบลฯ และ หน่วยงานพัฒนา ในท้องที่ ต่างยินดี ให้การสนับสนุน

๒ วันที่สัมมนา ได้เห็นต้นแบบของปฏิบัติกรชาวอโศกหลายท่าน และจากเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทุกคนมีไฟ ที่จะทำ เกษตร อินทรีย์"

นางพรประเสริฐ จำปาสา อายุ ๔๗ ปี เครือข่ายสมัชชาเกษตรกรรายย่อย "สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจาก การสัมมนา ที่เคยไปร่วมคือ ความเป็นอยู่ ของชุมชนชาวอโศก เป็นแบบอย่างการดำรงชีวิต เพื่อมวลมนุษยชาติ ควรเอาไปปฏิบัติ สังคมโลกคงจะน่าอยู่ อย่างสันติสุข ด้วยแนวทาง เกษตรอินทรีย์ แนวทาง เศรษฐกิจบุญนิยม จะได้สงบสุขเหมือนชุมชนชาวอโศก"

นายสมาน บำเพ็ญ อายุ ๔๕ ปี ประธานเครือข่ายคนปลูกข้าวลุ่มแม่น้ำโขง "ทำให้รู้จักเพื่อน ที่ทำเกษตรอินทรีย์ มากขึ้น ได้ข้อคิด ความรู้ ใหม่ๆมาก โดยเฉพาะ ได้รับธรรมะจากพ่อท่าน ถือว่า เป็นมงคลอย่างยิ่ง ทำให้รู้จักตนเองมากขึ้น จะนำเอา ข้อคิด และความรู้ ที่ได้รับ ไปปรับปรุงใช้ ในเครือข่าย และชีวิตประจำวันให้มากขึ้น"

นายวิทยา ผลคำ อายุ ๒๘ ปี เครือข่ายเกษตรกรรมไร้สารเคมี "ผมทำเกษตรอินทรีย์มาตั้งแต่ปี' ๔๐ ต่อสู้เพื่อสร้างระบบ การผลิต ข้าวอินทรีย์มา ๖ ปีแล้ว ดีใจมากที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เห็นความสำคัญ ในการเชื่อมร้อย เครือข่าย เกษตรอินทรีย์ ผมคิดว่า การเชื่อมร้อย เครือข่ายทั้ง ๖ จะเป็นการสร้างอำนาจ ในการขับเคลื่อน การทำเกษตรอินทรีย์ของ จ.อุบลฯ ได้อย่างมาก"

นางปุ่น แก่นลาภ อายุ ๔๙ ปี เครือข่ายคนรากแก้ว "ปัญหาในกลุ่มคือ จำนวนสมาชิกน้อย คนไม่สนใจ ทำกิจกรรม ส่วนรวม การมา สัมมนาครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับดี อบอุ่นใจมาก ได้ความรู้มาก จะนำไป ปฏิบัติที่บ้าน

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สมณะชาวอโศกร่วมเป็นวิทยากรประชุมสัมมนา
"พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาสังคมไทยในปัจจุบัน"

สมาคมพุทธธรรม จังหวัดอุบลราชธานี นิมนต์พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เป็นวิทยากร ประชุมสัมมนาเรื่อง "พระพุทธศาสนา กับการแก้ปัญหา สังคมไทย ในปัจจุบัน" ในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๖ ที่ห้องประชุมชั้น ๔/๓ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม กาญจนาภิเษก สถาบันราชภัฏ อุบลราชธานี เนื่องจากพ่อท่าน ติดธุระ ได้ให้ สมณะเดินดิน ติกขวีโร ไปแทน เมื่อถึงวันที่ ๑ ส.ค. สมณะเดินดิน อาพาธ ไม่สามารถไปได้ สมณะฟ้าไท สมชาติโก จึงไปแทน

ผู้ร่วมประชุมสัมมนาประกอบด้วยพระภิกษุจากวัดต่างๆประมาณ ๔๐ กว่ารูป ครูอาจารย์จาก โรงเรียน ต่างๆ นักศึกษา จาก สถาบันราชภัฏ ที่ได้รับเชิญ มาร่วมฟัง รวมกันแล้วประมาณ ๑๐๐ คน ซึ่งไม่ได้เปิด ให้ฟังทั่วไป ทางราชธานีอโศก ได้เอา หนังสือ งดเหล้าเข้าพรรษา, หนังสือ ระบบ บุญนิยมไปแจก แต่ละคน ชอบมาก ปรากฏว่าหนังสือไม่พอ

เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุบรรณ จันทะบุตร ประธานสมาคมพุทธธรรม จังหวัด อุบลฯ รายงาน ความเป็นมา ของโครงการ และฝากว่า ระหว่างแก้ปัญหาสังคมไทย กับแก้ปัญหา สังคมศาสนา อันไหน มันจะง่ายกว่ากัน คือจะเอาพระ ไปแก้ปัญหา สังคมไทย แต่สังคมศาสนา ก็มีปัญหา เหมือนกัน อันนี้ก็เป็น ความเจ็บปวด ของศาสนา อย่างหนึ่ง ที่ปัญหามีอยู่ แต่แก้ตัวเองไม่ได้ แล้วจะไป แก้สังคมไทย ได้อย่างไร เสร็จแล้ว นายถนอม ส่งเสริม รองผู้ว่าราชการ จังหวัดอุบลฯ บรรยายพิเศษ และ เป็นประธาน ในพิธีกล่าวเปิดงาน เน้นว่า จังหวัดอุบลฯ มีปัญหาเรื่องอบายมุข ยาเสพติด ซึ่งแก้ไม่ได้ อยากให้พระ มาช่วย หลังจากนั้น อธิการบดี สถาบันราชภัฏ กล่าว

การประชุมสัมมนาแบ่งเป็น ๒ ช่วง ช่วงแรกเริ่มเวลาประมาณ ๐๙.๔๕-๑๑.๓๐ น. เป็นการอภิปราย โดยมี
พระครูมงคลวรวัฒน์ ประธานองค์การพระผู้นำแผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง จังหวัดอุบลฯ-อำนาจเจริญ พูดถึง พุทธศาสนา ในต่างประเทศ ที่มีโอกาสไปดูงาน สมณะฟ้าไท สมชาติโก จากราชธานี อโศก พูดถึงสังคม ของราชธานีอโศกว่า ที่นี่แก้ ปัญหา ด้วยการถือศีล ๕ กินมังสวิรัติ โดยเริ่มต้น ที่พระก่อน พระต้อง ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ไม่ใช้เงิน ฉันอาหาร วันละมื้อ พระซึ่ง เป็นผู้นำ ต้องทำก่อน แล้วฆราวาส ทำตาม นายแพทย์สาโรช ธรรมรัตน์ จากร.พ.พระศรีมหาโพธิ์ นำเสนอ การแก้ปัญหา แบบพุทธ ต้องใช้ การนั่งสมาธิ ดำเนินรายการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุบรรณ จันทะบุตร

ช่วงพักฉัน-รับประทานอาหารกลางวัน มีอาหารมังสวิรัติจัดเตรียมไว้บริการ เนื่องจาก สมณะได้ฉันจาก อุทยานฯ ไปเรียบร้อย แล้ว จึงไม่ได้ฉันอาหาร

ช่วงที่ ๒ เริ่มประชุมสัมมนาเวลา ๑๓.๐๐-๑๗.๐๐ น. เป็นการอภิปรายโต๊ะกลม แต่ละคนร่วมกัน เสนอปัญหา เพื่อหา แนวทาง แก้ไข

หลังเสร็จการสัมมนา อาจารย์ที่ร่วม สัมมนาติดตามมาพูดคุยกับสมณะต่อที่ราชธานีอโศก

สมณะฟ้าไท สมชาติโก ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "บรรยากาศคนฟังตอบรับดี ตอนบ่ายอภิปรายถึงปัญหา และ การแก้ปัญหา เขาก็ไม่รู้ จะแก้ปัญหาอย่างไร ก็นั่งสมาธิบ้าง รวมกลุ่มกันไปฟังเทศน์บ้าง นั่งหลับตาบ้าง แต่ก็ไม่สามารถ แก้ปัญหาได้ เพราะคน ไม่ได้ปฏิบัติ"

คุณแดนดิน หลุ่มรื่นรมย์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "บรรยากาศดี เขาบอกว่า เสียดายพระโพธิรักษ์ไม่มา แต่ลูกศิษย์ที่มา ก็ยอดไปเลย คิดว่าครั้งนี้ เป็นการ ประสานสัมพันธ์กับภายนอก ภาพรวมดี มีผล ในการทำงานข้างหน้าจะดี เพราะทุกคน ที่มามีความตั้งใจดี แต่ข้อมูลต่างๆ ของเรามีมาก เพราะทางเรา มีการปฏิบัติจริง เขายอมรับ ท่านฟ้าไทตอบปัญหาแบบเฉาะ ผ่าปัญหา ได้ดี ที่สัมมนากันทั้งวัน เขาจะจัดทำ เป็นรูปเล่ม และส่งให้ทุกท่าน ที่ไปร่วมสัมมนา".

ข้อมูลใหม่
เกี่ยวกับภัยผงชูรส

- กิ่งธรรม รายงาน -

แม้จะเป็นเรื่องเก่า แต่ขอเอามาเล่าใหม่ เนื่องจากมีรายละเอียดเพิ่มเติม จากการได้อ่านหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ รายสัปดาห์ ฉบับวันที่ ๑๖-๒๒ มิ.ย.๔๖ เตือนประชาชนถึงอันตรายของผงชูรส มีข่าวล่าสุด จากนักวิจัย ชาวญี่ปุ่นว่า ผงชูรส สามารถ ทำลาย ระบบประสาทตา ทำให้สายตาเสีย หรือบอดได้ คนที่มีอายุน้อย ยิ่งเกิดผลร้ายมาก

ส่วนนักวิชาการอื่นๆ ก็ยังยืนยันว่า ผงชูรสเป็นต้นเหตุสารพัดโรค เช่น มะเร็ง สมองฝ่อ เพราะไปทำลาย สมอง ส่วนหน้า ที่เป็น ส่วนสำคัญ ในการควบคุม การเจริญเติบโต และ ระบบสืบพันธุ์ของ ร่างกาย ทำให้โตช้า ปัญญาอ่อน อวัยวะสืบพันธุ์ เล็กลง ทั้งขนาดและ น้ำหนัก ยังทำลาย กระดูก และไขกระดูก ทำให้วิตามินบี ๖ ในร่างกายลดลง ภูมิต้านทานลดลง โครโมโซม เปลี่ยนแปลง จึงมีโอกาส ทำให้ ปากแหว่ง เพดานโหว่ จมูกวิ่น แขนขาพิการ ในหญิงมีครรภ์จะผ่านไปทางรก ทำให้เด็กตัวเล็ก อาจทำ ให้คั่ง ในสมองในเด็ก ชักและตายได้ ยังคงเป็น อันตรายมาก สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจ ไต และ ความดันสูง เพราะจะได้รับเกลือเกินขนาด บางคนที่แพ้ ก็จะเกิดอาการชา ร้อนวูบวาบ ที่ปาก ลิ้น และ ใบหน้า บางคน มีผื่นแดง ตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจไม่ออก

ผงชูรสผลิตจากขบวนการทางเคมีโดยใช้สารเคมีหลายตัว เช่น กรดกำมะถัน กรดซัลฟูริค กรดเกลือ หรือ กรดไฮโดรคลอริค ยูเรีย และโซดาไฟ เป็นสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น ส่วนวัตถุดิบธรรมชาติ ที่นำมาโฆษณากัน ก็เห็นจะเป็น แป้งมัน สำปะหลัง หรือ น้ำตาลอ้อย แต่เมื่อทำปฏิกิริยากันแล้ว จะเกิด สารเคมีตัวใหม่ เรียนกันอย่างไฉไล ว่า "ผงชูรส" ใช้ชูรส ได้จริง เพราะมีคุณสมบัติ ไปขยาย ต่อมรับรส ให้รับรส ได้ดีกว่าปกติ ชาวบ้านเกษตรกรติดกันงอมแงม ถ้าไม่มีใส่ จะกินข้าว ไม่ลงคอ ไกลแค่ไหน ก็จะไปซื้อ ฟังแล้วน่าสงสาร จริงๆ

จึงขอนำกลับมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่จะไปเน้นย้ำแก่เกษตรกรที่ยังไม่ทราบให้ทราบ จะได้กลับตัวทัน เพราะไม่มี คำว่า สายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่า.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


คุรุชาวอโศกรับเข็มเชิดชูเกียรติ
รางวัลครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๓ จากหน่วยงาน สกศ.สำนักนายกฯ
รวมพลังปัญญาพัฒนาการศึกษาไทย

เด็กจินตนาการได้กว้างไกลไร้ขอบเขต เด็กขยันที่จะคิด และคิดอย่างสนุก เด็กจึงคิดได้มากกว่าที่เราคิด ขอเพียง อย่าสกัดกั้น โอกาสเด็ก ที่จะได้คิด และปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดให้ปรากฏ ด้วยงาน ด้านการศึกษา เป็นงานที่สำคัญยิ่ง ต่อ ความเจริญของชาติ เป็นความรับผิดชอบ ของทุกคน ทุกฝ่าย ไม่ละเว้น เพราะงานการศึกษา เป็นภารกิจของทุกคน ที่มีต่อ เยาวชน

ปฏิรูปการศึกษา คือ พันธกิจที่ท้าทาย ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่สำเร็จได้โดยง่าย ใช่ว่าจะทำได้โดยหน่วยใด สถาบัน องค์กรใด โดยลำพัง พันธกิจนี้จึงต้องร่วมกันฟันฝ่าและมุ่งมั่นเพื่อสานฝันให้เป็นจริง

การสัมมนาทางวิชาการ "รวมพลังปัญญา พัฒนาการศึกษาไทย" ศ.๒๒ - อา.๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๖ ณ ห้อง แกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี จัดโดย สำนักงาน เลขาธิการ สภาการศึกษาแห่งชาติ (สกศ.)

ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศกร่วมจัดนิทรรศการ "การศึกษาทางเลือกสายศาสนธรรม" บริเวณชั้นล่าง ของศูนย์ ประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ภายใน บูธมีบอร์ดนิทรรศการ ผลผลิต ของชุมชนฯ ตอไม้ และ มีนักเรียน สัมมาสิกขาฯ คอยตอบ ปัญหา โดยผู้มาสนใจดูงานเป็นพระ ครู ผู้ใหญ่ ส่วนเด็กนักเรียน เดินผ่านไปมา ไม่สนใจ

ในทัศนะของนักเรียนสัมมาสิกขาฯ "บูธอื่นๆไม่น่าสนใจ มีแต่กระดาษ ไม่มีชีวิต"

วันสุดท้ายของงานนั้น สกศ.ได้คัดเลือกบุคคลผู้ทรงภูมิปัญญาสมควรยกย่อง เชิดชูเกียรติ ให้เป็นครู ภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๓ รวมทั้งสิ้น ๔๕ คน ในจำนวนนี้มีคุรุชาวอโศกรวมอยู่ด้วย ๒ คน คือ

คุรุแก่นฟ้า แสนเมือง ด้านกสิกรรมไร้สารพิษ
ความรู้สึกที่ได้รับรางวัล "รู้สึกไม่ได้ดีใจหรือเสียใจแต่อย่างไร มองในแง่ดีก็คือ ได้รู้จักครูภูมิปัญญาไทย หลายแขนง ซึ่งแต่ละท่าน ล้วนมีอุดมการณ์ที่อยากเผยแพร่ความรู้ ค้นหาสิ่งที่ดี และร่วมกันสร้างสรร ให้เกิด ประโยชน์ แก่ประเทศชาติ ต่อไป"

คุรุขวัญดิน สิงห์คำ ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ความรู้สึก ที่ได้รับรางวัล "รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสได้ไปรู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ทำเรื่องดีๆ จากหลายๆด้าน มีอุดมการณ์ ในการเผยแพร่ ช่วยเหลือให้มีภูมิปัญญาไทยสืบสานต่อไป"

รางวัลที่ได้รับ คือ เข็มเชิดชูเกียรติ และเงินคนละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท มีเงื่อนไขอย่างไร? "ในวงเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท จะจ่ายเป็น ๒ งวด เพื่อจัดทำโครงการ ตามสาขาที่เราได้รับ ส่วนอีก ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าพิมพ์ ตำรา ราว ๒,๐๐๐ เล่ม เพื่อเผยแพร่ ภูมิปัญญาไทย"

สรุป การศึกษาปัจจุบันทั้งประเทศขึ้นอยู่กับสถานการณ์จำลอง ผู้เรียนจะไม่รู้อะไรเลย นักเรียนอายุ ๑๒ - ๑๘ ปี มีปัญหา ด้านคุณธรรมมากขึ้น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น จากสถานการณ์ การศึกษาข้างนอก จะมีแนวโน้ม ให้การยอมรับ การศึกษา แบบชาวอโศกมากขึ้น

- เลนส์แก้ว -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

หน้าปัดชาวหินฟ้า

เจริญธรรม สำนึกดี พบกับ นสพ. ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๑๓(๒๓๕) ปักษ์หลัง ๑๖-๓๑ ส.ค.๒๕๔๖

คิดถึงสนามบุญ...ชมร.เชียงใหม่ ตั้งแต่แจกฟรีติดต่อกันมาเกือบ ๖ เดือน ทำให้กลายเป็น สนามบุญ แห่งใหม่ ของนักบุญ ที่คิดจะทำบุญเหมาแจกอาหารมังสวิรัติฟรี ไปแล้ว จนมาถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีลูกค้า และญาติธรรม มาขอเหมาแจก มีทั้งเหมาบางแผนกอาหาร และเหมาทั้งร้านแจกฟรีก็มี อย่างคุณขุมข้าว ก็เป็นญาติธรรมชาย ที่มาช่วยงานที่ ชมร.ช.ม. เกือบประจำ ก็เริ่มคิดจะเหมา ชมร.ช.ม. แจกอาหารฟรี ทั้งร้าน เพราะไปปลูกฟักทอง หลายร้อยหลุม จนปวดกระดูก สันหลัง รู้สึกถึง ความทรมาน จนคิดไปถึง การทำบุญ ตายก่อนตายที่ ชมร.ช.ม. โดยจะเหมาอาหาร แจกฟรี ทั้งร้าน ทุกแผนกสัก ๑ วัน แต่พอดี สุขภาพดีขึ้น ก็ไม่รู้ว่า ยังคิดจะทำอยู่หรือเปล่า แต่ยังไง จิ้งหรีดก็ได้ข้อคิดว่า ชมร. ช.ม. เป็นสนามบุญ ให้ผู้รักบุญ รักกุศล ได้คิดถึง ทั้งยามทุกข์ และสุขไปแล้ว ...จี๊ดๆๆๆ .....

น่าเลื่อมใส...จิ้งหรีดเกาะอยู่ที่ต้นโมก ฟังรายการพระธรรมก่อนนอน ได้ยินสมณะซาบซึ้ง สิริเตโช เทศน์ให้ ญาติธรรม ฟังว่า ก่อนจะจำวัดท่านจะกราบระลึกถึงคุณ(ธรรม) ของพระรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ ฆราวาส ที่มาศึกษาธรรม ญาติโยม ที่บ้าน ตลอดจน นร.สัมมาสิกขา ซึ่งนับรวมแล้วต้องกราบทั้งหมด ๗ ครั้ง... จิ้งหรีด ฟังท่านแล้ว ก็ประทับใจ เพราะทำให้ นึกถึงรวงข้าว ที่มีเมล็ดเต็มสมบูรณ์ ค้อมรวงลงสู่ดิน อย่างนอบน้อม งดงาม ไม่ชูรวง อวดความแข็งทื่อ (กระด้าง) เหมือนรวงข้าว ที่มีแต่เมล็ดลีบฉะนั้น ว่าแล้ว จิ้งหรีด ต้องขอตัวกลับไป ทำนา (บุญ) ของตัวเองบ้าง ก่อนที่ต้นหญ้า จะรุกราน จนยากจะแก้ไขฮะ... จี๊ดๆๆๆ .....

ของดีจากสมณะ...เห็นญาติโยมที่ปฐมอโศก ๖ คน คือ คุณงามงาน คุณคนึงนิตย์ คุณเพียรพุทธ คุณบัวเพ็ญ คุณใจดิน คุณปางเพียรพลี คุณสัมริ คุณใบพุทธ และคุณยม (ที่ทำงานกับคุณน้อมพร) ได้ถาม สมณะมองตน เมตตจิตโต ว่า "การยอม การทำจิตให้ว่างจะทำอย่างไร"

ท่านมองตน ก็เฉลยคำตอบไว้ ๔ ข้อ คือ

๑. ทำจิตไม่ให้เศร้าหมอง มีความยินดีต่อเหตุการณ์ทุกอย่างที่มากระทบผัสสะ

๒. ยอมรับความจริงเมื่อจิตเราเบิกบาน แล้วก็ต้องฝึกทำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ทุกข์ซ้อน เพราะพอทำได้แล้ว เราจะติด ผลสำเร็จนั้น จึงต้อง พยายามอย่าติดตรงนั้น อย่าติดความสำเร็จ หรือติดดีใจ-ปีติใจ อย่าให้ฟูมากไป

๓. ให้พิจารณาว่า กาม เป็นเรื่องหนักของมนุษย์ ซึ่งเรื่องกามนั้นให้พิจารณาอาหารเป็นหลัก ทำใจในใจ ทำจิตที่แข็ง ให้อ่อนลง ให้ได้ ต้องทำจนเชี่ยวชาญ รูปคือผัสสะที่เรากระทบ ต้องให้เหนือ อย่าโยนข้าม จนสังขารหยุด ต้องใช้ข้อ ๑ + ข้อ ๒ มาทำให้อยู่ในใจ อย่างเดียว อย่าให้ออกมาข้างนอก ต้องเพียรสู้ ต่อไปเรื่อยๆ

๔. การทำฌาน(เพ่งเผา) คือ มีวิตกวิจารณ์ รู้จักทบทวนเทียบเคียงอารมณ์ทั้งผลัก และดูด ทั้งกับคน และ อาหาร จนวางได้ ก็สบาย ต้องฝึกทรงฌานนั่นเอง

นี่จิ้งหรีดเกาะอยู่ไกลนะ อาจฟังคำความของท่านมองตนญาติโยมคนวัด ขาดตกบกพร่อง หรือเกินไปบ้าง ก็ต้อง ขออภัย

แต่ยังไงๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าทั้ง ๖ ท่านที่ฟังธรรมในวันนั้น บัดนี้ทำอะไรอยู่ ยอมได้วางได้ เมื่อเจอผัสสะ แล้วหรือยัง ถ้าได้ผล เป็นประการใด อย่าลืมไปเล่าให้ท่านมองตน ฟังบ้างนะฮะ จิ้งหรีด จะได้เข้าไปฟัง ให้เป็นบุญหู อีกครั้งฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

ภูผาฟ้าน้ำ...บรรยากาศการทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นที่ภูผาฯช่วงเข้าพรรษานี้ อาจารย์สอง ท่านเก้าก้าว สรณีโย เอาภาระ พาญาติโยมฝึกนั่งเจโตสมถะและเดินจงกรม (เดินจงกรมมี ๒ แบบ คือ แบบมหายาน ซึ่งมีดนตรีธิเบต ประกอบ และเถรวาท) เวลาทำวัตรเช้า ท่านอาจารย์ ๒ ก็นำหนังสือ "คั้นออกมาจากศีล" มาสอน ส่วนทำวัตรเย็น ท่านก็นำหนังสือ "อีคิวโลกุตระ" มาสอนอีก ในแต่ละครั้ง มีนักเรียนเรียน เต็มศาลา เสียงธรรม ซึ่งนักเรียนบางคน ถึงกับลงทุน เดินทางวันละ ๘๐ ก.ม. เพื่อขึ้นมาร่วมเรียนด้วย {ไม่เชื่อ ถามโยมสมพร (แม่หมอก้อง) และโยมกิม (น้อมเตือน)ดูได้} เอ!...หากภูผาฟ้าน้ำ ส่งทีม ร่วมทดสอบ ในรายการ อโศกพันธุ์แท้ ในงานมหาปวารณาปีนี้ ได้อาจารย์ ๒ เป็นติวเตอร์ขนาดนี้ หลายๆ พุทธสถาน ประมาทไม่ได้แล้วล่ะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

เยี่ยมจริงๆ...ในอดีตแทบทุกปีที่ภูผาฟ้าน้ำในช่วงเข้าพรรษา ฝนจะตกหนัก ไม่ค่อยมีแดด จึงส่งผล ให้ไฟฟ้า บนดอย ซึ่งต้องอาศัย แดดส่องแผง โซล่าเซล มีแสงสว่างถดถอย(ไฟหรี่) แต่ในปีนี้ มีวิศวกร ป.๖ มาช่วยงาน ด้านระบบ ไฟฟ้า บนดอย เกิดปิ๊งไอเดีย ในเมื่อหน้าฝนไม่มีแดด แต่มีน้ำเพียบ จึงคิดเอาน้ำ มาปั่น เป็นไฟฟ้าใช้งาน เรียกว่า ไฟฟ้าบนนี้ เป็นพลังงานบริสุทธิ์ จากธรรมชาติ อย่างแท้จริง ถูกต้อง ตรงตาม นโยบาย ของพ่อท่าน เปี๊ยบเลยนะ ตอนนี้บนดอยจึงมี ไฟฟ้า ใช้กันอย่างไม่ต้องกลัวฤดูกาลแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ที่ภูผาฯ ก็ยังคงยืนหยัด เรื่องความเรียบง่าย และสมถะเช่นเดิม เครื่องใช้ไฟฟ้า จึงมีไม่มาก อย่างที่หลายๆแห่ง เขามีกัน

เห็นผลงานครั้งนี้แล้ว วิศวกรปริญญา(ตรี)อย่างท่านถักบุญ ถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ (เพราะถูกใจ) ตอนนี้ เลยยกตำแหน่ง "วิศวกรมือทอง" ให้วิศวกร ป.๖ อย่างคุณรักไทยไปแล้วอย่างเต็มใจ สาธุ...จี๊ดๆๆๆ .....

หินผาฟ้าน้ำ...ช่วงก่อนเข้าพรรษาจิ้งหรีดมีโอกาสติดตามท่านเดินดินและท่านบินบน พร้อมสมณะ อีกหลายรูป ไปเยี่ยมเยียน ชาวชุมชนหินผาฟ้าน้ำ พอดีวันนั้น มีการขึ้นป้าย โรงเรียน สัมมาสิกขา ของที่นั่น พอดี ทั้งเห็นพืชผัก ของที่นั่น ออกดอก ออกผล แล้วน่าชื่นใจ ได้เห็นความเจริญก้าวหน้า แบบบุญนิยม เหล่านี้แล้ว ก็นึกอนุโมทนา กับชาวชุมชนที่นั่น จริงๆ สาธุ...จี๊ดๆๆๆ .....

จริงหรือเปล่า...จิ้งหรีดรายงานจากสีมาฯว่า บรรยากาศที่สีมาอโศกอบอุ่นดี ช่วงบ่าย หลังเข้า พรรษาแล้ว ท่านก้อนหิน ท่านดินไท ท่านหินเพชร เดินเยี่ยมชุมชน จัด ๕ ส. ให้กับฐานงาน ที่ดูรกเลอะ เด็กๆเริ่มคุ้นเคย ก็มีปัญหา มาปรับทุกข์มากขึ้น จิ้งหรีดฟังแล้ว ก็รู้สึกอนุโมทนา ที่สมณะท่านเอาภาระ แต่ในขณะเดียวกัน งานอบรม ชาวกสิกร ก็มีมากขึ้น ยังไงๆ ก็อย่าลืม คนภายในนะฮะ หากไม่มีเวลา ดูแลกันให้ดี ก็จะเสียทั้ง คนนอก คนในนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

ผนึกกำลัง...ทุกวันพุธสมณะนวกะที่ไปร่วมเข้าพรรษาที่ศีรษะอโศก จะเดินทางไป ร่วมเรียน พระธรรมวินัย ที่บ้านราชฯ ร่วมกับ สมณะที่นั่นด้วย อาจารย์ที่สอน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อุปัชฌาย์เดินดิน ติกขวีโร ท่านลงมือ ดูแลคอร์สนี้ ด้วยตัวเอง ฟังแล้ว ก็ให้รู้สึก อบอุ่นจริงๆ ที่สมณะชาวอโศก ดูแล ซึ่งกันและกัน ขนาดนี้ แม้แต่ ห้องเรียน ก็เรียนกันที่เรือ ที่พ่อท่านพัก จิ้งหรีด เดาเอาเองว่า ญาติโยม ที่ได้พบเห็น คงเป็นปลื้ม เหมือนจิ้งหรีด ปลื้มอยู่ขณะนี้ สาธุ...จี๊ดๆๆๆ .....

เก็บภาษี...หายไปนานสำหรับ คุณมานะ หลักทอง จิ้งหรีดก็เพิ่งรู้ว่า ตอนนี้ย้ายไปทำงานเป็น ผู้อำนวยการ สำนักงาน ศุลกากรท่าเรือ แหลมฉบัง

พอดีจิ้งหรีดอ่านเจอข่าวใน นสพ. ผู้จัดการ ฉบับที่ ๒๖-๒๗ ก.ค.ที่ผ่านมา ลงข่าวพร้อมรูปว่า ศุลกากร แหลมฉบัง เก็บภาษี ทะลุเป้า

ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร มีเวลา ก็อย่าลืมรายงานให้สมณะรับทราบด้วยนะฮะ

อ้อ!...เกือบลืมลูกชายของคุณมานะ ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มแล้ว สมัยยังมาเรียนพุทธธรรม ที่สันติอโศก ในวันอาทิตย์ เป็นเด็ก เรียบร้อย ตอนนี้ยังเรียบร้อย ไม่เป็นที่หนักใจของพ่อแม่ เหมือนเดิมหรือเปล่า ก็ช่วย ส่งข่าว มาเล่าให้ สิกขมาตุผาแก้ว ฟังด้วย นะฮะ เพราะจิ้งหรีด ได้ข่าวว่า กำลังจะทำแฟ้ม ประวัติ นักเรียนพุทธธรรม และจัดงาน คืนสู่เหย้า ชาวพุทธธรรม อยู่นะฮะ ... จี๊ดๆๆๆ .....

มรณัสสติ
อา.๒๔ -ฌาปนกิจนางอำภา นครนาศาสตร์ {แม่ของคุณใจประนม (มล)} อายุ ๖๙ ปี เสียชีวิต ด้วยโรค หัวใจวายเฉียบพลัน ที่สุสาน สันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
พ.๒๗ - ฝังศพนายป่วยอุ้น แซ่ลิ้ม (พ่อของคุณนิภาภรณ์) อายุ ๘๗ ปี เสียชีวิตด้วยโรคชรา ที่สุสาน สว่างอาริยะธรรม จ.นครนายก
พ.๒๗ - น.ส.อาภาวดี พรหมพิทักษ์ อายุ ๕๓ ปี น้องสาวคุณจุฬา (ประธานชุมชนสันติอโศก) เสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็ง ที่ร.พ.กรุงเทพ ตั้งศพที่วัดธาตุทอง

ก่อนจาก ขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านที่ว่า
ทุกวินาที ทำความดีให้มีพลัง
(จากหนังสือ "โศลกธรรม สมณะโพธิรักษ์" หน้า ๑๐๕)
พบกันใหม่ฉบับหน้า.

- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

พรรษานี้... ที่ดงแหน่ง (ตอน ๑)

ถ้ามีคำถามว่า เมืองอะไรเอ่ยเกินร้อย คำตอบก็คือ เมือง ๑๐๑ จากจุดเริ่มต้น ที่ตั้งเป็นศูนย์อบรม ชาวบ้าน เหล่าแขม เหล่าไพรงาม ร่วมกันต่อต้าน การก่อเกิดศูนย์อบรมร้อยเอ็ดอโศก ถึงกับขึ้นป้าย ผ้าผืนใหญ่ กลางถนน ที่เป็นทางผ่าน เข้าศูนย์ฯ ไม่เห็นด้วย ที่ชาวอโศก จะมาเกิด บริเวณนี้ แต่ก็ด้วยหัวใจ อันเกินร้อย ของชาว ๑๐๑ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ร่วมกัน ฟันฝ่า เดินหน้าทำงาน บุญนิยม ฝึกฝนตนเอง และ แนะนำ ผู้คน ให้รู้จักใช้ชีวิต ตามวิถีบุญนิยม เพื่อขจัดปัดเป่า ความทุกข์ ความเดือดร้อน ที่กำลังถาโถม เข้ามาสู่ชีวิต ในรูปแบบต่างๆ ด้วยการอบรม สัจธรรมชีวิต

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลา พิสูจน์คน ในที่สุด เขาก็เข้าใจเรา ป้ายผ้าที่เคยแขวนต่อต้าน ก็ถูกปลดลงไปเก็บ

อบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิต จากรุ่นแรกผ่านมาจนถึงวันนี้ ๓๐ รุ่นพอดี ก็ทั้งหนักทั้งเบา คละเคล้ากันไป ยิ่งเข้าพรรษามานี้ ฟิตจัด อบรม เดือนละ ๔ รุ่น พี่เลี้ยงที่ร่วมลุยกันมาระยะยาว บางคนไม่ไหว ขอพักก่อน บางคนก็ยังไหว ใจยังเกินร้อย ยังยืนหยัด ลุยต่อ บางรุ่น มีเสียงจาก น้องเลี้ยงทักว่า ทำไมพี่เลี้ยงหน้า เหลียง(เหลือง)แท้ พี่เลี้ยงเลยต้องตอบแบบ ไม่ให้ ซีเรียสว่า ก็ไม่กินเลือด ไม่กินเนื้อแล้ว ก็เลยไม่หน้าเลือด หน้าแดง มากินเจ กินพืชกินผัก หน้าก็เลยเหมือนทอง เหมือน มะละกอสุก

ข่าวดีข่าวหนึ่งคือ สมาชิกทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เราควรพัฒนา จากแค่ศูนย์อบรมธรรมดา ขึ้นมาเป็น ชุมชน บุญนิยม สมบูรณ์แบบ ให้มากขึ้น จึงมีผู้ใจถึงกล้าเสียสละ ทิ้งบ้านช่องของตน มาอยู่ประจำ ที่ชุมชน ๑๐๑ อโศก ยืนยันมั่นใจว่า จะไม่ไปไหน (ตอนนี้นะ) ๙ ชีวิต และ ก็มีบางคน บางครอบครัว มาช่วยงานอบรม ไม่เคยขาด ซึ่งก็เหมือน อยู่ประจำนั่นเอง หรือ แม้แต่น้องเลี้ยง ที่ผ่านการอบรม ไปแล้ว หลายคน ก็แวะเวียนมาเยี่ยม และมาเป็นพี่เลี้ยง บางคนมาขออยู่ด้วยเลยก็มี ก็ทำให้แรงใจ ที่ค่อยๆ อ่อนล้าของ พี่เลี้ยง เพิ่มขึ้นมา เกินร้อย ถึงหน้าจะเหลียง แต่ก็ยังยิ้มได้ "งานหนักไม่เคยฆ่าคน" พ่อท่าน บอกว่า งานหนักนี่แหละ จะทำให้เราเก่งและเข้มแข็ง สมาชิกทุกท่าน จึงเห็นพ้อง ต้องกันอีกว่า เราก็มีเด็ก มีลูกหลาน ที่เขาสนใจ มาวิ่งเล่นเยี่ยมชมชุมชนอยู่แล้ว เราก็น่าจะเปิด เป็นโรงเรียนซะเลย จึงตกลง เปิดโรงเรียน พุทธธรรม วันเสาร์-อาทิตย์ มีเด็กมาสมัคร ๓๐ กว่าคน ด้วยเหตุที่ว่า อบรมเดือนละ ๔ รุ่น สมณะ ๓ รูป ต้องมาอยู่ ช่วยงาน อบรม เป็นประจำ แม้โผรายชื่อบอกว่า จำพรรษาที่ศีรษะอโศก แต่ตัว และหัวใจไปอยู่ ๑๐๑ อโศก ตอนเช้าออก บิณฑบาต เจอหลวงพ่อ วัดดงหวาย ท่านก็ทักทาย ถามว่า "เป็นไงวัดป่ายุงเยอะมั้ย" สมณะยิ้มๆ แล้วตอบว่า "เยอะอยู่ครับหลวงพ่อ" ชาวบ้านรอบๆ เห็นสมณะ บิณฑบาตทุกวัน จึงเข้าใจว่า ๑๐๑ อโศกมีวัด บางคนเรียก ชุมชน ๑๐๑ อโศกว่า "วัดป่า ดงแหน่ง".

- เคียงโคน รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร

ข่าวการเสียชีวิตของโยมแม่สมณะเดินดินอย่างกะทันหันมาจากสาเหตุอะไร กำลัง ๔ ที่จะทำให้พ้น จากภัย ๕ ประกอบด้วย อะไรบ้าง และข้อคิดสำหรับปักษ์นี้ที่ไม่ควรพลาด ขอเชิญพบกับ คำให้สัมภาษณ์ ของสมณะเดินดิน ติกขวีโร ได้แล้วค่ะ

*** การเสียชีวิตโยมแม่ของท่านอย่าง กระทันหันเป็นเพราะสาเหตุอะไรคะ

เข้าพรรษาปีนี้อาตมาได้พาโยมพ่อและโยมแม่มาอยู่ที่บ้านราชฯด้วยกัน โยมพ่อนั้น เป็นโรคสมองฝ่อ และ อัมพฤกษ์ครึ่งซีก แต่พอมาอยู่ บ้านราชฯ อาการก็ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ทานข้าวเองไม่ได้ ก็สามารถ ใช้แขน ตักข้าวเองได้ เคยหลงแบบ ควบคุม ตัวเองไม่ได้ ก็สามารถ ควบคุม ตัวเองได้ดี โยมแม่ซึ่งค่อนข้าง จะเป็นห่วง อาการของโยมพ่อก็รู้สึกดีใจ และยิ่งได้เห็น พวกเรา เข้ามาช่วยเหลือ ให้การดูแล รักษาต่างๆ โยมแม่ ก็รู้สึกมีปีติยินดี อย่างมากเลย โดยเฉพาะ เห็นอาการ ของโยมพ่อ ดีวันดีคืน ก็ไม่มีสิ่งใด ที่จะบ่งบอกถึง เหตุปัจจัย ที่ทำให้เสียชีวิตเลย แต่ความจริงที่ผ่านๆมา อาการของโยมแม่ ก็ไม่ค่อยดี เท่าไร ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ตลอดเวลา จนอาตมา ชวนมาอยู่ที่บ้านราชฯ ด้วย ก็คุยกันไว้ ก่อนจะมาว่า พวกเราเหมือน กับพากันมาหนีตายก็แล้วกัน อะไร ที่เราจะทำ ให้เป็น ประโยชน์ได้ เสียสละได้ ก็ควรจะทำ ก่อนที่ความตาย จะมาถึง มาอยู่ บ้านราชฯ ได้ ๒ อาทิตย์ ดูเหมือนวิบาก จะตามมาจริงๆ อาตมาก็ป่วยเป็นไข้หวัด ซึ่งไข้ขึ้น สูงมาก ในช่วงนั้น จนโงหัว ไม่ขึ้น โยมพ่อ ก็พึ่งตัวเองไม่ได้ โยมแม่ก็ป่วยอย่างกะทันหัน โดยไม่มีอาการอะไร ปรากฏ มาก่อน ยังคุยกับคนอื่น อย่างยิ้มแย้ม แจ่มใส แต่พวกเรา ต้องรีบนำไปส่งโรงพยาบาลด่วน ตอนเที่ยงคืน เพราะร่างกาย เหมือนกับช็อค ควบคุม ตัวเองไม่ได้ สุดท้าย ถึงได้รู้ว่า โยมแม่ เป็นแผลกดทับ ที่ไม่ได้บอกใคร จนเชื้อโรค เข้าสู่เส้นเลือดทำให้ร่างกายช็อค ความดัน แค่ ๕๐:๕๐ เท่านั้นเอง อยู่โรงพยาบาล ได้เพียง ๕-๖ วัน วันที่ ๑ สิงหาคม ก็เสียชีวิต ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ฯ จ.อุบลราชธานี

ยังโชคดีที่มาเกิดวิบากในหมู่ ช่วงนั้นต่างคนต่างก็ไม่สามารถช่วยกันได้เลย ก็อาศัยพี่น้องของพวกเรา ที่ช่วยกัน จัดการ ทุกอย่าง ให้เรียบร้อย และอย่างดีที่สุด อาตมาคิดว่าถึงแม้โยมแม่จะเสียชีวิต ก็สมควร แก่วัยเพราะอายุ ๗๗ ปี ป่วยเป็น อัมพาต มาร่วมๆ ๔๐ ปี แม้จะเป็นอัมพาต แต่เมื่อมาปฏิบัติธรรม โยมแม่ก็เหมือนกับได้ชีวิตใหม่ จากเดิม ที่เป็นคน ที่ไม่มี ศรัทธาในศาสนา ก็มาเป็นคนมีศรัทธา เป็นคนไม่เคย มีศีลมาก่อน ก็มามีศีล เป็นคนที่ตระหนี่ ก็มารู้จักให้ รู้จักเสียสละ จากคนที่ไม่เคยสนใจ เรื่องศาสนาไม่มีปัญญา ตั้งแต่อาตมามาบวช โยมแม่ก็ศึกษา อ่านธรรมะ จากสารอโศก และหนังสือ ของชาวอโศก อยู่ตลอดเวลา ก็คิดว่า น่าจะได้อริยทรัพย์ หรือสมบัติทางวิญญาณ ติดตัวไปได้ อยู่พอสมควร

*** วิบากที่ทำให้เจ็บป่วยไปด้วยกันทั้งหมดในครั้งนี้ท่านได้ข้อคิดอะไรบ้างคะ

ก็ได้คิดว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของคนเรา มาคนเดียวก็ต้องไปคนเดียว เราจะต้อง เดินทางอีกยาวไกล แล้วก็ ไม่มีใครไปกับเรา ญาติพี่น้อง ก็ไม่ได้ไปกับเรา ในเส้นทางที่ยาวไกลในครั้งนี้ เราจะต้องหาอะไร ที่เป็นเสบียง ติดตัวเราไป พอดีได้ฟังเทป ที่พ่อท่าน ไปเทศน์ที่ ทักษิณอโศก เร็วๆนี้ พ่อท่านได้พูดถึง คนเรามีกำลัง ๔ จะทำให้พ้นภัย ๕ กำลัง ๔ ประกอบด้วย กำลัง ที่เกิดจากปัญญา เรียกว่า ปัญญาพละ กำลังที่ทำให้เกิด ความเพียรเรียกว่า วิริยะพละ กำลังที่เกิดจากการทำการงาน ที่ไม่มีโทษ เรียกว่า อนวัชชะพละ และกำลังที่เกิดจาก การสังเคราะห์ เรียกว่า สังคหพละ ถ้าเรามีกำลัง ๔ นี้จะทำให้เราพ้นภัย ๕ ประการ คือ
๑. ภัยเนื่องด้วยการเลี้ยงชีพ เรียกว่าอาชีวิกภัย
๒. ภัยคือความเสื่อมเสียชื่อเสียง เรียกว่าอสิโลกภัย
๓. ภัยคือความครั่นคร้ามในบริษัท เรียกว่าปริสสารัชชภัย
๔. ภัยคือความตาย มรณภัย
๕. ภัยคือทุคคติ คือทุคคติภัย

ดังนั้นในยามที่เราจะต้องเดินทางไกลไปคนเดียว ไม่มีใครติดตามเราไปด้วยนี้ เราจะต้องสร้างกำลัง ที่ทำให้มีปัญญา ปัญญาในทาง ศาสนาพุทธ คือปัญญาที่รู้ว่า ธรรมเหล่าใดเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นธรรมดำเป็นธรรมขาว เป็นธรรมที่มีโทษ เป็นธรรม ที่ไม่มีโทษ เป็นธรรมที่ ทำให้เป็นอริยะ หรือเป็นธรรม ที่ทำให้ไม่ได้เป็นอริยะ กำลังที่เกิดจากปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ ก็เพราะว่า เราได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษ ฟังแล้วเอาไป โยนิโส มนสิการ พิจารณาไตร่ตรอง ได้ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรมนี้ จะทำให้เรา มีปัญญา วิริยะพละ ก็คือกำลังที่เกิดจาก ความเพียร ที่เราพยายามเพียร ออกจากธรรม ที่เป็นอกุศล ธรรมดำ ที่ทำให้เรา ไม่ได้เป็นอาริยะ ความเพียรพยายาม ออกจากกุศลเหล่านั้น ด้วยการปรารภตน ด้วยการปรารภ หมู่กลุ่มหมู่คณะ ด้วยการ ปรารภธรรม เพื่อให้เข้าถึงสัจธรรม บรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า อันนี้เป็น กำลัง ที่ได้ชื่อว่า ความเพียร

ส่วนกำลังที่เกิดจากการทำงานที่ไม่มีโทษ เป็นการงานที่เราพยายามที่จะทำให้กายกรรมไม่มีโทษ เป็นการงาน ที่วจีกรรม ไม่มีโทษ และเป็นการงานที่ มโนกรรมไม่มีโทษ ในขณะที่เราทำการงาน เราก็พยายาม ทำกาย วจี มโนของเรา ให้สุจริตได้ อยู่เสมอๆ นี้เรียกว่า เป็นการงาน ที่ไม่มีโทษ

ส่วนกำลังที่เกิดจากการสังเคราะห์นั้น พระพุทธเจ้าสังเคราะห์ได้ด้วยธรรมะ ๔ ประการคือ การให้ด้วย วัตถุทาน อภัยทาน แต่ที่สูงสุด คือการให้ธรรมทาน การพูดสามารถที่ช่วยให้คนอื่นดีขึ้นมาได้ ก็เป็นคำพูด ที่มีประโยชน์สูงสุด แล้วการประพฤติ ให้เป็นประโยชน์ ทำให้คนที่ ไม่มีศรัทธามีศรัทธา ไม่มีศีลได้มีศีล ไม่มีจาคะได้มีจาคะ ไม่มีปัญญา ได้มีปัญญา นี้ถือว่า เป็นการประพฤติ ที่มีประโยชน์สูงสุด กับบุคคลนั้น และการมีตนมีอัตตา ที่สามารถเข้า เสมอสมาน ได้กับผู้อื่น โดยเฉพาะ สามารถ เสมอสมานได้กับ พระโสดาฯ สกิทาฯ พระอาริยะ ทั้งหลาย ก็เป็น การมีอัตตา ที่เสมอสมาน ที่ดีที่สุด กำลังคือ การสังเคราะห์ ก็จะเกิดด้วยการให้ ด้วยคำพูดที่เป็นประโยชน์ ด้วยการประพฤติ ที่เป็นประโยชน์ ด้วยอัตตา ที่เสมอสมาน ยิ่งเสมอสมาน กับพระอาริยะได้สูงสุดเท่าไร ก็เป็นสังคหะเท่านั้น กำลังเหล่านี้ ก็เหมือนกับเสบียงกรัง ที่ทำให้ เราไม่กลัว ในมรณภัย ไม่กลัวในทุคติภัย ไม่กลัวในการเข้าหาบริษัท จะไม่ก่อ ให้เกิด ความเก้อเขิน ครั่นคร้าม จะไม่มีภัย ที่ก่อให้เกิด เสื่อมเสีย ชื่อเสียง จนกระทั่งไม่มีภัยอันเกิดจากการเลี้ยงชีพ ด้วยความที่เรา ไม่มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่เป็นโทษ เราไม่ได้เกียจคร้าน มีความเพียรอยู่ ภัย ๕ ประการ ก็จะไม่สามารถ เข้ามาเป็นอันตราย ในชีวิตของเราได้เลย แม้ปัจจุบันนี้ และ แม้ในปรโลก ที่เราจะต้องเดินทาง ไปในภพหน้า ในชาติหน้าก็ตาม

*** ท่านมีอะไรจะฝากอะไรให้ชาวอโศกบ้างคะ

ทุกวันนี้สิ่งที่เป็นข้อที่สังคมยกมาถกกันก็คือ นโยบายของรัฐบาลที่พยายามแปลงทรัพย์สิน โดยเฉพาะ โฉนดที่ดิน เอามา เป็นทุน หรือ ทำให้ชาวบ้าน ไปกู้ยืมเงินจากธนาคารมาได้ ซึ่งทางฝ่ายค้าน ก็มองว่า นโยบายอย่างนี้ จะทำให้คนพากัน เป็นหนี้สิน แล้วจะล่มจม ปัญหา หนี้เน่า แต่ก่อนมีเฉพาะคนรวย ต่อไปโรคหนี้เน่า ก็จะบานปลายไปถึงระดับรากหญ้า แล้วจะพากัน ล้มละลายไป ทั้งประเทศ ซึ่งทาง ผู้นำรัฐบาล ก็กวาดความคิด ทางฝ่ายค้านทิ้งไปว่า คนที่ไม่มีหนี้ ก็คือคน ที่อยู่ในป่าในเขา คนที่จะก้าวหน้า ร่ำรวยได้ จะต้องมีหนี้มาก่อน ตรงนี้ ก็เห็นอย่างหนึ่งว่า คนเราที่ประสบความสำเร็จ ก็จะมี ความเชื่อมั่น ในตัวเองสูง และจะไม่สามารถ เก็บเอาความคิดตรงข้าม มาใช้ประโยชน์ได้ ยิ่งฝ่ายตรงกันข้าม มีจิตแบบ คิดเป็น ศัตรูด้วย หรือไม่หวังดีด้วย หรือเป็นคนล้มเหลว อีกต่างหาก ก็ยิ่งทำให้ข้อเสนอ แม้จะดี แต่บางทีเหมือนกับ ไม่มีน้ำหนักอะไรเลย

ทุกวันนี้ชาวอโศกก็อยู่ในฐานะที่ประสบความสำเร็จในหลายๆด้าน เราถือศีล กินมังสวิรัติได้ ก็เป็น ความสำเร็จ ที่ไม่ใช่ ธรรมดา เราสามารถ ทำงานฟรี ไม่มีเงินเดือน ได้ ก็เป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา เราสามารถอยู่ในหมู่กลุ่ม ของคนที่เสียสละ ด้วยกันได้ ก็เป็นการรวมตัวกัน ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้น ในความที่ไม่ธรรมดา ความวิเศษ หรือพิเศษ หลายๆอย่างนี้ บางครั้ง จะทำให้เราจะมองหา ข้อบกพร่อง ผิดพลาดได้ยาก เหมือนกับขนแมว ที่อยู่บนก้อนเพชร ซึ่งจะไม่ค่อยเห็นขนแมว แต่จะเห็น ก้อนเพชร ที่เราได้สำเร็จ ได้สร้างสรร ได้ทำดี ซึ่งตรงนี้ ก็จะเป็นจุด ที่ยังไม่สมบูรณ์ จะเป็นจุดตายก็ได้ แม้สิ่งเล็กน้อย ก็จะพา ให้ตกม้าตายได้ มันเป็นความดีที่ยังไม่ดีสมบูรณ์ เหมือนการ ประหยัดนั้นดี แต่การขี้เหนียวไม่ดี การขี้เหนียว มักจะแอบแฝง มากับ การประหยัด การทำงานหนักนั้นดี แต่การที่ ไม่ฟัง เสียงใคร เอาแต่ใจก็ไม่ดี ตรงนี้ จะชี้บอกกันยาก เพราะจะไม่มี ใครกล้าบอกเท่าไร กับคนที่ทำงานหนัก หรือ การเมตตา นั้นก็ดี แต่การที่ไม่รู้จักประมาณก็ไม่ดี ซึ่งตรงนี้ บางทีก็ไม่มีใคร กล้าบอกเรา เหมือนกัน เพราะเรา ก็เป็นคน ที่มีเมตตา มากอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงส่วนไม่ดี คือการที่ทำยังไง ที่เราจะรู้จัก ประมาณ อันนี้ เหมือนกับขนแมว ที่อยู่บน ก้อนเพชร ที่ไม่ค่อย จะมีใคร อยากจะเสี่ยง หรือเปลืองตัวมาบอกเรา เพราะว่า เขาอาจ จะยังไม่ดีเท่าเรา หรือบอกไปแล้ว ก็จะทำให้ เราไม่ชอบเขา พลอยเปลืองตัวไปด้วย สุดท้าย ก็จะไม่มีใคร กล้าบอก ซึ่งกันและกัน

ดังนั้น จะทำตัวเราอย่างไรที่จะให้เพื่อนๆรู้สึกว่า เราเป็นคนที่ใครๆบอกก็ได้ เป็นคนที่พร้อมจะรับฟังผู้อื่น อยู่เสมอ ซึ่งตรงนี้ จะต้องมี องค์ประกอบ ของความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนที่ไม่ยึดมั่น ในความคิด ของตนเอง จนเกินไป บางทีเพื่อน เขาก็ประมาณ ได้เหมือนกันว่า เรากำลังพุ่งเต็มที่ มาสุดตัว เหมือนรถสิบล้อ บรรทุกอ้อย จะไม่มีใครกล้าขวาง รถสิบล้อ บรรทุกอ้อย ซึ่งตรงนี้ บางทีก็ต้องปล่อย ให้เป็นไป ตามกรรม หรือปล่อยให้ตายไปในที่สุด

จุดนี้เป็นจุดที่เราจะพัฒนากันต่อไป ถ้าเราพยายามที่จะอ่อนน้อมถ่อมตน พยายามรับฟังผู้อื่น อยู่เสมอๆ จะทำให้เรา เป็นก้อนเพชร ที่บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ไม่มีขนแมว หรือไม่มีธุลีด่างพร้อยที่จะทำให้เกิดตำหนิได้ ถ้าพัฒนาจุดนี้ได้ เราก็จะเป็น ผู้ชนะที่แท้จริง พ่อท่าน เคยให้โศลกไว้ว่า สิ่งที่ผู้ชนะ เกือบรอบโลกทำไม่ได้ ก็คือความเป็นผู้แพ้ ความเป็น ผู้ยอมได้ ความเป็น ผู้ฟังได้ ถ้าเขาทำได้ เขาจะเป็น ผู้ชนะรอบโลก ได้อย่างแท้จริง ถ้าชาวอโศก สามารถเป็น ผู้ที่พร้อม ที่จะรับฟังผู้อื่น ได้ดี อยู่ตลอดเวลาเสมอๆ ก็จะทำให้เรา เป็นเพชร เม็ดงาม ที่สะอาด บริสุทธิ์บริบูรณ์ ของศาสนาได้

ลองถามเพื่อนร่วมงานดูว่า ข้อบกพร่องของตัวเราคืออะไร แล้วรีบปรับปรุงแก้ไข จะได้เป็นเพชรเม็ดงาม ที่บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ของศาสนา ก่อนที่วิบาก จะตามมาเล่นงาน จะได้มีทรัพย์แท้ติดตัวไว้บ้าง อย่าลืมว่า... เราจะต้องเดินทางอีกยาวไกลนะ

.- ทีมข่าวพิเศษ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เวิร์คช็อปสื่อวิดีโอชาวอโศก

ชุมชนสันติอโศกเปิดอบรมเชิงปฏิบัติการ "การผลิตรายการวิดีโอเทปเบื้องต้น" ครั้งที่ ๒ วันที่ ๒๓ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๖

โดย อ.สมเจตน์ เมฆพายัพ หัวหน้าศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์และวิดีโอเทปเพื่อการศึกษา (Center for Educational TV & Video Programme Production) นักวิชาการศึกษา ระดับ ๘ กระทรวงศึกษาธิการ

สืบเนื่องจากหลายๆ ชุมชนของเราชาวอโศก ได้เปิดการอบรมให้แก่กสิกรและประชาชนทั่วๆ ไปอย่างต่อเนื่อง การบันทึก ภาพถ่าย และวิดีโอ สำหรับการอบรม ศึกษา ค้นคว้า หรือเพื่อเผยแพร่ ก็เป็นส่วนที่จำเป็นส่วนหนึ่ง แต่เนื่องจาก แต่ละคน ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และ ประสบการณ์ ในด้านนี้ จึงค่อยๆ ฝึกฝน เรียนรู้ ลองผิดลองถูกกัน แต่ฝีมือก็ยังไม่เข้าขั้นนัก ครั้งหนึ่ง พ่อท่านกรุณา ถ่ายทอด ประสบการณ์ มาช่วยสอน องค์ประกอบศิลป์ ครั้งที่ ๑ ให้แก่ทีมวิดีโอ ณ ชุมชนปฐมอโศก

ดังนี้เมื่อทราบว่า คุณพ่อของศิษย์เก่ากลุ่ม ร.บ.ธ.ท่านหนึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์ และ วิดีโอเทป เพื่อการศึกษา ท่านมีเวลา สามารถที่จะมาถ่ายทอด ประสบการณ์ ที่มีมาร่วม ๓๐ ปีให้ได้ จึงถือโอกาสเปิดอบรม ให้แก่ทีม วิดีโอ เมื่อแรกคิดว่า จะอบรมกัน ภายในกลุ่ม เฉพาะทีม สันติอโศก แต่เมื่อคิดถึงว่า ชุมชนหลายแห่งของเรา ก็มีฝ่ายวิดีโอ ที่ยังต้องการความรู้ และแบ่งปันประสบการณ์ เหมือนกัน จึงเชิญชวน ไปยังชุมชนอื่นๆ ซึ่งก็มีหลายๆ แห่ง สนใจ เข้าร่วม อบรมด้วย ครั้งนี้ นับเป็นการรวมตัวกัน ครั้งที่ ๒

๒๒ ส.ค. วันสุกดิบ ตัวแทนจากชุมชน ต่างๆเดินทางมาถึงชุมชนสันติอโศก มีปฐมอโศก ศีรษะอโศก ศาลีอโศก ราชธานีอโศก หินผาฟ้าน้ำ ดินหนองแดนเหนือ ศรีบูรพาอโศก รวมประมาณ ๕๐ คน

วันเสาร์ที่ ๒๓ ส.ค. ๐๙.๐๐ น. คุณสู่เสรีกล่าวต้อนรับอ.สมเจตน์ เมฆพายัพ และผู้มารับการอบรมฯ บรรยากาศ เป็นไป แบบกันเอง สบายๆ อ.สมเจตน์ กล่าวแนะนำตัวว่า ตนเองรู้จักชาวอโศกมานาน หลายสิบปีแล้ว ทำงานอยู่วงนอก ยังไม่มี โอกาส เข้ามาช่วยงานวงใน ครั้งนี้ เป็นโอกาสดี ที่ได้เข้ามา แนะนำความรู้ และประสบการณ์การทำงาน ทางด้านสื่อ โทรทัศน์ และวิดีโอ ที่มีมากว่า ๓๐ ปี ให้พวกเรา ฟังกัน

ภาคเช้า เป็นการสอนทฤษฎี บรรยายประกอบ PowerPoint ฉายภาพขึ้นจอโปรเจ็คเตอร์ เรื่อง 3P กับการผลิต รายการโทรทัศน์, เรื่องเกี่ยวกับภาพ ขนาดภาพ มุมกล้อง องค์ประกอบ การเคลื่อนย้าย การจัดวางตำแหน่ง เส้นแกน ๑๘๐ องศา, การจัดแสง ด้วยไฟสามดวง

ภาคบ่าย ฝึกปฏิบัติ แบ่งกลุ่มย่อยออกเป็น ๙ กลุ่ม กลุ่มละ ๕-๖ คน ผลิตรายการตามหัวข้อ ในเวลา ที่กำหนด ราว ๓ ชั่วโมง แล้วนำเสนอ วิจารณ์ผลงาน

วันอาทิตย์ที่ ๒๔ ส.ค. ๐๘.๓๐ น. ภาคเช้าเรียนทฤษฎี บรรยายประกอบ PowerPoint เรื่องการเขียนบท บทประเภทต่างๆ และ ฝึกปฏิบัติ การเขียนบท ผลิตรายการด้วยกล้องตัวเดียว

ช่วงเที่ยง เดินทางไปดูงานที่ ศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์และวิดีโอเทปฯ คลอง ๕ รังสิต จ.ปทุมธานี เรียนการตัดต่อ ลำดับภาพ วิธีตัดต่อ Off line / On line, การเลือกใช้อุปกรณ์ Linear / Nonliner, การเลือกใช้ เทคนิคพิเศษ Cut to cut Wpe Dissolve DVE.

วันจันทร์ที่ ๒๕ ส.ค. ภาคเช้า แบ่งกลุ่มกันผลิตรายการ ภาคบ่าย นำเสนอ วิจารณ์ผลงาน ปิดรายการ เลือกชื่อรุ่น "เลนส์นำร่อง" ประธานรุ่นฯ - นายเพื่อนตาย, รองฯ - นายหินป่า, เลขาฯ - นายธวัช, ผช.เลขาฯ - นายพร้อมกัน, ที่ปรึกษา - นายเต็มบาท

หลังจบการอบรมหลายคนต่างมีไฟ งานนี้เป็นงานแรกและเราจะทำงานต่อไปในเรื่อง "แนะนำชุมชนฯ ของเรา" แล้วมา นำเสนอ วิจารณ์ผลงาน ในงานมหาปวารณา วันที่ ๕ - ๖ พฤศจิกายน ที่ปฐมอโศก

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆฝ่ายที่มาช่วยกัน อ.สมเจตน์ เมฆพายัพ, สามเณรสู่สูญ, กล้าเกื้อฝัน(นุช), สุวรรณ(โต๋ว), สู่เสรี(มด), ไฟงาน, นร.สส.สอ., ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศก, ชมร.สันติอโศก, ทีมงาน แสงสีเสียง ปฐมอโศก และ ผู้มาร่วมอบรม ทุกๆคน ฯลฯ

- ทีมสื่อสารบุญ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ข่าวสั้นทันอโศก
ศ.๑๕ -ชุมชนสันติอโศกต้อนรับขบวนจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ราว ๑๐๐ คัน จากโครงการ สัปดาห์ "สืบสาน วัฒนธรรมท้องถิ่น-ไทย" จัดโดยสำนักงานเขตบึงกุ่ม ร่วมกับหน่วยงาน กลุ่ม องค์กร และ ชุมชนชาวบึงกุ่ม มาเยี่ยมชม วิถีชีวิต ชุมชนสันติอโศก

ส.๑๖,๑๗,๒๔ - ชุมชนร้อยเอ็ดอโศกต้อนรับสมาชิกสหกรณ์จังหวัดร้อยเอ็ด(รวม ๓ วัน) ราว ๕๐๐ คน มาดูงาน อบรม หลักสูตร "สัจธรรมชีวิต" วิถีชีวิตชาวชุมชนฯ และการทำปุ๋ยชีวภาพ

พ.๒๐ - ชมร.สันติอโศกทดลองจำหน่ายอาหารแบบบุฟเฟต์ เป็นครั้งแรก (ข้าวกับข้าว ๑-๒ อย่าง ๑๐ บาท ข้าวกับข้าว ๒ อย่าง ขึ้นไป ๑๕ บาท ระยะแรกทดลองจำหน่ายเฉพาะวันพุธ)

พ.๒๐-อา.๒๔ - ชุมชนศรีบูรพาอโศกจัดงานอบรม"คุณธรรม จริยธรรมเยาวชน"ซึ่งเป็นนร.ชั้นม.๑-๒ จาก ร.ร.ซับม่วงวิทยา จำนวน ๗๕ คน โดยมีนร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ชั้นม.๓ ไปช่วยเป็นพี่เลี้ยง

ศ.๒๒ - ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวอโศกร่วมประชุมสัมมนา "การมีส่วนร่วมของประชาชน ตามเจตนารมย์ ของรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ ๓" ที่สำนักงาน สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (อ่านรายละเอียดในฉบับ)

ศ.๒๒-อา.๒๔-ตัวแทน ร.ร.สัมมา สิกขาสันติอโศกและศีรษะอโศกร่วมสัมมนาทางวิชาการ "รวมพลังปัญญา พัฒนา การศึกษาไทย"
- ร.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศกจัดนิทรรศการ "การศึกษาทางเลือกสายศาสนธรรม"
- คุรุแก่นฟ้า และ คุรุขวัญดิน รับเกียรติบัตร "ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๓" จัดโดย สำนักงาน เลขาธิการ สภาการศึกษา แห่งชาติ (สกศ.) ที่ห้องบอลรูม ศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี (อ่านรายละเอียดในฉบับ)

ศ.๒๒-อ.๒๖ - ชุมชนราชธานีอโศกจัดการประชุมสัมมนาและอบรมหลักสูตร "การอบรมแกนนำ สุขภาพ เครือข่าย คกร." (อ่านรายละเอียดในฉบับ)

ส.๒๓- ทีวีช่อง ๙ รายการ "เมืองไทยรายวัน" ออกอากาศจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๕.๓๐ - ๐๖.๐๐ น. มาถ่ายทำ วิถีชีวิต ชาวชุมชนฯ ผลผลิตจากกสิกรรม ไร้สารพิษ ที่ชุมชนบุญนิยมสันติอโศก

ส.๒๓-จ.๒๔ - ชุมชนสันติอโศก เปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ "การผลิตรายการวิดีโอเทปเบื้องต้น" ครั้งที่ ๒ โดย อ.สมเจตน์ เมฆพายัพ หัวหน้าศูนย์ผลิตรายการโทรทัศน์ และวิดีโอเทปเพื่อการศึกษา กระทรวง ศึกษาธิการ (อ่านรายละเอียดในฉบับ)

"เพื่อป้องกันอาบัติแก่พระภิกษุ กรุณาให้ฆราวาสซื้อหา" ข้อความจากป้ายที่ติดในร้านค้าชุมชนชาวอโศก.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชายงามรายปักษ์
ชื่อเดิม นายไพรัช ข่าทิพย์พาที
ชื่อใหม่ ธาตุบุญ
เกิด ๒๙ ก.พ. ๒๔๘๒ อายุ ๖๔ ปี
ภูมิลำเนา จ.ร้อยเอ็ด
การศึกษา ปวช.การพยาบาลทหารเรือ
สถานภาพ หย่า
ส่วนสูง ๑๕๓ ซ.ม.
น้ำหนัก ๕๒ กก.

คุณลุงธาตุบุญเป็นญาติธรรมเก่าแก่ของชาวอโศก ทำงานเสียสละ ช่วยเหลืองานศาสนามา มากมาย จนถึงทุกวันนี้ อีกไม่นาน ลุงก็จะสมัครเป็นผู้ปฏิบัติธรรม (ปะ) แล้วค่ะ

*** ผมเป็นพี่คนโต
มีน้อง ๘ คน พ่อเป็นครูชื่อสมัย แม่เป็นแม่บ้านชื่อจันทร์ มีน้องสาวมาปฏิบัติธรรม ๒ คน คือบุญเจือ (เมื่อก่อนช่วยงาน ที่ บจ. พลังบุญ) อีกคนเป็นครู

เรียนจบพยาบาลจาก ร.ร.พยาบาลทหารเรือ กทม. ทำงานที่ ร.พ. ๑๒ ปี แล้วลาออกไปทำงาน ที่สหธนาคาร (ปัจจุบันคือ ไทยธนาคาร) อยู่ฝ่ายการต่างประเทศ ๑๗ ปี ไปฝึกงานที่อเมริกา ๒ ปี แล้วลาออก มาทำงานการเมือง เป็นผู้ช่วยเลขาฯ รองผู้ว่าฯ กทม. ด้านการศึกษา

*** กลับจากอเมริกา
ช่วงนั้นปี ๒๕๑๘ เพื่อนที่ธนาคารชวนไปหาพ่อท่าน และติดตามไปฟังตามวัดต่างๆ คิดว่าศาสนา สามารถ แก้ปัญหา ทุกๆ เรื่องได้ ปลายปี ๒๕๑๙ เริ่มปฏิบัติจริงจัง เลิกอบายมุข กินมังสวิรัติ

มาช่วยงานมูลนิธิธรรมสันติฯเป็นเหรัญญิก ดูแลเรื่องการเงิน ร่วมก่อตั้งกลุ่มรามบูชาธรรมใน ม.รามคำแหง ผมเรียนรามฯ คณะนิติฯ เมื่อ น.ศ.กลุ่มรามฯ จัดงานรามบูชาอาสาฬหบูชา มูลนิธิฯ ได้เข้าไป ช่วยสนับสนุน ด้านการเงินและทุกๆด้าน

ตอนนี้ช่วยงานที่บจ.ขอบคุณ (ซึ่ง ขายส่งสินค้าผลิตภัณฑ์ของชาวอโศกที่ไร้สารพิษ) อยู่ฝ่ายการเงิน และขายปลีก -ขายส่ง ทำมา เป็นปีที่ ๔

*** สิ่งที่ได้จากการปฏิบัติธรรม
กินมังสวิรัติมา ๒๗ ปี ปฏิบัติธรรมมา ๒๗ ปีทำให้จิตเรานิ่งขึ้น สำหรับชีวิตฆราวาสคิดว่าพอแล้ว รับผิดชอบ ส่งน้องเรียน จบการศึกษาทุกคน พ่อแม่ ก็เสียชีวิตแล้ว ภาระทางโลกถือว่าจบสิ้นแล้ว ตอนนี้ เป็น ม.วช.เขตสันติฯ เป็นอาคันตุกะประจำ รอเวลา เลื่อนเป็นอารามิก เตรียมสมัคร เป็นผู้เตรียมบวช (ปะ)

*** โดนผัสสะแรงๆ
ว่าคนแก่ๆโง่ๆมาทำงานอย่างนี้ได้อย่างไร พอโดนว่าผมก็หยุด อภัยให้เขา ไม่รู้จะไปบอกเขาได้ยังไง ตอนนี้ ผมมาเก็บ รายละเอียด ของจิตวิญญาณ ลองดูซิ ทำงานโดยไม่มีตำแหน่ง ไม่มีโลกธรรมขับเคลื่อน จะทำงานได้ไหม ยังรับผิดชอบ อยู่ได้ไหม ตรวจสอบตัวเอง พยายามเปลี่ยนแปลง ทำจิตทำใจไปเรื่อยๆ

*** ตั้งใจบวชมานานแล้ว
รู้...ว่าการบวชเป็นเรื่องลำบาก แม้ว่าอายุจะมาก แต่จะสู้จนถึงที่สุด ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ฐานะไหน ไม่มีปัญหา เป็นแค่ สามเณร แก่ๆ เฝ้าวัดก็ได้ อยากตายในผ้ากาสาวพัสตร์ ชีวิตฆราวาสผมทำมาหมดแล้ว ไม่รู้จะวิ่งไป ตรงไหนอีกแล้ว ผมอยาก ถือศีล ให้สูงกว่าฆราวาส

ไม่ห่วงอะไรแล้ว รอว่าเมื่อไรจะเข้าไป อยู่ในวัดได้เร็วที่สุด ตอนนี้ บจ.ขอบคุณขาดคน ก็ช่วยทำหน้าที่ ให้เขาก่อน

จริงๆแล้วปฏิบัติธรรมไม่มีใครสอนใครได้ เราจะรู้ตัวเองดีที่สุดว่าหลุดเรื่องใดบ้าง ทำไปเรื่อยๆ แล้วมัน จะบอกตัวเราเองว่า เต็มแล้ว ผ่านแล้ว หมดแล้ว แล้วก็เลื่อนฐานตัวเอง จงปฏิบัติธรรม แล้วอยู่วัดให้ได้ อยู่ที่ไหน ถ้าจิตวิญญาณ เป็นนัก ปฏิบัติธรรม ถึงเวลา หรือหมดภาระแล้ว คุณจะกลับมาวัดได้ ถ้าไม่ทำ อย่างนี้ พอโลกธรรมดึงไปคุณ ก็จะกลับมาวัดไม่ได้

คุณลุงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว อยากถือศีลให้สูงขึ้น อยากบวช อยากตายในผ้ากาสาวพัสตร์ แล้วท่านล่ะ สิ่งที่ต้องการนั้น เป็นไป เพื่อการเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณให้สูงขึ้นหรือไม่ ? หากมัวแต่หอบโน่น หวงนี่ ระวัง จะตกรถด่วนขบวนสุดท้าย นะ.

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ผลสำรวจความคิดเห็น
โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา

ความคืบหน้าของโครงการงดเหล้า เข้าพรรษา ปี ๒๕๔๖โดยเริ่มมีการรณรงค์ตั้งแต่ก่อนเข้าพรรษา (๑๔ก.ค. - ๒๘ ส.ค. ๒๕๔๖) สถิติผู้ร่วมลงนาม ๒๑,๑๑๖ ท่าน ยอดพิมพ์หนังสือ "งดเหล้าเข้าพรรษา" จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ เล่ม

ผลสำรวจ เรื่อง "การงดเหล้าช่วง ๑ เดือนแรกของการเข้าพรรษา" กรณีศึกษาตัวอย่าง ผู้ดื่มแอลกอฮอล์ อายุ ๑๕ ปีขึ้นไป จำนวน ๑,๒๑๒ ตัวอย่าง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จัดทำโดย สำนักงาน กองทุนสนับสนุน การสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ พอสรุปได้ดังนี้

ความตั้งใจที่จะงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดวันเข้าพรรษา (๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๖)

กลุ่มที่ตั้งใจงด ตลอดช่วงเข้าพรรษามี ๓๑.๔ %,
เป็นชาย ๒๙.๔ %, หญิง ๓๙.๓ %,
ช่วงอายุ ๑๕ - ๒๙ ปีมี ๓๐.๙ %,
๓๐ ปี ขึ้นไป ๓๒.๐ %,
อาชีพขรก./รัฐวิสาหกิจ ๔๑.๑ %,
พนง. เอกชน ๓๐.๖ %,
ค้าขาย/ธุรกิจ ๓๒.๓ %,
น.ร./นศ. ๓๔.๔ %,
รับจ้างทั่วไป ๒๑.๘ %

ความคิดเห็น ต่อการออกกฎหมาย ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางทีวี ในช่วงระหว่าง ๐๕.๐๐ - ๒๒.๐๐ น. เห็นด้วย ๖๙.๓ % ไม่เห็นด้วย ๓๐.๐ %
(รายละเอียด ดูใน www.stopdrink.com)

ศูนย์ประสานงานโครงการฯ โทร. ๐-๗๓๓-๔๐๐๐
ตู้ ปณ.๑๐ ปทฝ.คลองกุ่ม กทม.๑๐๒๔๔

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชาวชุมชนศรีบูรพาอโศก จ.ปราจีนบุรี
จัดอบรมคุณธรรม จริยธรรมเยาวชน

เมื่อวันที่ ๒๐-๒๔ ส.ค.ที่ผ่านมา ชาวชุมชนศรีบูรพาอโศก จ.ปราจีนบุรี ร่วมกับ นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ชั้น ม.๓ พร้อมคุรุ และ ชาวชุมชน วังสวนฟ้า จ.สระแก้วบางส่วน ได้ร่วมกันจัดงานอบรม "คุณธรรม จริยธรรมเยาวชน" ให้แก่นักเรียนชั้น ม.๑ ร.ร.ซับม่วงวิทยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จำนวน ๗๕ คน ณ สวนศรีบูรพาอโศก จ.ปราจีนบุรี ซึ่งตลอดระยะเวลาอบรม เป็นเวลา ๕ วัน ๔ คืนนี้ อยู่ในความอุปถัมภ์ของ อ.รัศมี กฤษณมิษ (อาจารย์หญิง) โดยวัตถุประสงค์ของงานคือ ต้องการ ให้เยาวชน ที่รับการอบรม ได้เรียนรู้ คุณธรรม ประจำตนเบื้องต้น เพื่อนำไปใช้ ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ ได้เรียนรู้ การฝึก ปฏิบัติศีล ๕ การพึ่งตนเอง ทำให้สามารถเพิ่ม ศักยภาพ ในการพัฒนาตนเอง และ พัฒนา โรงเรียนของตน ได้มากขึ้น โดยมีการฝึกอบรมให้รู้จักทำ ปุ๋ยหมักใช้เอง การทำน้ำยาอเนกประสงค์ การเก็บ ผักพื้นบ้าน กินเอง โดยมีการปฏิบัติจริง เรียนรู้ ๕ ส. คุณธรรม ๖ ประการ ให้เยาวชนได้รู้จัก การรับประทาน อาหาร มังสวิรัติ วัฒนธรรมไทย การระดมสมอง เพื่อพัฒนา ความคิด การได้ฟังธรรมจากสมณะ โดยมีสมณะ แก่นเมือง สมณะนึกนบและสมณะหนึ่งดี มาสนทนาธรรม และอยู่กับ เด็กๆ ที่มาอบรม ตลอดงาน

เริ่มการอบรมวันแรกโดยการรับเพื่อนใหม่ด้วยการลอดซุ้มและผ่านฐานต่างๆจากพี่ๆสส.สอ. ด้วยบรรยากาศ ที่ เฮฮา และ สนุกสนาน ไปตามๆกัน จากนั้น คุณหมอทศพล เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้กล่าวต้อนรับ และในวันที่ ๔ ของงาน อ.รัศมี กฤษณมิษ ได้เดินทาง มาพูดคุย กับเด็กๆ เรื่องการศึกษา และคุณธรรม โดยให้ดูวิดีโอการ์ตูนเกี่ยวกับ ความสามัคคี การแบ่งปัน และในคืนนั้น ได้มีการทำกิจกรรม รอบกองไฟ ให้เยาวชนได้แสดงออก ด้วยการแสดงละคร สะท้อน ความคิด ของตนเอง ออกมาในเชิงสร้างสรร บรรยากาศในงาน เต็มไปด้วยความสนุกสนาน มีการร้องเพลง และ เล่นเกมต่างๆมากมาย

วันสุดท้ายของงาน หลังจากตักบาตรร่วมกันแล้ว ช่วงบ่ายเป็นพิธีอำลา โดยมีการให้พรก่อนลา จากชาว ชุมชนฯ พี่ๆ สส.สอ. และ สมณะ เป็นบรรยากาศ ที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง ประทับใจ เป็นอย่างยิ่ง

น้องๆที่มาอบรมเปิดใจในวันสุดท้ายว่า "รู้สึกประทับใจพี่ๆสัมมาสิกขาฯ ที่เป็นพี่เลี้ยง ดูแลน้องๆ เป็นอย่างดี อบอุ่น และ ให้ความสนุกสนาน มากๆ" ในส่วนของ นร.สัมมาสิกขาฯ งานนี้ได้ฝึก ความเป็นผู้นำ ฝึกความกล้าหาญในการแสดงออก รวมถึง การได้ฝึก ทำงานเป็นทีม เป็นขบวนการกลุ่ม ซึ่งชาวชุมชนบอกว่า ประทับใจ นร.สัมมาสิกขาฯ ที่ให้ความ ร่วมมือกันดี และ มีพลัง ในการทำงาน ทำให้งานนี้ สำเร็จลุล่วง ไปได้ด้วยดี".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

อบรมแกนนำสุขภาพเครือข่าย คกร.
กำจัดสารพิษแบบครบวงจร ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง

เมื่อวันที่ ๒๒-๒๖ ส.ค.๔๖ ได้มีงานเข้าค่าย ๗ อ. สุขภาพบุญนิยม เพื่อการพึ่งพาตนเองขึ้นที่ ราชธานีอโศก อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

ชาวค่าย ๗ อ. สุขภาพบุญนิยม บุญญาวุธหมายเลข ๔ กว่า ๔๐ ชีวิต จากสวนสร่างฝัน เลไลย์อโศก แก่นอโศก ศรีโคตรบูรณ์ ร้อยเอ็ดอโศก ภูพานอโศก หินผาฟ้าน้ำ ราชธานีอโศก ปฐมอโศก และสีมาอโศก ได้มาอยู่ร่วมค่ายฯ ฝึกฝนและเรียนรู้ จากทีม สุขภาพ ที่นำทีมโดยคุณน้อมบูชา และคุณใจเพชร (หมอเขียว) ผู้ทุ่มเท ถ่ายทอดความรู้ ความตั้งใจดี ให้ชาวค่ายฯ ทุกคน ที่ได้มาร่วมกิจกรรมกันในครั้งนี้ ทำให้มีบรรยากาศ ของความมีส่วนร่วม และความเป็นพี่ เป็นน้อง ในทุกๆ กิจกรรมทั้ง ๗ อ. เป็นไปด้วย ความสนุกสนาน และเบิกบานใจ

จนถึงวันสุดท้ายมีการสรุปประเมินผลการจัดงานค่ายฯครั้งนี้ โดยมีพ่อท่าน สมณะและ สิกขมาตุ เป็นประธาน ซึ่งคณะ ชาวค่ายสุขภาพบุญนิยม ล้วนได้รับประโยชน์จากค่าย ๗ อ. อันประกอบด้วย อิทธิบาท อารมณ์ อาหาร อากาศ ออกกำลังกาย - อิริยาบถ เอนกาย และเอาพิษภัยออก อีกทั้ง ในโอกาสนี้ พ่อท่าน ได้ขยายความสำคัญโดยนัย บุญญาวุธ หมายเลข ๔ ว่า สุขภาพบุญนิยม เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้อง ระมัดระวัง เพราะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องของชีวิต หากเทียบกับ บุญญาวุธ หมายเลข ๑,๒ หรือ ๓ คือ อาหาร มังสวิรัติ พาณิชย์บุญนิยม หรือกสิกรรมไร้สารพิษ เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่เรื่องสุขภาพ เป็นเรื่องที่ โดยกฎหมาย มีความคุ้มครอง ให้กับผู้รับการปฏิบัติวิชาชีพเวชกรรมว่า ผู้จะให้การรักษา ต้องมี ใบประกอบ โรคศิลปะ ดังนั้น ชาวอโศกซึ่งเพิ่งจะประกาศให้สุขภาพบุญนิยมเป็นบุญญาวุธหมายเลข ๔ เมื่องาน ฉลองหนาว ต้นปี'๔๖ ที่ผ่านมานี้เอง เรายังไม่เก่ง ยังไม่สามารถพอ ที่จะไปให้การดูแลรักษา คนภายนอก เพราะความรู้ แบบผสมผสาน การรักษาของเรา ยังอยู่ ระหว่าง การเรียนรู้ หลายๆเรื่อง ยังด่วน ตัดสินใจ ไม่ได้ ว่าจะสามารถ นำมาใช้ ช่วยคนได้ อย่างปลอดภัย ดังนั้น พ่อท่าน จึงติงเตือน ให้ชาวเรา อย่าประมาท อย่าด่วนสรุปผล เผยแพร่ หรือโฆษณา ตัวเองเกินไปนัก หากพลาดพลั้งไป เป็นอันตราย ถึงชีวิตเลยทีเดียว ขณะนี้การให้ความช่วยเหลือดูแลกัน ฝึกฝน-ศึกษา-เรียนรู้-อบรม ก็ให้ ทำกันไป ภายในหมู่ชาวอโศก ทำกัน ภายในก่อน เริ่มต้นที่ชาวอโศก แต่ละคนๆ ให้มีสุขภาพ แข็งแรงดีก่อน พิสูจน์ ที่ตัวเองก่อน พึ่งตนเอง พึ่งพากันเอง ให้ได้ก่อน พิสูจน์กันแล้วว่าทำได้และปลอดภัย จึงค่อยขยาย ออกไปสู่วงกว้าง ภายนอกอีกที

การขยายผลในเชิงสุขภาพที่ถูกทาง ต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้แต่ละคนพึ่งตนเองได้ รู้-เข้าใจ-สามารถ ใช้ทรัพยากร ที่มีอยู่ ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ต้องพึ่งพาบุคลากรทางการแพทย์ หรือวัตถุข้าวของต่างๆ ที่ไกลตัวเลย พ่อท่านลำดับ ๗ อ. ให้ดังนี้

๑. อิทธิบาท ตระหนักเห็นความสำคัญในเรื่องสุขภาพ ไม่ประมาท ขวนขวายใส่ใจดูแลตนเอง มีความเพียร ทำให้ได้ต่อเนื่อง และ สม่ำเสมอ ด้วยรู้ ด้วยเข้าใจว่า สุขภาพจะดีได้ เราต้องทำเอง ในเหตุ ปัจจัย แต่ละ อ. อีกทั้ง ๖ อ. เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ก็จะมีใจ มุ่งกระทำ นอกจากเริ่มต้นทำจริง ที่ตนแล้ว ยังส่งเสริม ให้หมู่พากันทำด้วย จะมีพลังรวมไปในทิศทางเดียวกัน จะง่ายขึ้น

๒. อารมณ์ ให้รักษาจิตใจให้ดี อารมณ์โกรธทำให้อายุสั้น เจ็บป่วยง่าย อารมณ์มีผลต่อสุขภาพ อย่างมาก การหมั่น มาคบคุ้น กับสัตบุรุษ การได้ฟังสัทธรรม โดยเฉพาะชาวอโศกผู้มาทำงานศาสนา ไม่มีลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข เป็นเครื่องล่อแล้ว จึงต้องมีธรรมะเป็นเครื่องชูใจ -หล่อเลี้ยง พ่อท่านเตือนให้เรา อย่าละเลย ทำแต่งานนอกๆ ขณะที่ทำงาน เกื้อกูลโลกย์อยู่ ก็ต้อง ลด-ละ-ล้างกิเลส ในตนเองไปด้วย พร้อมๆกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำ

ทำวัตรเช้าในงานนี้ พ่อท่านได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชานี้อย่างเข้มข้น ให้ชาวเราได้นำไปฝึกฝนให้ดี ระวัง มารจะมาช่วงชิง ท่านเทียบเคียง ให้เห็นว่า สายเลือดทางธรรม สูงค่า ยาวนานและกว้างไกล แต่สายเลือด ทางโลกีย์นั้น เป็นเรื่องวนเวียน ธรรมดาๆ ไม่ยาวนาน และคับแคบยิ่งนัก (ติดตามเทปฟังได้...อย่าพลาด!)

๓. อาหาร พ่อท่านเรียกชาวอโศกว่า "คนกินมังฯ" เทียบเคียงกับที่คนจีนเรียก "คนกินเจ" พ่อท่านเผย สูตรอาหาร ที่พ่อท่าน ฉันมาเป็นปกติ จนถึงทุกวันนี้กว่าสิบปีแล้ว ทำให้ท่านแข็งแรง ทำงานได้มาก ไม่เกิดโทษภัย ได้ฝึกลดละ ได้อบรมตนเอง ทุกมื้อๆ ทุกวันๆ ท่านฉันอาหารโดยลำดับดังนี้ คือ
๑. โยเกิร์ต (ทำจากน้ำถั่วเหลือง) ๑ ถ้วย (ขนาด ๑ ชั้นปิ่นโตน้อยๆ)
๒. ผักต้มซุป หรือที่เราเรียกกันว่า ต้ม สวรรค์ ๑ ถ้วย (ขนาด ๑ ชั้นปิ่นโตน้อยๆ/ผักตามมีตามได้ ต้มกับน้ำ ไม่ปรุงแต่งใดๆ เพิ่มเติม)
๓. ผักสดหลากหลายตามพื้นถิ่นแต่ละที่ที่จะจัดมาถวาย ๑ ปิ่นโต หั่นขนาดพอดีเคี้ยว (อาจมีน้ำสลัดธรรมชาติ แล้วแต่ปรุง รสไม่จัดจ้าน...ปริมาณเล็กน้อย)
๔. ข้าวและอื่นๆตามลงไปเป็นลำดับ ผลไม้มีกล้วย มะละกอ บ้างไม่มาก พ่อท่านสอนว่า เราจะได้ฝึก วางใจ กินอาหาร ได้ฝึกตน ทุกวันๆ ไม่ใช่ว่าทุกวันกินแต่ อร่อยชนิดที่ ๑ อร่อยชนิดที่ ๒ อร่อยชนิดที่ ๓...กินอย่างนี้ ก็ได้แต่วนเสพย์ สะสม ใส่จิตวิญญาณอย่างนั้นๆ ไปอีก ทำให้จิตวิญญาณอ่อนแอ เพราะไม่ได้ฝึกตน แถมยังสะสมกิเลส เพิ่มใส่ตัวเองทุกวันๆ สวนทางปฏิบัติ

๔. อากาศ เป็นการหายใจยาวๆลึกๆ ชาวอโศกมีปกติอยู่ที่ใดก็จะปลูกต้นไม้มาก ทำให้อากาศ ดีอยู่แล้ว งานนี้ คุณน้อมบูชา และ คุณหมอเขียว พาฝึกหายใจบริหารทรวงอก บริหารหน้าท้อง จนถึงกระดูกซี่โครง กันเลยทีเดียว

๕. ออกกำลังกายและอิริยาบถ ในงานค่ายฯ คุณมานพ ประภาษานนท์ นักกายภาพบำบัด จาก ร.พ. สรรพสิทธิประสงค์ ได้มา ช่วยให้ความรู้ความเข้าใจว่า โครงสร้างปกติของคนนั้นเป็นอย่างไร หากเกิด ผิดปกติ จะทำให้อวัยวะร่างกาย ระบบต่างๆ ได้รับผลกระทบพลอยเป็นปัญหาไปด้วย เช่น ขามีปัญหา จะทำให้ สมดุลกล้ามเนื้อเสีย ร่างกายจะจัดสมดุลใหม่ ดึงหลัง ดึงเอว ดึงไหล่ ดึงคอ ให้ผิดรูปไป ปัญหาต่างๆ จะเชื่อมโยงตามกันมา ดังนั้นวิธีแก้ ต้องฝึกกล้ามเนื้อ ให้แข็งแรงขึ้น ฝึกกล้ามเนื้อ ให้ยืดหยุ่น ได้ดี รวมถึงบริหารแก้กลับกล้ามเนื้อที่มีปัญหาบ่อยๆเป็นประจำสม่ำเสมอ จะแก้ปัญหาได้ นอกจากนี้ อิริยาบถต่างๆ ที่เราเดิน-ยืน-นั่ง-นอน ต้องดูแลให้ได้สมดุลเช่นกัน

๖. เอนกาย ค่ายฯครั้งนี้ผู้เข้าค่ายฯประเมินว่า ได้รับเนื้อหาและทักษะน้อย แต่ก็พักผ่อนนอนหลับ ได้ดีมาก ที่บ้านสุขภาพ ของบ้านราชฯ อากาศสดชื่น นอนเต็มอิ่ม ตื่นมาทำวัตรเช้า ได้กระฉับกระเฉง ไม่ง่วงเหงา หาวนอน ตลอดวัน

๗. เอาพิษภัยออก พ่อท่านให้ความรู้เพิ่มเติมว่า การเอาพิษออกนั้น พ่อท่านหมาย ไม่ใช่แค่เพียง การทำดีท็อกซ์ เท่านั้น หากแต่ หมายถึง การเอาสิ่งที่เป็นพิษเป็นโทษภัยออกไปจาก ร่างกาย จากชีวิต จากครอบครัว จากสิ่งแวดล้อม และชีวิต ของเราด้วย พ่อท่านพาทำ ให้เอาอบายมุขออก เป็นอันดับแรกเลย ต่อมา ก็ค่อยพิจารณา สิ่งที่เป็นพิษเป็นโทษ เป็นภัย เป็นระดับๆไป เป็นต้นว่า อาหารเนื้อสัตว์ อาหารขยะ สิ่งสกปรก ในสถานที่สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะห้องส้วม จากอดีต จนถึงปัจจุบัน อโศกวิวัฒนาการ จนถึงการเอาขยะ มาหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพแล้ว เป็นต้น ดังนั้นจึงเพิ่มเป็นเอา พิษภัยออก แทนจากเดิม ที่กำหนดเพียงแค่ การเอาพิษออกเท่านั้น

งานค่าย ๗ อ.สุขภาพบุญนิยม บุญญาวุธหมายเลข ๔ สำหรับแกนนำเครือข่ายฯ ครั้งต่อไป จัดที่ หินผาฟ้าน้ำ ระหว่างวันที่ ๕-๙ ก.ย.๔๖ นี้ เจ้าภาพฝากแจ้งข่าวยินดี เต็มใจต้อนรับ พี่น้องแกนนำฯ จาก อินทร์บุรี ศาลีอโศก เมฆาอโศก วังน้ำเขียว สันติอโศก สีมาอโศกและศีรษะอโศกทุกท่าน ขณะนี้ ชาวบ้านดิน - หินผาฟ้าน้ำเตรียมการรอรับกัน อย่างเต็มที่เลย

บทสรุป ช่วงกลางพรรษา'๔๖ อย่างนี้ ที่บ้านราชฯเมืองเรือ น้ำกำลังเริ่มไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกือบถึง แนวถนน ทางเข้า บ้านคำกลาง (บริเวณพื้นที่ที่เป็นท้องนา)แล้ว

ฝนตกไม่ขาดสายติดต่อกัน ๓-๔ วัน กิจกรรมอบรม-เยี่ยมชม-ดูงานที่บ้านราชฯ เมืองเรือ ก็ยังคึกคัก คิวแน่นเช่นเคย บางช่วง ก็ซ้อนกัน ๓ กิจกรรม เช่น มีการเข้าค่าย ๔ วันของนักเรียนชั้น ม.ต้น จากสุรินทร์ ๒๐๐ กว่าชีวิต ซ้อนกับงานค่าย ๗ อ. ของแกนนำ ชาวอโศกในภาคอีสานตอนบน รวมถึง การขยาย การให้บริการ อาหารมังสวิรัติทุกวันพระ ในช่วงเข้าพรรษา ตามจุดต่างๆ ในเมืองอุบลฯของ สสธ. ทำให้บ้าน วัด โรงเรียน ผนึกกันเหนียวแน่นยิ่งขึ้น ยิ่งเห็นฝนตก ติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำ เริ่มมารวมกัน มากขึ้น ชาวบ้านราชฯ เมืองเรือ จึงได้เตรียมการวางแผนรับมือ กับสถานการณ์น้ำท่วม กันอีกครั้ง

บรรยากาศเคลื่อนตัวตลอดเวลาของชาวบ้านราชฯเมืองเรือ ช่างน่าอนุโมทนาในการ สั่งสมบุญกุศล ยิ่งนัก รู้สึกประทับใจ ในความ ขวนขวายทำกิจตน และ เคลื่อนตัวไปกับหมู่ของทุกๆชีวิต.

- ไม้กฤษณา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]