ฉบับที่ 268 ปักษ์แรก 1-15 ธันวาคม 2548

[01] ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา
[02] ธรรมะพ่อท่าน: "นักการเมืองที่แท้จริง"
[03] คนจนมหัศจรรย์ คือ ผู้กอบกู้สังคมให้ไปรอด:
[04] จะรู้เรื่องต้องอย่าเอาเรื่อง
[05] ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ ลดต้นทุนชาวนาชายแดน (ตอน ๑)
[06] ชาวอโศกตั้งโรงบุญฯ ทั่วประเทศ ถวายเป็นพระราชกุศล (๗๘ พรรษา) ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี
[07] ทุกข์ของชาวนา คือทุกข์ของแผ่นดิน ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ มาให้กำลังใจ ร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว ที่สวนส่างฝัน
[08] สารต้านอนุมูลอิสระ ในเครื่องดื่มสมุนไพรไทย
[09]กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนปฐมอโศก - อินทร์บุรี
[10] หน้าปัดชาวหินฟ้า:ห
[11] รายชื่อสมณะ-สิกขมาตุลงอาราม:
[12] เขาคือใคร น.ส.เสาวณีย์ วงษ์สมศรี
[13] เด็กไทยเสี่ยง ป่วยเบาหวาน เล็งจัดระเบียบร.ร. ห้ามขายน้ำอัดลม
[14] ปฏิทินงานอโศก:
[15] ปลุกกระแสสุดยอดส้วมสาธารณะตั้งเป้าที่ ๑ เอเชีย ชูจุดขายท่องเที่ยว:
[16] ทักษิณลุยเว็บโป๊ รอฤกษ์วันเด็ก'๔๙ ล้างบางสื่อลามก



ฑีฆายุโก โหตุ มหาราชา
บุญแท้ภูธเรศไท้ ไผทไทย
คุ้มศิระประสกใน ประเทศนี้
ชนสุขฤทุกข์ใด พระสดับ
แม้หนักมิเคยลี้ แต่สู้เอาภาร
จวบกาลหกสิบแล้ว ครองราชย์
ทรงกิจกลชีวาตม์ วิ่นแล้
สายองค์ทุกข์แทบขาด เพื่อพสก
สุดเทียบค่าคุณแท้ กว่าฟ้าใดสม
คมพจน์แห่งพระให้ "พอเพียง"
นัยลึกยิ่งคุณเคียง ค่าฟ้า
แต่ชนสิยังเถียง ยังถก เว้ยเฮย
"เพียง" ไม่ "พอ" ก็ล้า มิแล้ววิจัยวิจารณ์
อีกนานกว่าจะรู้ "พอเพียง"
แต่ละคนต่างอิงเอียง กิเลสอ้าง
รวยหรูกู่ก้องเสียง โฆษณ์ค่า นิยมแฮ
"พอ" ไม่ "พอ" ใดบ้าง ไม่รู้ปัจจัย
วอนไทยทุกผู้ช่วย เอาจริง หน่อยเทอญ
แม้นมิเชื่อพระทรงติง คาบนี้
ไม่"พอ"ไม่หยุดชิง กินชาติ
ไม่มักน้อยเช่นชี้ โปรดแล้วคงพัง
ขืนยังมิฝึกรู้ เรียนตาม
"รวย" ไม่ "พอ" ก่อความ โลภบ้า
อบายมิหยุดยิ่งลาม รุกต่อ บรรลัยแล
คมพจน์นั้นช่วยข้า บาททั้งทวยไทย
ซึ้งในพระปราชญ์ผู้ ปรีชาญ
ธแผ่ปุญญาภิบาล ปกเกล้า
คุ้มถ้วนทุกข์สุขศานต์ โศกโชค
ขอพระชนมชีพเจ้า จวบฟ้าดินสลาย.

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า นสพ.ข่าวอโศกรายปักษ์
(สไมย์ จำปาแพง ประพันธ์)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


นักการเมืองที่แท้จริง

มีบางคนกล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องสกปรก

ที่กล่าวเช่นนี้ ก็เพราะนักการเมืองมีจิตใจสกปรก เอารัดเอาเปรียบประชาชน มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตนมากกว่าเสียสละผลประโยชน์ ของตนให้ประชาชน เป็นส่วนรวม

ดังนั้นการเมืองที่เป็นเรื่องสะอาดก็มี แต่ทั้งนี้ก็เกิดจากนักการเมืองที่มีจิตใจสะอาดจากโลภ โกรธ หลง นั่นเอง

พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ได้นิยามในเรื่องนักการเมืองไว้ในหนังสือ "เราคิดอะไร" ฉบับที่ ๑๘๕ (เศรษฐกิจบุญนิยม คนจนรู้จักพอ เศรษฐกิจ ทุนนิยม คนรวยไม่รู้จักพอ) ไว้ดังนี้ :-

'...นักการเมือง คือ คนที่อยู่ ใน "ฐานะนักบริหาร" อันเป็น "ฐานะระดับสูงขั้นที่ ๒" ของสังคม (ขั้นที่ ๑ คือ ฐานะนักบวช) ซึ่งมีศักดิ์ศรี ได้รับ การเคารพนับถือเทียบเท่า "อาริยชน ขั้นอนาคามี" จึงต้องมีคุณภาพเพียงพอ ให้สมแก่ฐานะ

"นักการเมือง" ผู้ใดยังมีพฤติกรรม ที่แสวงหา "ลาภ, ยศ, สรรเสริญ, โลกียสุข" จากงานการเมืองอยู่ จึงไม่ใช่นักการเมืองที่แท้จริง หากผู้ใด เข้าไปทำงานการเมือง แล้วอาศัยงานการเมืองแสวงหา "ลาภ,ยศ,สรรเสริญ, โลกียสุข" ด้วยโลภะ ด้วยโทสะ ด้วยโมหะมากขึ้นๆ เท่าใดๆ ผู้นั้นก็คือผู้เข้าไปทำลายความเป็นนักการเมือง และย่อมทำลายการเมืองมากขึ้นๆด้วย เท่านั้นๆ...'

เมื่อได้อ่านธรรมะพ่อท่านเรื่องนักการเมืองนี้แล้ว ถ้าเราเห็นการเมืองตกต่ำหรือรุ่งเรือง เราก็เข้าใจสภาพการเมืองที่เป็นดังกล่าว ว่า มาจาก สาเหตุเพราะมีนักการเมืองที่แท้จริงมากหรือน้อย หรือไม่มีเลย!

แล้วเราจะช่วยการเมืองให้ดีได้อย่างไร? อ๋อ ก็ต้องเริ่มที่ตัวเอง ก่อนนะสิ ให้เป็นนักการเมืองที่แท้ แล้วเราจะช่วยแก้ ทั้งปัญหาการบ้าน และการเมือง อย่างน้อยเราก็เป็นผู้หนึ่งที่ช่วยลดปัญหา มิใช่เพิ่มปัญหา.

- เด็กวัด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


คนจนมหัศจรรย์ คือ ผู้กอบกู้สังคมให้ไปรอด

"ทำเศรษฐกิจพอเพียงนิดหน่อย จะทำให้อีก ๔๐ ปีประเทศชาติไปได้"... "ถ้าทุกคนเลื่อมใสว่าจะต้องพอเพียง ก็ปฏิบัติเถิด เพราะถ้าปฏิบัติ เศรษฐกิจพอเพียง มันใช้ได้จริง ไปได้จริง"... "จะทำอะไร ก็ขอให้แต่ละคนมีความสำเร็จพอสมควร เศรษฐกิจพอเพียง ถ้าไม่พอเพียง ไปไม่ได้ แต่ถ้าพอเพียง สามารถนำพาประเทศไปได้ดี ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จพอเพียงเพื่อให้บ้านเมืองบรรลุความสำเร็จที่แท้จริง" จากบางส่วน ของพระบรมราโชวาท (๔ธ.ค.๔๘)

วันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ก็เช่นปีที่ผ่านๆมา พ่อท่านได้ประพันธ์บทกวีเทิดพระเกียรติขององค์ในหลวง ลงในหนังสือพิมพ์เราคิดอะไร โดยใช้นามปากกาว่า สไมย์ จำปาแพง จากตัวอย่าง บทประพันธ์บทแรกดังนี้

บุญแท้ภูธเรศไท้ ไผทไทย
คุ้มศิระประสกใน ประเทศนี้
ชนสุขฤทุกข์ใด พระสดับ
แม้หนักมิเคยลี้ แต่สู้เอาภาร

ผู้สนใจบทประพันธ์ฉบับเต็ม หาอ่านได้จากหนังสือเราคิดอะไร เล่มล่าสุด ปักษ์แรกของเดือนธันวาคม นับเป็นบทกวีที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะไม่ใช่แค่ สัมผัสตามแบบแผนเท่านั้น มีภาษามีคำกวีที่ไพเราะ ทั้งสอดรับ และมีความหมายกินใจ แทบจะทุกถ้อยคำ คาดว่า ข่าวอโศก รายปักษ์ ฉบับนี้ ก็น่าจะได้นำมาลงเช่นกัน

ธันวาคมเป็นเดือนมหาทานของชาวอโศกโดยแท้ ต้นเดือนก็จัดโรงบุญมังสวิรัติกันทั่วประเทศ ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งชาวอโศกได้ทำอย่างนี้มากว่า ๒๐ ปีแล้ว ผลจากการนี้ ทำให้ชาวอโศกได้ขยายผลการจัดโรงบุญฯ ในกาละ และ เทศกาลอื่นๆด้วย

ปลายเดือนก็ยังมีงานปีใหม่ "ตลาดอาริยะ" ซึ่งต้องใช้ทั้งเรี่ยวแรงทุนรอนมหาศาล ในการจัดงานเพื่อประโยชน์กับประชาชน "ตลาดอาริยะ" ได้พัฒนาการ เริ่มจากตลาดเล็กๆ ขายขนมครกขนมรา (ที่สันติอโศก ปี ๒๕๒๕) จนมาถึงขั้นขายรถยนต์ในปีที่แล้วเป็นปีแรก ปีนี้กำลัง ติดต่อรถอื่นๆด้วย ยังไม่ทราบผลว่าจะเป็นไปได้แค่ไหน ถ้ามีรถนานา มาขายจริงๆอีก ก็คงต้องหามาตรการ ป้องกันเล่ห์ของ ผู้ต้องการ จะได้สินค้า อย่างเอาเปรียบผู้อื่น ดังเช่นปีที่ผ่านมามีการให้เพื่อนๆบ้าง ญาติๆบ้างลงชื่อเพื่อร่วมมีสิทธิจับสลากได้ เท่ากับเพิ่มโอกาส ในการได้รับสิทธิในการซื้อมากกว่าคนอื่น นอกจากนี้ ยังได้รับข้อมูลว่าแม้สินค้าอื่นๆ ที่ผ่านมามีนายทุนจ้างชาวบ้าน มาเข้าแถว กว้านซื้อ สินค้าด้วย คงต้องเป็นภาระของฝ่ายจัดงาน ที่กำลังหามาตรการป้องกันต่อไป ส่วนชาวอโศก ที่มาร่วมงาน ก็ต้องพยายาม เอาตาดูหูแล เห็นอะไรที่เข้าข่ายทุจริต หรือผิดปกติช่วยแจ้งให้ฝ่ายจัดงานได้ทราบด้วย เพื่อให้สินค้า ได้กระจาย ไปสู่ชาวบ้าน อย่างเต็มส่วน จริงๆ

"ตลาดอาริยะ" ในยุคแรกๆก็เป็นแบบใครใคร่ค้าค้า แต่ละกลุ่มหรือญาติธรรม ที่จะตั้งใจมาร่วมเสียสละออกร้าน ก็จัดซื้อจัดหากันเอง แต่ปีที่ผ่านมานี้ มีการรวมทุนของญาติธรรมหลายๆกลุ่ม ให้ส่วนกลางเป็นผู้จัดซื้อสินค้าแทน เพื่ออำนาจในการจัดซื้อได้ราคาที่ต่ำลง ปีนี้ ส่วนกลางอนุมัติ "เงินเกื้อ" (เงินกู้ที่ไม่คิดดอกเบี้ย) เพื่อการจัดซื้อสินค้าถึง ๑๕ ล้านบาท โดยแต่ละกลุ่มจะบริหารจัดการกันเองว่า จะขอกู้ยืม "เงินเกื้อ" สำหรับซื้อสินค้าเท่าไร จะส่งผ่อนใช้คืนให้อย่างไร จะขาดทุนหรือกำไรอาริยะเสียสละเท่าไร

ในการประชุมพาณิชย์บุญนิยม ๒๘ พ.ย. ที่สันติอโศกที่ผ่านมา ได้มีการนำเอาเรื่องการจัดเตรียมงานตลาดอาริยะมาคุยกัน เกี่ยวกับ การจัดซื้อ จัดขายสินค้า รวมถึงมาตรการในการดำเนินงาน "ตลาดอาริยะ" ที่กำลังจะถึงนี้ ช่วงท้ายพ่อท่านได้พูดถึงอนาคตว่า งาน "ตลาดอาริยะ" จะเป็นตัวนำร่อง ของการบุกเบิก เปิดประตูอโศก ถ้าจิตวิญญาณของเรายิ่งเสียสละ ฐานะของเรายิ่งดี สามารถที่รวมพล ผู้ที่จะมาเสียสละได้มาก ทั้งปริมาณและทุนรอนก็ได้มาก เช่นชาวอโศกสามารถรวมทุนกันมาได้ ๑๕๐ ล้านบาทในการจัดงานนี้ งานปีใหม่ ตลาดอาริยะ อาจจะเป็นอย่างระดับ งานเอกซโปเลยก็ได้ ซึ่งมันจะมีอะไรที่ซับซ้อนที่อาตมา ก็พูดไม่ได้หมด (อย่างนี้ต้องพยายาม รักษาชีวิต ไว้ให้ได้อยู่ดู "ตลาดอาริยะ" ในวันนั้นกันแล้ว)

พ่อท่านเห็นว่า งานปีใหม่หรืองาน "ตลาดอาริยะ" ถือเป็นการสอบไล่ใหญ่ของชาวอโศก จริงทีเดียว ด้วยเป็นงานที่ต่างไปจาก งานประจำปี อื่นๆของชาวโศก เพราะมีสิ่งที่อนุโลมให้เยอะ ไม่มีข้อกำหนด ให้ถือศีล ๘ ฟังเทศน์ฟังธรรมน้อย มีสิ่งบันเทิงมาก สิ่งล่อให้เกิดกิเลสทั้งราคะ โลภะ โทสะก็เต็มไปหมด ขณะที่ชาวบ้านที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไร ก็มากันเป็นหมื่น โอกาสที่จะทำให้เกิด ความโลภ โกรธ จึงมีสูงกว่างานอื่นๆ

ถ้าชาวอโศกที่ไปร่วมงานทุกท่าน มี หัวใจของเจ้าบ้าน(ไม่ใช่แขก) มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม เป็นผู้บริการรับใช้ มีน้ำใจต้อนรับ มีสายตา ที่เห็นชาวบ้าน ที่มาซื้อสินค้า คือ ผู้ที่มาช่วยให้เราได้ทำบุญ ไม่ใช่ผู้มาขอซื้อสินค้า ทำให้น้ำเสียงและกิริยาท่าทีก็จะอ่อนโยน ด้วยชาวบ้านค ือผู้มาช่วย ให้เรา ได้ทำบุญจริงๆ ถ้าไม่มีชาวบ้าน มาซื้อสินค้าพวกเรา ก็ไม่มีโอกาสได้ทำบุญ แต่ถ้าถือตนว่ามีบุญคุณกับเขา หรือมีศักดิ์ เหนือเขา น้ำเสียงและกิริยาท่าทีก็จะแข็งกระด้าง ห้วนๆ เหมือนข้าราชการวางอำนาจกับชาวบ้าน

โศลกธรรมที่ว่า เอาแต่ใจตัว คือ ชั่วโดยอัตโนมัติ จะดีได้ต้องหัดให้ หัดเห็นใจคนอื่นเสมอ ก็เหมาะที่จะเอามาใช้กับงานที่มีคนมากๆ อย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ ทำงานร่วมกับคนอื่นหลายๆคน รวมไปถึงงานบริการต้อนรับชาวบ้านที่มา เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก สำหรับผู้เคยชิน กับการ เอาแต่ใจตัว แล้วจะต้องละล้างมัน และเป็นเรื่องไม่ง่ายเหมือนกัน สำหรับผู้มีปกติคิดแต่จะเอา แล้วต้องมาหัดให้ หัดเห็นใจคนอื่น รวมถึง ปัญหา อีกนานาสารพัดในงาน "ตลาดอาริยะ" นี้ ที่จะกระตุ้นกระทุ้งให้กิเลสของเรา แสดงตัวตนออกมา ผู้ขวนขวาย ช่วยงานมาก ก็ย่อม จะเจอโจทย์มาก ผู้ช่วยงานน้อยก็ย่อมเจอแบบทดสอบน้อย ส่วนผู้ไม่ได้ช่วยงานใดๆเลยก็ถือว่าไม่ได้เข้าห้องสอบเลย ถ้ายิ่งมาเพิ่มโลภ เพิ่มโกรธกลับไปก็นั่นแหละสอบไล่ไม่ผ่านแน่นอน ใครจะสอบได้สอบตกอย่างไรก็เป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่มีใครมาตีตราให้คะแนน กันจริงๆ หรอก แต่ละคนย่อมรู้ได้ด้วยตน

ถ้าชาวอโศกสามารถเสียสละกันได้ มากๆ งาน "ตลาดอาริยะ" ย่อมเป็นรูปธรรมหนึ่งที่ชัดขึ้นของโศลกธรรมที่ว่า คนจนมหัศจรรย์ คือผู้กอบกู้ สังคมให้ไปรอด

การผ่าตัดต้อกระจกที่ตาข้างขวาของ พ่อท่าน(๑๖ พ.ย.)เป็นไปโดยเรียบร้อย ปลอดภัยดีทุกอย่าง หลังการผ่าตัดใหม่ๆ หมอให้ระมัดระวัง เรื่องฝุ่น เกรงจะเกิดการติดเชื้อ และให้หลีกเลี่ยงการก้มหน้า หรือนอนตะแคงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความดัน ในลูกตาที่จะเป็นอันตราย ต่อแผลผ่าตัด วิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน การผ่าตัดต้อกระจก มีเปอร์เซ็นต์ประสบความสำเร็จสูง โอกาสที่จะผิดพลาดมีน้อย ออกจากพักฟื้นที่โรงพยาบาล พ่อท่านก็สามารถใช้สายตาทำงานอ่านเขียนได้ทันที ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา ของคนไข้ผ่าตัดต้อกระจก หลังการผ่าตัดแล้ว จะรู้สึกว่า การมองเห็นภาพ สว่างมากขึ้น การมองเห็นภาพ ดีขึ้นกว่าตอน ยังไม่ได้เอาต้อกระจกออก

พ่อท่านบอกเล่าให้พวกเราได้ฟังก่อนบันทึกรายการพุทธที่ไปนิพพาน ๒๐ พ.ย. ว่า "เขาเจาะเข้าไปรูเล็กนิดเดียว แล้วก็ดูดเอาเลนส์เก่าออก เอาเลนส์ใหม่ ใส่เข้าไปแบบแคปซูล ใส่ปรู้ดเข้าไปแล้วขยายตัวข้างในตา ทำ ๒๐ นาทีเท่านั้นก็เสร็จแล้ว ไม่ได้ฉีดยาชาด้วยซ้ำไป ได้แต่ หยอดยาชาเท่านั้นแหละ มันไม่แสบ ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่ปวด ไม่อักเสบ วันแรก มันจะบวมหน่อยหนึ่ง เพราะว่าเขาต้องถ่างตา ก็เลยเกิด การช้ำบวม หมอให้เฝ้าระวังฝุ่น เกรงการติดเชื้ออย่างเดียว นอกนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร"

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดน ใต้อย่างต่อเนื่องมายาวนาน และมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการก่อตัววิพากษ์ วิจารณ์ การบริหารงานของผู้นำรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ และการใช้อำนาจ โดยมิชอบ สถานการณ์ดูจะเข้มข้น และทวี ความรุนแรง มากขึ้นเรื่อยๆ บรรดาผู้รู้ในสังคม ถึงกับฟันธงว่า จะเกิดการปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ หรือกล่าวให้ชัดก็คือ อวสานของ ผู้นำรัฐบาล กำลังใกล้ จะถึง แต่ยังไม่มีผู้ใดบอกได้ว่า จุดจบนั้นจะเป็นเช่นใด และหลังการเปลี่ยนผ่านอำนาจ การเมือง และสังคมไทย จะเป็นเช่นใด

แต่จากพระบรมราโชวาทของในหลวง(๔ ธ.ค.๔๘) ทำให้ความร้อนแรงทางการเมืองดูสงบลง ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ผู้รู้ ในสังคมคาดการณ์ไว้อาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้

พ่อท่านได้ติดตามรับทราบเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมาตลอด เมื่อมีผู้รบเร้าถามว่าพวกเราจะวางตัวอย่างไรดี พ่อท่านก็บอกให้รับรู้ข้อมูล จากทั้งสองด้าน แต่ก็อย่าเพิ่ง ปักใจกับข้อมูล ของด้านใดด้านหนึ่ง มากเกินไป ส่วนใครจะเชื่อกับด้านใดก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่ในส่วนองค์กร ชาวอโศก ขอวางตัวเป็นกลาง ยังไม่ขอร่วมกิจกรรม ที่จะต้องแสดงตัวเผชิญหน้า กับด้านใดด้านหนึ่งทันที แม้จะถูกคะยั้นคะยอ ให้เข้าร่วม คัดค้าน การแปรรูป กฟผ.ก็ตาม พ่อท่านเห็นว่า ให้ได้แค่ร่วมลงชื่อค้าน ถ้าใครเห็นค้าน ใครไม่เห็นค้านก็ไม่ต้องร่วมลงชื่อ แต่ที่ชัดเจนคือ ยังไม่ควร เอาตัว เข้าไปร่วมแสดงพลังค้าน

ดร.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ ได้ส่งหนังสือและบทความล่าสุดของอาจารย์มาถวายพ่อท่าน(๔ ธ.ค.) จากบทความดังกล่าว อาจารย์ได้ ทำนาย "การสิ้นลง" หรือ "อวสานของยุคทักษิโณมิกส์" โดยได้วิเคราะห์ ถึงปัญหา และข้อบกพร่องต่างๆไว้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ยั งได้บอกถึงทางออก ของสังคมไทยไว้ด้วย ผู้เขียนขอนำมาถ่ายทอด บางส่วนดังนี้

คลื่นลูกที่สามคือ คลื่นของการเปลี่ยน ผ่านประวัติศาสตร์ ที่ทำให้ยุคเศรษฐกิจทุนนิยมแบบเก่า รวมทั้งทุนนิยมฟองสบู่ และยุคการเมือง ประชาธิปไตย (ตัวแทน) แบบเก่าสิ้นสภาพ

บางทีเราเรียก ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ว่า "ยุคแห่งข้อมูลและข่าวสารซึ่งไร้พรม แดน" หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า ข้อมูลข่าวสาร ที่ไร้พรมแดนนี้ จะกลายเป็นพลัง ในการผลักดัน ประวัติศาสตร์ ให้เคลื่อนไปข้างหน้า

พลังข่าวสารนี้ จะแสดงบทบาทผ่านการสร้างชุมชนแห่งความรู้ หรือ Knowledge Communities และการสร้างขยายเครือข่ายดังกล่าว

เหตุที่ต้องสร้างชุมชนแห่งความรู้ขึ้น เนื่องจากโลกจะเต็มไปด้วยขยะแห่งข่าวสาร จำนวนมหาศาล ดังนั้นที่สำคัญ ชุมชนต่างๆ ต้องมี ความสามารถ แยกแยะ วิเคราะห์ วิจัยข่าวสาร และส่งต่อข่าวสารได้

ชุมชนแห่งปัญญานี้ จะเป็นพลังใหม่ในการนำการเปลี่ยนและสร้างประวัติศาสตร์

ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากัน เมื่อระบบโลกก้าวสู่ยุคที่พลิกผันอย่างยิ่ง เราต้องตระหนักรู้ว่าในช่วงนี้ สิ่งเก่ากำลังจะตาย สิ่งใหม่เริ่มเกิด

ดังนั้นเราต้องกล้า "คิดใหม่ ทำใหม่" เพราะอนาคตกำลังไล่ล่าเราทุกคน
การเมืองก็ต้องสร้าง "การเมืองยุคใหม่"
เศรษฐกิจก็ต้องสร้าง "เศรษฐกิจยุคใหม่"
และวัฒนธรรม รวมทั้งการศึกษาก็ต้องรื้อถอนใหม่

ปฐมอโศกได้ทำนาเป็นปีแรกในพรรษา นี้ หลังจากที่ห่างหายมานาน เนื่องด้วยไม่มีพื้นที่ให้ทำ วันที่ ๗ ธ.ค.จะมีการทำบุญลอมข้าว (เป็นการ เอาข้าว ที่เกี่ยวแล้ว มานวดฟาดร่วมกัน)

วันที่ ๙ ธ.ค.พ่อท่านเดินทางไปบ้านราชฯ

วันที่ ๑๐ ธ.ค.ที่ศีรษะอโศกก็จะมีการทำบุญลอมข้าวเช่นกัน แล้วได้นิมนต์พ่อท่านไปร่วมงานบุญนี้ วันที่ ๑๑-๑๓ ธ.ค.ที่ ร้อยเอ็ดอโศก ได้จัดงาน มหกรรมกู้ดินฟ้า'๔๘ (วันคืนสู่เหย้า) ของผู้รับการอบรม หลักสูตร "เยาวชนคนสร้างชาติและสัจธรรมชีวิต" ซึ่งก็ได้นิมนต์ให้ พ่อท่าน ไปแสดงธรรม ในวันที่ ๑๒ ธ.ค.นี้ด้วย เสร็จจากร้อยเอ็ด จะเดินทางไปที่หินผาฟ้าน้ำ จ.ชัยภูมิ เพื่อร่วมงาน บุญลอมข้าว โครงการ พลังกู้ดินฟ้า พาไทยพ้นทาส ๑๓-๑๔ ธ.ค.นี้เช่นกัน เสร็จจากนั้นแล้ว ก็จะอยู่ที่บ้านราชฯ จนผ่านงานปีใหม่ ไปแล้ว จึงจะกลับมาที่ สันติอโศก

- สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ -.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ชาวอโศกตั้งโรงบุญฯ ทั่วประเทศ
ถวายเป็นพระราชกุศล (๗๘ พรรษา) ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี

ต่างซาบซึ้งในพระบรมราโชวาท ๔ ธ.ค.
บ้านราชฯ เดินสายตั้งโรงบุญฯ
เชียงใหม่มีพิธีร้องเพลงสดุดีมหาราชา

เนื่องในวโรกาสวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ปีนี้ชาวอโศกได้ร่วมกายร่วมใจจัดโรงบุญฯถวายเป็นพระราชกุศลดังเช่นทุกๆปีที่ผ่านมา โดยใน ปีนี้มีญาติธรรมแจ้งยืนยันจะจัดโรงบุญฯเข้ามากว่า ๑๖๐ โรงบุญฯกระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว สำหรับบรรยากาศ ของโรงบุญฯ บางแห่ง มีดังนี้

# # ชมร.หน้าสันติอโศก
สำหรับโรงบุญฯ ๕ ธันวาคม ณ ชมร.หน้าสันติอโศก ปีนี้จัดในวันที่ ๖ ธ.ค.๔๘ เนื่องจากวันที่ ๕ ธ.ค. ตรงกับวันจันทร์ ซึ่ง บจ.แด่ชีวิต บจ. ขอบคุณ ผู้ปกครองพุทธธรรม และแวดวงชาวชุมชนสันติอโศก ร่วมกันแจกอาหารหลากหลายมากมายแล้ว ทาง ชมร.หน้าสันติอโศก จึงเห็นว่า น่าจะทยอยกันจัด จึงเลื่อนมาจัดในวันที่ ๖ ธ.ค. เพื่อที่จะได้มีโรงบุญ ให้บริการหลายๆวัน

ผู้มารับบริการที่โรงบุญ สามารถตักอาหาร บริการตนเองได้เหมือนเดิม บรรยากาศของโรงบุญคึกคัก และลงตัว ส่วนอาหารหมดลงพอดี ในช่วงบ่าย

นอกจากโรงบุญฯ ที่จัดในวันที่ ๖ ธ.ค. ที่ ชมร.หน้าสันติอโศก เป็นเจ้าภาพเองแล้ว ทางชมร.หน้าสันติอโศก ยังได้จัดโรงบุญฯ ในวันที่ ๒ ธ.ค. ๔๘ โดยมีชาวตะวันงาย ๒ เป็นเจ้าภาพ และโรงบุญฯ วันที่ ๗ ธ.ค.๔๘ โดย บจ.เพื่อนดินฟ้า เป็นเจ้าภาพ อีกด้วย.

# # ชมร.เชียงใหม่
ปีนี้ยังคงได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากญาติธรรมทุกฐานะ ในด้านการจัดสถานที่ อาสนะ เวทีแสดง เริ่มแจกตั้งแต่ ๐๖.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. มีผู้มารับบริการ จำนวนมาก ทั้งลูกค้าและญาติธรรมส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัวจึงอบอุ่นเป็นพิเศษ ซึ่งต่างก็ได้นำพืชผักไร้สารพิษ และขนมต่างๆมาร่วมงานด้วย ซึ่งแม้แต่ คุณพรรณี ภัทรโกศล (ภรรยาคุณไพโรจน์ ซึ่งเป็นผู้บริจาคที่ดิน สร้าง ชมร.ช.ม.) แม้ชราจนเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น ก็ยังมีศรัทธามาร่วมงานในวันนี้ด้วย

ปีนี้ได้จัดโต๊ะให้ลูกค้า ได้รับประทานอาหาร ในบริเวณที่จอดรถ เป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่กว่าทุกปี แต่ก็ร่มรื่นดี.

# # ชุมชนศาลีอโศก
โดยค่ำของวันที่ ๔ ธ.ค.๔๘ บรรยากาศ ในโรงครัวของชุมชนศาลีอโศกดูคึกคักเป็นพิเศษ แม่ครัวชุลมุนกับการเตรียมและปรุงอาหาร สำหรับงาน พอวันที่ ๕ ธ.ค.ระหว่างเตรียมอาหารไปก็เปิดวิทยุฟังการถ่ายทอดสด พระบรมราโชวาทของในหลวงไปด้วย อบอุ่น กระไร เช่นนี้หนอ การได้เกิดมาเป็น คนไทย

เช้าของวันที่ ๕ ธ.ค. ผู้คนเริ่มทยอยมาร่วมกิจกรรมบริเวณโรงบุญฯ ซึ่งปีนี้เปลี่ยน สถานที่มาใช้บริเวณบ้านคุณธูป (ติดกับถนนไป คลองตักน้ำ) เนื่องจากการเปลี่ยนสถานที่และการประชาสัมพันธ์ของงานกระชั้นชิดเกินไป เลยทำให้มวลของผู้ร่วมกิจกรรม ไม่ดูหนาแน่น เท่ากับปีที่ ผ่านมา แม้กระนั้นหลายคนก็ชื่นชมยินดีกับกิจกรรมนี้

อยากให้จัดงานนี้ทุกปี...ไม่ควรย้ายสถานที่บ่อยเกินไป เพราะเกิดความสับสน... อยากให้จัดในตลาด เพราะไม่ต้องเดินไกล... อยากให้มี ไอศกรีม เลี้ยงหนูบ้าง...อยากให้มีเวทีแสดงความคิดเห็น สำหรับผู้มาร่วมงาน

การต้อนรับดี... อาหารอร่อย... คนแจกอาหารมีอัธยาศัยดี... สถานที่สะอาด...อยากให้เมืองไทยมีบรรยากาศแบบนี้มากๆ...ได้มีส่วนร่วม กิจกรรมล้างจาน อย่างนี้ดีมาก เพราะได้ฝึกวินัย และรู้จักรับผิดชอบตนเอง...

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์แก่การจัดงานโรงบุญคราวต่อไป ของชุมชนศาลีอโศกและญาติธรรมใกล้เคียง ที่มาร่วม กิจกรรมสำหรับปีนี้

# # หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก
หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศกได้จัดโรงบุญจำนวน ๑๑ โรงบุญตามหมู่บ้านใกล้เคียงและหมู่บ้านเครือแห จัดเป็นบูรณาการการศึกษาร่วมกัน ทั้งชุมชน มีการระดมสมองก่อนทำงาน และจัดสรรทีมทำงาน ในแต่ละโรงบุญ จะมีผู้ทำงานทั้งนักเรียน สสธ. ชาวชุมชน นิสิต และบาง โรงบุญ มีสมณะไปแสดงธรรม หลังจากเสร็จกิจกรรมแต่ละ โรงบุญ ได้ระดมสมอง และสรุปการทำงานในเย็นวันที่ ๕ ธ.ค. บรรยากาศแต่ละ
โรงบุญมีดังนี้

๑.สหกรณ์บุญนิยม อำเภอวารินชำราบ
แจกโรงบุญในวันที่ ๒ ธ.ค. เนื่องจาก ในวันที่ ๕ หน่วยราชการปิด จึงได้บริการแก่ลูกค้าประจำซึ่งเป็นข้าราชการ เปิดบริการ ในเวลา ๐๖.๐๐-๑๔.๐๐ น. ในปีนี้มีลูกค้า มารับประทาน เป็นจำนวนมาก เพิ่มขึ้นกว่า ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ล้างภาชนะเอง

๒. บ้านหนองมัง อำเภอสำโรง
โรงบุญนี้จัดในวันที่ ๒ ธ.ค. ชาวบ้านได้เตรียมปลูกผักเพื่อร่วมกิจกรรมโรงบุญ จึงมีผักบริการจำนวนมาก ทีมงานทั้งนักเรียน สสธ. และ ผู้ใหญ่ จำนวน ๑๗ คน มีสมณะแก่นเกล้า และหลวงตาสอน นำทีมโดยนิสิตดาวพรและนิสิตดาวเพ็ญ ได้รับความร่วมมือจากเครือแห ตลาดไร้สารพิษมาร่วมงาน กันอย่างคึกคัก มีผู้มารับบริการ จำนวน ๒๕๐-๓๐๐ คน หลังจากกิจกรรมโรงบุญ ได้ทำกิจกรรมโฮมแฮง เกี่ยวข้าวร่วมกัน

๓. บ้านดอนโพธิ์ อำเภอศรีเมืองใหม่
เป็นโรงบุญที่แจกในวันที่ ๓ ธ.ค. ทีมงานโรงบุญที่เดินทางต่อจากบ้านหนองมัง มีผู้มาใช้บริการจำนวน ๑๕๐ คน หลังจากแจกอาหาร มีกิจกรรม โฮมแฮงเกี่ยวข้าว

๔. บ้านนาทุ่ง อำเภอเดชอุดม
โรงบุญนี้นิสิตในเพชร นาวาบุญนิยมเป็นผู้ประสานงาน มีทีมงานทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวน ๑๔ คนโดยมีสมณะแดนเดิม พรหมจริโย ไปเทศน์ โปรดญาติโยมเครือแห การเตรียมสถานที่และเตรียมต้อนรับดีมาก มีอุปสรรคฝนตกตลอดคืน มีผู้ไปรับบริการดีมากใช้เวลาแจก ประมาณ ๑ ชั่วโมง อาหาร ก็หมดเริ่มเปิดโรงบุญในเวลา ๐๙.๐๐ น.

๕. บ้านแก้งลิง อำเภอกุดข้าวปุ้น
ผู้ประสานงานทีมโรงบุญนี้คือ นิสิตดังดี มีผู้ร่วมบุญทั้งหมด ๑๔ คน ชาวบ้านมาช่วยงานกันอย่างอบอุ่น ผู้นำหมู่บ้านอำนวยความสะดวก ทุกอย่าง มีผู้มาใช้บริการจำนวน ๒๐๐ คน

๖. บ้านขามป้อม อำเภอเขมราฐ
ทีมนิสิตดาวเพ็ญและนิสิตดาวพร ซึ่งเดินทางต่อจากบ้านดอนโพธิ์ ได้ไปร่วมจัดโรงบุญ เปิดงานโดยนายก อบต.ขามป้อม ชาวบ้านให้การ ต้อนรับดีมาก พักที่สถานีอนามัย แม้อุปกรณ์ทำครัวจะไม่สะดวกนักแต่ทุกคนช่วยเหลือกันดี มีผู้มาใช้บริการที่โรงบุญประมาณ ๔๐๐ คน มาจากหมู่บ้าน ใกล้เคียง และมีข้าราชการ มาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

๗. บ้านโนนหนองสังข์ ต. ศรีสำราญ อ.วังหิน จังหวัดศรีสะเกษ
หมู่บ้านหนองสังข์มีผู้เข้ารับการอบรมในโครงการเกษตรอินทรีย์ที่พึ่งผ่านพ้นการอบรมในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทีมงานโรงบุญซึ่งนำทีม โดยนิสิตดินงาม คุณเป็นแก่น และคุณเป็นเมฆ และสมาชิกจำนวน ๑๒ คนเดินทางไปตั้งโรงบุญด้วยรถไฟ ชาวบ้านมาร่วมกิจกรรม ตั้งแต่ วันเตรียมงาน ทุกคนร่วมแรงรวมใจกัน เป็นอย่างดี มีผู้มารับบริการที่โรงบุญประมาณ ๓๐๐ คน ชาวบ้านประทับใจ ขับรถมาส่งทีมงาน ถึงบ้านราชฯ ๒ คันรถ คนมาส่ง ๒๐ คน

๘. บ้านวังกางฮุง อำเภอวารินชำราบ
โรงบุญที่หมู่บ้านวังกางฮุง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชาวบ้านมารับจ้างทำงานก่อสร้าง ในหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศกและเป็นที่ตั้งของสวน ไวพลัง โดยมีนิสิตงามบุญ ชาวหินฟ้า เป็นผู้ประสานงาน ชาวชุมชนทีมหรรษา และนักเรียน สสธ. จำนวน ๒๖ คน ไปเปิดโรงบุญที่บ้านของชาวบ้าน ซึ่งให้การต้อนรับดีมาก ในปีนี้มีผู้มารับบริการ มากกว่าปีที่แล้ว ประมาณ ๑๒๐ คน ชาวบ้านมีความเป็นพี่เป็นน้อง และมีน้ำใจ ช่วยเหลือ กันดี หลังจากรับประทานอาหาร ช่วยกันทำงานเก็บภาชนะ และสถานที่ทำงาน ร่วมใจกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาที่บริการคือ ๑๑.๐๐-๑๑.๓๐ น.

๙. บ้านคำกลาง อำเภอวารินชำราบ
นิสิตฝากดินเป็นผู้ประสานงาน กิจกรรมจัดที่ศาลากลางหมู่บ้าน ชาวบ้านได้มาร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่นประธานเปิดโรงบุญคือผู้ใหญ่บ้าน คำกลาง และอบต. คำกลาง มีผู้มารับบริการจำนวนประมาณ ๑๐๐ คน

๑๐. บ้านกุดระงุม อำเภอวารินชำราบ
บ้านกุดระงุมเป็นหมู่บ้านที่ติดกับหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก ในปีนี้ผู้นำหมู่บ้านให้การต้อนรับดีมาก ช่วยประชาสัมพันธ์ทางหอกระจายข่าว และช่วยจัดเตรียมสถานที่ให้ที่ศ าลากลางหมู่บ้าน ทีมงานโรงบุญ มีจำนวน ๑๔ คนนำทีมโดย คุรุมิ่งหมาย บุญเฉลียว บริการอาหารในเวลา ๑๑.๐๐ -๑๑.๓๐ น. ชาวบ้านมีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ พัฒนาหมู่บ้านแล้วมารับประทานอาหาร ที่โรงบุญ จำนวนประมาณ ๑๕๐ คน

๑๑. อุทยานบุญนิยม อำเภอเมืองอุบลฯ
มีผู้ร่วมบุญกันหลายฝ่ายทั้งญาติธรรมกลุ่มอุบลอโศก เครือแหกสิกรรมไร้สารพิษ และทีมงานอุทยานบุญนิยม ชาวราชธานีอโศก บริการ อาหาร ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๔.๐๐ น. บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นเพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ และมีผู้มาใหม่บ้าง

ในวันนี้ อุทยานบุญนิยม ได้บริการคนทุกระดับตั้งแต่สามล้อและข้าราชการ ลูกค้าที่มาช่วยประชาสัมพันธ์บอกต่อๆกัน และล้างจานเอง ลูกค้า บางท่านมาช่วยล้างจาน มีผู้มาใช้บริการประมาณ ๓๐๐ คน

ส่วนบรรยากาศของโรงบุญอื่นๆ ผู้สนใจ สามารถติดตามอ่านได้ในหนังสือสารอโศก.


[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ ลดต้นทุนชาวนาชายแดน (ตอน ๑)

นพค.๕๑ จังหวัดอำนาจเจริญ ตระหนักถึงปัญหาสภาพแวดล้อม เริ่มเสื่อมโทรมลงทุกวัน สาเหตุมาจากเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมใส่ปุ๋ยเคมี บำรุงต้นข้าว เพราะเชื่อว่าจะทำให้ต้นข้าว เจริญงอกงาม ได้ผลผลิตดี แต่ในทางตรงกันข้าม ปุ๋ยเคมีคือตัวทำลายระบบนิเวศน์ สภาพ แวดล้อมทางอ้อม และทำให้กบ เขียด หอย ปู ปลา ในนาข้าว ลดลง จนในอนาคต อาจจะสูญพันธุ์ได้

ดังนั้น พ.อ.สุเทพ ฉายขจร ผบ.นพค.๕๑ จ.อำนาจเจริญ จึงได้จัดตั้งกองทุนปุ๋ยหมักจุลินทรีย์สำหรับเกษตรกรตามแนวชายแดนขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ เป็นต้นมา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ เป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ ปลูกข้าวตามแนวชายแดนที่รับผิดชอบ ๖ หมู่บ้าน ใน จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ปลอดสารเคมี ๑๐๐ %

พ.อ.สุเทพเปิดเผยว่า ครอบครัวมีอาชีพทำนาปลูกข้าว จึงมีความเข้าใจและทราบถึงปัญหาของชาวนาเป็นอย่างดี เมื่อมีโอกาสที่พอจะ บรรเทา ปัญหาของชาวนาลงได้บ้าง จึงคิดหาวิธีแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นการทำลายระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อมระยะยาว จึงจัดทำโครงการ กองทุนปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ แก่เกษตรกร ตามแนวชายแดน ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ไปฝึกอบรมการทำปุ๋ยหมักให้ทุกขั้นตอน เมื่อเกษตรกรผ่านการอบรมแล้วก็มอบน้ำจุลินทรีย์ให้ไปปฏิบัติจนสามารถ ทำใช้เองได้ จากนั้นก็ให้มีการรวมกลุ่มกันในหมู่บ้าน ทำการผลิต ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์เข้ากองทุนเพื่อแจกจ่ายให้สมาชิกนำไปใส่ในนาข้าวจนครบ ทุกครัวเรือน โดยจะเน้นครอบครัว ที่ทำนาเท่านั้น ซึ่งเป็นการ ลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง

พ.อ.สุเทพกล่าวถึงการทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ว่า เริ่มจากการเตรียมมูลสัตว์ผสมรำหรือแกลบ หรือจะใช้ใบไม้แห้งหรืออินทรียวัตถุอย่างอื่น
ก็ได้ จากนั้นนำน้ำ ๑ ปี๊บ มาผสม กับจุลินทรีย์ ๒ ช้อน และกากน้ำตาล ๒ ช้อน คนให้เข้ากัน นำไปราดให้มีความชื้นพอหมาดๆ บรรจุลง กระสอบ ที่มีอากาศผ่านได้ ทิ้งไว้ประมาณ ๕ วัน ก็นำไปใช้ได้.

(อ่านต่อฉบับหน้า)
(จาก นสพ.เอ็กซ์-ไซท์ ไทยโพสต์)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

จะรู้เรื่องต้องอย่าเอาเรื่อง

เราเคยเห็นบรรยากาศการประชุมของคนทางโลก จะแสดงออกแบบจะเอาเรื่องกันมากกว่าจะช่วยกัน
หรือเวลามีความคิดเห็น ขัดแย้งกัน ก็จะแสดงการตอบโต้ค้านแย้งแบบจะเอาเรื่องกันมากกว่าจะช่วยกัน
เมื่อมองเขา แล้วย้อนมามองในหมู่หรือชุมชนของเรา เวลาแสดงความเห็นต่าง ก็มีบ้างเหมือนกันสำหรับบางคน ที่มักจะพูดแบบเอาเรื่อง มากกว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา

เรามาตั้งใจกันดีไหม ที่จะระมัดระวังกิริยา วาจา หรือ กรรม ๓ ของเราแต่ละคนในฐานะที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรม เป็นของขวัญให้แก่กันและกัน ด้วยการแสดงออกมาแบบพยายามจะช่วยกัน มิใช่พยายามจะเอาเรื่องกัน.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ทุกข์ของชาวนา คือทุกข์ของแผ่นดิน ฝนตก น้ำท่วม "ฝ่อนข้าว" ลำบากซ้ำสอง
ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ มาให้กำลังใจ ร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว ที่สวนส่างฝัน

เมื่อวันที่ ๑๘ พ.ย.๒๕๔๘ ท่านผู้ว่าฯ ซีอีโอคนใหม่ ของเมือง อำนาจเจริญ นายสุรพลพงศ์ทัศน์ศิริกุล มาเป็นประธานในงานพลิกฟื้น วัฒนธรรม การลงแขกเกี่ยวข้าว กับประชาชน ชาวอำนาจเจริญ และสมาชิก โรงเรียนชาวนาคุณธรรม กสิกรรมไร้สารพิษ เศรษฐกิจ พอเพียง เครือข่ายสวนส่างฝัน เป็นวันที่คึกคัก และมีพลังมาก การรวมกันครั้งนี้ เป็นการวัดใจกัน ในการทำงานเพื่อส่วนรวม การพลิกฟื้น วัฒนธรรม การลงแขก ในครั้งนี้ทำได้ยากยิ่ง เพราะแต่ละคน ก็มีภาระที่เร่งรีบต้องจัดการผลผลิตของตัวเอง ให้เสร็จเร็วที่สุด และให้ผลผลิต เสียหาย น้อยที่สุด มีผู้มาร่วมลงแขก สองร้อยกว่าคน จาก ร.ร.ชาวนาคุณธรรม กสิกรรมไร้สารพิษเศรษฐกิจพอเพียง ๑๑ แห่ง แม่แห ราชธานีอโศก ก็มา นำทีมโดย อาใบลานพร้อมนักเรียน สัมมาสิกขา การลงแขกครั้งนี้ เรื่องอาหาร ครัวสวนส่างฝัน ได้จัดเตรียมอาหาร สำหรับคน สองร้อยคน ส่วนสมาชิกโรงเรียนชาวนา ก็นำกระติ๊บข้าวเหนียวมาด้วย คนละกล่อง ตามธรรมเนียมชาวอีสาน

ท่านนายอำเภอเมืองอำนาจเจริญ พร้อมปลัดอำเภอ มาถึงเป็นคณะแรก ตามด้วยหัวหน้าคณะเกษตรจังหวัด หัวหน้าเกษตรและสหกรณ์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. อำเภอเมืองอำนาจเจริญ และหัวหน้าฝ่ายดูแลวิสาหกิจชุมชน ธ.ก.ส.

๐๗.๓๐ น.คณะจากราชธานีอโศกมาถึงเป็นคณะแรกท่ามกลางลมแรง อากาศเริ่มเย็น ฟ้าครึ้ม เมฆเริ่มลอยหนา โรงเรียนชาวนา ทยอย กันมา เป็นกลุ่มๆ กลุ่มที่มาก่อนก็อยากเกี่ยวข้าวก่อน บอกให้รอเพื่อนๆก่อน

๐๘.๑๕ น. ท่านผู้ว่าฯ เดินทางมาถึง กล่าวทักทายพี่น้องโรงเรียนชาวนา "คุณตาคุณยาย ผมก็เป็นชาวนา วันนี้มาสวนส่างฝัน แล้วคิดถึง อดีต สมัยตอนผม เป็นเด็กๆ มีนักปราชญ์ท่านหนึ่ง กล่าวไว้ว่า 'ทรัพยากร บนโลกนี้มีเพียงพอกับคนทุกคน แต่ไม่พอสำหรับคนโลภ ที่เห็นแก่ตัว' ฉะนั้น ลองมองย้อนไปสมัยก่อนที่มีวัฒนธรรมลงแขก เป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นเรื่องของการช่วยเหลือ และเอื้ออาทรกัน ของคน ในสังคมไทย ซึ่งดีมากๆครับ ท่านพลเอกเปรม ท่านกล่าวไว้ว่า 'ปัญหาของชาวนาคือปัญหาของชาติ' การทำนาจากอดีตที่ทำเพื่อการยังชีพ และยังไม่มี เครื่องมือเครื่องจักร และสารเคมี มาถึงวันนี้ คนมัวแต่ลุ่มหลง เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทุกอย่างมีหมด เพิ่มต้นทุนการทำนา จึงทำให้ชาวนา เป็นหนี้สินมากมาย วาระแห่งชาติเกษตรอินทรีย์ จังหวัดอำนาจเจริญ ได้เริ่มต้น ด้วยการรณรงค์ ให้ชาวนาไม่เผาตอซัง และ ไถกลบตอซังข้าว ให้เป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าว หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จ และใครเผาฟาง ผมจะส่งให้คนเอาป้าย ไปปิดประจานไว้ที่นั่น สำหรับ การลงแขกเกี่ยวข้าววันนี้ ที่สวนส่างฝัน เป็นสิ่งที่ดี ที่ผมได้มาเกี่ยวข้าวร่วมกับพี่น้อง ชาวอำนาจฯ โดยเฉพาะกลุ่มของ โรงเรียนชาวนา ๑๑ โรง ผมขอบอกว่า เรามีบุญถึงได้มาพบกัน มาเกี่ยวข้าวด้วยกัน ถ้าไม่มีบุญ คงไม่ได้มีโอกาส มาพบกันในวันนี้"

กลุ่มโรงเรียนชาวนาคุณธรรมฯหลายคน ชอบคำที่ผู้ว่าฯ พูด บอกว่าพูดดีน่าฟัง จากนั้นทุกคนจึงร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวเป็นข้าวพันธุ์ เล้าแตก แม้ปีนี้จะฝนตก มีปัญหาทำให้ข้าวล้ม แต่ผลผลิตยังอยู่ขนาดกลางๆ อยู่ที่ไร่ละ ๑ ตัน เมื่อตอนกำลังจะเกี่ยวคาดว่าจะได้เกินกว่า ๑ ตัน พอฝนตกมาข้าวล้มทำให้ผลผลิตข้าวน้ำหนักลด เมล็ดข้าวลดความสมบูรณ์ลงบ้าง

บรรยากาศโดยทั่วไป
พ่อนาทาน (จากเครือแหบ้านราชฯ) กล่าวว่า "งานลงแขกครั้งนี้เป็นงานของชาวนาจริงๆ ประทับใจมาก ที่ได้มา เกี่ยวข้าว ครั้งนี้เมื่อ ๔-๕ ปีก่อนมาเที่ยวสวน 'ส่างฝัน' ข้าว ไม่งาม หญ้ารกมาก มาวันนี้ข้าวงามมาก งามจนไม่อยากจะขึ้นมากินข้าว แล้วแถมด้วย การร้องหมอลำ ให้พี่น้องชาวนาได้ฟัง ๒ กลอน สร้างบรรยากาศ ตอนรับประทานอาหารเที่ยง

พ่อบุญนาค วราพัฒน์ สมาชิก ร.ร.ชาวนาบ้านหนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ "ประทับใจ ไม่คิดไม่ฝันว่า จะได้มาเกี่ยวข้าวที่ ต้นใหญ่ รวงใหญ่มาก เกี่ยวแค่สามกอก็เต็มมือแล้ว กำข้าวแล้วน้ำหนักข้าวดี เกี่ยวข้าวนานเจ็บข้อมือต้องรีบวาง ประทับใจที่มีการลงแขก เกี่ยวข้าวกัน มีคนเยอะมาก และได้พูดคุยกันแต่ละบ้าน ได้แลกเปลี่ยนความรู้หลายเรื่อง"

พ่อพุทธา ยั่งยืน ร.ร.ชาวนาบ้านโนนค้อทุ่ง อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ "รู้สึกดีที่ได้เห็นกลุ่มโรงเรียนชาวนามารวมตัวกันลงแขก เกี่ยวข้าว ที่สำคัญ ได้ท่านผู้ว่าฯ และเจ้านายใหญ่ๆ มาร่วมงานมากมาย ท่านมาร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว และได้รับรู้ว่า พวกเราทำอะไรกันบ้าง รู้สึกมีความยินดี เกิดปีติเพราะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน"

คุณตายแน่ มุ่งมาจน (ราชธานีอโศก) "รู้สึกประทับใจ เป็นภาพที่หาดูได้ยากในสังคมทุกวันนี้ที่จะรวมคนมาลงแขกได้มากมายขนาดนี้"

คุณหนึ่งในดิน โคลนพันธ์ (ผู้ประสานงาน ร.ร.ชาวนา) "ดีใจที่พ่อแม่พี่น้องมาช่วงลงแขกเกี่ยวข้าว ทั้งที่เป็นช่วงภาระเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ก็ยัง อุตส่าห์ มาลงแขกครั้งนี้ เสียสละมาเพื่องานอันยิ่งใหญ่นี้ ประทับใจทุกคนที่มาช่วยครับ"

คุณศรีวิชัย สะท้านภพ ประธาน ร.ร. ชาวนาสวน 'ส่างฝัน' "มันไม่ง่ายเลยที่งานอย่างนี้จะเกิดขึ้น เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัด ทั้งที่ต้อง เลื่อนงาน มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ๑๐ พ.ย.๔๘ เนื่องเพราะพายุเข้าฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน แต่ก็ยังมีชาวนามาร่วมงานมากกว่า ร้อยคน เพราะเลื่อน กำหนดการไม่ทัน มาวันนี้องค์ประกอบต่างๆครบถ้วนดี งานลงแขกดำเนินไปด้วยดี ตลอดงานเป็นบรรยากาศที่น่า อบอุ่นยิ่ง เป็นบุญของชาวนาโดยแท้ ที่พ่อเมืองเห็นความสำคัญของชาวนาอย่างนี้"

อ.นักบุญ จันทพันธ์ ผอ.ศูนย์ฝึกอบรมฯ สวน 'ส่างฝัน'
"กินข้าวกินไปให้คิด ชีวิตชาวนาลำบาก ขั้นตอนทำนายุ่งยาก ตรำตรากชีวิต ลำเค็ญ
กินข้าวคิดดูรู้ได้ ชาวนายากไร้แสนเค็ญ เส้นเลือดโปดโปนเห็นเอ็น
ลำเค็ญแสนเศร้าชาวนา โอดโอยเอวหลังเจ็บปวด เซซวดไถลลื่นปีนถลา
ล้มลุกคลุกคลานชีวา เปรอะเปื้อนกายาทาด้วยโคลน ตีนแตกเลือดไหลใจสู้
ทนอยู่แดดร่มลมฝน อาชีพน้อยหน้าผู้คน ซ้ำผลคนเขาประณาม
แต่งานของคนบ้านป่า เลิศค่าไม่บ่นให้คนหยาม น้ำใจของเขากลับงาม
มองข้ามชาวนาอย่างไร หากเกิดชาวนาบ้าเดือด หน้าเลือดมีข้าวไม่ขาย
มีเงินไร้ข้าวต้องตาย เสียหายอย่างหลงทะนงตัว ขอให้ศึกษาสัจจะ
เทิดทูนชาวนาเหนือหัว อย่าหลงแบ่งชั้นลืมตัว หยุดชั่วดูถูกชาวนา"

การร่วมแรงลงแขกครั้งนี้ถ้าชาวบ้านจ้างกันค่าแรงวันละ ๒๒๐ บาท ค่าใช้จ่ายวันนี้ตกประมาณ ๒๒,๐๐๐ บาท การลงแขกเกี่ยวข้าว เป็นการลด ค่าใช้จ่ายลงตั้งหลายส่วน ถ้าแต่ละหมู่บ้านร่วมกันลงแขก จะประหยัดเงินได้หลายพันบาทต่อครอบครัว และยังทำให้พี่น้อง ให้หมู่บ้าน สนิทสนมกันมากขึ้น เอาเวลาที่ไปเฝ้าศาสดาโทรทัศน์ มาร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม เพื่อครอบครัว เพื่อหมู่บ้านของตัวเอง จะทำให้ครอบครัว และหมู่บ้าน หายทุกข์ คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน คำตอบอยู่ที่ "คน"

"ที่ใดที่มีความทุ่มเท ที่นั้นมีความเป็นหนึ่ง".

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


สารต้านอนุมูลอิสระ ในเครื่องดื่มสมุนไพรไทย

ปัจจุบันเครื่องดื่มสมุนไพรไทยได้รับความนิยมกันมาก เนื่องจากเชื่อกันว่าเครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพ แต่ยังขาดงานวิจัย รองรับเหมือนของต่างประเทศที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย ซึ่งเขาจะอ้างงานวิจัยมากมายเพื่อขายให้เราในราคาที่แสนแพง บัดนี้ได้มี นักวิจัยของไทยได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าเครื่องดื่มสมุนไพรไทยนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย โดยนักวิจัยของศูนย์วิทยาศาสตร์ การแพทย์ พิษณุโลก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผลการศึกษาวิจัยมีดังนี้คะ

การวิจัยนี้คณะวิจัยได้วิจัยทั้งเครื่องดื่ม สมุนไพรและไวน์ด้วย ในที่นี้จะขอเล่าเฉพาะเครื่องดื่มสมุนไพรเท่านั้นนะคะ คิดว่าเรื่องของไวน์ พวกเราไม่สนใจกันอยู่แล้ว ใช่มั้ยคะ

ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาเครื่องดื่มสมุนไพรจำนวน ๒๐ ตัวอย่าง (เครื่องดื่มสมุนไพร พร้อมดื่ม ๑๖ ตัวอย่าง ชาสมุนไพร ๔ ตัวอย่าง) พบว่า ชาสมุนไพร ประกอบด้วยมะกรูด ส้มแขก ชุมเห็ดเทศ เหงือก ปลาหมอ พริกไทย (ผสมกัน) ของ จ.เพชรบูรณ์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ มากกว่า ร้อยละ ๙๕ น้ำลูกยอ ของจังหวัดเดียวกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าร้อยละ ๙๓ นอกจากนั้นยังมีน้ำมะไฟจีน ชาสมุนไพร ที่ประกอบด้วย มะขามป้อม และ หนุมาน ประสานกาย น้ำกระเจี๊ยบ มีสารต้านอนุมูลอิสระ มากกว่า ร้อยละ ๙๐ ส่วนน้ำเก็กฮวย ผสมสมุนไพร น้ำมะตูม น้ำมะขาม มีสารต้านอนุมูลอิสระ มากกว่า ร้อยละ ๘๐ การทดลองนี้มีสมุนไพรที่ซ้ำกันอยู่หลายตัว แต่ค่าสารต้าน อนุมูลอิสระ มีความแตกต่าง กันบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับคุณภาพการผลิตของแต่ละที่ ที่นำมากล่าวนี้ อาจจะไม่หมดทุกตัว เพียง เป็นตัวอย่าง ให้เห็นเด่นชัดว่า จริงๆแล้วเครื่องดื่มสมุนไพรไทย ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ มากมาย มีประโยชน์ มากกว่า การดื่มน้ำอัดลม ที่แสนแพง และยังทำให้เกิดโรคตามมา

คงยังไม่ลืมนะคะว่าสารต้านอนุมูลอิสระนั้นจะเป็นตัวช่วยทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของความเสียหายของเซลล์ อันเป็นต้นเหตุ ของโรคร้าย เช่น มะเร็ง หลอดเลือดหัวใจตีบ

น้ำสมุนไพรไทยก็เป็นอีกทางเลือกที่เพิ่งผ่านการวิจัยอย่างเป็นทางการ ควรเลือกดื่มให้เหมาะสมกับธาตุของตน ซึ่งตรงนี้ต้องแนะนำ ให้ไปฟังการบรรยาย หรือ จากหนังสือ ของหมอเขียว ที่ได้เขียนและพูดไว้อย่างน่าศึกษามาก

ถ้ามีโอกาสอย่าลืมหาอ่านหรือหาฟังให้ได้นะคะ แล้วจะรู้ว่าของดีมีในประเทศไทย และในอโศกมากมายนักมีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งของร่างกาย และจิตใจด้วยค่ะ.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนปฐมอโศก - อินทร์บุรี

กองนโยบายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรและเกษตรกรรม ยั่งยืน สำนักปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดการอบรมเรื่องการเตรียม ความพร้อม จังหวัดนำร่อง เกษตรอินทรีย์ โดยมีเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ จังหวัดนำร่อง เข้าร่วมอบรม ๑๕๐ กว่าคน

งานนี้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด คุณจุฑามาศ ประทีปะวณิช มาเป็นประธานเปิดงาน ผู้อำนวยการกองนโยบายเทคโนโลยี เพื่อการเกษตร และ เกษตรกรรม ยั่งยืน กล่าวรายงาน มีผู้ใหญ่หลายหน่วยงานมาร่วมอบรมและร่วมอภิปรายด้วยหลายท่าน เช่น พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ (รองประธานคณะกรรมการ ดำเนินการ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ), นายเจริญวิทย์ เสน่หา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบาย และแผน ๗ สำนักปลัดกระทรวงฯ

ในช่วงอบรมได้พาคณะไปดูนาอินทรีย์ตัวอย่างที่เกษตรกรเคยผ่านการอบรมจากชมรมเพื่อนช่วยเพื่อน ทำนาไร้สารพิษได้ประสบผลสำเร็จ เป็นหนึ่ง ในอีกหลายๆตัวอย่าง สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตด้วยการทำนาอินทรีย์ของจังหวัดสิงห์บุรี.

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

หน้าปัดชาวหินฟ้า

นสพ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๒๖๘(๒๙๐) ปักษ์แรก ๑ - ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๘
เจริญธรรม สำนึกดี พบกันอีกครั้งกับ "หน้าปัดชาวหินฟ้า" คอลัมน์เก็บตกข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงชาวเรามาฝากกันเป็นประจำ สำหรับเรื่องราว ในฉบับนี้มีดังนี้

พระโพธิสัตว์ของลูก...เวลาปีหนึ่งๆผ่านไปเร็วจริงๆ ทำให้สังขารก็ทุกๆคนร่วงโรยลงไปทุกขณะ แต่แม้กระนั้นในเรื่องความเมตตากรุณา ของพ่อท่านนั้น ไม่ได้ร่วงโรยลงไปตามกาลเวลาเลย แม้แต่น้อย ดูว่ายิ่งเวลาของอายุขัยลดลงมากเท่าใดๆ พ่อท่านก็ยิ่งเร่งสปีด เผยแพร่ ธรรมะของพระพุทธองค์มากขึ้น อย่างเรื่อง การเขียนคัมภีร์ ให้ชาวเราและชาวโลกแต่ละเล่ม จิ้งหรีดได้รู้มาว่า บางคราว เขียนเพียง หน้าเดียว ต้องใช้เวลาถึง ๓ วัน อยู่ในห้อง ทำงานตลอด ไม่ได้ไปไหน ถ้าเป็นจิ้งหรีดอยู่ในห้องแบบนี้ คงเบื่อแย่ แต่สำหรับ พ่อท่านนั้น ไม่รู้สึกเบื่อเลย กลับเบิกบานแจ่มใส แม้จะเหนื่อย พ่อท่านก็ยอมเหนื่อย ดีกว่านั่งเฉยๆ ก็เหนื่อยๆ เหมือนกัน แต่กลับไม่เป็นประโยชน์อะไร ต่อสังคม ดังนั้นหากการเหนื่อยเพื่อผู้อื่น ก็ดีกว่าเหนื่อยเพราะอยู่กับอิริยาบถตัวเอง สาธุ... จี๊ดๆๆๆ .....

ชอบลงหลุม... คนที่สูงอายุแล้ว ส่วนใหญ่เป็นวัยใกล้ลงหลุม และส่วนใหญ่ก็ไม่อยากลงหลุมหรอก แต่ที่ชุมชนเพชรผาภูมิ จิ้งหรีดไปสัมผัส กับคนสูงอายุที่นั่น ปรากฏว่าอยากลงหลุมกันมาก ขนาดฟังธรรมจากสมณะเสร็จแล้ว ก็รีบลาไปลงหลุม จิ้งหรีดอยากรู้ เลยต้อง ติดตาม บรรดาท่าน ผู้เฒ่าที่เพชรผาภูมิ จ.กำแพงเพชร ไปอย่าง ไม่คาดสายตา และก็ได้เห็นประจักษ์ตา ตัวเองว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้เฒ่า เท่านั้น ที่ชอบลงหลุม คนหนุ่มๆก็ชอบลงหลุมเช่นกัน จิ้งหรีด เห็นคนหนุ่ม ลงหลุมเหลือแต่หัวโผล่ขึ้นมาจากหลุมดินเท่านั้น เหงื่อแตกพลั้กๆ ก็กลับยิ้ม บอกว่าสบายๆ ใครสงสัยไปดูได้นะฮะที่ชุมชนเพชรผาภูมิ แล้วท่าน จะหายสงสัย ไม่เกี่ยงขนาดด้วยนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

เตรียมงานตลาดอาริยะ'๔๙...ช่วงนี้ ชุมชนบุญนิยม ณ ที่ต่างๆ ก็คึกคัก มีความสุขกับการได้ให้ที่ตลาดอาริยะ ณ บ้านราชฯเมืองเรือ จิ้งหรีด ก็รู้สึกประทับใจ ที่คนเราให้กันได้ ตั้งแต่ ๕ ธันวาฯมหาราช ชาวเราก็ตั้งโรงบุญฯกันเป็นร้อย แม้ชาวเราจะเบี้ยน้อย แต่ก็มีเหลือ สามารถ จุนเจือ สังคมได้ ยินดีที่จะไปขายสินค้า ทั้งอุปโภค และบริโภคขาดทุน เพื่อกระจายความสุขให้กับชาวบ้านพี่น้อง ประชาชน ทำไม ชาวบุญนิยม จึงทำได้ ก็ไม่แปลกหรอกฮะ ถ้าเราเข้าใจศาสนา เข้าใจธรรมะ ก็จะเข้าใจได้ว่า "เศรษฐกิจบุญนิยม คนจนรู้พอ เศรษฐกิจ ทุนนิยม คนรวยก็ยังไม่รู้จักพอ" ก็น่าสงสารผู้นำ ในประเทศทุนนิยมนะฮะ ที่จะต้อง เอาใจทั้ง ตัวเองและคนในชาติที่มีนิสัยเหมือนเด็ก กลายเป็น เด็กโข่ง ให้เท่าไรก็ไม่พอ ไม่ว่าจะได้เงินน้อย หรือเงินมากขึ้น...

ปีนี้มีการตั้งกรรมการบริหาร ๕ คน ที่ประชุมเขายกให้เป็น ซีอีโอ ของงานตลาดอาริยะ จริงเท็จแค่ไหนก็สอบถามได้นะฮะ และทั้ง ๕ คน ก็ถือว่า อายุ ยังน้อยกว่าชุดก่อนๆ จะว่าเป็นยังเติร์กก็ได้... ปีนี้การขายที่ตลาด ก็กระจายอำนาจให้แต่ละร้านประมาณเอาเอง จะขายหมด หรือ แบ่งไว้วันต่อไป แค่ไหน ก็จัดสรรกันเองนะฮะ...

จิ้งหรีดก็ได้ข่าวมาจากทางดอยแพงค่าว่า คนวัดที่นั่นรวมตัวกันไปช่วยงานส่วนกลาง ตามที่มีการกำหนดแผนกไปให้ เห็นว่าหลายแห่ง ก็สมัครช่วยงาน ส่วนกลาง รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าในตลาดอาริยะ อย่างนี้ส่วนกลางคงเบาภาระกว่าเดิมนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

ฝ่ากระแสโลกีย์...ผ่านฐานงานมาก็หลายแผนก เมื่อครั้งเป็น นร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ความรู้ที่ได้ถือเป็นประสบการณ์อย่างดี เมื่อไป เรียนต่อข้างนอก ในชั่วโมงเรียนวันหนึ่ง ณ โรงเรียน อาจารย์ถามว่า ใครเคยเห็นก้อนเห็ดบ้าง เธอยกมือ ใครรู้จักน้ำชีวภาพบ้าง เธอยกมือ ใครทำปุ๋ยหมักเป็นบ้าง... เพื่อนๆ ในชั้นก็งง ทำไมถึงรู้ได้ล่ะ นอกจากความรู้ ที่ได้ในชั้นเรียน แม้แต่เรื่องอาหารการกินข้างนอกนั้น หากไม่ระวัง ก็อาจยั่วยวนชวนให้หลงใหลได้มิใช่น้อย ก็อย่าง ในขณะที่เพื่อนๆ กินส้มตำกุ้ง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ... อีกสารพัด แต่เยาวทัศน์ (กระแต) เธอก็ยังยืนหยัดยืนยันทำอาหารมังสวิรัติไปทานเอง แถม ข้าวกล้อง ไร้สารพิษ ที่ทานอยู่นั้น คุณพ่อเป็นคนฝากส่งมาให้ด้วยนะ และแม้เธอจะถูกเย้าแหย่จากเพื่อนยังไง เธอก็ยังมั่นใจในความเป็นนักมังสวิรัติ และมั่นใจ ในศีลของเธอ "ศีลจะคุ้มครอง เธอให้มีความสุข ตราบเท่าชรา"...จิ้งหรีดก็ขอเป็นกำลังใจ แถมสาธุงามๆให้เธอด้วยนะฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

มีแวว...ความเจ็บปวดของการไปผ่าฟันคุด อาจจะไม่เท่าไหร่สำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กนักเรียนก็คงต้อง(อด)ทนมากกว่า วันก่อน ออย (ฟ้าเติมฝัน) เปิดใจว่า เจ็บครั้งนี้ทำให้เธอคิดถึงกฎแห่งกรรมและต้องคอยบอกกับตัวเองว่า มันไม่ปวดมากหรอก เราพอทนได้ เป็นธรรมดา ของสัตวโลก เธอรายงาน สภาวะ และการตรวจศีลครั้งนี้มาให้อาๆได้รับทราบ แถมยังลงท้ายด้วยว่า "หนูจะพยายามรักษาอาการเจ็บปวด ให้หายเร็วๆ พักผ่อนมากๆ พยายาม ไม่ฟุ้งซ่าน และอ่านหนังสือให้มากๆค่ะ" เห็นเธอรายงาน มาด้วยจิตสำนึกของนักเรียน ที่จะพัฒนา ตัวเองให้เป็นสัมมาสิกขา (สส.) ที่มีคุณธรรมแบบนี้ เธออาจเป็นกำลัง ของศาสนาในอนาคตก็ได้ จิ้งหรีดแอบมองและให้กำลังใจ อยู่นะฮะ... จี๊ดๆๆๆ .....

พืชผักนอกพิภพ..คุณศรีฟ้าจากสันติอโศก ออกท่องนอก(พิ)ภพ ได้มีโอกาสไปเยือน ชมร.เชียงใหม่ เจอผัดผักป่ามหัศจรรย์ ไม่มีผักใน (พิ)ภพเลย ไม่น่าเชื่อ ใช้ผักที่หาได้ทั่วไป ตามข้างทาง ไม่เสียสตางค์ ซื้อหา กลิ่นก็หอม รสก็อร่อย แม่ศรีฟ้าบอกกับจิ้งหรีดว่า "หากเรายึดติด อยู่กับผัก ไม่กี่ชนิด เราก็จะมอง ไม่เห็นผักทั้งป่า" กลับจากดอยไม่รอช้า รีบเก็บผักหญ้าริมรั้วหลายชนิดมาผัดดู รสอร่อยเป็นที่ยอมรับ ของทุกคน ในครอบครัว ลงตัวกับนโยบาย ของพ่อท่าน ทุกบ้าน ต้องปลูกผักทานเอง โอโห! เหมือนจิ้งหรีดเลย ถ้าเราเปิดใจ (และเปิดปาก) อะไรก็กินได้ฮะ จี๊ดๆๆๆ .....

โครงการศูนย์คุณธรรม...หลายคนคงได้ยินชื่อนี้ และอยากรู้ว่าทางศูนย์มีบทบาท อย่างไร จิ้งหรีดก็ได้รับรู้จากเครือข่ายกสิกรรม ไร้สารพิษ แห่งประเทศไทย (คกร.) ว่า ทางเครือข่ายได้รับแรงสนับสนุนจากศูนย์คุณธรรม ขณะนี้มี ๔ โครงการ คือ
๑.โครงการพัฒนาคุณธรรมพลังแผ่นดิน (เยาวชนคนสร้างชาติ ชุดที่ ๒)
๒.โครงการพัฒนาคุณธรรมพลังกสิกรแผ่นดิน ซึ่งขอขยายเวลาออกไป อีก ๓ เดือน ถึงวันที่ ๒๘ ก.พ.๒๕๔๙
๓.โครงการฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ ช่วงที่ ๒ จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๔๙
๔.โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ชุมชนต้นแบบด้านคุณธรรม จริยธรรม ช่วงที่ ๑ อยู่ในระหว่างดำเนินการ

ญาติธรรมท่านใด สนใจโครงการต่างๆ ในรายละเอียด จิ้งหรีดก็ขอแนะนำให้สอบถาม อาธำรง แสงสุริยจันทร์ ได้นะฮะ ใครไม่รู้จัก ก็เดินไป ตึกฟ้าอภัยใหม่ ถามใครก็ได้ฮะ อย่างน้อย ๗ คน ก็คงจะมีคนรู้จักแน่นอนฮะ...จี๊ดๆๆๆ .....

มรณัสสติ
นางทองสุก แซ่โซ อายุ ๘๕ ปี ญาติธรรมรุ่นเก่าของกลุ่มภูผาฟ้าน้ำ เสียชีวิต ฌาปนกิจศพเมื่อช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ ๔ ธ.ค.๔๘ ที่สุสานเวฬุวัน ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่

นางสมบูรณ์ สุริยา (คุณแม่ของคุณเกษม สุริยา ชาวชุมชนภูผาฟ้าน้ำ) อายุ ๗๙ ปี เสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ ธ.ค.๔๘ ฌาปนกิจศพ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๒ ธ.ค.๔๘ ที่บ้านสันมะนะ ต.ทุ่งหลวง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

นางสำลี วิจิตรโสภณ อายุ ๗๒ ปี โยมอุปัฏฐากเก่าของปฐมอโศก เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันอังคารที่ ๖ ธ.ค.๔๘ สวดศพที่ปฐมอโศก และพิธีพ ระราชทานเพลิงศพ เป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ธ.ค.๔๘ เวลา ๑๖.๐๐ น. ที่เมรุปฐมอโศก


คติธรรม-คำสอนของพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
ความอดทน สู้ฝืน และเด็ดเดี่ยวของจิต
ประกอบด้วยปัญญาที่ฉลาด
หาเชิงเอาชนะต่อกิเลสได้เสมอเท่านั้น
ที่จะทำให้เราบรรลุธรรม
เพิ่มภูมิสูงขึ้นได้เรื่อยๆ โดยแท้จริง
หากอ่อนข้อ เหยาะแหยะ แพ้กิเลส อยู่เรื่อยๆ นั้น
คำว่า "บรรลุธรรม" หรือได้เพิ่มภูมิให้แก่ตนนั้น
ก็จะได้โดยยาก หรือไม่ได้เอาเลยตลอดกัปกัลป์.

(๒๙ ส.ค.๒๐)
(จากหนังสือโศลกธรรม สมณะโพธิรักษ์ หน้า ๓๑ )

พบกันใหม่ฉบับหน้า
- จิ้งหรีด -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


รายชื่อสมณะ-สิกขมาตุลงอาราม

พุทธสถานสันติอโศก
๑. สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ
๒. สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร
๓. สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ
๔. สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย
๕. สมณะชนะผี ชิตมาโร
๖. สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ
๗. สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช
๘. สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม
๙. สมณะหินแก่น นมวังโส
๑๐. สมณะหม่อน มุทุกันโต
๑๑. สมณะฟ้าไท สมชาติโก
๑๒. สมณะแก่นเมือง เกตุมาลโก
๑๓. สมณะกล้าจริง ตถภาโว
๑๔. สมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ
๑๕. สมณะดงเย็น สีติภูโต
๑๖. สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ
๑๗. สมณะถนอมคูณ คุณกิตตโณ
๑๘. สมณะใจเด็ด จิตตคุโณ
๑๙. สมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ
๒๐. สมณะปองสูญ โฆสิตธัมโม

พุทธสถานราชธานีอโศก
๑. สมณะเดินดิน ติกขวีโร
๒.สมณะแดนเดิม พรหมจริโย
๓. สมณะผิว พาลสุริโย
๔. สมณะผองไท รตนปุญโญ
๕. สมณะลือคม ธัมมกิตติโก
๖. สมณะเด่นตะวัน นรวีโร
๗. สมณะเทินธรรม จิรัสโส
๘. สมณะกล้าตาย ปพโล
๙. สมณะคมคิด ทันตภาโว
๑๐. สมณะแก่นเกล้า สารกโร
๑๑. สมณะฝนธรรม พุทธกุโล

พุทธสถานศีรษะอโศก
๑. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร
๒. สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต
๓. สมณะถ่องแท้ วินยธโร
๔. สมณะกำแพงพุทธ สุพโล
๕. สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ
๖. สมณะชุ่มบุญ กิตติปาโล
๗. สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน

พุทธสถานศาลีอโศก
๑. สมณะเพื่อพุทธ ชินธโร
๒. สมณะเลื่อนลั่น ปาตุภูโต
๓. สมณะเน้นแก่น พลานีโก
๔. สมณะสมชาย ตันติปาโล
๕. สมณะก้อนหิน โชติปาสาโณ
๖. สมณะมือมั่น ปูรณกโร

พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ
๑. สมณะบินบน ถิรจิตโต
๒. สมณะร่มเมือง ยุทธวโร
๓. สมณะนึกนบ ฉันทโส
๔. สมณะลานบุญ วชิโร
๕. สมณะแก่นผา สารุปโป
๖. สมณะดินไท ธานิโย
๗. สมณะตรงมั่น อุชุจาโร
๘. สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ
๙. สมณะหินมั่น สีลาปากาโร
๑๐. สมณะหินเพชร ธัมมธีโร
๑๑. สมณะวิเชียร วิชโย
๑๒. สมณะฟ้ารู้ นโภคโต
๑๓. สมณะหนึ่งดี สุยิฏโฐ
๑๔. สมณะเด็ดแท้ วิเสสโก
๑๕. สมณะพอจริง สัจจาสโภ
๑๖. สมณะธาตุดิน ปฐวีรโส
๑๗. สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ
๑๘. สมณะฟ้าแสง ปภากโร
๑๙. สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต
๒๐. สมณะลึกเล็ก จุลลคัมภีโร
๒๑. สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล
๒๒. สมณะชุบดิน วิชชานันโต
๒๓. สมณะสยาม สัจจญาโณ
๒๔. สมณะสู่สูญ สุญญคโต
๒๕. สมณะแด่ธรรม ธัมมรักขิโต
๒๖. สมณะฟ้าตื่น นมักกาโร
๒๗. สมณะเข็มเหล็ก อโยมโน
๒๘. สมณะด่วนดี สุชโว
๒๙. สมณะอ้วน อภิมันโต

พุทธสถานสีมาอโศก
๑. สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน
๒. สมณะกลางดิน โสรัจโจ
๓. สมณะสร้างไท ปณีโต
๔. สมณะคำจริง วจีคุตโต
๕. สมณะร่มบุญ ฉัตตปุญโญ
๖. สมณะพันเมือง ภทันโต

สังฆสถานทักษิณอโศก
๑. สมณะดินดี สันตจิตโต
๒. สมณะกล้าดี เตชพหุชโน
๓. สมณะชาติดิน ชัญโญ
๔. สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม
๕. สมณะดินทอง นครวโร
๖. สมณะลั่นผา สุชาติโก

สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ
๑. สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว
๒. สมณะพอแล้ว สมาหิโต
๓. สมณะนาทอง สิงคีวัณโณ
๔. สมณะดงดิน สุนทโร
๕. สมณะดาวดิน ปฐวัตโต

พุทธสถานปฐมอโศก
๑. สมณะกรรมกร กุสโล
๒. สมณะคือใคร อโสโก
๓. สมณะเสียงศีล ชาตวโร
๔. สมณะมั่นแจ้ง พุทธชาโต
๕. สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม
๖. สมณะเก้าก้าว สรณีโย
๗. สมณะมองตน เมตตจิตโต
๘. สมณะนานุ่ม กัสสโก
๙. สมณะนาไท อิสสรชโน
๑๐. สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข
๑๑. สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
๑๒. สมณะข้าฟ้า ฐานรโต

สิกขมาตุสันติอโศก
๑. สิกขมาตุจิตรา แซ่ลี้
๒. สิกขมาตุเสริมขวัญ วรรณาบุตร
๓. สิกขมาตุสดใส อโศกตระกูล
๔. สิกขมาตุปราณี ธาตุหินฟ้า
๕. สิกขมาตุบุญจริง พุทธพงษ์อโศก
๖. สิกขมาตุฝนเย็น อโศกตระกูล
๗. สิกขมาตุมาลินี โภคาพันธ์

สิกขมาตุปฐมอโศก
๑. สิกขมาตุผุสดี สะอาดวงศ์
๒. สิกขมาตุมาบรรจบ เถระวงศ์
๓. สิกขมาตุอ่านตน อโศกตระกูล
๔. สิกขมาตุบุญแท้ ปลาทอง
๕. สิกขมาตุพูนเพียร ชาวหินฟ้า
๖. สิกขมาตุมนทิพย์ เรืองศรี
๗. สิกขมาตุใจขวัญ เบญจโศภิษฐ์

สิกขมาตุราชธานีอโศก
๑. สิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล
๒. สิกขมาตุผาแก้ว ชาวหินฟ้า
๓. สิกขมาตุแสงฝน อโศกตระกูล

สิกขมาตุศีรษะอโศก
๑. สิกขมาตุจินดา ตั้งเผ่า
๒. สิกขมาตุพึงพร้อม นาวาบุญนิยม
๓. สิกขมาตุทองพราย ชาวหินฟ้า

สิกขมาตุสีมาอโศก
๑. สิกขมาตุหยาดพลี อโศกตระกูล
๒. สิกขมาตุนวลนิ่ม ชาวหินฟ้า
๓. สิกขมาตุเป็นหญิง อโศกตระกูล

สิกขมาตุศาลีอโศก
๑. สิกขมาตุรินฟ้า นิยมพุทธ
๒. สิกขมาตุต้นข้าว อโศกตระกูล
๓. สิกขมาตุสร้างฝัน อโศกตระกูล
๔. สิกขมาตุเทียนคำเพชร อโศกตระกูล

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เขาคือใคร ?

ชื่อเดิม น.ส.เสาวณีย์ วงษ์สมศรี ชื่อใหม่ ตั้งใจ
อายุ ๓๒ ปี ภูมิลำเนาเดิม จ.ขอนแก่น

ประวัติโดยสังเขป มีพี่น้อง ๒ คน เป็นลูกคนโต พ่อแม่ทำอาชีพชาวไร่-ชาวนา

พบชาวอโศก..สู่..เส้นทางหมู่ชนอาริยะ
มาทำงานอยู่ที่ปทุมธานี ในบริษัทเขตอุตสาหกรรม ทำงานได้ ๓ ปี รู้สึกเบื่อตัวเอง เบื่อโลก เบื่อชีวิตที่มันซ้ำซากจำเจ แล้วพอดีช่วงนั้น มีเทศกาลกินเจ พอได้เห็น ก็เกิดความรู้สึกอยากกินเจ แต่ไม่รู้ว่าเขากินกันอย่างไร ก็มีคนแนะนำให้รู้จักกับอีกคน ที่รับประทานมังสวิรัติ จึงได้เริ่มหัด รับประทานมังสวิรัติมาเรื่อยๆ พอถึง วันที่ ๑๒ ส.ค.๓๗ ได้ไปที่โรงบุญ ชมร.สาขาจตุจักร และได้ฟังธรรมจากพ่อท่าน ได้พบ กลุ่มชาวอโศก เป็นครั้งแรก ประทับใจที่เขาสอนให้คนล้างจานเอง พอวันที่ ๒๕ ส.ค. ปีเดียวกันนี้ก็ตั้งใจ รับประทาน มังสวิรัติอย่างจริงจัง จนถึงทุกวันนี้ ต่อมาพี่ที่ทำงานก็พามาสันติอโศก มาทานข้าว ฟังธรรมในช่วงวันหยุด ก็คบคุ้น กับชาวอโศก มาเรื่อยๆ พอเดือนกันยายน ๒๕๔๕ ก็ไปขออนุญาตพ่อแม่มาเข้าวัดที่สันติอโศก ได้ประมาณเกือบเดือน จึงย้ายมาที่สีมาอโศก ได้เห็นคน มาเข้าคอร์สมหัศจรรย์ ที่ภูผาฟ้าน้ำ รู้สึกสนใจ อยากมา จนถึงช่วงงานฉลองหนาวปี'๔๖ มีโอกาสได้มาที่ภูผาฟ้าน้ำ ก็ขอสมัคร ทดลอง เข้าคอร์ส รู้สึกว่านี่แหละ คือจุดเริ่มต้น เป็นพื้นฐานที่เราจะฝึกฝนตนเอง เลยได้มาอยู่ภูผาฟ้าน้ำจนถึงปัจจุบัน

"คอร์สมหัศจรรย์" ได้ให้อะไร?
ได้เข้าใจคำว่า "ศีล" ชัดเจนมากขึ้น ปีแรกก็ได้รับความเมตตาจากท่านอาจารย์ ๑ และสมณะที่นี่คอยแนะนำ ดูแล ได้ฝึกเป็นลูกไก่ ก่อนฝึกหัด ตัวเองมาเรื่อยๆ รู้สึกตัวเองพัฒนาขึ้น ลงมาฝึกช่วยงานที่ ชมร.ช.ม.เห็นคนมาเข้าคอร์สเรื่อยๆ พอปีที่ ๒ จึงได้เข้ามามีส่วนร่วม ดูแลเด็กๆ ที่มาเข้าคอร์สจากที่ต่างๆบ้าง และ ได้ฝึกเป็นแม่ไก่ บางครั้งก็เครียด เพราะไม่รู้จะปฏิบัติกับเด็กอย่างไร เรายังไม่เข้าใจเด็ก ก็อาศัยการสังเกตเวลาท่านอาจารย์พาเราเข้าคอร์ส ถึงตอนนี้ ก็เข้าใจเด็กมากขึ้น มาเป็นแม่ไก่เด็กนักเรียนภูผาฟ้าน้ำ รู้สึกเราได้เรียนรู้ จากเด็กมาก เหมือนเด็กเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวเราออกมา ได้เห็นตัวเองมากขึ้น ฝึกปรับพยายามเข้าหาเด็ก จะทำอย่างไร ให้เขาอบอุ่น มีความสุข กับระบบบูรณาการกับแม่ไก่ ก็ดีใจที่ได้เห็นการพัฒนาของเด็กๆที่นี่

ข้อคิด
การปฏิบัติเริ่มต้นเราต้องเข้าใจคำว่า "ศีล" ให้ชัดเจนก่อนและลงมือปฏิบัติ มองดูตัวเองเป็นหลักว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกหรือผิดอยู่ที่ตัวเรา ในระบบแม่ไก่ ก็เป็นตัวหนึ่งที่เสริมให้เราเรียนรู้การย้อนมองตัวเองมากขึ้น และคิดว่า นี่คือการแก้ปัญหาระบบการศึกษาที่ถูกทาง เราได้อยู่ กับเด็ก ศึกษาเด็กอย่างใกล้ชิด สามารถบอก และแนะนำให้สัมมาทิฐิเด็กได้ และก็ทำให้ตัวเราเองเจริญขึ้นได้ เหมือนได้เรียนรู้ไป พร้อมๆกับเด็ก

ฝากท้ายอีกนิด
มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี เป็นทั้งหมดทั้งสิ้นของพรหมจรรย์

- หญิง ฟ้าใกล้รุ่ง รายงาน -

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


เด็กไทยเสี่ยง ป่วยเบาหวาน
เล็งจัดระเบียบร.ร. ห้ามขายน้ำอัดลม

โรคเบาหวานคุกคามเด็กไทย ป่วยพุ่งเกือบ ๒๐ เท่า เหตุกินน้ำตาลปีละ ๑๑ กิโลกรัม พบผู้ป่วยอายุแค่ ๘ ขวบ องค์การอนามัยโลก ระบุภัย เบาหวาน ร้ายกว่าเอดส์ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เตรียมออกกฎเหล็ก ห้ามขายน้ำอัดลม ขนม ในโรงเรียน

ที่โรงแรมสยามซิตี้ สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน โครงการภาวะ โภชนาการ เกินในเด็ก มูลนิธิ สาธารณสุขแห่งชาติ แถลงข่าววันเบาหวานโลก "อลหม่านเบาหวานในเด็ก"

น.พ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า เด็กทั่วโลกและเด็กไทยป่วยด้วยโรคเบาหวานมากขึ้น ขณะนี้เด็กไทยจำนวนมาก ป่วยด้วย โรคเบาหวาน จากสภาวะอ้วน อันเกิดจากพฤติกรรมการกิน ที่ไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย การทำงาน ของอินซูลินมีปัญหา จนป่วย เป็นโรค เบาหวานในที่สุด ขณะที่อ งค์การอนามัยโลก ระบุว่า ตั้งแต่ปี ๒๐๐๓ ถึงปี ๒๐๐๕ ประชากร เบาหวานจะเพิ่มขึ้นถึง ๗๑ % มีผู้ป่วย โรคนี้ ๓๔๔ ล้านคน ทั้งยังประกาศว่า โรคเบาหวาน เป็นโรคที่อันตรายสูงสุด ยิ่งกว่าโรคเอดส์ เพราะมี ผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน ปีละประมาณ ๓.๒ล้านคน ขณะที่โรคเอดส์เสียชีวิต ๓ ล้านคนต่อปี ถือเป็นประวัติศาสตร์ ที่โรคไม่ติดเชื้อ คร่าชีวิตมนุษย์ได้มากกว่า โรคติดเชื้อ ในสหรัฐฯ วัยรุ่นเป็นโรคนี้ ๔ ใน ๑,๐๐๐ คน ขณะที่ญี่ปุ่น ปัจจุบัน มีผู้ป่วย เบาหวาน เพิ่มขึ้น ๓๐ เท่าจากปี ๒๕๓๕ สำหรับ สถานการณ์ในประเทศไทย ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากโรคเบาหวานคุกคามเข้าไป สู่เด็กๆ" น.พ.สุภกร กล่าว

น.พ.สุริยเดว ทริปาตี โฆษกเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า มีคนไข้เด็กที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นทุกปี และมีอายุน้อยลง เรื่อยๆ ล่าสุด พบผู้ป่วยเบาหวาน อายุ ๘ ขวบ มีน้ำหนักมากถึง ๖๐ กิโลกรัม ถือว่าอ้วนเกินมาตรฐานถึง ๑๖๒ % ซึ่งการที่เด็กต้องมาป่วย ด้วยโรคเบาหวาน จะสร้าง ความทุกข์ทรมาน ให้แก่เด็กๆอย่างมาก เพราะถูกจำกัดเรื่องการรับประทาน ต้องเจ็บตัวจากการถูกเจาะเลือด บ่อยๆ ตามกระบวนการรักษา ต้องขาดเรียน พร้อมๆกับพ่อแม่ที่ต้องขาดงานพาลูกมารักษาเป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่าย

ที่สำคัญเด็กเหล่านี้ต้องกินยาไปตลอด ผลลัพธ์คือเด็กจะต้องเป็นโรคเบาหวานไปตลอดชีวิต บางรายอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ดวงตา ไต ปลายประสาท ส่วนขา ส่วนพ่อแม่ก็อาจกลายเป็นโรคเครียด สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคเบาหวานในเด็กคือ อ้วนจนผิวหนัง รอบคอ และรักแร้ ดำเป็นปื้น มี อาการ ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย กินจุ ชาตามปลายมือปลายเท้า พ่อแม่ปู่ย่า ตายายเป็นเบาหวาน

ท.พญ.สุณี วงศ์คงคาเทพ ทันตแพทย์ ๘ กองทันตสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารรสหวาน ที่มีอิทธิพล ต่อปัญหาฟันผุและโรคอ้วน ในเด็กไทยอายุต่ำกว่า ๕ ปี จำนวน ๔,๕๕๖ คน ใน ๒๐ จังหวัด พบว่า เด็กบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยวันละ ๓๐.๔ กรัม เท่ากับ ๘ ช้อนชา หรือประมาณ ๑๑ กิโลกรัมต่อปี ขณะเด็กถึง ๑ ใน ๔ ที่บริโภคน้ำตาล มากกว่าวันละ ๔๐ กรัม เท่ากับ ๑๐ ช้อนชา ซึ่งมากเกินกว่าจำเป็น ถึง ๖๕ % ดังนั้น ในเด็กกลุ่มนี้ ๑ ใน ๒ คน จึงมีปัญหา ฟันผุ และเป็นโรคอ้วน ๑ ใน ๑๐ คน ทั้งนี้เด็กอายุต่ำกว่า ๕ ปี ๑๖ % บริโภคอาหารที่มี รสหวาน เป็นประจำ โดยยิ่งโต จะยิ่งกินหวานมากขึ้น จาก ๑๒.๗ % ในกลุ่มอายุ ๒ ปีเป็น ๒๑.๔ %

"แหล่งน้ำตาลที่เด็กอายุต่ำกว่า ๔ ปี ได้รับเป็นประจำคือ นมหวานและนมเปรี้ยว ๔๒.๖ % น้ำอัดลม ๑๕.๔ % ซึ่งเด็กๆ จะรบเร้าให้ ผู้ปกครอง ซื้อให้กิน เพราะได้รับ อิทธิพลจากการดูโฆษณาในทีวี และอยากได้ของแถมที่มากับขนม ผู้ใหญ่ ก็ซื้อขนมให้เด็กเพราะความรักเด็ก อีกด้วย โดยที่ครอบครัว จะต้อง จ่ายเงินค่าขนมเพิ่มมากขึ้น ตามอายุของเด็ก สำหรับค่าขนมโดยเฉลี่ยนั้นเด็กอายุ ๒ ปี มีค่าขนมราววันละ ๑๔.๕๐ บาทต่อวัน หรือ คิดเป็นปีละ ๕,๒๒๐ บาท ส่วนเด็ก อายุมากกว่า ๔ ปี มีค่าขนมราววันละ ๒๐.๔๐ บาท หรือปีละ ๗,๔๔๖ บาท เทียบเท่ากับมูลค่าของทอง ๓ สลึง" ท.พญ.สุณี กล่าว.

(จาก นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันที่ ๑๑ พ.ย.๔๘)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]


ปฏิทินงานอโศก
งานตลาดอาริยะ ปีใหม่'๔๙ ณ พุทธสถานราชธานีอโศก ศุกร์ที่ ๓๐ ธ.ค.๔๘- จันทร์ที่ ๒ ม.ค.๔๙
ตลาดไร้สารพิษ 'เพื่อฟ้าดิน' ครั้งที่ ๑๓ ณ พุทธสถานราชธานีอโศก ศุกร์ที่ ๒๐ - อาทิตย์ที่๒๒ ม.ค.๔๙

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ปลุกกระแสสุดยอดส้วมสาธารณะ
ตั้งเป้าที่ ๑ เอเชียชูจุดขายท่องเที่ยว

ปลุกกระแสคนไทยใส่ใจความสะอาดส้วมสาธารณะ ผลักดันให้เจ๋งสุดในเอเชีย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมช. สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการส้วมสาธารณะไทย เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับกระทรวง มหาดไทย กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงส้วมสาธารณะทั่วประเทศ ให้มี มาตรฐานตามกรอบ การทำงานใน ๓ เรื่องหลัก ได้แก่ ความสะอาด ความเพียงพอต่อความต้องการ และความปลอดภัย

สำหรับแนวทางการพัฒนาได้เลือกสถานที่ ๑๑ ประเภท โดยส่วนใหญ่เป็นสถานที่สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย รัฐบาล ที่ต้องการ ผลักดันให้ไทย เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวในเอเชีย ในปี ๒๕๕๑ หากห้องส้วมมีความสะอาดจะเป็นอีกข้อหนึ่ง ที่ทำให้ นักท่องเที่ยว ตัดสินใจเดินทางมา

กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้งบประมาณจำนวน ๙ ล้านบาท ปลุกจิตสำนึกให้คนไทยร่วมมือกันรักษาความสะอาด เมื่อใช้บริการ ส้วมสาธารณะ เบื้องต้น ได้จัดโครงการ ประกวดสุดยอดส้วมแห่งปี ๖ ประเภทคือ สถานที่ท่องเที่ยว โรงพยาบาล สวนสาธารณะ โรงเรียน สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และ สถานีขนส่ง เพื่อเป็นตัวอย่างการพัฒนา ซึ่งห้องส้วมที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จ.เพชรบุรี ได้อันดับ ๑ ในหมวด สถานที่ท่องเที่ยว และปั๊ม สามชายปิโตรเลียม จ.สระบุรี เป็นอันดับ ๑ ในกลุ่มปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

จากการสำรวจส้วม ๑,๐๐๐ แห่งทั่วประเทศได้มาตรฐานเพียง ๔๙ % ในปี ๒๕๔๙ จะเร่งพัฒนาเป็น ๖๐ % และปี ๒๕๕๑ เพิ่มเป็น ๙๐ % ซึ่งปีดังกล่าว คาดว่า ประเทศไทยจะติดอันดับ ๑ ในเอเชียที่มีความสะอาดที่สุด ปัจจุบันประเทศที่ได้รับการยอมรับถึงความสะอาด คือ เกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์.

(จาก นสพ.โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๒๒ พ.ย.๔๘)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

ทักษิณลุยเว็บโป๊ รอฤกษ์วันเด็ก'๔๙ ล้างบางสื่อลามก

นายกรัฐมนตรีประกาศกวาดล้างสื่อลามก ในวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๔๙
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์สังคมไทย วานนี้ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนสถานีโทรทัศน์ ทุกช่องเข้าร่วม

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า ในวันเด็กแห่งชาติประจำปี ๒๕๔๙ นายกรัฐมนตรี จะประกาศ มาตรการหลายเรื่อง ที่จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เช่น การประกาศกวาดล้างสื่อลามก ประกาศ ส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์ โดยมีแนวคิดที่จะให้มหาวิทยาลัย และองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีความสนใจเกี่ยวกับสื่อสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน เข้ามานำเสนอ รายการทางโทรทัศน์และวิทยุ รัฐบาลจะเป็น ผู้สนับสนุน งบประมาณให้ ส่วนรายการที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กและเยาวชน ที่มีอยู่ ในขณะนี้ ถ้ามีปัญหารัฐบาลพร้อมสนับสนุน งบประมาณให้

น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังจะมีการจัดระเบียบร้านอินเทอร์เน็ตและเกมออนไลน์ ให้เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปีเล่นเกมออนไลน์ได้วันละไม่เกิน ๓ ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้จะมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆระดมความคิดเห็นจากเด็กและเยาวชนว่า อยากเห็นสื่อสร้างสรรค์ในสังคมเป็นอย่างไร

นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นห่วงเรื่อง เว็บไซต์ ลามก และสั่งการ ให้ปิดเว็บไซต์ ที่ลามกโจ่งแจ้ง ส่วนที่เป็นเว็บไซต์ในประเทศให้เร่งปราบปราม โดยนายกรัฐมนตรีกำหนดว่า ภายในเดือน ธันวาคมนี้ ต้องปราบปราม ให้หมด คิดว่าเรื่องนี้ไม่ยาก ซึ่งขณะนี้ มีเว็บไซต์ทั้งหมด ๘ แสนเว็บไซต์ โดย ๑ ใน ๓ เป็นเว็บลามก.

(จาก นสพ.โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๒๖ พ.ย.๔๘)

[จบข่าว...กลับไปหัวข้อข่าว]

 

เจ้าของ มูลนิธิธรรมสันติ สำนักงานและพิมพ์ที่ โรงพิมพ์มูลนิธิธรรมสันติ
67/1 ซ.ประสาทสิน ถ.นวมินทร์ บึงกุ่ม กทม. 10240 โทร.02-3745230 ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นายประสิทธิ์ พินิจพงษ์
จำนวนพิมพ์ 2,600 ฉบับ

[กลับหน้าสารบัญข่าว]

อ่านฉบับย้อนหลัง: