ฉบับที่ 215 ปักษ์หลัง 16-30 กันยายน 2546

[01] บทนำข่าวอโศก: บำเพ็ญตบะ พัฒนาจิตวิญญาณ
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๔)"
[03] สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร
[04] รู้ทันน้ำมันพืช

[05] ไปดู 'ชีวิตใหม่' เกษตรกรลูกอีสาน หลังพักชำระหนี้และฟื้นฟูอาชีพ จาก ธ.ก.ส.
[06] วันสันติภาพสากล รองนายกฯร่วมเปิดงาน
[07] ชีวิตใหม่ ใน บ้านดอกคำใต้
[08] ศูนย์สุขภาพ: อาหารต้านมะเร็ง
[09] สัมมาสิกขาหินผาฯ ร่วมอบรมค่ายเยาวชน คนสร้างชาติ
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:
[11] "ปลูกป่ารอบบ้าน สร้างอาหารรอบตัว" ผู้เข้าอบรมตั้งใจ ลด ละ เลิกอบายมุข
[12] เปิดเทศกาลเจ'๔๖ คึกคัก หลายแห่งลูกค้ามาจนแน่น ชมร.หน้าสันติฯ ให้ลูกค้าตักเอง
[13] อดีตนร.พุทธธรรมฯ ทำบุญเลี้ยงพระ เปิดอุทยานบุญนิยม แจกอาหารฟรี ครั้งแรก
[14] ข่าวสั้นทันอโศก:
[15] :ชื่อ นางสำราญ พยอมใหม่
[16] ข่าว: อบรมสุขภาพบุญนิยม ๗ อ.



บำเพ็ญตบะ
พัฒนาจิตวิญญาณ

ในช่วงเข้าพรรษานี้ เป็นปีแรกที่รัฐบาลมีนโยบายดีๆสู่ประชาชนหลายอย่าง เช่นโครงการ งดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งก็ทำให้เกิดการตื่นตัวในหมู่ชาวไทย ซึ่งถือว่าเป็นเมืองพุทธ เพราะประชาชนส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา

ในฐานะที่ชาวอโศกเป็นชาวพุทธ ย่อมสนับสนุนและส่งเสริมโครงการของรัฐบาลที่ดีๆเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง หากมีโอกาสช่วยเหลือได้ แต่ก็อย่าลืมตบะ ต่างๆที่ตั้งใจกระทำในพรรษานี้ ก็พึงทบทวนและเอาประโยชน์ จากตบะที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด

การบำเพ็ญตบะที่ได้ทำไป จะสามารถวัดผลได้จากสภาพจิตใจที่พร้อมจะบำเพ็ญตบะต่อไปเรื่อยๆ แม้ออกพรรษาแล้ว ด้วยจิตใจที่ยินดีโดยอาจจะมีการปรับปรุงตบะให้เหมาะสมขึ้นในการพัฒนาจิตวิญญาณของตน หากเราไม่มีความพยายาม บำเพ็ญความดีอย่างต่อเนื่อง ก็คงไม่แตกต่างจากคนบางคนที่ อดทนงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา พอเวลาออกพรรษา ก็อาจเข้าโครงการ ซดเหล้าออกพรรษาของพญามัจจุราชต่อไปอีก และอาจมากกว่าเก่า

หรือเหมือนกับคนบางคนที่ตั้งใจบำเพ็ญถือศีลกินเจในช่วงเทศกาลกินเจ พอหมดเทศกาลก็กลับกินเนื้อสัตว์ มากกว่าเก่า แบบคนตายอดตายอยาก

อย่างไรก็ตามการบำเพ็ญตบะต่างๆ ก็ย่อมเกิดผลไม่มากก็น้อย แต่หากเราพิจารณาและทบทวนถึงประโยชน์ ที่ได้จากการ บำเพ็ญตบะ เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้นเสมอๆ จะช่วยให้เกิดกำลังใจในการพยายามทำความดี ที่ทำได้แล้วให้ต่อเนื่อง ต่อไปอีกด้วยความยินดี.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


จับประเด็นจากหนังสือคนคืออะไร ?
คนคืออะไร ทำไมสำคัญนัก...(๔)

เมื่อถึงฝั่ง คลื่นแตก แหลกเป็นฝอย
ใช้ปัญญา แยกย่อย จึงจะเห็น
ต้องเรียนรู้ ต้องฝึกฝน จนจับเป็น
ธรรมารมณ์ หลีกเร้น ลึกเพียงใด
เวทนา สัญญา และสังขาร
ส่งให้เกิด วิญญาณ ขึ้นมาใหม่
เป็นวิญญาณ ของธรรมารมณ์ ซับซ้อนไป
วกวนเวียน เปลี่ยนว่องไว ผันปรวนแปร

ยิ่งตามรู้ ยากแสนยาก ตามลำดับ
ต้องเพ่งเพียร โน้มน้อมรับ ตามกระแส
จากนามรูป เป็นรูปนาม จิตผันแปร
ต้องแน่วแน่ ตรองตาม ความเป็นจริง
วิตกวิจาร ปีติสุข อุเบกขา
เอกัคคตา ได้มา เป็นหนึ่งนิ่ง
จิตถึงขั้น พ้นทุกข์ ได้จริงจริง
จิตแน่วแน่ ดำดิ่ง สู่นิพพาน

เมื่อตัดโลก ภายนอก ออกส่วนหนึ่ง
วิตก วิจาร นั้นจึง เริ่มสังขาร
รู้จริงตาม รูปรส แล้วงดงาน
สงบเป็น ปฐมฌาน สงบกาย
คงเหลือแต่ ตัณหา ทวารที่หก
อยากรับรู้ งกงก อยู่ไม่หาย
สมถะ วิปัสสนา อย่าดูดาย
ต้องทบทวน ให้กาย พ้นนิวรณ์

เมื่อวิตก วิจาร ได้ผ่านพ้น
คลายกังวล อิ่มเอมใจ ที่ไถ่ถอน
เกิดปีติ ลึกละเอียด ขึ้นแน่นอน
ทุติยฌาน ชวนอาวรณ์ หลงยินดี
เลิกเวียนเสพ ภูมิภพ สยบคลาย
จิตสูงขึ้น เบาง่าย อยากหน่ายหนี
ลดอารมณ์ ปีติ ลดยินดี
ฌานสามสุข เกิดมี เริ่มปล่อยวาง

อุเบกขา วางเฉยได้ โดยเด็ดขาด
ไม่ติดวน พ้นประมาท เพ่งสะสาง
ใช้สติ วิปัสสนา หาลู่ทาง
ยิ่งสูง ยิ่งถูกพราง ให้หลงวน
เมื่อสมถะ ก็จะ"ได้" ตามความเพียร
วิปัสสนา วนเวียน จะ"รู้"ผล
เมื่อ"ได้" "รู้" ภพใด สมใจตน
ก็อยากต่อ สืบค้น สูงขึ้นไป

ถ้าไม่มี ความอยาก เป็นเหตุก่อน
ก็แน่นอน สุขจะเกิด จากที่ไหน
รู้ว่าหลง ก็เลิกหยุด เลิกรุดไป
เมื่อวางใจ จึงรู้จัก "เอกัคคตา"
เมื่อไม่ปรุง ไม่สร้าง ล้างรสสุข
ดับการเกิด ดับทุกข์ แสวงหา
จตุตถฌาน ฌานสี่ เกิดมีมา
ไม่เฉื่อยชา ยิ่งขยัน ปัญญาญาณ

"สังขารธรรม" ถ้าเราดับ ยิ่งซับซ้อน
จิตตัดรอน เลิกละ แล้วประหาร
เลิกยึดติด ภพใดใด ไปนิพพาน
รักษาญาณ ฌานจิต นิจนิรันดร์
วิภว ตัณหา ถ้าจะต่อ
ยังไม่พอ มีเมตตา มุ่งสร้างสรร
อุดมการณ์ โพธิสัตว์ หยัดยืนยัน
หมายผลักดัน ศาสนา มาช่วยคน

"เจโต" แบบพุทธ วิมุติแท้
ใช้ปัญญา รู้แน่แน่ ว่าเกิดผล
สมาธิพุทธ มีสัมมา ต้องกล้าจน
มีมรรคแปด ฝึกตน รู้วิธี.

(อ่านต่อฉบับหน้า)
- ธาตุดี -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

สัมภาษณ์ สมณะเดินดิน ติกขวีโร

พรรษานี้พ่อท่านย้ำเรื่องอะไรกับลูกๆบ้าง แล้วจะได้ฉลองน้ำกันหรือเปล่า และข้อคิดกับเทศกาลอาหารเจ ติดตามรายละเอียด ได้จากคำให้สัมภาษณ์ของสมณะเดินดิน ติกขวีโร

*** สถานการณ์น้ำท่วมบ้านราชฯในปีนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
โดยเฉลี่ยน้ำจะสูงขึ้นวันละประมาณ ๒๐ เซ็นติเมตร (ซ.ม.) วันนี้เป็นวันที่ ๑๘ กันยายน คาดว่าภายในอาทิตย์นี้ พวกเราคง ไม่มีแผ่นดินเดิน แต่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของพวกเราแล้วล่ะ เราได้ตั้งตนอยู่บนความ ลำบากจนไม่ต้องลำบากอีกแล้ว จริงๆแล้ว น้ำท่วมก็มีประโยชน์หลายประการด้วยกัน

๑. น้ำท่วมบ้านราชฯแต่ละปีๆ เราก็มีแผ่นดินงอกออกไปทางริมแม่น้ำมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฮิวมัสที่หลั่งไหลมาจาก ทั่วทั้งภาคอีสาน ก็จะมาตกตะกอนรวมที่บ้านราชฯ แผ่นดินบ้านราชฯจึงเป็นแผ่นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ราคาที่ดินซึ่งแต่เดิม ที่มาอยู่ใหม่ๆ ราคา ๓ แสนบาท แต่ตอนนี้ ราคาประมาณ ๓-๔ หมื่นบาทก็น่าจะซื้อได้ เพราะไม่มีใครกล้ามาอยู่ น้ำท่วมเกือบ จะมิดเสาไฟฟ้า

๒. ในแง่ของจิตใจทำให้พวกเราต้องปรับตัว หันมาลงเรือลำเดียวกัน แต่ก่อนมีรถอยู่หลายคัน จะพยายามให้ไปรถ พร้อมๆ กันค่อนข้างจะลำบาก แต่น้ำท่วมสถานการณ์ บังคับ ทุกคนต้องลงเรือลำเดียวกัน ต้องมีความพร้อมเพรียงกัน และต้อง ปฏิบัติธรรมร่วมกัน ได้เห็นอนิจจังร่วมกัน ใครยึดถืออะไรก็จะทุกข์มากตอนน้ำท่วม น้ำจะเข้ามากวาดล้าง ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ไม่ว่าต้นกล้วย มะละกอ กะทกรก ที่ออกลูกเต็มไปหมด น้ำจะเข้ามาทำให้สิ่งเหล่านี้สิ้นสูญไปทันที ก็เป็นการฝึกจิตใจของเรา ให้ตัดรอบ ไม่ยึดมั่น ถือมั่นอะไร น้ำจะเป็นตัวเข้ามาสลายความติดยึดต่างๆของพวกเรา ไม่ให้ไปหลงวัตถุข้าวของเงินทอง มากกว่า ความเป็นพี่เป็นน้อง มากกว่าทำจิตใจของเราให้ดี ให้วิเศษ ให้ปล่อยให้วางได้

ดังนั้นการที่น้ำท่วมแต่ละครั้งๆ เป็น การฝึกจิตใจของพวกเราที่จะเอาทุกสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นดี พยายามมี ความคิด ในแง่บวกเสมอๆ ชีวิตที่ผ่านมาพวกเราอาจจะถูกเขาว่าร้าย ถูกเขาตำหนิติเตียน ถ้าเราสามารถคิดในแง่ดี คิดในแง่บวก ที่เราจะได้ทำจิต วางใจ คิดในแง่ที่เราจะได้ดูว่ากิเลสเราเหลือมากเหลือน้อย และเป็นเครื่องเช็คว่า เราใกล้ จะบรรลุหรือว่าใกล้จะทะลุ ถ้าเราเก็บเอาทุกผัสสะมาใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ได้อยู่เสมอๆ พยามยามคิดทุกเหตุการณ์ ให้เกิดในแง่บวก เราก็จะเกิดความยินดีทุกสถานการณ์ เหมือนอย่างที่พ่อท่านเคยบอกไว้ว่า ใครยิ้มได้ทุกทิศ ผู้นั้นคือลูกศิษย์ ของพ่อท่านโพธิรักษ์ และถ้าน้ำยังท่วมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอเช่นทุกวันนี้ พ่อท่านก็กำหนดงานฉลองน้ำเอาไว้ในวันที่ ๖-๑๒ ต.ค. ก็ขอเชิญพวกเราที่ไม่ติดธุระอะไรมาร่วมฉลองน้ำ เสร็จแล้วก็จะได้ต่อไปร่วมฉลองหนาว แล้วก็ต่อไปก็ได้ฉลองร้อน จะได้ครบ ๓ ฤดู ชาวอโศกมีงานเฉลิมฉลองกันทั้งปี จริงๆแล้วปฏิบัติธรรมน่าจะมีความสุขอย่างยิ่งกว่าคนทั่วๆไป

*** ในพรรษาปีนี้ พ่อท่านได้กำชับกำชาพวกเราเรื่องอะไรบ้างคะ
พ่อท่านก็เป็นห่วงเราเกี่ยวกับการขยายงาน อย่าขยายงานให้มากเกินไป ถ้างานมากเกินกำลังจะทำให้เกิดความเครียด ในระบบ ทุนนิยมเขาอยู่ได้ แต่ถ้าเป็นระบบบุญนิยมจะไม่สามารถทนอยู่ได้ ท่านก็พยายามให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะไม่ทำงานเกินตัว อย่างเมื่อเร็วๆนี้เราได้ของบประมาณเพื่อทำโครงการการรักษาสุขภาพในระบบบุญนิยม ซึ่งจะขยายผลไปสู่ประชาชน พ่อท่านเองก็ได้เบรกโครงการนี้เอาไว้ ท่านมองว่ามันเกินตัว เราควรจะดูแลสุขภาพภายในชุมชนของเราให้ดีก่อน ไม่ควรจะรีบ ไปอ้าขาผวาปีก ยิ่งบุญนิยมระดับที่ ๔ เกี่ยวกับเรื่องชีวิตของคน มีผลต่อการผิดกฎหมาย ติดคุกติดตะราง เราก็ยิ่งต้องระวัง อย่างยิ่ง อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่พ่อท่านเองจะให้สัญญาณว่าให้ระมัดระวังการขยายงานหรือการทำงานเกินตัว หรือเมื่อเร็วๆนี้ ทางผู้อำนวยการในกระทรวงการท่องเที่ยวได้มาดูบ้านราชฯ แล้วเขารู้สึกว่าของเรามีเรือตั้งหลายลำอย่างนี้ น่าจะมีท่าน้ำที่ดีๆ หน่อย ตบแต่งเรือให้สดใสขึ้นมามากกว่านี้ พวกเรา ก็บอกว่าพวกเราไม่มีงบประมาณ เขาก็บอก ว่าให้ทำเรื่องไป เขาจะช่วย เต็มที่ พ่อท่านเองก็ไม่ให้พวกเราไปดำเนินการต่อ ท่านบอกว่าเราเองยิ่งจะต้องระมัดระวัง เพราะเราเองไม่ได้ต้องการ ที่จะเปิด หมู่บ้านของเราให้เป็นหมู่บ้านของการท่องเที่ยว แม้ทางเจ้าหน้าที่เขาจะบอกว่า เขาจะไม่ใช้ระบบการท่องเที่ยว แต่ใช้เป็นแบบ ทัศนศึกษาก็ตาม ซึ่งพ่อท่านบอกว่าตรงนี้พอเกิดเหตุการณ์จริงๆ เขาขอร้องมาเราก็จะเกรงใจเขา แล้วก็ควบคุมไม่ได้

เหตุการณ์นี้ก็จะเป็นตัวอย่างที่จะเห็นว่าพ่อท่านเองค่อนข้างที่จะระมัดระวัง ไม่ให้เราทำงานใหญ่ ทำงานเกินตัว ท่านเน้นอยู่ มากว่าไม่ควรจะไปขยายงานอื่นๆออกไปอีก ควรที่จะทำโครงการที่มีอยู่ให้สำเร็จเรียบร้อย ให้ไปได้ด้วยดี

เรื่องที่ ๒ ท่านเน้นเกี่ยวกับเรื่องงานอบรม ท่านให้ถือว่าเป็นงานสำคัญ เป็นงาน ทางด้านสังคมศาสตร์โดยตรง เป็นการสร้าง ประชากร ที่มีคุณภาพให้กับประเทศ พ่อท่าน ก็บอกพวกเราว่าตั้งใจทำให้ดีๆ และทำให้แข็งแรง ซึ่งตรงนี้ก็อยากจะฝากถึงชุมชน ที่เป็นศูนย์อบรมต่างๆว่า ตอนนี้เราจะต้องเริ่มทดลองให้มีหลักสูตรสร้างชีวิต ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ ๒ ต่อจากสัจธรรมชีวิต ดังนั้นพวกเราต้องมาคิดกันว่า เขากลับมารอบที่ ๒ พวกเราควรที่จะแน่นขึ้น มีการเพิ่มภูมิของเราขึ้น ไม่ใช่มาก็ยิ่งโรยรา แห้งแล้ง คนน้อยลงไปกว่าเก่า แล้วก็ยังสะเปะสะปะเหมือนเก่า ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่น่าจะรีบร้อนทำ และที่สำคัญก็คือ ต้องพยายามมอง ให้ครบวงจร อาตมาได้ฟังว่า บางหน่วยงานของรัฐเขาก็พยายามไปส่งเสริมให้ชาวบ้านทำจุลินทรีย์ มีการแจกถัง แจกกากน้ำตาล ชาวบ้านก็ไปทำกันมากมาย เอารถสิบล้อไปบรรทุกจุลินทรีย์ก็ไม่หมด แต่ว่าชาวบ้านก็ได้ทำตามที่เจ้าหน้าที่ เอาถังไปให้ เอาของไปให้เท่านั้นเอง มันก็จบเท่านั้น เพราะ เจ้าหน้าที่คนที่เป็นครูเองก็ไม่ได้มีเวลาไปทดลอง นักเรียนที่เรียน ตามก็ไม่มีเวลาทดลองใช้ด้วย อันนี้จะเห็นว่าเป็นการสอนที่ไม่ครบวงจร เหมือนที่แยกศีล สมาธิ ปัญญา ออกจากกัน ศีลก็เป็น

เรื่องหนึ่ง สมาธิก็เป็น เรื่องหนึ่ง ปัญญาก็เป็นเรื่องหนึ่ง ไม่สามารถ ทำให้เกิดสมังคีธรรม หรือเป็นองค์รวม จนศีลทำให้เกิดสมาธิ สมาธิทำให้เกิดปัญญาได้ สิ่งนี้ก็จะเป็นความล้มเหลวในการอบรม โดยเฉพาะล้มเหลวตั้งแต่คนอบรม คนอบรมก็ไม่มีรูปธรรม อะไร มีแต่ผักงามบนศาลาเท่านั้นเอง ข้อนี้พวกเราน่าจะได้เร่งรัด เพื่อที่จะสร้างรูปธรรมให้เป็นความจริง ไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน หรือเป็นเพียงแค่ คำบรรยายที่สวยงามเท่านั้น

*** ท่านจะฝากข้อคิดอะไรในช่วงเทศกาลงานเจให้กับพวกเราบ้างคะ
พ่อท่านกำหนดให้บุญญาวุธหมายเลข ๑ ของชาวอโศก คืออาหารมังสวิรัติ และ เป้าหมายของอาหารมังสวิรัตินั้นก็คือ การ ชูธงของเมตตาธรรม เพราะฉะนั้น ในช่วง ๓๐ ปีของชาวอโศกที่ทำงานศาสนากันมา เราได้ชูธงชัยของเมตตาธรรม มาตลอด สามารถที่จะประสบ ความเจริญรุ่งเรืองแพร่หลายไปได้ดี

ทุกวันนี้ที่บ้านราชฯเอง นอกจากจะมีร้านอาหารมังสวิรัติที่อุทยานบุญนิยมแล้ว เราก็ยังมีโครงการแสวงบุญในวันพระ โดยมีคณะ คุรุและนักเรียนสัมมาสิกขา พากันยกขบวนไปขายตามสถานที่ราชการ โรงพยาบาล ตลาดสดของจังหวัดอุบลฯ ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับกันอย่างดีมาก โดยเฉพาะโรงพยาบาลจะมียอดขายได้มากที่สุด แม้แต่ที่ตลาดสดพวกแม่ค้าที่ขาย เนื้อสัตว์ มือยังแดงด้วยเลือด เขาก็เรียกพวกเราเอามังสวิรัติไปขายให้ น่าจะเป็นเรื่องที่เขาช่วยกันซื้อคงไม่ใช่อยากจะกินมังสวิรัติ แต่เรื่องของเมตตาธรรม เขาเห็นว่าเป็นบุญ เป็นเรื่องของเมตตา จิตใจของคนไทยจะสัมผัสได้ในเรื่องของเมตตาธรรม

ดังนั้น เราก็คงจะต้องทบทวนว่าเราประสบความสำเร็จในการชูธงชัยแห่งเมตตา เราเองก็จะต้องทำกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้สอดคล้องกับธงชัยของเมตตาด้วย ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ ในสาราณียธรรมให้เป็นผู้มีกายกรรม อันประกอบด้วยเมตตา มีวจีกรรม อันประกอบด้วยเมตตา มีมโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา และข้อต่อมาก็คือ มีสาธารณโภคี เพราะฉะนั้น การมีสาธารณโภคี แต่ไม่มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา ก็จะไม่สมบูรณ์ ไม่อบอุ่น

ทุกวันนี้เราจึงต้องทบทวนว่า เรามีชีวิตอยู่ด้วยการเจริญเมตตาหรือเจริญอัตตา ถ้าเรามีชีวิตอยู่ด้วยการเจริญอัตตา ชีวิตเรา ก็จะไม่ผาสุกเท่าไหร่ เพราะจะไปกำหนดชีวิตของคนอื่น จะให้เขามาเป็นให้ได้ดังใจตัวเอง โดยไม่พยายามมองเข้าหาตัวเอง ซึ่งถ้าเรามองเข้าหาตัวเองแล้ว เราจะรู้สึกสงสาร แม้ตัวเราเองยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ถูกครอบงำ ด้วยอวิชชา แล้วคนอื่นที่เขาอาจจะบุญบารมีอินทรีย์พละน้อยกว่าเรา เขาก็ย่อมถูกอวิชชาครอบงำเช่นเดียวกับเรา แม้เราเอง ก็ยังมีอวิชชาอยู่อย่างนี้ เจ็บป่วยด้วยโรคกิเลสอยู่อย่างนี้แล้ว เราจะไปเอาเรื่องเอาราวกับผู้อื่น ที่ต่างก็ถูกโรคร้ายรุมเร้าด้วยกัน ได้อย่างไร แต่เพราะอัตตาร้ายที่จะเอาแต่ใจตัวของเราเอง สูง อัตตาร้ายที่ทนไม่ได้กับนิสัยของเขา แต่จริงๆแล้ว มันเป็นการ ทนไม่ได้กับนิสัยของเราต่างหาก ถ้าแก้นิสัยของเขานี้แก้ยาก แต่แก้นิสัยของเราจะแก้ได้ง่ายกว่า ถ้าเราแก้นิสัยของเราได้ สามารถคิด ในแง่บวก เอานิสัยร้ายของเขามาเป็นประโยชน์ที่เข้ามาล้างความร้ายจากตัวเราให้หมดไป คนนั้นก็จะมีความสุข มีสารสุขเกิดขึ้น

พ่อท่านเคยให้นโยบายไว้ว่า สังคมใกล้กลียุคทุกวันนี้ เราจะเจริญแต่สันติวิธีเท่านั้นไม่พอ จะต้องพยายามเจริญเมตตาวิธี เราเอง ก็คงจะต้องดูว่าทุกวันนี้ เรามีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ชอบใจ ไม่พอใจ หรือมีชีวิตอยู่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ สงสาร และเข้าใจ ถ้าเราอยู่มากไปด้วยความไม่พอใจ ก็แสดงว่าเรากำลังเป็นผู้เจริญอัตตา แต่ถ้าเราสามารถอยู่ด้วยความเห็นอก เห็นใจ เข้าใจ และให้ความช่วยเหลือได้อีกด้วย นั่นคือเรากำลังเป็นผู้ที่มากไปด้วยความเจริญเมตตา

ทำงานด้วยอัตตา ยิ่งทำก็ยิ่งหมดแรงอ่อนล้า ทำงานด้วยเมตตายิ่งทำยิ่งสนุก มีความสุขตลอดเวลา เหน็ดเหนื่อยจากงาน ขายอาหารเจ แล้วอย่าลืมแวะมาพักผ่อนฉลองน้ำที่บ้านราชฯกันนะคะ.

- ทีมข่าวพิเศษ -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รู้ทันน้ำมันพืช

"โคเลสเตอรอล" เป็นไขมันชนิดหนึ่ง มีอยู่ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์และร่างกายของเราก็ผลิตได้ส่วนหนึ่ง หน้าที่ของโคเลสเตอรอล ในร่างกายคือ การสร้าง เซลล์ใหม่และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นตัวสำคัญในการสร้าง ฮอร์โมนเพศ และวิตามินดี อย่างไรก็ตามการบริโภคอาหารที่มีโคเลสเตอรอลมากเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้ แต่นั่น ไม่ได้หมายความว่า โคเลสเตอรอลเป็นของไม่ดี ร่างกายยังจำเป็นต้องมีโคเลสเตอรอลในปริมาณที่เหมาะสม

การที่คนเรามีความรู้ครึ่งๆกลางๆ เรื่องของ โคเลสเตอรอล จึงกลายมาเป็นจุดขายของผู้ผลิตน้ำมันพืช โดยออกโฆษณาที่เน้นว่า น้ำมันพืชไม่มีโคเลสเตอรอล และยังสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องให้กับเราอีกว่า น้ำมันพืชที่ไม่มีโคเลสเตอรอล คือน้ำมัน ที่แช่เย็นแล้วไม่เป็นไข

ทำไมน้ำมันพืชบางชนิดเมื่อแช่ในตู้เย็นแล้วอาจเกิดไขขึ้นได้ บางชนิดก็ ไม่เป็นไข แล้วความเป็นไขเกี่ยวกับ การมีโคเลสเตอรอล อย่างไร

เหตุที่น้ำมันพืช เป็นไขหรือไม่เป็นไขหากเป็นน้ำมันพืชชนิดที่สกัดมาจากถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ดอกคำฝอย ข้าวโพด ฝ้าย จะเป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง เจ้ากรดไขมันนี้เมื่ออยู่ในอุณหภูมิต่ำๆ จะไม่เป็นไข แต่ในขณะเดียวกัน น้ำมันพืชจากปาล์มโอเลอิน มะพร้าว จะมีเจ้ากรด ไขมันเชิงซ้อนนี้ต่ำ เมื่อไปอยู่ในอุณหภูมิ ต่ำๆ เช่นในตู้เย็น ก็จับตัวเป็นไข ได้ง่าย เช่นเดียวกันกับน้ำมันหมูซึ่งมีกรดไขมันเชิงซ้อนต่ำเช่นกัน

แต่น้ำมันพืช ไม่ว่าพืชใดก็ไม่มีโคเลสเตอรอล เนื่องจากพืชไม่สามารถสร้างขึ้นได้ ดังนั้น การเป็นไข ไม่เป็นไขในตู้เย็น จึงไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ได้บอกว่า อะไรมีโคเลสเตอรอลหรือไม่มีโคเลสเตอรอล เราจึงไม่ควรถูกมายาภาพ ของโฆษณา หลอกหลวงเอา

วิธีการเลือกซื้อน้ำมันพืชอย่างถูกวิธี

๑. น้ำมันพืชที่ดีต้องไม่ใสเกินไป เช่น น้ำมันปาล์มปกติก็ต้องมีสีเข้มบ้าง เพราะนั่นคือมีสารเบต้าแคโรทีน ที่มีประโยชน์ ในการป้องกัน โรคมะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจ (น้ำมันพืชที่ใสนั้นผ่านการฟอกสีจนหมดคุณค่าทางอาหารไปหลายตัว)

๒. น้ำมันพืชที่มีราคาแพงไม่ใช่ว่ามีคุณภาพหรือดีกว่าน้ำมันพืชราคาถูก เพราะฉะนั้นอย่าวัดคุณภาพด้วยราคา

๓. ดูที่ก้นขวดต้องไม่มีสิ่งแปลกปลอม เช่น ผงสีดำหรือตะกอนขุ่นขาว เพราะหมายถึงการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

๔. ดูว่ามีฉลากครบถ้วนหรือไม่ บอกวัตถุดิบที่นำมาผลิตว่าเป็นพืชชนิดไหน ถั่วเหลือง ข้าวโพด หรือว่าปาล์ม สถานที่ผลิตด้วย เผื่อมีปัญหาจะได้ตามตัวผู้ผลิตถูก

๕. อาหารประเภทผัดควรใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง แต่อาหารทอดควรใช้น้ำมันพืชหรือ น้ำมันที่มีกรดไขมัน ไม่อิ่มตัว เชิงซ้อนต่ำ เพราะการทอดใช้ไฟแรงและระยะเวลานาน น้ำมันชนิดหลังมีคุณสมบัติที่ดีกว่าชนิดแรก

(บางส่วนจากหนังสือ "ฉลาดซื้อ" คอลัมน์ Test Kids ฉบับที่ ๕๔ เม.ย.- พ.ค.๔๖ หน้า ๖๕)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ไปดู 'ชีวิตใหม่' เกษตรกรลูกอีสาน
หลังพักชำระหนี้และฟื้นฟูอาชีพ จาก ธ.ก.ส.

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


"ชีวิตที่ยังมีหวัง" ของชุมชนนำร่องภาคอีสาน

ถามว่าเพราะเหตุใด ธ.ก.ส.ถึงเลือก ชุมชนในภาคอีสานให้เป็นชุมชนนำร่องของ โครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น "ชุมชนบ้านหินแห่-หินเจริญ" อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี หรือชุมชนบ้านเอ็นอ้า อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี หากพิจารณา จากสภาพความเป็นอยู่แล้ว พบว่ากลุ่มเกษตรกรเหล่านี้มีความสามัคคีเป็นฐานหลัก และเหตุประการสำคัญ คือความยากจน และการมีหนี้สินที่มีผลพวงมาจากสภาพพื้นที่ที่แห้งแล้ง ผลผลิตจึงเก็บเกี่ยวได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ว่างจากทำนาก็ไร้อาชีพ ขายข้าวไม่ได้ รายได้เสริมไม่มี หนี้สินที่กู้ยืมมาทำการเกษตรก็พอกพูนขึ้นทุกปี ผลเลวร้ายที่ตามมาก็คือ กลายเป็นชุมชน ที่มีอบายมุข ทุกรูปแบบ เมื่อมีความช่วยเหลือดีๆหยิบยื่นมาให้จึงขานรับในทันที

บุญช่วย คุรุวารี เกษตรกร บ้านธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย "ก่อนเข้าร่วมโครงการเป็นหนี้อยู่เกือบ ๖ หมื่นบาท กู้มาซื้อปุ๋ย เครื่องตัดหญ้า หลังจากที่เข้าโครงการก็ได้เข้าอบรมหลักสูตร สัจธรรมชีวิตที่ราชธานีอโศก ได้ความรู้หลายอย่าง เช่น การทำปุ๋ย ชีวภาพ น้ำหมัก ทำน้ำยาอเนกประสงค์ ซีอิ๊ว ผงชูรส น้ำปลาจากปลาร้า เราทำใช้เองไม่ต้องซื้อ วัตถุดิบ ที่ทำก็เอา ที่มีอยู่ ในท้องถิ่น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีสารพิษ และยังลดค่าใช้จ่ายไปเยอะ ตอนนี้ปลูกผลไม้หลายอย่างทั้งกินและก็ขาย ใช้ปุ๋ยชีวภาพ น้ำหมักที่ทำเองรด ออกใบเขียวงามดี ไม่ซีดเหมือนใช้ปุ๋ยเคมี ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเราด้วย แต่ก่อนตัวเองเป็นภูมิแพ้ ตอนนี้ดีขึ้นเยอะ ความเป็นอยู่ในครอบครัวก็ดีขึ้น ดีใจนะที่ ธ.ก.ส. และรัฐบาลทำโครงการนี้ขึ้นมา น่าจะทำเสียตั้งนานแล้ว หนี้ที่เหลือ อยู่คิดว่าจะผ่อนได้หมดภายในเดือนมีนาคมปีหน้าแน่นอน ตอนนี้มีเงินออมอยู่แล้ว"

เสาะ คำภาคด เกษตรกรบ้านหินแห่-หินเจริญ อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี "ป้า ทำนาเป็นหลัก เงินที่กู้มาหมดไปกับค่าปุ๋ย ตกประมาณ ปีละหมื่น สามพันบาท หลังจากที่เข้าอบรมอาชีพหลักสูตรสัจธรรมชีวิต ก็มาทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง ค่าปุ๋ย ลดลงเยอะ แต่ก่อนใช้ปุ๋ยเคมี ในนากบปลาไม่มีเลย ตอนนี้มาอยู่ เยอะ พืชผักที่ปลูกก็งามดี อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ไม่ลำบาก ค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ก็ลดเพราะผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ อาหารการกินเราทำกันเองไม่ต้องไปซื้อในเมือง คนในหมู่บ้าน ก็เลิกเหล้า บุหรี่ การพนันไปเยอะ หลังอบรมเราก็มารวมกลุ่มกันทำผ้าลายกาบบัว ทำเสื่อเตย ส่งไปขาย ได้มาก็แบ่งเปอร์เซ็นต์กัน ตอนนี้ป้า มีรายได้ เดือนหนึ่งประมาณ ๔,๐๐๐ บาท ดีขึ้นกว่าก่อนเยอะ ป้าว่าถ้ารัฐบาลมาดูแลอย่างนี้ตั้งแต่แรก เกษตรกรจะไม่ยากจน เหมือนทุกวันนี้ แต่ตอนนี้ยิ้มออกแล้ว ป้าไม่อยากรวยล้นฟ้าหรอก ขอแค่พออยู่พอกินก็พอใจแล้ว"

โสดา พิบูลย์ อบต.บ้านเอ็นอ้า ต.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี

"ตอนนี้บ้านเอ็นอ้ามีราษฎรอยู่ ๖๕๕ คน ส่วนใหญ่ ทำนาและรับจ้างทั่วไป แต่ก่อนเดือดร้อนมากเพราะน้ำท่วม ทำนาไม่ได้ แต่ ธ.ก.ส.เห็นว่าหมู่บ้านเรามีความสามัคคีกันดี จึงเลือกให้เป็นหมู่บ้านนำร่องของอำเภอ และเข้าร่วมอบรมโครงการสัจธรรมชีวิต หลังอบรม เราก็มารวมกลุ่มกันตั้งองค์กรในชุมชนขึ้น นำองค์กรมาบูรณาการตั้งเป็นกลุ่มอาชีพต่างๆ มีรายได้เท่าไหร่ ก็มาปันผลกัน ปลูกผักกินเอง ทำน้ำยาอเนกประสงค์ใช้กันเอง ทำเกษตรเราก็ใช้หลักธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี การพนันอบายมุข ต่างๆ ก็ไม่มีแล้ว ทำให้ชาวบ้านมีเงินออมมากขึ้น เงินนอกระบบ ก็หมดไป ตอนนี้ชาวบ้านมีรายได้ต่อครัวเรือน ตกประมาณ เดือนละ ๓,๐๐๐ บาท ความเป็นอยู่ดีขึ้น นอกจากนี้เรามีเงินช่วยเหลือทั้งเงินอบต. เงินรัฐบาลหมุนเวียนทั้งสิ้น ๒ ล้านกว่าบาท ขณะนี้ ชุมชนที่นี่เข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น"ตอนนี้นโยบายรัฐและธ.ก.ส. พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว... ก็ขึ้นอยู่กับว่า เกษตรกร จะมีความพร้อม และความมุ่งมั่นแค่ไหน ในการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพให้แก่ตนเองหลังพักหนี้.

(จาก นสพ.มติชนรายวัน ๓ มิ.ย.๔๖)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


วันสันติภาพสากล
รองนายกฯร่วมเปิดงาน

ฯพณฯ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นประธานพิธี "๒๑ กันยายน วันสันติภาพสากล เที่ยงวันพร้อมใจกัน สงบนิ่ง ๑ นาที"โดยมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และข้าราชการประมาณ ๒๐๐ คนมารวมกัน ยืนสงบนิ่ง ๑ นาที พร้อมกับหยุดการจราจรบริเวณนั้น และร่วมกันปล่อยนก ปล่อยลูกโป่ง แจกดอกกุหลาบให้กับประชาชน ณ บริเวณอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๖ เวลา ๑๒.๐๐ น.

และได้เชิญชวนให้ประชาชนร่วมสร้างความสงบ ๑ นาทีตอนเวลาเที่ยง พร้อมกันทั่วประเทศในสถานที่ของตนเอง ผ่านวิทยุ และ โทรทัศน์ของเครือข่าย กรมประชาสัมพันธ์

โดยช่วงเช้า เวลาประมาณ ๐๙.๔๐ น. คุณสไบทิพย์ ศิริรัตน์ธำรงค์ ประธานมูลนิธิบราห์มากุมารี ราชาโยคะ ประธานกรรมการ จัดงาน กล่าวแนะนำโครงการฯ และ แขกรับเชิญพิเศษ, ฟังเพลงเพียงหนึ่งนาที, พาเดินชมซุ้มกิจกรรม นิทรรศการศิลป์ เช่น คุณธรรมหนุนนำสันติภาพ, คิดดีมีพลัง - ร่วมสร้างสันติ, ปิรามิดแห่งความสงบ, พิณแก้ว เป็นต้น มีนักเรียน นักศึกษา ตำรวจ ทหาร ประชาชน กลุ่มองค์กรต่างๆมาร่วมงานประมาณ ๒๐๐ คน ณ ห้องประชุมใหญ่ชั้น 12 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาล ราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนโยธี กรุงเทพฯ ๑๐.๐๐ น. พลตรีจำลอง ศรีเมือง

ที่ปรึกษาด้านพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของนายกรัฐมนตรี ตัวแทนชุมชนชาวอโศก เป็นประธานในพิธีเปิด กล่าวเปิดงาน แนะนำโครงการ "สงบภายในสู่สันติภาพโลก" (Inner Peace for World Peace)

"วันสันติภาพสากลปีนี้สมควรจัดให้มีการรณรงค์เพื่อสร้างความสงบสุขในสังคม สนับสนุนคำประกาศขององค์การ สหประชาชาติ ว่าด้วยการสร้างวัฒนธรรมสันติภาพ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้แต่ละบุคคล พัฒนาจิตใจให้เกิด ความร่วมมือ สร้างสรร สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียว กันในสังคม"

"โลกเก่าเป็นโลกที่วุ่นวายเต็มไปด้วยการกดขี่ ข่มเหง ประหัตประหารกัน หาสันติภาพมิได้ จำเป็นต้องจัดการรณรงค์ โครงการ สงบภายในสู่สันติภาพโลก ขึ้นในวันสันติภาพสากล"

ด้วยสำนึกของการเป็นพี่น้องชาวโลกก่อให้เกิดสันติภาพได้อย่างไร?

"ถ้าเป็นพี่น้องกันทั้งโลก จะไม่มีการรบราฆ่าฟันกัน ทุกคนจะอยู่กันอย่างสุขสงบ นั่นคือสิ่งที่ทุกชีวิตต้องการ"

๑๐.๔๐ น. สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อนแนะนำความหมายของสัญลักษณ์โครงการฯ มือ - ความร่วมมือ ปกป้อง, จุดเล็กๆ สีขาว - โลกแห่งจิตใจ จิตวิญญาณ ที่ต้อง ดูแลเอาใจใส่สร้างและรักษาความสงบภายใน ให้มีความมั่นคง อยู่เสมอ, เปลวไฟ -แสงสว่างแห่งปัญญา, ลูกศรชี้ขึ้นข้างบน - การพุ่งตรงไปสู่ความเจริญก้าวหน้า, ดวงตะวัน - เป็นดวงตะวันแห่งสันติ, หน้าปัดนาฬิกา - เข็มชี้ตอนเที่ยงตรง เวลานัดหมายกันว่าจะ หยุด ในความสงบ

๑๑.๑๐ น. ดร.เนอร์มาลา คาจาเรีย ผู้อำนวยการ บราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ประจำภาคพื้นออสเตรเลีย และ เอเชียแปซิฟิก บรรยายเรื่อง "ความสงบภายใน" โดยมีคุณสไบทิพย์ ศิริรัตน์ธำรงค์ เป็นล่ามช่วยแปลเป็นภาษาไทย งานนี้มีถึง ตอนเย็น รายการก็น่าสนใจ ทั้งนั้น เช่น เสียงดนตรีจากพิณแก้ว, ศานติคีตา โดย อ.เตือนใจ เจ้าของรายการ โลกใบจิ๋ว, เสวนา พลังความคิดสร้างชีวิตและโลก, พบดารานักร้อง ลีโอ พุฒ, ทูน หิรัญทรัพย์, ป่าน - นิด แห่งวง Hot Chilli เป็นต้น แต่เรามีกิจกรรม ปิดการอบรม โครงการพลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข หลักสูตร "สร้างผู้นำ" ครั้งที่ ๑ ที่ชุมชนบุญนิยมสันติอโศก เช่นเดียวกัน จึงขอตัวกลับก่อน

จากมติสมัชชาองค์การสหประชาชาติ ข้อที่ ๕๕/๒๘๒ ได้ประกาศให้ วันที่ ๒๑ กันยายนของทุกปี เป็นวัน "สันติภาพสากล" เพื่อเรียกร้อง ความสนใจจากโลก ให้มีการเฉลิมฉลองร่วมกัน โดยประกาศว่าเป็นวันห้ามยิง ห้าม ใช้ความรุนแรงทั่วโลก และได้ขอให้ประชาชนทุกชาติ ทุกประเทศหยุดการทำสงครามตลอดวัน

สันติภาพคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา "สันติภาพ" มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับ "ความสงบ" เพราะความสงบให้พละกำลัง แก่มนุษย์ที่จะก้าวออกมาจากสิ่งที่มีขีดจำกัด เพื่อเปิดประตูไปสู่ขอบฟ้าใหม่ ของมุมมองที่กว้างไกล เมื่อจิตใจนั้นจดจ่อ และนิ่งสนิท แต่ละชีวิตก็สามารถที่จะเป็นอิสระจากอิทธิพลภายนอก ความสงบเกิดขึ้นภายในจิตใจ นั่นก็จะเป็นการเริ่มต้น ของการสร้างสันติภาพที่แท้จริง

จิตใจที่สงบไม่เพียงแต่ปกป้องเราจากความไม่สงบภายนอก แต่ยังเป็นรากฐานที่สำคัญของสันติภาพที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ ความสงบในจิตใจเปรียบเหมือนทุนสำรองของคุณธรรม คุณค่า ทัศนคติ และความคิดที่ดีงาม เป็นสภาพจิตที่มีความเคารพ ต่อตนเอง เคารพต่อผู้อื่น มีความเข้าใจ ความอดทน การให้อภัย และความรับผิดชอบ ความสงบจึงไม่ได้เป็นเพียงภาวะ ที่ไม่มีสงคราม หรือความเป็นศัตรูภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาวะที่ไม่มีความขัดแย้ง ความโกรธ ความกลัว ความเกลียดชัง การแบ่งแยก หรือวิถีทางใดๆ ที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงทางร่างกาย

หากเราแต่ละคนร่วมใจกัน ในแต่ ละวัน แต่ละความคิด สร้างและรักษาความสงบในจิตใจ ซึ่งเปรียบเช่นเมล็ดพันธุ์ แห่งสันติภาพโลก วัฒนธรรมสันติภาพ ก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน.

- ฅนเดินทาง -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ชีวิตใหม่ ใน บ้านดอกคำใต้

จาก การที่เราชาวเชียงรายอโศกได้ออกเยี่ยมเยียน เพื่อติดตามประเมินผลของพี่น้องชาวสัจธรรมชีวิต ที่ผ่านการอบรม จากศูนย์ฝึกอบรม เชียงรายอโศกทุกครั้ง ก็ได้เกิดกำลังใจที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ของพี่น้องเรา มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถ พึ่งพาตนเองได้ และขยายผล ต่อไปในชุมชนด้วย ถึงแม้พวกเรา จะหนักเหนื่อยบ้าง เมื่อเห็นเช่นนี้ พวกเราก็พร้อม และยินดีเต็มใจ มีกำลังใจ ที่จะทำงานต่อไป

จะขอยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม ที่ชัดเจนขึ้น จากการที่พวกเราได้ไปที่บ้านดอกคำใต้ ต.แม่ปีบ (ไม่ใช่อำเภอดอกคำใต้ นะ) อ.งาว จ.ลำปาง พอพวกเราไปถึงที่นัดหมายคือวัด ก็มีพี่น้องเราชาวสัจธรรมรออยู่ ๓-๔ คน ยกมือไหว้นมัสการ, เจริญธรรม, สำนึกดี เหมือนชาวอโศกเลย และบอกว่า "ก่อนหน้านี้มีคนมารอกันมาก แต่ได้กลับไปอาบน้ำรับประทานข้าวกันก่อน เดี๋ยวกลับมา" เมื่อต้อนรับทักทายกัน พอสมควรก็บอกให้กลับไปอาบน้ำ รับประทานข้าวกันก่อน คืนนี้ให้ฟังธรรม จากสมณะ พี่น้องเราก็กลับไป แต่เหลือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ซึ่งเคยไปอบรมด้วย ไม่ยอมกลับ ได้นั่งสนทนากับสมณะ และพระร่วมวง สนทนาด้วย

พระท่านก็พูดว่า "ประทับใจที่สมณะอบรมชาวบ้าน สามารถทำให้ชาวบ้านเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ได้ และอยากจะให้มาบ่อยๆ เพราะท่านเอง เทศน์ไม่เป็น อยากจะเทศน์เหมือนกัน แต่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง"

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านชื่อ หนานอิ่นแก้ว ได้เล่าให้ฟังว่า บ้านดอกคำใต้นี้ ได้ไปอบรมสองรุ่น รุ่นแรกไปกัน ๑๓ คน มีผู้ชายคนเดียว คือ หนานอิ่นคำ หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.เรียกรุ่นนี้ว่า "รุ่นนางสิบสอง" หลังจากที่อบรมกลับมาแล้ว ก็รวมกลุ่มกัน ๑๓ คนทำน้ำเต้าหู้ขาย ทำน้ำยาอเนกประสงค์ใช้กันในครอบครัว และแบ่งแจกคนอื่นใช้ด้วย พากันละเลิกอบายมุข ชาวบ้าน ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ก็อยากจะไปอบรมกันบ้าง พอเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.มาหาคนไปอบรมอีก จึงมีคนไปสมัคร เป็นจำนวนมาก แต่ทาง เจ้าหน้าที่ ขอคัดเอาแค่ ๔๕ คน ขอแบ่งให้หมู่บ้านอื่นบ้าง รวมแล้วรุ่นแรก ๑๓ คน รุ่นที่สอง ๔๕ คน รวมทั้งสิ้น ๕๘ คน รุ่นที่สอง ที่กลับจากการอบรม ก็มารวมกลุ่มกันทำน้ำหวานพร้อมดื่มจากผลไม้ ทำน้ำหวานเข้มข้น จากผลไม้ และทำแชมพู ขายกัน ปลูกผักพื้นบ้าน ผักสวนครัว เป็นการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายในครอบครัว พากันเลิกละอบายมุขต่างๆ และขยายผล ไปยัง ชุมชน โดยการสอนให้คนที่ไม่ได้ไปอบรม ทำน้ำยาอเนกประสงค์ใช้กันทั้งหมู่บ้าน สอนการทำปุ๋ยใช้ ในการทำกสิกรรม พ่อหนานอิ่นแก้ว เล่าต่อไปว่า "แต่ก่อนนั้นหน้าบ้านจะมีคนมานั่งล้อมวงดื่มเหล้ากัน เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาเป็นดื่มเต้าหู้แทน ทาง ผอ.โรงเรียน ก็ส่งเสริมให้เด็กนักเรียน หันมาดื่มนมเต้าหู้แทนนมวัว ส่วนเด็กหนุ่มๆ ที่ผ่านการอบรมกลับมา ก็เลิกดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ พ่อแม่ก็ดีใจ"

เราสนทนากันที่โบสถ์จนมืดค่ำ ผู้คนก็ทยอยกันมาเพื่อฟังธรรมจนเต็มศาลา มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การสนทนาของเรา จึงยุติลง สมณะ ๒ รูปไปพบญาติโยมที่ศาลาต่อ พาญาติโยมสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ ก็เห็นว่ามีเด็กมาก ผู้ใหญ่ก็เยอะ จึงต้องแยกวงกัน รูปหนึ่งพบผู้ใหญ่ที่ศาลา อีกรูปหนึ่งพบเด็กที่ใต้กุฏิ การแสดงธรรม ไปถึงเวลาสามทุ่มจึงเลิก

รุ่งเช้าขึ้นมาสมณะออกบิณฑบาต มีผู้คนใส่บาตรกันมาก ต้องถ่ายบาตรกันหลายรอบ ได้เห็นสภาพของหมู่บ้าน เป็นบ้านไม้ หลังใหญ่ เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง เสาไม้สักต้นใหญ่ๆ ทุกหลังคาสะอาดจัด ๕ ส.ได้ดี เจ้าของร้านค้าในหมู่บ้าน ที่ผ่านการอบรมด้วย ได้ชี้ให้ดูสินค้า จำพวก ผงซักฟอก น้ำยาล้างจานที่ซื้อมาขาย ขายไม่ออกวางไว้เกือบปีแล้ว และบอกว่า ร้านขายเหล้า ขายบุหรี่ ยอดขายลดลงครึ่งหนึ่ง ก็ให้กำลังใจเขาไปว่า พวกนี้ไม่ได้ขาย ก็ไม่ต้องเสียใจ ยังมีของอื่นๆ อีกตั้งมากมาย ที่ชาวบ้านต้องซื้อ ต้องใช้กันอยู่

กลับจากบิณฑบาตสมณะก็เริ่มฉัน ญาติธรรมที่ไปด้วยก็เริ่มทานอาหารกัน ชาวบ้านก็เริ่มทยอยกันมา ทำภัตกิจเสร็จ พี่เลี้ยง หรือญาติธรรมของเรา ก็สอนให้ทำน้ำยาปรับผ้านุ่ม ทางโรงเรียนก็ได้พานักเรียนมาร่วมด้วย ถือได้ว่า วัด บ้าน โรงเรียน ให้ความร่วมมือกัน เป็นอย่างดี หมู่บ้านดอกคำใต้ ต.ดอกคำใต้ ก็น่าจะก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดี คงจะมีเศรษฐกิจ พอเพียง หรือเศรษฐกิจพึ่งตน ชุมชนเข้มแข็ง ประชาก็จะมีธรรม ก่อเกิดความเป็นไทในไม่ช้านี้ เป็นการช่วย กู้ดินฟ้า ประชามีสุขโดยแท้.

- อดีตสมภาร รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


อาหารต้านมะเร็ง
โดย น.พ.ดร.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนบำบัด
- "นำบุญ" ถอดเทปและเรียบเรียง -

ฉบับนี้มีสาระน่ารู้เรื่อง "อาหารต้านมะเร็ง" ซึ่งสรุปจากการบรรยาย ของ น.พ.ดร.เปี่ยมโชค ชลิดาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน โภชนบำบัด เพื่อประโยชน์ในการดูแลสุขภาพมาฝากทุกท่านดังนี้

ตั้งแต่จบแพทย์มาคุณหมอเปี่ยมโชคทำงานอยู่ ร.พ.ภูมิพลโดยตลอด มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายมะเร็งศีรษะและคอ หน้าที่หลัก คือ ผ่าตัดคนไข้มะเร็งตั้งแต่ไหปลาร้าขึ้นไป การผ่าตัดหลัก ที่ทำใน ๑๘-๒๐ ปีที่ผ่านมา คือ ตัด ขากรรไกร กล่องเสียง กล้ามเนื้อ คอ ต่อมน้ำเหลืองที่เป็นมะเร็งที่คอ ควักนัยน์ตา ตัดแก้ม ทำมา ๑๘ ปี ก็ได้เลื่อนเป็นหัวหน้าฝ่าย

"ผมรู้สึกว่าผิด เพราะว่าคนไข้มากขึ้น ถ้าเราทำถูก ทำไมคนไข้มะเร็งเราตายไปเรื่อยๆ เราผ่ามา ๑๘ ปี มีคนไข้รอดมานั่งคุยกับเรา ได้ไม่ถึง ๑๐ คน ส่วนมากจะเสียชีวิตหลังผ่าตัดประมาณ ๕ ปีทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะรักษาดีอย่างไรก็ตาม แล้วคนที่เราคิดว่า น่าจะตายที่สุด เป็นมะเร็งแล้วตัดไม่หมด ปรากฏว่าเป็นคนไข้ที่อยู่นาน มะเร็งก็หายไปด้วย สิ่งที่เราทำไปปัจจุบัน ในวงการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด ไม่น่าจะถูก แต่น่าจะผิด เราประเมินไว้ว่าคนไข้จะตายภายใน ๖ เดือน แต่อยู่รอดประมาณ ๑๔ ปี

ผมก็เลยลองไปศึกษาเรื่องอาหาร ผมเริ่มรู้สึกว่าคนไข้มะเร็งส่วนใหญ่ เป็นคนที่ชอบกินเหล้า สูบบุหรี่ ชอบกินมันๆ ชอบกิน หวานๆ หลังจากผมไปเรียนเรื่องโภชนบำบัด จึงรู้ว่าโรค ทุกโรค และโรคมะเร็งเกิดจากอาหารที่คนๆนั้นชอบกิน"

เมื่อ ๒๐๐ ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์อังกฤษ บอกไว้ว่า ทุกคนขุดหลุมศพตัวเองด้วยฟันและปากทุกวัน ภูมิปัญญาไทย ที่ฝรั่งนึกไม่ถึง คือ น้ำปลา พริก ใส่มะนาว หอมซอย น้ำปลาถือว่าเป็นอาหารที่เลวที่สุด กินเยอะๆจะเป็นมะเร็ง กระเพาะอาหาร หลังจากเรา ใส่พริกขี้หนู หอมซอยแล้วบีบมะนาวลงไป กินอย่างไรก็ไม่เกิดอันตราย

(อ่านต่อฉบับหน้า)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สัมมาสิกขาหินผาฯ
ร่วมอบรมค่ายเยาวชน คนสร้างชาติ
เด็กๆประทับใจพี่เลี้ยงตัวน้อย

เมื่อวันที่ ๘-๑๒ กันยายน ๔๖ ได้มีเยาวชนจาก ร.ร.แวงน้อยศึกษา และคณะอาจารย์รวม ๒๓๕ ชีวิต มาเข้าค่ายเยาวชน คนสร้างชาติ ที่ชุมชนหินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิ เนื่องจากทางชุมชนมีบุคลากรอยู่ในจำนวนที่จำกัด (ในขณะนั้น ก็ยังอยู่ในช่วง จัดอบรม สุขภาพบุญนิยม ๗ อ.อยู่ด้วย) และเพื่อเป็นการฝึกฝนเด็กนักเรียนสัมมาสิกขา ให้เป็นที่พึ่งให้แก่สังคมและตนเอง ให้ได้ จึงได้แบ่งให้นักเรียนทุกระดับชั้นได้ ลงมือปฏิบัติจริงในการอบรมครั้งนี้ ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ อยู่ในระดับหนึ่ง เด็กๆสัมมาสิกขา ต่างก็ปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นงานที่หนักเกินไปสักหน่อย แต่เด็กทุกคน ก็มีใบหน้าที่ เต็มไปด้วย ความสุข และอิ่มบุญกันทั่วหน้า ซึ่งการเข้าค่ายครั้งนี้พอสรุปได้ดังนี้

บรรยากาศของการอบรมครั้งนี้สนุกสนาน เป็นที่ชื่นชอบของผู้เข้าอบรม เนื่องจากความน่ารักของคณะพี่เลี้ยงที่ ดูแลเอาใจใส่ น้องเลี้ยงอย่างดี และให้ความเป็นกันเอง ดูแลเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ก็พาคณะน้องเลี้ยง ช่วยกันปรุงอาหาร รับประทานกัน การหลับการนอนก็ดูแลอย่างใกล้ชิด คือ พี่เลี้ยงจะไปนอนกับน้องเลี้ยงในบริเวณที่พักเดียวกัน แม้แต่การดูแล พาเที่ยวชมสถานที่และลงฐานงานต่างๆ พี่เลี้ยงก็จะคอยอยู่ดูแล

ด้านกิจกรรม เริ่มแรกของการอบรมนั้นก็มีการรับน้องเลี้ยงเข้าสู่ฐานผจญภัยเพื่อสร้างความคุ้นเคยสนิทสนม และถือเป็น การเที่ยวชมสถานที่ในการอบรมอีกด้วย เช่น ฐานสะพานเชือก ฐานกระเช้าลอยฟ้า และฐานแต่งหน้า เป็นต้น ส่วนฐานงาน ที่ให้ความรู้และเป็นประโยชน์นั้นเป็นที่ยอมรับว่า ให้ประโยชน์แก่เยาวชนพอสมควร คือ ฐานทำน้ำยาอเนกประสงค์ ฐานทำ อาหาร ฐานปุ๋ยหมัก และฐานอื่นๆ รวมถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมต่างๆ เช่น วัฒนธรรมการไหว้และวัฒนธรรมการแต่งกาย เป็นต้น

สิ่งที่ประทับใจ ฟังจากการเปิดใจและการประเมินผล ปรากฏว่าผู้เข้าอบรมประทับใจพี่เลี้ยงมากที่สุด ประทับใจฐานกระเช้า ลอยฟ้า ประทับใจอาหารอร่อย ได้ฟังธรรม ประทับใจพี่เลี้ยง ตัวเล็กๆ ซึ่งแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ(ที่ยัง ปัสสาวะรดที่นอน) ก็ยังถูกเรียก มาเป็นพี่เลี้ยงด้วย ช่างมีความกล้าหาญอะไรอย่างนี้ (กล้าหาญในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม) และหลังจาก การเข้าค่ายครั้งนี้ มีนักเรียนอยากมาเรียนที่หินผาฟ้าน้ำหลายคน

ส่วนสิ่งที่ผู้เข้าอบรมรู้สึกไม่ค่อยประทับใจ ได้แก่ อาคารสถานที่ที่มีน้อยเกินไป ห้องน้ำ ไม่เพียงพอ และเนื่อง มาจากในช่วง ของการอบรมครั้งนี้ตรงกับช่วงหน้าฝน จึงทำให้พื้นแฉะและมีโคลนตม

กล่าวโดยสรุป คือ การอบรมในครั้งนี้ นักเรียนสัมมาสิกขาหินผาฟ้าน้ำได้ทำงาน ฝึกฝนตนเองเต็มที่ ประสบความสำเร็จ และผ่านพ้นไปด้วยดี ผู้อบรมทุกคนต่างได้รับความสุขและความรู้ต่างๆกลับไป ซึ่งการเข้าค่ายอบรมครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดีนั้น เป็นผลมาจากความสามัคคีของเด็กๆสัมมาสิกขา และผู้ใหญ่ในชุมชนทุกๆคนที่เสียสละตน ให้อย่างทุ่มเททั้งแรงกาย และ แรงใจ เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติให้เป็นคนดีและเป็นที่พึ่งที่ดี ให้แก่สังคมได้ในยุคปัจจุบันนี้อย่างเข้มแข็งในโอกาสต่อๆไป

อนุโมทนาสาธุ... "การทำงานคือการปฏิบัติธรรม" ของใครก็ของใครนะจ๊ะ.

- ประกายหิน รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

หน้าปัดชาวหินฟ้า

เจริญธรรม สำนึกดี... พบกับ นสพ. ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๑๕(๒๓๗) ปักษ์หลัง ๑๖-๓๐ ก.ย.๔๖

ก่อนอื่นขอแก้ไขข้อความที่ผิดพลาดในฉบับที่แล้วในข่าว "คนสร้างชาติ" หน้า ๗ แก้ไขจาก "Good the life man on the life job" ที่ถูกต้องคือ "put the right man on the right job" -ทางฝ่ายพิสูจน์อักษรต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

สำหรับข่าวคราวความเคลื่อนไหวในแวดวงชาวเรา มีดังนี้

ขออภัยมือใหม่...หลังจากที่ชาวอโศกรับงานอบรมลูกหนี้ ธ.ก.ส.ในหลักสูตรสัจธรรมชีวิต พุทธสถานและชุมชนต่างๆ ของชาวอโศกต่างก็รวมตัวช่วยเหลือกันอย่างคึกคัก หลายชุมชนก็แจ้งเกิดในงานนี้แหละ แม้ชุมชนเล็กชุมชนน้อย มีคนไม่กี่คน ก็ยังกล้าอาจหาญรับงานอบรมนี้ ต่างก็ประสบผลสำเร็จกันอย่างทั่วหน้า หลายชุมชนที่เคยซบเซาเงียบเหงาไม่ค่อย มีคน พอมีงานอบรมนี้เข้ามา ก็คึกคัก เกิดการรวมตัวกันของชาวอโศกที่กระจัดกระจายมาเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และได้อบรมกันไป หลายรุ่นแล้ว ที่ผ่านมามีเพียงสันติอโศกเท่านั้นที่ปลอดจากการอบรมดังกล่าว ด้วยข้อจำกัดหรือเหตุผลอะไร ก็แล้วแต่... ชุมชนสันติอโศก เลยกลายเป็นชุมชนที่เงียบสงบราบเรียบกว่าชุมชนอื่นๆ จนถูกแซวว่า อยู่สุขสบายกว่าชุมชนอื่น... แต่มาวันนี้ เพื่อไม่ให้น้อยหน้าในฐานะที่เป็นชุมชนพี่ใหญ่ของชาวอโศก เลยเริ่มลงมืออบรมไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๗-๒๑ ก.ย. ที่ผ่านมา ในโครงการ "พลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข" หลักสูตร "สร้างผู้นำรุ่นที่ ๑" ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ต่อยอดจากหลักสูตร สัจธรรมชีวิต (แหม...สันติอโศก มาทีหลังแต่นำเขาไปก่อนซะแล้ว...ฮา) สนับสนุนโครงการโดย สสส. ก็ได้รับความร่วมไม้ ร่วมมืออย่างคึกคัก จากชาวชุมชน ทุกหน่วยงาน (เกินคาดหมาย) ผู้ที่มาอบรมก็ประทับอกประทับใจไปตามๆกัน ผู้อบรม หลายคนบอกว่า มีอบรม รุ่นที่ ๒ เมื่อไหร่ช่วยบอกด้วยอยากจะมาอีก ท่านหม่อน มุทุกันโต สรุปว่า งานนี้ราบรื่น เรียบร้อยง่ายงาม ...ไม่โอ้เอ้... ผู้มาอบรม แทบจะอยู่ครบทุกคน มีแต่เพิ่มขึ้น ฮะ!จิ้งหรีดก็พลอยปลื้มใจไปด้วย ก็หวังว่าครั้งต่อไป คงจะได้รับความร่วมไม้ ร่วมมืออย่างนี้ อีกนะฮะ... จี๊ดๆๆๆ .....

ผู้ตาม...ช่วงรายการเปิดใจในงานอบรมหลักสูตร "สร้างผู้นำ" ที่สันติอโศกที่ผ่านมา คุณเล็ก(ดาบบุญ) ดีรัตนา ประกาศว่า "ผมจะเปิดรับสมัครอบรมหลักสูตร 'ผู้ตาม' ไม่รู้จะมีใครสนใจหรือเปล่า จะใช้เวลา ๓ เดือน ไม่ใช่แค่ ๔ คืน ๕ วัน เหมือนหลักสูตร สร้างผู้นำนะครับ ใครสนใจไปสมัครกับผมได้ที่ ชมร.หน้าสันติอโศก ตั้งแต่เวลา ๐๔.๐๐-๒๐.๐๐ น. ผมอยู่ที่นั่นทุกวัน" เอ!...จิ้งหรีดเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หลักสูตร "ผู้ตาม" ของคุณดาบบุญ นั้นเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่า "ผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องเป็นผู้ตามที่ดีให้ได้ก่อน" เอ้า! ใครสนใจ ติดต่อคุณดาบบุญได้นะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

เปิดตัว...ในช่วงสาธิตวิธีการทำจุลินทรีย์ ในงานอบรมหลักสูตรสร้างผู้นำที่สันติฯ คุณกรักน้ำเย็นพูดกับผู้เข้าอบรมด้วยน้ำเสียง สั่นนิดๆว่า "นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมาพูดต่อหน้าผู้มาอบรมค่ะ ตอนที่อยู่ปฐมอโศก ถ้ามีงานอย่างนี้ ดิฉันจะหลบหน้า ไม่โผล่มา ให้ใครเห็นหรอก กลัวต้องมาพูดแบบนี้แหละ เพราะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ขออธิบาย แบบที่ตัวเอง มีประสบการณ์ ได้ทำมานะคะ" โอ้โฮ...จิ้งหรีดฟังแล้วประทับใจที่การอบรมครั้งนี้คุณกรักนำประสบการณ์ที่ตัวเองทำมาจริงๆมาอธิบาย นั่นแหละเป็นสิ่งที่ ผู้เข้าอบรมฟังแล้วประทับใจและน่าเชื่อถือ ดีกว่ารู้เพราะอ่านตำรามา จิ้งหรีดก็ขอให้กำลังใจ คุณกรักน้ำเย็น ให้ทำต่อไป นะฮะ... จี๊ดๆๆๆ .....

หนังเหนียว...จิ้งหรีดเกาะอยู่กิ่งไม้ข้างทางใกล้โรงปุ๋ยเก่าของปฐมอโศก เห็น คุณพลังเย็นขี่จักรยานมาถึงทางโค้ง ในขณะที่มี ๓ วัยรุ่น (ชาย ๒ หญิง ๑) นั่งมอเตอร์ไซค์กันมาด้วยความเร็วสูง คุณพลังเย็นนั้นขี่มาแบบธรรมดาๆและพยายาม ชิดซ้าย แต่รถของ ๓ วัยรุ่นก็เลี้ยวโค้งมาชนอย่างแรง

คุณพลังเย็นได้เปิดใจภายหลังว่า ณ จังหวะนั้นมีสติระลึกถึงความตาย คิดว่าเป็นไงก็เป็นกัน รถของคุณพลังเย็นนั้นไม่ล้ม แต่ก็พังเล็กน้อย ส่วนอีกฝ่ายที่มาประสานงา พากันร้องเสียงดัง พาให้ชาวบ้านที่วิ่งออกมาดูว่า มีใครตายหรือเปล่า?... ก็ปรากฏว่า ยังไม่ตายทั้ง ๒ ฝ่าย

ก็ถือซะว่าได้สะเดาะห์เคราะห์ต่ออายุก็แล้วกันนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

ได้ขุมทรัพย์...พ่อท่านเข้าร่วมประชุมโดยให้ข้อคิดแก่ลูกๆว่า ควรพยายามฝึก ตัวเองให้ดี เพราะงานก็เยอะ คนก็แยะขึ้น เรื่องราวก็มาก การอยู่รวมกันก็ย่อมมีปัญหาบ้างเป็นธรรมดา

นอกจากนี้พ่อท่านยังให้ขุมทรัพย์แก่เด็กๆ ที่ชอบออกนอกกรอบ ชอบใช้เงินซื้อของมาทำให้เกิดปัญหา ซึ่งผิดกฎระเบียบ และ ให้ขุมทรัพย์ผู้ใหญ่ ที่ให้เงินเด็กๆ ทำผิดกฎระเบียบด้วย นี่จิ้งหรีดคิดว่า พ่อท่านคงมองการณ์ไกล ส่วนลูกๆบางคน ที่ไม่เข้าใจ ก็คงต้องใช้เวลา

ยังไงๆก็อย่าลืมคาถาที่ว่า งานการเป็นของมายา สลายอัตตาเป็นของจริงนะฮะ เอ๊ะ! มีจิ้งหรีดอีกตัวทักว่า พ่อท่านเทศน์ ที่ไหนเอ่ย?... ก็ในชุมชนของอโศกเรานี่เองนะฮะ... จี๊ดๆๆๆ .....

สีมาอโศก...จิ้งหรีดที่ศาลารายงานมาว่า โยมพ่อของท่านหินเพชร ธัมมธีโร เส้นเลือด ในสมองแตก ต้องเข้าโรงพยาบาล เพื่อรับการผ่าตัดด่วน ประมาณ ๑ เดือนจึงออก จากโรงพยาบาล แต่สภาพร่างกายก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะสามารถ กระดิกตัว ได้เพียงด้านซ้ายด้านเดียว ส่วนอีกด้านกลายเป็นอัมพาต คงต้องกายภาพบำบัดช่วยต่อไป

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สมณะลูกชาย ได้เห็นอนิจจังของชีวิต เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังดีๆทุกอย่าง แต่มาวันนี้โยมพ่อ ต้องมานอน ประหนึ่งเจ้าชายนิทรา ความไม่เที่ยงของร่างกาย ความเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีนิมิตบอกเลย ไม่มีอะไรที่จะไม่พรากจากกันจริงๆหนอ

สำหรับความเคลื่อนไหวของสีมาอโศก ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการอบรมสัจธรรมชีวิตถึง ๓ รุ่น บางเดือนรับถึง ๔ รุ่น ก็มี เรียกว่าชาวสีมาฯ ยามนี้ได้หยุดหายใจหายคอสัก ๒ วันก็ต้องอบรมใหม่อีกแล้ว จิ้งหรีดก็ขออนุโมทนา ที่พวกเราพบ สัจธรรมชีวิต และอบรมให้คนได้เห็นสัจธรรมชีวิตนั้นๆ ด้วย สาธุ...จี๊ดๆๆๆ .....

ศีรษะอโศก...จิ้งหรีดที่อาคารหกเหลี่ยมรายงานมาว่า ถั่วลิสงที่ปลูกไว้งดงามมาก แต่ไม่มีเวลาไปถอนมากิน ขนาดอาศัย คนเข้าอบรม ช่วยลงแขกไปเก็บมากิน ก็ยังเก็บกินกันไม่หมด

ด้านนาข้าวปีนี้ คิดว่าคงได้น้อย เพราะขาดคนช่วย เนื่องจากงานมีหลายด้าน โดยเฉพาะงานอบรม รวมทั้งงานด้านการ ก่อสร้างหลายจุด ที่ทำอยู่ และกำลังจะทำต่อไป

ที่กำลังก่อสร้างอยู่ก็มีโรงน้ำดื่มของชุมชน ที่เตรียมจะก่อสร้างก็มี ร้านค้าชุมชน ซึ่งที่เดิมได้ถวายพระเพลิงไปตามกาล และเวลา

อีกปัญหาหนึ่งซึ่งจิ้งหรีดคิดว่า น่าจะพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าแรงให้ช่างมาก แต่ขาดคนคุมงานคอยเอาภาระป้อนงานให้ ย่อมทำให้ได้งานน้อย แต่จ่ายค่าแรงแพงมาก หรือจ่ายค่าแรงตามปกติก็มีผลไม่คุ้มค่า

ปกติที่ศีรษะฯก็มีการอบรมมากอยู่แล้ว บางคณะก็มาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า บางวัน ๓ คณะใหญ่กำลังอบรมอยู่ ก็ต้องแบ่ง มาช่วยกันรับแขก นี่เป็นกรณีฉุกเฉิน ทำให้บุคลากรที่ศีรษะฯได้ฝึกความแข็งแกร่ง ยังไงๆผู้ใหญ่ในชุมชน ก็ต้องช่วยดูแล คนภายในด้วย

ส่วนใหญ่กองทุนหมู่บ้านในแต่ละที่ก็มากันหลายจังหวัด ช่วงนี้จึงมีรายจ่ายที่หนัก ส่วนรายได้แต่ละฐานของชุมชนก็ลดลง บุคลากร ที่จะช่วยงานรับผิดชอบ ในแต่ละฐานก็ลดลง

อย่างนี้ผู้บริหารและลูกบ้านก็ต้องช่วยกันใช้สูตรลดรายจ่าย เป็นการเพิ่มรายได้ นี่ดีว่าพวกเราฝึกมักน้อย สันโดษ กินข้าววันละ ๑ มื้อ ๒ มื้อ จึงพอยืนอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์...จี๊ดๆๆๆ .....

อุทยานบุญนิยม... เพื่อเผยแพร่บุญญาวุธ หมายเลข ๑ ของชาวเรา ช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ ชาวบ้านราชฯจึงยกกองทัพ ไปอุทยานบุญนิยม ตั้งแต่บ่ายวันที่ ๒๓ ก.ย. ไม่เว้นแม้แต่บรรดาแม่ลูกอ่อนทั้งหลายก็กระแตงตัวเล็กตัวน้อย ไปร่วมบุญด้วย ขนาดขาย วันที่ ๒๔ ก.ย.เป็นวันแรกก็ขายดีมากๆ ขนาดฝนตกๆหยุดๆทั้งวัน ลูกค้า ก็ยังเยอะ ซึ่งกว่าจะถึงวันสุดท้ายคือ วันที่ ๔ ต.ค. ทุกๆฝ่าย ทั้งคนทำและคนกิน คงได้ร่วมบุญปล่อยชีวิตสัตว์ด้วยกันมากโข

แถมปีนี้เพิ่มความเก๋ไก๋(แบบมีประโยชน์) ด้วยการสาธิตการนึ่งข้าวเหนียว กล้อง ซึ่งมีทั้งให้ชม ให้ชิมและให้ซื้อ กลับบ้านกันได้ หรือลูกค้าอยากจะซื้อไปลองหุงเองก็สามารถซื้อได้ที่แผนกของแห้งข่าวว่า วันแรกข้าวเหนียวกล้อง ๕๐ กก. ขายหมดเกลี้ยง ไม่เหลือหรอ ส่วนตอนเช้า ก็มี น.พ.สมนึก ศิริพานทอง จาก ร.พ.สรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งนอกจากจะมารับประทานอาหาร ที่อุทยานบุญนิยม เป็นประจำแล้ว ยังขึ้นพูดให้ความรู้เรื่อง "กินมังสวิรัติ/เจอย่างไร สุขภาพจะแข็งแรง" ซึ่งคุณหมอบอก ตอนหนึ่งว่า วิตามิน บี ๑๒ นั้นอยู่ในน้ำลายเรานี่เอง โดยแนะนำว่า ตื่นเช้าขึ้นมา ก็ให้กลืนน้ำลายสัก ๓ อึก หรือจะดื่มน้ำ ตามไปก็ได้ อย่าบ้วนทิ้งไป ส่วนแคลเซียมก็ได้จากผักใบเขียว เต้าหู้ก้อน งาดำและถั่วแดงหลวง แหม! รู้อย่างนี้จิ้งหรีด ไม่ห่วงว่า จะขาดวิตามินแล้วฮะ

และแม้งานในช่วงเทศกาลกินเจจะเยอะ แต่โครงการที่เด็กๆนร.สัมมาสิกขาราชธานีอโศกออกเดินขายอาหารมังสวิรัติ แบบเชิงรุก ตามโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ในทุกวันพระ ก็ยังคงมีเหมือนเดิม ทั้งนี้เพราะมีการบริหารจัดการเวลาและแรงงาน ภายในแบบองค์รวม ทำให้สามารถจัดสรรเด็กไปขายได้เหมือนเดิม ส่วนหลังเทศกาลกินเจแล้ว ชาวเราจะได้ไปร่วมฉลองน้ำ (ขึ้น หรือ น้ำลด ที่บ้านราชฯก็ค่อยว่ากัน) สาธุ...จี๊ดๆๆๆ .....

ก่อนจากขอฝากคติธรรม-คำสอนของพ่อท่านที่ว่า

"อย่าเก็บคำชมชื่น (Appriciate)ไว้
รอจนกระทั่งเพื่อนตาย"

(จากหนังสือ "โศลกธรรม สมณะโพธิรักษ์" หน้า ๙๔)

พบกันใหม่ฉบับหน้า.

- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


"ปลูกป่ารอบบ้าน สร้างอาหารรอบตัว"
ผู้เข้าอบรมตั้งใจ ลด ละ เลิกอบายมุข

ธ.ก.ส.และ สจส. ร่วมกับ คกร. สาขาสวนส่างฝัน ได้จัดอบรมหลักสูตร "ปลูกคน ปลูกป่า"เพื่อปลุกจิตสำนึกให้คนรัก และหวงแหนป่า อันเป็นมรดกล้ำค่าของแผ่นดิน

ศูนย์ฝึกอบรมคุณธรรมกสิกรรมไร้สารพิษสวนส่างฝัน จ.อำนาจเจริญ ได้จัดอบรมโครงการนี้ขึ้น ๒ รุ่น ในระหว่างวันที่ ๓-๕ และ ๑๐-๑๒ ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกลูกค้า ธ.ก.ส.และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้นเกือบ ๑๒๐ คน ซึ่งผู้เข้าอบรม เกือบทั้งหมด ได้เคยผ่านการอบรมหลักสูตรสัจธรรมชีวิตมาแล้ว การอบรมครั้งนี้เน้นการปลูกคน โดยใช้หลักธรรมะ ในการปลูก จิตสำนึกให้ลด ละ เลิกอบายมุข ปลูกจิตสำนึกให้รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลุกจิตสำนึกในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ และ พืชพันธุ์พื้นเมืองตามหลักภูมิปัญญาชาวบ้าน และปลุกจิตสำนึกในการปลูกอยู่ ปลูกกิน ปลูกป่ารอบบ้าน สร้างอาหารรอบตัว ซึ่งคุณขวัญดิน สิงห์คำ ได้ให้เกียรติเป็นผู้บรรยายด้วย

จุดสำคัญของการอบรมครั้งนี้คือ การเดินสัมผัสป่าจริงที่ป่าดงใหญ่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก คณะกรรมการราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า ชุมชนดงใหญ่ นำโดยกำนันทองคำ สายสะอาด เป็นผู้บรรยายประวัติ และ การรักษาป่า และชาวบ้านจะอยู่กับป่าได้อย่างไร โดยเมื่อ ๓๐ ปีก่อนบริเวณนี้เคยเป็นที่ปลูกปอและ มันสำปะหลัง มีการถางป่า ทำไร่จนป่าหายไป นับหมื่นไร่ ทำให้มองเห็นความหายนะของป่าว่า จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน จึงได้รวบรวมคณะกรรมการหมู่บ้าน ร่วมกันฟื้นป่า ให้กลับคืนมา โดยร่วมกับหน่วยราชการทหาร จ.อุบลราชธานี ในขณะนั้น ได้นำกฎกติกาเข้ามาใช้ ในการดูแลป่า การอยู่ร่วมกันกับป่า ซึ่งชาวบ้านร่วมใจคืนไร่มัน -ไร่ปอเพื่อบริจาค เป็นสมบัติป่า กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ จนได้รับ ความอุปถัมภ์ จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทั้ง ๒๕,๐๐๐ ไร่ใน ๑๓ ตำบล ของอำเภอหัวตะพาน

๒๕ ปีผ่านไป ป่าเริ่มฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ เป็นตลาดข้างบ้าน มีเห็ด หน่อไม้ ผักป่า ฯลฯ ระหว่างเดินชมป่า ผู้เข้าอบรม ได้ร่วมกันเก็บเห็ด ผักป่า ผลไม้ป่า เก็บสมุนไพรโดยขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รักษาป่า สำหรับเห็ดและผักป่าที่เก็บนั้น ได้นำมารวมกัน เพื่อประกอบอาหารมื้อเย็นในวันนั้น

กลับจากป่าแล้วได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้จากการเดินป่า ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายสนุกสนาน แบบได้สาระ หลายคน อยากได้ป่ากลับมา อยากจะฟื้นป่าให้กลับมามีชีวิตดังคำขวัญที่ว่า "ปลูกป่ารอบบ้าน สร้างอาหารรอบตัว"

ประชาชนเป็นทรัพยากรที่เข้มแข็ง ทาง ธ.ก.ส.จะไม่พูดถึงหนี้สิน แต่จะพูดเรื่องอยู่เรื่องกิน เรื่องสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกัน ทำประโยชน์ให้ชุมชน ทุกคนจะยืนเอาหลังชนกันร่วมสู้ด้วยกัน เป็นที่น่ายินดีที่มีผู้เข้าอบรมหลายคนบอกว่า กลับจากอบรม จะอุดรูรั่วของตัวเอง ขยันทำงานมากขึ้น และจะช่วย เผยแพร่ความรู้ต่อ เพื่อนบ้านด้วย

ปิดการอบรม ผู้เข้าอบรมเขียนบัตร ตั้งใจจะทำความดี คือ จะขยันทำงานมากขึ้น ตั้งใจจะปลูกผักกินเอง เลิกใช้สารเคมี โดยเฉพาะ จะเลิกละอบายมุข ถึง ๑๕ ราย และตั้งใจจะทานมังสวิรัติ ๒ ราย และก่อนกลับผู้เข้าอบรมทุกคน รับพันธุ์ไม้-ไม้ผล ๙ ชนิดๆละ ๑ ต้นกลับไปปลูกที่บ้านด้วย.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เปิดเทศกาลเจ'๔๖ คึกคัก หลายแห่งลูกค้ามาจนแน่น
ชมร.หน้าสันติฯ ให้ลูกค้าตักเอง

อาหารปลอดภัย-ใจสะอาด
ด้วยพืช-ผัก-ผลไม้ไร้สารพิษ

วันล้างท้อง(๒๕ ก.ย.) ก่อนเทศกาลกินเจปีนี้ตรงกับวันพระ ผู้มากินอาหารเจและมังสวิรัติจึงทวีจำนวนมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ทำให้การเริ่มต้น ของเทศกาลกินเจปีนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ บรรยากาศของร้านมังสวิรัติแต่ละแห่ง ในช่วงต้นของเทศกาลกินเจ เป็นอย่างไรบ้าง? ขอเชิญติดตามได้เลย

ชมร.สาขาหน้าสันติอโศก ชาวชุมชนสันติอโศกและนักเรียนสัมมาสิกขาฯ ร่วมจับมือกับชมร.สตอ.เตรียมงานเทศกาลกินเจ'๔๖ อย่างคึกคัก มีการจัดสรรแบ่งงาน กันอย่างชัดเจน และมีคนไทย ๒ คนจากชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา บินตรงมาขอฝึก ทำอาหาร มังสวิรัติด้วย บรรยากาศวันที่ ๒๕-๒๖ ก.ย. เต็มไปด้วยความรื่นเริงเบิกบาน ทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ ด้วยอาหาร หลากหลายชนิด สำหรับปีนี้ทาง ชมร.สตอ.ได้เปิดบริการแบบใหม่ ให้ลูกค้าตักอาหารเอง บริการตนเอง ซึ่งเป็นที่ยินดี ของลูกค้า เป็นส่วนใหญ่ ต่างทยอยเข้ามา รับบริการอย่างไม่ขาดสาย เป็นปรากฏการณ์ใหม่ ที่ทำให้ยอดขายและลูกค้า เพิ่มมากขึ้นถึง ๒ เท่าตัว ทางร้านจึงถือโอกาสเริ่มเชิญชวน ให้ลูกค้าล้างแก้ว ล้างจานด้วยตัวเองอีกด้วย เป็นการอิ่มอร่อย แบบครบวงจร (ยังขาด ให้มาช่วยล้างผัก ทำครัว)

นอกจากนี้ยังมีรายการ "อร่อยยกนิ้ว" ของไอทีวี จะมาขอสัมภาษณ์อาสาสมัคร ที่มาช่วยงาน ชมร.สตอ.ในวันจันทร์ที่ ๒๙ ก.ย.นี้

ชมร.สาขาจตุจักร ช่วงเวลาใกล้เที่ยงของวันที่ ๒๕-๒๖ ก.ย. บรรยากาศภายในร้านเนืองแน่นเต็มไปด้วยลูกค้า ตั้งแต่ ปากทางเข้า ต่างก็ยืนเข้าคิวกันเป็นแถวยาว เพื่อรอซื้อคูปองอาหาร ส่วนหน้าร้านอาหาร แต่ละเจ้า ก็เนืองแน่นด้วยลูกค้ายืนสั่ง-รอรับอาหาร ร้านขายหนังสือและเสื้อผ้า ก็มีลูกค้ายืนอ่านหนังสือ เลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ในร้าน ร้านขายของแห้งก็ขายดี ลูกค้าจะซื้อไปตุน ครั้งละมากๆ หลากหลายชนิด รวมทั้งอาหารแช่แข็งก็ขายดีเช่นกัน ส่วนร้านขายผักสด ผลไม้ ขายได้น้อยลงบ้าง

บ้านสวนไผ่สุขภาพ ใกล้ซอยพหลโยธิน ๕ กรุงเทพฯ ใกล้เวลาเที่ยงวัน รถยนต์หลากหลายสีสันแล่นเข้ามาภายในบริเวณ บ้านสวนไผ่ แทบไม่ขาดสาย ทำให้ลานจอดรถเต็มภายในระยะเวลาอันสั้น ลูกค้ามาออแน่นภายในบริเวณ ซุ้มขายอาหาร โต๊ะเก้าอี้ภายในบ้าน และบริเวณซุ้มขายอาหาร ไม่เพียงพอสำหรับบริการลูกค้า จึงต้องช่วยกันตั้งโต๊ะเก้าอี้ เพิ่มอีกหลายชุด โดยขยายบริเวณ ออกมาทางฝั่งทางร้านกู้ดินฟ้า ๓ (ขายผักสดผลไม้ไร้สารพิษ) ยังผลให้ร้านกู้ดินฟ้า ๓ ขายผักผลไม้ดีไปด้วย แต่ลูกค้า ที่มาซื้อผักไปนั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นแม่ครัวภายในร้านอาหารบ้านสวนไผ่นั่นเอง เพราะอาหารขายดี กับข้าวหมด ไม่พอบริการลูกค้า

ณ ปัจจุบันนี้ร้านอาหารมังสวิรัติของชาวอโศก ปรุงอาหารจากผักผลไม้ไร้สารพิษ ไม่ใส่ผงชูรส และลดการบริโภคน้ำตาล (เริ่มให้ลูกค้า บริการด้วยตนเอง)

ติดตามสรุปงานเทศกาลกินเจทั่วประเทศได้ ในฉบับหน้า.

- ฅนเดินทาง -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


อดีตนร.พุทธธรรมฯ ทำบุญเลี้ยงพระ
เปิดอุทยานบุญนิยม
แจกอาหารฟรี ครั้งแรก

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๖ อดีต น.ร.พุทธธรรมวันอาทิตย์ สันติอโศก เหมาอาหารร้านอุทยานบุญนิยม จ.อุบลราชธานี แจกอาหารฟรี เนื่องในโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อ ได้นิมนต์ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ไปแสดงธรรมและฉันภัตตาหารด้วย และ นิมนต์ พระภิกษุ - คุณแม่ทัศศะจากวัดป่า สวนธรรมร่วมใจ มาร่วมฉันภัตตาหารด้วย

น.ส.ชิดตะวัน ชนะกุล อดีต นร. พุทธธรรมวันอาทิตย์สันติอโศก ได้นิมนต์พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ไปแสดงธรรม และฉัน ภัตตาหาร ที่อุทยานบุญนิยม เนื่องในวาระจะเดินทางไปศึกษาระดับปริญญาโท ที่ประเทศเยอรมันเป็นเวลา ๒ ปี โดยเหมา อาหารในร้านแจกฟรีแก่ทุกท่าน ที่มารับประทาน นับเป็นครั้งแรก ของอุทยานฯ ที่มีผู้มาเหมาอาหารแจกฟรี และเป็นครั้งแรก ที่พ่อท่านได้ไปแสดงธรรม ในวันอาทิตย์ ซึ่งปกติจะมีสมณะหมุนเวียน ไปแสดงธรรมเป็นประจำอยู่แล้ว มีลูกค้าที่มา รับประทานอาหารในวันนี้ เห็นด้วยกับการทำบุญแจกอาหาร จึงเหมาร้านแจก อาหารฟรีในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ ก.ย.ด้วย และ เป็นวันสุดท้าย ของการอบรมลูกค้า ธ.ก.ส.จากมหาสารคาม จึงได้นำ ผู้อบรมมาเปลี่ยนบรรยากาศ รับประทาน อาหารที่นี่ด้วย เนื่องจากวันนี้ ระดับน้ำในบ้านราชฯ ได้ท่วมถนนเข้าออก ไม่สามารถ เดินทางโดยรถได้ จึงเป็นวันแรก ที่ใช้เรือ ในการเดินทาง เข้าออกชุมชน

นางวิลาวรรณ ชนะกุล ได้กล่าวว่า "ชีวิตได้ดิบได้ดีเพราะชาวอโศก คิดว่าถ้าเลี้ยงพระที่บ้านก็มีแต่ญาติๆเท่านั้น แต่ตรงนี้ มีญาติธรรม และลูกค้า ที่มารับประทานอาหาร เราได้ทำสิ่งแปลกใหม่ เกิดขึ้นในสังคม เลี้ยงทุกคนที่มาในงาน และได้ฟังเทศน์ ด้วย ทางครอบครัวปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดป่าสวนธรรมร่วมใจ (วัดป่าติ้ว) จึงนิมนต์ท่านมาด้วย รู้สึกซาบซึ้งประทับใจ ในความเมตตา ของพ่อท่านและญาติธรรมทุกท่าน

พาลูกสาวเข้าวัดตั้งแต่อายุ ๒ ขวบครึ่ง คิดว่าจะไม่ได้อะไรเท่าไหร่ แต่ผ่านไป ๒๐ ปี ลูกได้ซึมซับสิ่งดีๆที่เราพาทำ เช่น ฟังเทศน์ ทำบุญใส่บาตร เป็นประจำ คิดว่าการเลี้ยงตรงนี้น่าจะมีส่วนสำคัญมากๆ"

น.ส.ชิดตะวัน ได้กล่าวว่า "คุณแม่พามาวัดตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ เรียนพุทธธรรมตั้งแต่อายุ ๔-๕ ขวบจนถึง ๑๔ ปี

การเรียนพุทธธรรมมีผลมาก เพราะได้ฝึกถือศีล ทำให้เป็นคนที่ค่อนข้างไว้ตัว ทำให้ไม่มีใครกล้ามาจีบ ทำให้ไม่มีแฟน ก็ไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้เรียนดี หลักใหญ่ที่เห็น และจะมีสมาธิมาก สามารถนำหลักธรรม ไปใช้เมื่อต้องจากบ้านไปเรียนห่างไกล ดูแลตัวเองได้ ตอนแรกคิดไม่ออกเมื่อเจอปัญหา แต่เมื่อนำธรรมะมาใช้ทำให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้

สิ่งที่ทำใจได้ก็คือ ตอนแรกคิดว่าจะได้ทุน ก.พ. เมื่อไม่ได้ ก็เสียใจมาก มาคิดอีกทีทำให้ได้รู้ว่าสัจธรรมชีวิตคืออะไร คนเราใช่ว่า จะต้องประสบความสำเร็จของ ชีวิตไปทุกอย่าง เมื่อมีโอกาสไปสอนภาษาอังกฤษ นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ไปช่วยล้างจานที่ ช.ม.ร.หน้าสันติอโศก ทำให้จิตใจดีขึ้น คือจะเป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย ก็ดีขึ้นเยอะ ตัวเองก็รู้สึกว่าเบาลง ซึ่งมีความสุขมากกว่า ตอนจบมาทำงาน ได้เงินเดือน ๒ หมื่นตั้งเยอะ

มาถึงวันนี้ไม่อยากไปเรียนเท่าไหร่ แต่ถ้าจะเข้าวัดตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม ยังโตไม่เพียงพอ และน่าจะใช้เวลา มากกว่านี้ ปฏิบัติธรรม อยู่ข้างนอก จะได้รู้ว่าเราได้จริงๆนะ ไม่ใช่เข้ามาแล้วอยู่ไม่ได้ อยากใช้เวลาตรงนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วยว่าเราทำได้

อยากช่วยงานพ่อท่าน หากมีโอกาส อยากทำวิทยานิพนธ์ "เศรษฐศาสตร์บุญนิยม"ของพ่อท่าน สังคมโลกตอนนี้ ถ้าสามารถ นำธรรมะ ของพ่อท่านไปใช้แค่เพียงนิดหนึ่งก็คงสันติสุขขึ้นเยอะ ซึ่งยังไม่มีคนทำ รู้สึกภูมิใจ ที่จะได้ทำ สำหรับ ความรวย ไม่ได้อยากเลย แต่คิดว่า เกิดมาน่าจะทำตรงนั้นถ้าเผื่อมีโอกาส

ฟังธรรมวันนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในเรื่องกรรม การทำความดีเป็นสิ่งที่จะติดตัวเราไป เป็นเครื่องรับประกันให้กับตัวเรา กลับมา จะมาช่วยงาน พ่อท่านแน่นอนค่ะ

อยากจะบอกน้องๆว่า เด็กสัมมาฯ หนูน่ะมีบุญมาก คืออย่างน้อยศีลเด่น เป็นงานได้อยู่แล้ว คือทำได้เยี่ยมกว่าคนอื่น เพราะข้างนอก แม้เขาจะเรียนเก่งขนาดไหน แต่บางคนยังล้างจานไม่เป็น และชีวิตของเราก็ใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป บางครั้ง อาจต้องไปตกระกำลำบาก

แต่เรามีทั้งศีล ตัวเราไม่ตกต่ำ และยังเป็นงานอีกต่างหาก ทำงานเป็น และชาญวิชา ก็อยากให้เด็กได้ครบทั้ง ๓ อย่าง ก็จะเป็นเด็ก ที่เยี่ยมที่สุด"

สำหรับน.ส.ชิดตะวันเป็นลูกคนเดียว ของคุณพ่อพิชิต และคุณแม่วิลาวรรณ ชนะกุล คุณพ่อรับราชการ เป็นหัวหน้า ฝ่ายทะเบียน เขตดินแดง ส่วนคุณแม่เป็นครูอยู่ที่ ร.ร.บดินทร์เดชา ขณะที่เรียนชั้น ม.๔ ที่ ร.ร.บดินทร์เดชา สอบชิงทุน (YES) เป็น นร.แลกเปลี่ยน ๑ ปี ที่มลรัฐนิวส์แฮมเชีย อเมริกา กลับมาสอบเทียบ และสอบเข้าคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ จบแล้วไปศึกษาภาษาเพิ่มเติม และทำงานที่อเมริกา

ครั้งนี้สอบได้ทุนของรัฐบาลเยอรมัน ที่คัดเด็กที่ภาษาอังกฤษดีเยี่ยม TOEFL ๖๐๐ ขึ้นไป และได้รับเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัย ที่เขายอมรับ

สำหรับลูกค้าที่มารับประทานอาหารในวันนี้ เห็นด้วยกับการทำบุญแบบนี้ จึงเหมาร้านแจกอาหารฟรี เนื่องในโอกาส จะย้าย ไปทำงานต่างจังหวัด ในวันอาทิตย์ ที่ ๒๑ ก.ย.๔๖ ซึ่งตรงกับวันที่สมัชชาองค์การสหประชาชาติ ประกาศให้เป็นวัน สันติภาพสากล

ตามกำหนดเดิม สมณะเดินดิน ติกขวีโร จะเป็นผู้มาแสดงธรรมในวันนี้ แต่เนื่องจากอาพาธกระทันหัน พ่อท่านจึงได้แสดงธรรม แทน ซึ่งพ่อท่านก็ยังไม่หายอาพาธ แต่ด้วยความเมตตา พ่อท่านได้แสดงธรรม ซึ่งในตอนท้าย พ่อท่านได้กล่าวว่า "ขอให้ทุกคน ที่เป็นชาวพุทธแล้ว จงหันกลับมาหาธรรมะของพระพุทธเจ้าให้แก่ชีวิตของตนๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านไป ในโลกเลย ขอให้ทุกคนปฏิบัติธรรม ของพระพุทธเจ้าได้มรรคได้ผลของธรรมะนั้นทั่วถ้วนทุกคนเทอญ"

จึงเป็นความโชคดีของเจ้าภาพและชาวอุบลฯอีกครั้ง ที่ได้ฟังธรรมจากพ่อท่าน และแม้จะออกพรรษาไปแล้วก็จะมี สมณะ หมุนเวียนมาแสดงธรรม ทุกวันอาทิตย์เป็นประจำ

ในเวลา ๑๒.๐๐ น. พ่อท่านได้ร่วมหยุดสันติภาพ ๑ นาทีที่อุทยานบุญนิยม พร้อมกับทุกๆคนที่มารับประทานอาหาร ในวันนั้นด้วย และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ที่อุทยานบุญนิยมจะหยุดสันติภาพ ๑ นาที เป็นประจำ หลังจากนั้น พ่อท่านได้เมตตา เป็นประธาน การประชุมกลุ่มฯอุบลฯที่ เฮือนไทด้วย

สำหรับผู้มาร่วมงานให้สัมภาษณ์ดังนี้

นายไพศาล รุ่งวชิรา ผจก.สาขา บจ.สยามแม็คโคร จ.อุบลฯ "รู้จักชาวอโศกตั้งแต่ปี ๒๕๒๐ อยากร่วมทำบุญกับ ชาวอโศก มานานแล้ว ที่ผ่านมาได้แต่แอบอาศัยร่มเงาของชาวอโศก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เห็นน้องชิดตะวัน ทำบุญเหมาร้านแจกอาหาร และพ่อท่าน ก็กล่าวว่า ชาวอโศกเราทำบุญเช่นนี้ จึงขอร่วมบุญกับชาวอโศกที่อุบลฯนี้บ้าง เพราะผมกำลังจะย้าย ไปจังหวัดอื่น ก็ไม่คิดว่า สัปดาห์นี้พ่อท่านจะมาได้ เพราะเมตตาของท่าน แม้ว่าจะยังไม่หายป่วย หลังออกพรรษา ทุกวันอาทิตย์ พ่อท่านบอกว่า จะจัดสมณะมาเทศน์ต่อไป อุทยานฯ มีครบแล้วทั้งอาหารกาย อาหารสมอง และอาหารทางจิตวิญญาณ"

นายวิทย์ ทองใจ รับราชการ "ไม่เคยเจอโรงบุญฯลักษณะนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้ ขออนุโมทนาบุญกับผู้จัด"

นางพรพิมล สุนทรวิเศษ พนักงานรัฐวิสาหกิจ "บรรยากาศในการทำบุญครั้งนี้รู้สึกประทับใจ เห็นด้วยในการทำบุญ ถูกวิธี ไม่ทำร้ายสัตว์ และตนเองด้วย"

นายอดุลย์ อุ่นรักษ์ "โชคดีที่ได้มาทานอาหารที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์แก่ร่างกายที่อุทยานฯ อยากให้พี่น้องทุกคน หันมา รับประทาน อาหารที่นี่ เพื่อสุขภาพจะได้สมบูรณ์แข็งแรง"

นายสถาพร แสงงาม "ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่จัดโครงการอาหารเจ โดยเฉพาะท่านโพธิรักษ์และลูกศิษย์ ขอให้อายุมั่นขวัญยืน เพื่อจะได้ทำให้โลกมนุษย์ และสัตวโลกทั้งหลาย มีความสุข".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ข่าวสั้นทันอโศก

* ๑๔-๑๖ ก.ย. - คณะประสานงานกลางของเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย เดินทางไปเยี่ยม ศูนย์ฝึกอบรม ปฐมอโศก จ.นครปฐม ศูนย์ฯเพื่อนช่วยเพื่อน จ.สิงห์บุรี ศูนย์ฯศาลีอโศก จ.นครสวรรค์ ศูนย์ฯเชียงรายอโศก จ.เชียงราย และศูนย์ฯฮอมบุญ จ.แพร่ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องแผนการปฏิบัติงาน การดำเนินงานโครงการพลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข โดยงบฯของ สสส.

* ๑๕ ก.ย. - ประชุมตัวแทนศูนย์ฝึกอบรม ๒๒ ศูนย์ของเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย เพื่อรับทราบเรื่อง ๑.๑ งานอบรม ธ.ก.ส. แผนการอบรม, หนังสือแจก, การเงิน ๑.๒ รายละเอียดโดยย่อโครงการพลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข ๒. โครงสร้างการบริหารโครงการ สสส. ๓. การบริหารด้านการเงิน / บัญชี ที่ชุมชนสันติอโศก

* ๑๗-๒๑ ก.ย. - ชุมชนสันติอโศก เปิดอบรมโครงการกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข หลักสูตร "สร้างผู้นำ" รุ่น ที่ ๑ มีผู้เข้ารับการอบรม ๑๑๓ คน สังเกตการณ์ ๑๑ คน นับเป็นงานอบรม ครั้งแรก บรรยากาศในงานเต็มไปด้วย ความสนุกสนานทั้งผู้เข้าอบรม พี่เลี้ยงและนักเรียนสัมมาสิกขาฯ วันสุดท้ายรายการอำลา หลายคนน้ำตาคลอ บางคนก็ไหลออกมาอย่างสุดจะกลั้น บ้างก็ยิ้มทั้งน้ำตา

* ๑๙ ก.ย. - ตัวแทนเครือข่ายชุมชนชาวอโศกและเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมสัมมนา และ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "การมีส่วนร่วมของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ" ครั้งที่ ๔ มีผู้เข้าร่วมประมาณ ๔๐๐ คน การมีส่วนร่วมมาจากหัวใจ ความจำเป็น ความขาดแคลน, พลังของกลุ่มจะมากขึ้นเมื่อสร้างเครือข่ายได้ องค์กรภาค ประชาชน เข้มแข็งได้ด้วยการยืนหยัดพึ่งตนเองได้, จากการประชุมครั้งนี้จะสรุปเป็นยกร่างต้นร่าง แล้วออกไปทำ ประชาพิจารณ์ ทุกภาค ภาคละ ๔ ครั้ง โดยมีกำหนดให้เสร็จก่อนสิ้นปี ๒๕๔๗ ณ ห้องเพชรรัตน์ ชั้น ๓ โรงแรมเฟิร์ส กรุงเทพฯ

* ๒๑ ก.ย. - ตัวแทนชุมชนสันติอโศกไปร่วมงาน "วันสันติภาพโลก" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้นที่ ๑๒ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ร.พ.ราชวิถี และร่วมยืนสงบนิ่ง ๑ นาทีตอนเที่ยงวัน ณ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ

* ๒๒-๒๓ ก.ย. - คณะประสานงานกลางของเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย เดินทางไปเยี่ยม ศูนย์ฝึกอบรม ธรรมชาติอโศก จ.ชุมพร และศูนย์ฯทักษิณอโศก จ.ตรัง เพื่อทำความเข้าใจ เรื่องแผนการปฏิบัติงาน การดำเนินงาน โครงการ พลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข โดยงบฯของ สสส.

* ๒๔ ก.ย. - ชาวบ้านราชฯรวมพล จอมยุทธไปพักรวมกันที่อุทยานบุญนิยม จ.อุบลราชธานี เพื่อเตรียม รับเทศกาลกินเจ ๒๖ ก.ย. ถึง ๔ ต.ค. นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ จากน้ำท่วม ในชุมชนฯ มาเป็นร้านอาหารในเมือง แว่วมาว่า ยอดขายพุ่งแรง มาเป็นอันดับ ๑

* ๒๔ ก.ย. - ชมร.เชียงใหม่ มีมติให้เริ่มขายอาหารมังสวิรัติแบบให้ลูกค้า ตักเอง (บุฟเฟ่ต์) โดยกำหนดราคา ข้าว-กับข้าว หนึ่งอย่าง ๘ บาท , ข้าว-กับข้าวสองอย่าง ๑๐ บาท, ข้าว- กับข้าวสามอย่าง ๑๒ บาท

* ๒๕ ก.ย. - ชมร.หน้าสันติอโศก สรุปผลจากการขายอาหารแบบตักเอง ปรากฏว่า ยอดขายและลูกค้า มาใช้บริการ เพิ่มมากขึ้น เกือบ ๒ เท่า ทำให้แม่ครัวพ่อครัวทำอาหารมากขึ้นตามไปด้วย

* - โครงการ "งดเหล้า" เป็นโครงการขยายผลต่อจากโครงการ "งดเหล้า เข้าพรรษา" โดยจะรณรงค์ตลอดทั้งปี งวดแรก สั่งพิมพ์ หนังสือโครงการ "งดเหล้า" จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ เล่ม โดยงบฯของ สสส.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชื่อ นางสำราญ พยอมใหม่
ชื่อใหม่ แสนเย็น
เกิด ๑๐ เม.ย. ๒๔๗๖ อายุ ๗๐ ปี
ภูมิลำเนา นครราชสีมา
การศึกษา ป.๔
สถานภาพ แต่งงาน บุตร ๖ คน
ส่วนสูง ๑๖๐ ซ.ม.
น้ำหนัก ๕๘ กก.

ขนมเทียนของสีมาอโศกใครไม่ได้กินถือว่ายังไม่ถึงสีมาฯ วันนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปพบกับคุณยายสำราญ ผู้เป็นต้นตำรับ แท้ดั้งเดิม ของขนมเทียนกันค่ะ

*** คู่บุญ
มีพี่น้อง ๗ คน ยายเป็นคนโต ทุกวันนี้พี่น้องยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด พ่อแม่ทำนา-ทำสวน จบ ป.๔ แล้วก็เลี้ยงน้อง เจอพ่อบ้าน เมื่อไปทำบุญ วัดเดียวกัน แต่งงานตอนอายุ ๒๐ พ่อบ้านแก่กว่า ๔ ปี เขาเป็นคนดี ช่วยกันค้าขาย ทำนา-ทำสวน พ่อบ้าน รับราชการ ทุกวันนี้ก็ปฏิบัติธรรม ด้วยกัน

*** บ้านแรกขวัญ
ปี ๒๕๒๖ ซื้อเทปธรรมะของอโศก ไปฟัง ๓ ปีต่อมาจึงเข้ามาอยู่ที่สีมาอโศก ตั้งแต่ยังเป็นสังฆสถาน ตอนนั้นท่านสมณะอโสโก เป็นรูปแรก ที่มาอยู่ ยายมาสร้างบ้านที่ชุมชนเป็นหลังแรก เมื่อปี ๒๕๓๐ ท่านสมณะมนาโป ตั้งชื่อให้ว่าบ้านแรกขวัญ

*** ขนมเทียน
มาอยู่ที่นี่สบายใจดี ๑๖ ปียายทำขนมเทียนส่งร้านมังสวิรัติโคราชมาตลอด มีเพื่อนๆรุ่นเดียวกันช่วยทำ ส่วนเด็กนร. มีน้อย ก็เลยไม่ได้ขอมาช่วย ผู้สอนยายทำ คือคุณปะเพียงแก้ว (ปัจจุบันอยู่ที่ปฐมอโศก)

*** นิสิตแสนเย็น
สมัครเป็นนิสิต เพราะอยากให้ศีลตัวเองสูงขึ้น การเขียนบันทึกไม่หนักใจ ก็ผิดน้อยลงเพราะใช้สติควบคุม เป็นนิสิตแล้ว สบายใจ สติไวขึ้น พอมีผัสสะก็จะมีสติรู้ เมื่อก่อนยายเป็นสายฤาษี แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก เพราะสมณะ-สิกขมาตุ ให้ออกจากภพ ให้คบคุ้นกับ คนอื่นบ้าง แต่ถ้าคนไหนไม่รักษาศีล ยายก็จะหลบ คบแต่คนมีศีล

หวังไว้ว่าจะได้ปัญญาบัตร ใจสู้ค่ะ และตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้จะอยู่ในวัดตายกับอโศก ไม่คิดออกจากวัดแม้แต่น้อย แม้จะมีผัสสะ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างในชีวิต ยายสมบูรณ์หมดแล้ว เหลือแต่ว่าเราจะทำดีอย่างเดียว

ตั้งแต่พ่อท่านส่งสมณะเก่งๆมาอยู่ มีสิกขมาตุ สีมาฯเปลี่ยนแปลงมาก คนจิตใจดีขึ้น สงบขึ้น

*** เรื่องตาย
ไม่กลัว ไม่ห่วงอะไร ลูกทั้ง ๖ คน เป็นคนดีมีหลักมีฐานทุกคน มาเยี่ยมบ่อยๆ ยายเป็นเบาหวานมา ๔-๕ ปี เคยช็อค ๒ ครั้ง แต่จิตไม่ไปไหนเลย อยู่กับอารมณ์ตลอด ถ้าตายตอนนั้นก็คงสงบ แม้ป่วยจิตไม่ตกเลย ตอนนี้น้ำตาลไม่ขึ้น ไม่ลง ควบคุมอาหาร ตามคำแนะนำของหมอ ทุกวันนี้กินข้าวมื้อเดียว ตอนเช้าเย็นดื่มน้ำเสาวรสนิดหน่อย

*** ยายคิดว่า
ถ้าเราไม่มีศีล ก็จะไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ เมื่อเราอยู่ในสายศีลเรื่องหนักก็กลายเป็นเรื่องสบายๆ มีผัสสะใจก็รู้ เกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าไม่ได้มาปฏิบัติธรรม จะเสียชาติเกิด

ยายเน้นศีลเป็นหลักในการปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า ศีลนี่แหละจะพาเราไปสู่นิพพาน คนไหนไม่มีศีลถือว่า ไม่ใช่มนุษย์ เชียวนะ.

- บุญนำพา รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

อบรมสุขภาพบุญนิยม ๗ อ.


ณ สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำเมื่อวันที่ ๔-๙ ก.ย.๔๖ ที่ชุมชน หินผาฟ้าน้ำ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ จัดการเข้าค่าย ๗ อ. สุขภาพ บุญนิยม ได้มีชาวชุมชนจากหลายที่ ซึ่งได้แก่ สันติอโศก ศาลีอโศก สีมาอโศก ดินหนองแดนเหนือ เมฆาอโศก ขอนแก่นอโศก โดยมีศีรษะอโศกและหินผาฟ้าน้ำร่วมกันเป็นเจ้าภาพ รวมแล้วประมาณ ๖๐ คน มาเข้าค่ายสุขภาพร่วมกัน ฝึกฝน เรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจากทีมสุขภาพที่นำทีมโดยคุณน้อมบูชา และคุณหมอใจเพชร (หมอเขียว) ที่ได้ถ่ายทอด ความรู้ให้อย่างจริงใจ โดยทุ่มเทให้ทั้งแรงกายแรงใจในการอบรมตลอดทั้ง ๕ วัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการอบรมพร้อมทั้งเกิดความเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เมื่อนำไปใช้จริง ซึ่งทางทีมงานได้ย้ำเตือน ถึงเจตนารมณ์ของพ่อท่านโพธิรักษ์ว่า การเข้าค่ายอบรมเกี่ยวกับสุขภาพนี้เน้นหนักไปที่การใช้และปฏิบัติเป็นการภายในชุมชน ไม่ให้เป็นหมออาสารักษาให้แก่บุคคลภายนอก เนื่องจากบุคคลที่มาเข้าอบรมนั้น ไม่ได้เป็นผู้มีใบประกอบโรคศิลป์ ที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นก็จะทำให้มีเรื่องมีราวเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความรู้แบบผสมผสานการรักษาของเรา (ชาวอโศก) ยังอยู่ในระหว่างเรียนรู้

บรรยากาศในการอบรมนั้นคึกคักไปด้วยความสนุกเบิกบานและความเป็นกันเอง ทุกๆคนที่เข้าอบรมในครั้งนี้ต่างตั้งใจ ศึกษา และปฏิบัติตามความรู้ที่วิทยากรถ่ายทอดให้อย่างตั้งอกตั้งใจเห็นชัดได้จาก อ.อิทธิบาท อ.เอาพิษภัยออก และ อ.อาหาร จะกระตือรือร้น ปฏิบัติตามเป็นอย่างมากและพิเศษกว่า อ.อื่นๆ โดยจะสรุปได้ดังนี้

๑. อ.อิทธิบาท ในเช้าวันที่ ๔ และวันที่ ๕ ของการอบรมก็ได้กราบนิมนต์สมณะขึ้นเทศน์ให้ความรู้เกี่ยวกับอิทธิบาท และ อารมณ์ ซึ่งท่านได้ให้ข้อคิดว่าการทำอะไรให้รู้จักประมาณโดยให้เอาตัวของเราเป็นเกณฑ์วัดว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับเราที่สุด เพราะแต่ละคนจะมีมาตรฐานไม่เหมือนกัน ซึ่งการปฏิบัติธรรมต้องควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสุขภาพ โดยเอาสุขภาพเป็นสำคัญ เพราะถ้าสุขภาพไม่ดี การปฏิบัติธรรมก็จะเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต อย่างเช่นบางคน เมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้น ภายในชุมชน ก็จะออกไปรักษาตัวนอกชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นการตบหน้า ชาวอโศกโดยเฉพาะพ่อท่าน ซึ่งเราต้องทำชุมชนของเราเป็นที่พึ่งให้กับชาวชุมชนให้ได้ทั้งยามที่ร่างกายแข็งแรงและยามที่เราเจ็บป่วย ซึ่งเราจะต้องเป็น ผู้ที่เบิกบาน ทั้งกายและใจ พร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ต่างๆได้ ทั้งในชีวิตประจำวันธรรมดาและการปฏิบัติธรรม แล้วจะใช้ชีวิต ได้อย่างปกติสุข

๒. อ.อารมณ์ สมณะท่านได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับอารมณ์ การที่จะมีสุขภาพกายที่ดีได้ ต้องเริ่มที่สุขภาพจิตและสุขภาพใจเสียก่อน แล้วจึงจะทำให้สุขภาพกายดีและแข็งแรงได้ ซึ่งทีมสุขภาพก็ได้เน้นหนักเช่นกันว่า ส่วนมากชาวอโศกจะชอบทำทีละ อ. ไม่ทำ หลายๆ อ. พร้อมๆกัน เช่น การพยายามทำการงาน ซึ่งจะเคร่งเครียดหน้าบึ้ง ไม่ยิ้มแย้ม จะยิ้มออกก็ต่อเมื่อทำงานนั้น เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งการทำอย่างนี้ก็จะยิ่งทำให้สุขภาพของเราเสื่อมลงไปได้โดยง่ายเพราะเครียดทั้งกายและใจ แทนที่จะทำงานไป ยิ้มไป ทำอารมณ์ให้เบิกบานเพื่อที่จะไม่ทำให้ร่างกายและจิตใจรับบทหนักเกินไป ทีมสุขภาพจึงแนะนำว่า อย่างน้อย อ.อารมณ์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามอย่างน้อยก็ต้องยิ้มไว้ก่อนเสมอ ค่อยๆทำไปแล้วจะออกมาจากใจเอง

๓. อ.อาหาร ช่วงวันที่ ๒ และวันที่ ๓ ทางทีมสุขภาพได้จัดตารางอาหารให้รับประทานอาหารล้างพิษ เพื่อเป็นการกำจัดพิษ ออกจากร่างกายอีกทางหนึ่ง อาหารส่วนมากจะเป็นผักพื้นบ้านและผลไม้ เป็นส่วนใหญ่ โดยจะรับประทานตามธาตุของตน และธาตุที่พิการ ในช่วงนั้นๆ ตามที่ทางวิทยากรได้ชี้แจงและแนะนำ ในวันที่ ๔ และวันที่ ๕ จะเป็นการรับประทานอาหาร เพื่อบำรุงร่างกาย คือ อาหารจะไม่ปรุงแต่งให้รสจัดจ้านเกินไป จะเน้นหนักไปทางอาหารเพื่อสุขภาพไม่ปรุงแต่งมากเกินไป ซึ่งถือว่าเป็นการขัดเกลาตนอีกทางหนึ่ง ถือเป็นการปฏิบัติธรรมอีกทางหนึ่งเช่นกันและเพื่อสุขภาพของตนเองด้วย

๔. อ.อากาศ เป็นเสียงจากผู้เข้าอบรมที่เห็นเหมือนกันว่า อากาศที่นี่ดีมากๆ การอบรมครั้งนี้ถือได้ว่า สถานที่จัดการอบรม มีบรรยากาศ และอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากทีเดียว เพราะบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยธรรมชาติ และอากาศที่บริสุทธิ์ ดังนั้น ผู้ที่เข้าอบรมจึงได้รับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มๆ ปอด และวิทยากรได้เน้นหนักถึงวิธีการหายใจเข้า-ออกให้ยาวๆ และลึกๆ อีกด้วย

๕. อ.ออกกำลังกายและอิริยาบถทุกๆเช้าของการอบรม คุณหมอใจเพชร จะนำออกกำลังกายทุกวัน ทุกท่าจะเน้นอวัยวะ ทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะอวัยวะที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน และการกดจุดต่างๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นอวัยวะ และเส้นประสาท ภายในร่างกาย ในส่วนของการจัดกระดูกนั้น จะเป็นการจัดโครงสร้าง ของร่างกายที่เสียสมดุลไปให้กลับเข้าที่ ซึ่งการทำ ทุกอย่าง ที่กล่าวมานั้นเป็นจุดพื้นฐานของการมีสุขภาพแข็งแรง และเพื่อเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ให้แข็งแรง ส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกทางหนึ่งด้วย

๖. อ.เอนกาย การเอนกายนั้นทุกคนจะพักผ่อนในกรณีที่ร่างกายทำงานหนักเกินไปและจำเป็นต้องนอนพัก แต่ในบางกรณี ก็ให้ทำงานเบาๆเป็นการพักผ่อนแทน(ในกรณีที่ร่างกายเย็นเกินไป) บ้างก็พูดคุย ถามข่าวคราวกันแทนการเอนกาย สรุป การเอนกาย คือการพักผ่อนและผ่อนคลายตัวเองนั้นเอง

๗. อ.เอาพิษภัยออก ในการเอาพิษภัยออกนั้น พ่อท่านได้กล่าวฝากว่า การเอาพิษ ออกนั้นไม่ใช่เพียงแต่การเอาพิษออกจาก ร่างกาย เท่านั้น แต่รวมไปถึงการเอาพิษภัยต่างๆออกจากตัวเรา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม และเป็นอันตรายต่อ ตัวของเราเอง แต่ในการอบรมครั้งนี้การ เอาพิษภัยออกนั้นจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะเห็นได้จาก การทำ ดีท็อกซ์ เพราะทุกคนที่เข้าค่ายจะขยันทำกันมาก เพราะการทำดีท็อกซ์นั้น ยังสามารถบอกถึงสาเหตุ ที่เชื่อมโยงไปถึง การเกิดอาการ ผิดปกติของธาตุในร่างกาย ได้ด้วยและสามารถป้องกันการเกิดความผิดปกติ และปรับให้ สมดุลกันได้ อย่างลงตัว ซึ่งทุกคนจะสนใจมาก แม้ในบางคนที่ไม่เคย ทำเลยและเคยคิดว่าจะไม่ทำ ก็ลองทำและให้ข้อสรุปว่า ดีขึ้นจริงๆ ส่วนการ เอาพิษภัยออกนั้น เราจะเน้นไปในทางพิษทางอารมณ์ ที่เป็นสาเหตุเริ่มต้นของการทำให้ร่างกาย เสื่อมโทรม ตามมา โดยให้ฝึกยิ้ม บ่อยๆ และเสมอๆ ในทุกเรื่องที่กำลังทำ แม้แต่ภัยภายนอกร่างกายเราก็ต้องพึงระวังด้วยเช่นกัน คือ ภัยที่เกิดจาก อุบัติเหตุต่างๆ ด้วย เราจึงเน้นให้ผู้ที่ต้องเดินทางกลับไกลๆ ได้พักผ่อนก่อนกลับ ในบางรายที่อยู่ไกลมากๆ ก็ให้นอนพักอีก ๑ คืนก่อนค่อย เดินทางกลับ

และสรุปปิดท้ายงานให้แล้วเสร็จภายในช่วงเช้า เพื่อภาคบ่ายจะได้ให้ ผู้ที่เข้ามาอบรมได้มีเวลาในการเดินทางกลับ อย่างปลอดภัย ไม่รีบเร่งกับเวลามากนัก (ในกรณีที่รีบกลับ)

การอบรม ๗ อ. สุขภาพบุญนิยมถือได้ว่าประสบความสำเร็จและผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกๆคนต่างมีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งดูจาก ผลการเปรียบเทียบก่อนและหลังเข้าค่ายอบรม และคุณน้อมบูชากล่าวว่า การที่เราจะไปส่งเสริมให้ผู้อื่น มีสุขภาพที่ดีได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากที่ตัวเราเสียก่อน ก็เห็นว่าจริงอย่างที่คุณน้อมบูชากล่าว การเข้าค่ายอบรมครั้งนี้ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนั้น เป็นผลจาก การรวมใจ ให้เป็นหนึ่งของทุกๆท่าน ทั้งที่ทำหน้าที่วิทยากรและผู้เข้าอบรมจากทุกศูนย์ฝึกอบรมฯ ตลอดจน ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกท่าน ขออนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านไว้ ณ โอกาสนี้.

- ประกายหิน รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
๖๗/๑ ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. ๑๐๒๔๐ โทร.๐-๒๓๗๔-๕๒๓๐ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]