570309_พ่อครูเทศนาธรรม ที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ในงานรำลึกวีรชน ราชดำเนิน
เรื่อง ศิลปะ ๕ แบบ

        วันนี้เราจัดขึ้น เพื่อทำพิธี เพื่อให้เกิดคุณธรรม คุณภาพ กายกรรม เราก็มีการให้ มีแจกอาหาร เกื้อกูลกัน ก็เป็นการทาน การให้เสียสละ จาคะ เอาออกจากเรา ของเรา เป็นวัตถุ ส่วนมากทำทานนั้น เขาทำ ไม่ได้อานิสงส์ เพราะจิต ไม่ได้ให้ ให้สิ่งของ แต่ใจกลับโลภ ไม่มีมนสิกโรติ ทำใจไม่เป็น โยนิโสมนสิการ ไม่ทำให้ใจ เกิดโน้มเอน ชี้นำไปทางไหน? จิตต้องน้อมไป เรียกอธิมุติ ต้องเป็นทิศทาง จิตสละออก อ่านใจให้ออกว่า เป็นการทาน สละออก ผู้ศึกษาธรรมะเข้าใจ แม้เป็นอภิธรรม เราก็เข้าใจ อ่านออก

        เราจะทานด้วยวัตถุ สิ่งของ แรงงาน ความรู้ เราต้องเข้าใจว่า เรามาให้ ไม่ใช่มาเอา ไม่ได้ต้องการ มาเป็นของเราอีก หรืออยากได้ มากกว่าเก่า อย่างนี้ไม่มีอานิสงส์ ไม่เป็นบุญ

        ทาน ต้องมีองค์ประกอบศิลป์ Composition ในการทำให้เกิดพิธีการ แล้วโน้นน้อม ให้จิตวิญญาณ เข้าสู่ทิศทาง ที่ต้องการ Convergence สู่ทิศทางนิพพาน

        ต้องรู้ว่า ทิศทางโลกีย์ กับโลกุตระ ต่างกัน โลกีย์คือ ได้สมอยากเสพกาม อัตตา แต่ทิศทางโลกุตระ ก็เป็นทิศทาง ออกจากกาม อัตตา เราต้องรู้ว่า จิตเราโน้มน้อม ไปทางไหน ต้องอ่านออก รู้อาการจิต จิตมีตาทิพย์ อาการเกิดขณะนี้ สัมผัสอยู่ นี่ฟังธรรมอยู่ จิตเราก็ต้องตรวจ สอบดูว่า เมื่อกี้นี้ เราอธิษฐาน ตั้งใจอย่างไร เป็นทิศทางการให้ หรือทิศทางการเอา ขอให้ได้หล่อ รวย ได้บ้านได้เมือง จิตก็เป็นจริงนะ เป็นมโนกรรม เกิดแล้ว ไม่เข้าทิศทาง ต้องรู้จักทิศทาง เส้นทาง Convergence องค์ประกอบ โน้มนำสู่ทิศทาง โลกุตระ จิตโน้มไปทางไหน

        เห็นเลยว่า มันจะดึงไปโลกีย์ เราก็สู้มัน โครงการแสนล้าน พันล้าน จิตมันจะเอา เราก็สู้มัน ให้จิตวางปล่อย มันทุจริต เราก็ชัดเจนเลย ฝึกดีๆ การทำฌาน คือการอ่านจิต เพ่งเผากิเลส

        เรามีวิปัสสนาญาณ เห็นจิตเจตสิก เห็นรูป คือสิ่งที่ถูกรู้ แม้จิตเราก็รู้ได้ มันโน้มไปทางไหน โลกุตระหรือโลกียะ  เป็นองค์ประกอบ ให้คุณเห็น สร้างองค์ประกอบ ให้คุณเข้าใจ ถ้าให้เข้าใจ เป็นโลกีย์เป็นอัตตา ได้ลาภยศ แต่ถ้าบอกว่า ละหน่ายคลาย เราติดโลกธรรม กาม อัตตา เราก็โน้มทางโลกุตระ ผู้เห็นเช่นนี้คือ มีวิปัสสนาญาณ​ ไม่มีรูปร่าง เส้นสาย

        การสอนบอกแบบนี้ เป็นวิธีการ ที่เราประกอบขึ้น ถนนเส้นนี้ เป็นถนนประวัติศาสตร์ เกิดการแย่งอำนาจ ทำร้ายทำลาย จนเจริญขึ้น แต่ก็ไม่เจริญซักที แต่ครั้งนี้ กปปส. ทำสงบได้ดี จนสามารถ ทำพิธีการฉลอง การปฏิวัติ​ เราทำอยู่ในหมู่นี้ เราไม่ได้ทำกว้าง แต่จะลึกสู่จิตวิญญาณ มากหน่อย ก็ยากหน่อย คนจะสนใจน้อย รูปเสียงกลิ่นรส ไม่มาก มีรถที่ตะแคง มีรอยกระสุน รอยเลือด ที่คนเจ็บคนตาย เป็นประวัติศาสตร์ ก็นำมาให้คนเห็น คนระลึกถึง

        ถ้าจะเรียกองค์ประกอบ เหล่านี้ว่า เป็นสุนทรียะ ก็ทำให้คนเข้าใจ เข้าไปถึงเนื้อหา รวมองค์ประกอบ ทั้งวัตถุ และคน ทำให้จิตเกิดรู้ว่า อะไรคือกุศล หรืออกุศล เป็นศิลปะอภิธรรม นี่ต้องเรียน ขึ้นป.เอก

        อย่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ข้างหลังนี่ เป็นเครื่องเตือนสติ ให้รู้ว่า มีการแย่งชิง อำนาจกันนะ อาตมา ก็ทราบ ประวัติมาบ้าง เป็นการออกแบบโดย มล.ปุ่ม มาลากุล วางฤกษ์ ​๒๔ มิ.ย. ๒๔๘๒ โดยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม  ก่อสร้าง กค. ๒๔๘๒ มีศจ. ศิลป์ พีระศรี ควบคุมการก่อสร้าง มีมล.ปุ่ม ออกแบบ ลงทุนไปทั้งหมด ๒๕๐,๐๐๐ บาท

        แถวนี้มีโชว์รูมเบนส์ อาตมายังมาเลือกซื้อกับแฟนเลย จะเอาสีฟ้า คันหนึ่ง แสนสองหมื่นบาท รุ่นใหม่เลย แต่ก็มาบวชก่อน ไม่ได้ซื้อ อาตมาตอนนั้น เป็นนักเล่นรถด้วยนะ แล้วก็พอเล่นได้ สังคมยั่วย้อม มอมเมากัน

        พอมาถึงวันนี้แล้ว สิ่งที่เหลือเป็นศิลปะ อาตมาก็จะอธิบาย ความหมายของศิลปะ ทุกวันนี้ เขามอมเมากัน ใช้ สี เส้นแสง เสียงล่อคน แล้วไปกันใหญ่ เป็น Abstract เป็นนามธรรม แล้วก็ไม่รู้ว่า สื่ออะไร เลอะไปหมด คนไม่เข้าใจ กลายเป็น ยิ่งติดในสีเส้นแสง จิตยิ่งติดในกาม เป็นงานที่ทำลาย จิตวิญญาณ

        อาตมาแบ่งศิลปะ ๕ ขั้น
        ๑.ลามก ๒.ราคะ ๓.สาระ ๔.ธรรมะ ๕.โลกุตระ

        มีขั้นตอนศิลปะอย่างนี้ ทุกวันนี้ คนที่มาทำศิลปะ แม้แต่วรรณศิลป์ นาฏกรรม และดนตรีการ กลายเป็น เรื่องมอมเมา เพิ่มกิเลส เป็นเรื่องเข้าข่าย ลามก อนาจาร จะโป๊เปลือยก็ไม่สน ยั่วให้จิตก่อให้เกิดราคะ กาม อาตมาบอกวิธี ที่จะอ่านว่า อะไรเป็นศิลปะ อะไรเป็นอนาจาร

        คนที่สามารถเขียนรูปเปลือย หรือปั้นก็แล้วแต่ แต่คนดูแล้ว เห็นแล้ว กามลด นี่คือศิลปะ แต่ถ้าดูแล้ว กิเลส กาม ราคาะขึ้น นี่คือ ลามกอนาจาร อาตมายังไม่ค่อยเห็น คนที่เขียนนู๊ด ให้เป็นศิลปะ ซักเท่าไหร่ เคยเห็นรูปของ ปิกัสโซ่ ก็เอานมไปข้าง เอาขาแขนไปอีกทาง เห็นแล้ว ก็กามลด ไม่เกิดกาม ดูแล้วเกิดไตรลักษณ์ อย่างนี้เป็นศิลปะ ขั้นโลกุตระเลย ส่วนมากทำไม่ถึง ลามกซะเยอะ ไม่ว่าจะเป็นละคร เป็นเพลง ดนตรีการ นาฏกรรม วรรณกรรม ก็ส่อให้เกิดกิเลส พอกหนา แทนที่จะสังเวชใจ แต่ไปเสริม ลามก หลอกขายกัน หาตังค์ แล้วเรียกว่าศิลปะ นั่นไม่ใช่เลย นี่คือ คนทำลายศิลปะ ทำให้ศิลปะเสื่อม

        ขั้นราคะนี่เยอะ ไม่ลามก แต่ว่าเสริมกิเลส เขาทำลามก ก็ผิดกฎหมาย แต่ก็ทำเป็นขั้น ราคะ
        ขั้นสาระ เข้า Core หรือ Assent  จะมีสุนทรียะ ประกอบ จิตสัมผัสแล้ว จิตตั้งหลักได้ ว่าโลกต้องเป็นเช่นนี้ คนส่วนมาก เป็นปุถุชน ยั่วกันด้วยกามโทษ ถ้าสาระไม่มีสุนทรีย์เลย ก็เป็น สารคดี ไม่ใช่ศิลปะ วรรณกรรม กับสารคดี ไม่เหมือนกัน

        วรรณกรรม เช่น การแสดงเส้นเสียง สีแสง ดนตรีกาล ถ้าสามารถ ทำให้กิเลสลด จางคลาย นี่คือศิลปะ แต่ถ้ากิเลสเพิ่มนี่คือ ไม่ใช่ศิลปะ

        ขั้นธรรมะ ถ้าให้จิตโน้มน้อม ไปเป็นธรรมะได้ ก็เป็นงาน ระดับธรรมะ อย่างนี่ ที่เราทำศิลปะ ที่ถนนนี่ อย่าให้เกิดจิตเลวร้าย อาฆาตพยาบาท ชิงชังกัน นี่ไม่ใช่ศิลปะ แต่ต้องดูแล้ว เกิดสำนึก จะทำอย่างไร ให้องค์ประกอบ ฮาร์โมนี่ มีฤทธิ์ นำพาไปสู่ โลกุตระ อันนี้ต้องมีความรู้เข้าใจ เพื่อจัดองค์ประกอบศิลป์ ให้เกิดผล ไม่ว่าจะรูปปั้น สถาปัตยกรรม  ก็ตาม เป็น Architecture  รวมทั้งมนุษย์ ด้วยเป็นองค์ประกอบ แต่คนจะมาสนใจ อย่างนี้น้อยคน แต่คนไปสนใจ เต้นดีดนั้น มากกว่า รสนิยมโลกุตระนั้น จะมีน้อยกว่าเป็นปกติ อาตมาเข้าใจเลย ไม่ได้ลงโทษ ตนเองด้วยว่า ไม่มีฤทธิ์ ให้คนสนใจมากมาย แต่เข้าใจเลย ทำแล้วมีคนพอได้ ตอนแรก มีคนไม่กี่คน แต่ว่าพอนานไป ก็มีคนมาเพิ่ม ขออภัยไม่ได้ข่มกันนะ  แต่ของเขาก็ร้อน แต่ของเรานี่แดดร้อน ก็เข้าใจว่า เป็นเรื่องน่าได้ เป็นเรื่องจำเป็น เรื่องดี ฟังธรรมแล้วเกิดโสดาบัน เท่านี้ก็คุ้มแล้ว เราใช้อย่างนี้ เป็นองค์ประกอบ

        ต่อมา มีคนกางร่มให้พ่อครู... พ่อครูว่า อย่างนี้ เขาอาจไปเล่นแง่ได้ว่า เป็นอำมาตยาธิปไตย เพราะได้อยู่ร่ม แต่พวกคุณ อยู่แดด แต่ว่า ในมหาจักรวาลนี้ ไม่มีสิ่งใด เท่ากันเลย มีสิ่งเดียวที่เท่ากัน สิ่งนั้นคือ นิพพาน เท่านั้น ที่เสมอภาค อรหันต์เล็ก กับอรหันต สัมมาสัมพุทธะ นั้นเหมือนกัน คือ ไม่มีกิเลส เป็นนิพพาน เหมือนกัน

        เราเข้าใจ จะใช้โอกาส แทรกยาทิพย์ เข้ารูขุมขน คือเอาสัจธรรม มาให้ งานประท้วง เราก็ทำอยู่ แต่เราก็มีกิจกรรม มีองค์ประกอบ เราจัดไปตามโอกาส ลึกซึ้ง แม้แต่ที่เราทำ กปปส.นี่เกิดมวลมนุษย์ รวมกัน ให้เป็นมวลใหญ่ ก็มีผลต่อสังคม มีจุดมุ่งหมายนะ มีปราถนาสำคัญ คือต้องการให้เกิดพลัง ที่จะให้คนรู้ คนยอม เป็นการต่อสู้ ด้วยความสงบ คนด้านคนดื้อ เขาไม่ยอมง่ายๆ เหลือใยนิดเดียว แต่แข็งด้าน อย่างนี้เหลือใยนิดเดียว แต่ก็ยังขอ รักษาการณ์ให้ได้ จะตายในสนามรบ ประชาธิปตาย อาตมาละซึ้งใจ จริงๆว่า อกุศลกรรม ของคนเกิดให้เห็น ให้หลับตา ปิดทวาร ๖ ก็ยังรับรู้เลย เขาปิดกันให้แซดเลย ประเทศไทย ก็มีสิ่งที่หยาบด้านกว่า สมัยพระพุทธเจ้า โสกโดก แต่เราก็ต้องทำ มาถึงวันนี้ เห็นอัตราก้าวหน้า สวยงามเลย

        ใครจะรู้ว่า ความสงบ สยบลูกปืน วันที่ ๑๘ นี่เขาเอาตำรวจ ขนอาวุธมาเพียบ ขนรถเครื่องกลหนักมา ตอนนี้ เขามา ขอคืนอยู่นี่ เราก็ยังไม่ให้ เพราะเป็นวัตถุพยานนะ ให้ศาลตัดสินก่อน ตำรวจมาทำอย่างนี้ เป็นลักษณะ ช่วยกบฎ แล้วเราก็เห็น ธรรมฤทธิ์ ตำรวจวิ่งหางจุกตูด หัวซุกหัวซุน ทิ้งปืนทิ้งรถไปเลย เราทำสงบ นั่งสงบ แต่ไม่รู้ว่า ใครมาช่วย มีคนที่เป็นธรรม มีอัชฌาสัย ทนไม่ได้ต่อกรุณา เราก็ไม่ได้อยาก ให้เขามาช่วย แต่เขาก็มา ป้องกันให้ แม้ตำรวจ เขาป้องกันตัวเอง ก็เลยยิงสาดใส่ คนตายไปหลายคน มีร่องรอย เหลืออยู่เลย

        ไม่ใช่ให้เกลียดชัง ตำรวจเขาถูกสั่งมาให้ทำ สุดท้ายก็หนีตาย แล้วให้เขามาฆ่าคน ที่เขาไม่ทำอะไรเรา นั่งพนมมือ สวดเมตตา ใจคนไม่ใช่ใจเสือ สัตว์ เขาก็วิ่งหนี ตำรวจมีตายด้วย เราไม่ได้ทำ กปปส.ไม่ได้ทำจริง แต่คนไม่เชื่อ ซึ่งใครจะทำ ให้ตำรวจตาย ก็มีฆ่ากันเองก็มี ตำรวจทำเอง เป็นป็อบคอร์น ใส่โม่งมาทำ ก็มี

        เราต้องศึกษา Phenomena เราให้เข้าใจองค์ประกอบ มีลีลา วิญญัติ เคลื่อนไหวให้เรารู้ องค์ประกอบ ที่มาจากใจที่ อกุศลหรือกุศล เราก็อ่านให้รู้ รู้สิ่งที่สัมผัสได้ แม้นามธรรม ถึงรูป ๒๔ ก็อ่านได้ จนสามารถ จัดสรรสัจธรรม ให้ตนเองบรรลุ วิการรูป ปริเฉทรูป บรรลุ จิตว่างเป็นอากาส เบาเป็นลหุตา เป็นมุทุตา เป็นจิตไวเร็ว ไม่แข็งกระด้าง เชิงปัญญารู้เร็ว เชิงเจโต ก็ปรับได้ไว เป็นมุทุตา เรียกจิตหัวอ่อน แล้วก็ทำกรรม การงานเป็น กัมมัญญตา เป็นปัญญา ชนิด โลกุตระ ก็เป็นการกระทำ เหมาะควรดี เป็นศิลปะ มีฤทธิ์แรง ให้คนสัมผัส แล้วจิตดำเนิน สู่โลกุตระ

        ส่วนลามกนั้น ไม่ใช่ศิลปะ มีกฎหมายควบคุมอยู่ ส่วนราคะ นั้นเขาหลอกว่าเป็นศิลปะ หลอกว่า ไม่ลามกอนาจาร หลอกว่าศิลปะ แต่หลอกจัดจ้าน พลางลวง ในโลกนี้ เป็นราคะเสียเยอะ มากเลย

        ส่วนสาระนั้น มีสุนทรียะประกอบ แต่ถ้าไปหลงสุนทรียะ ไม่เข้าใจสาระ ก็มอมเมา

        อาตมาทำศิลปะมา ตลอดชีวิต แต่คนไม่เข้าใจหรอกว่า อาตมาทำศิลปะ แต่ก็ได้ผลมาตลอด อย่างงานการเมือง ที่ออกมานี่ ก็ทำได้ผล

        ยศ ยิ่งสูง ก็มีอำนาจ สั่งการมาก คุณต้องรับผิดชอบหนัก ไม่ใช่เอามากดขี่ ข่มเหงชี้ใช้ เอาเงิน มาฟาดหัวคนอื่น แล้วใช้เป็นเบี้ย ให้ตนชนะ เกมการเมือง เพื่อรวบอำนาจ หลอกคนทั้งชาติ คนไม่เข้าใจ ก็ตกเป็นเหยื่อ พูดกันก็ไม่เชื่อ บางคนก็ถูกหลอก แม้เป็นชาวอโศก เขาก็ยังศรัทธาอาตมา เขาก็ส่งข้อมูลมา ขออภัย ที่ต้องบอกนะ แม้เป็นเรื่องเสี่ยง หมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย เขาส่งข้อมูลว่า ๑๐๐ % เลย ว่าในหลวงเป็นอย่างไร แล้วเขาปิดข่าวกัน แต่ต่อมา ก็ปรากฎว่าไม่ใช่ เขาก็ส่งข้อมูลมาเรื่อย เป็นไปได้ปานนั้น สังคมเรา ก็มีคนถูกหลอก มีคนตั้งใจหลอก ตอนนี้ เวทีแดงแรงมาก เพราะเขาดิ้น เฮือกสุดท้าย เป็นลมหายใจ เฮือกสุดท้าย พยายามทุกอย่างเลย ลงทุนมาก อาตมา ตั้งข้อสังเกตุว่า สีแดงเฉดเดียวกันเลย เป็นการจัดตั้ง  ถ้าไม่ใช่มาจัดตั้ง ก็ต้องมาหลายเฉดสี แม้สีแดง ก็มีหลายเฉดสี  แต่แดง เขาเฉดเดียวกันเลย มันมาจากบ่อเดียวกันเลย อาตมาก็อ่านออก หรือบางคน อาจซื้อมาเอง แต่เขาก็ต้องรู้จักบ่อ ที่จะสั่งซื้อ เขาไม่หลากหลาย หลอกคนไม่สนิท แต่ของเรานี่ หลากหลาย เป็น Unity of Diversity มาหลากหลาย แต่จิตเป็นหนึ่ง เอกัคคตา

        การจะประกอบอะไร เช่นแม่ครัว คนสร้างบ้าน ทำยา ต้องเอาน้ำตาล มาเคลือบ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ เอาน้ำตาล ใส่มากๆ เด็กก็อม กินแต่น้ำตาล แต่ว่าพอถึงยา ก็บ้วนทิ้งเลย เด็กก็ฉลาดเฉโก

        เราก็ต้องรู้ การประกอบตกแต่ง เขาเรียกว่า มัณฑนศิลป์ แล้วแบ่งโลกุตระ หรือโลกียะ ออกหรือไม่ เป็นวิสูกทัสสนา เป็นข้าศึกแก่กุศลหรือไม่ ทำให้เกิดกิเลสเพิ่มหรือไม่? ทำให้โทสะหรือกาม เพิ่มหรือไม่?

        หนังมีสามรส คือรสโกรธ รสกาม รสหลง หลอกกันอยู่แค่นี้ ไม่เป็นศิลปะ เพราะต้องแก้แค้น บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ อย่างนี้ไม่ใช่ศิลปะเลย เป็นราคะ หรือลามกด้วย ที่จริง แค้นต้องอภัย  ต้องยกเลิก อโหสิ

        ราคะก็หยำฉ่า เลอะเทอะ คนดาราจริงต้องเข้าถึง ต้องฆ่า แค้น ต้องราคะลามกจริง พวกนี้ไม่เข้าใจศิลปะ อาตมาเคยวิจารณ์​ หนังเรื่อง ไตตานิค มันลามก ราคะมากอย่างไร เคยเขียนหนังสือวิจารณ์ เขามีความขัดแย้ง ระหว่างนายแจ็ค กับครอบครัว ของฝ่ายหญิง ถ้าไม่เข้าใจ ก็เป็นเหยื่อ แล้วก็มีเรื่องที่ มอมเมา สารพัดพิสดาร หนังจีน ไต้หวัน แต่เกาหลีนี่ มีธรรมะอยู่มากกว่า ขออภัย ที่อาตมาวิจารณ์​ เหมือนคนรู้มาก เป็น นามปากกา ที่อาตมาจะใช้ว่า “อวดฉลาด ตลาดเพชร”

        ศิลปิน ต้องจัดองค์ประกอบ สัดส่วน ให้ไปสู่โลกุตระ แม้ในสนามรบ เราก็จัดเป็นพิธีกรรมได้ มันไม่หรูหรายิ่งใหญ่ เหมือนพรรคกระยาจก ขอทาน อย่างในมังกรหยก มีอั้งชิกกง เป็นหัวหน้าพรรค มีไม้ตีสุนัข เป็นสัญญลักษณ์ มีกิมย้งเขียน แต่โกวเล้ง เขียนได้ลึกกว่ากิมย้ง แต่ว่าองค์ประกอบ ไม่สนุกเท่ากิมย้ง

        เรื่องศิลปะ จึงสำคัญ สำหรับมนุษยชาติ ถ้าเข้าใจไม่ดีพอ ก็เลยเป็นเรื่องหลอก ไม่เป็นอาริยะ กาละนี้ ก็ได้สาธยาย สิ่งที่ควรสาธยาย ถ้าผู้ใดเป็นศิลปิน ก็จะได้ประโยชน์มาก ทำแต่สาระนั้น มันแข็ง คนไม่อยากเสพงาน ขนาดงาน โลกุตระ ที่ทำนี่ ถ้าจะให้มีศิลปะ มากกว่านี้ ก็จะได้คนมามาก แต่ว่าจะสร้างเขาทันไหม คนที่เข้ามานี่ นิวแซนเก่ง ทำให้ยุ่ง เราต้องคัดคนมาร่วม ใครจะว่า อาตมามีฝีมือแค่นี้ อาตมาไม่มีฝีที่มือ อาตมาทำตาม ความรู้สามารถที่ได้ ใครจะว่า มีฝีมือไหม ก็ว่าไม่มี มือไม่มีฝี ไม่เคยสร้างฝี ใส่มือเลย นี่ก็เป็นการใช้ภาษา ที่ทำให้คนเข้าใจ

        อาตมาไม่มีฝีมือ แต่ว่ามีมือ ในการทำงาน จะทำงาน อย่างมีลายมือ ทุกวันนี้ ทำงานด้วยลายมือ ไม่มีฝีมือ ใครจะมีฝีมือ ก็เก่งไปเถอะ อาตมาเคยคุยกับ ถวัลย์ ดัชนี เขาก็เรียน ป.เอกมา ต้องเรียนโลกุตระ ศิลปะระดับป.เอก ต้องสื่อให้ถึงโลกุตระ

        ศิลปินหรือไม่ใช่ก็ตาม แต่มารวมกลุ่ม สร้างอิทธิพล แยกอิทธิพลเป็น Elite แล้วแบ่งชั้นชน ในสังคม อวดดี แล้ว Realistic ก็เบ่งข่มกับ Idealistic ซึ่ง Idealistic นั้นบ้าๆบอๆ คิดเอาเอง ตั้งชื่อเป็นภาษาฝรั่ง บ้าบอคอแตกกันใหญ่ ส่วน Realistic นั้น มีส่วนจริงกว่า ขออภัย ที่วิจารณ์เรื่องศิลปะ มากหน่อย ขอ “อวดฉลาด ตลาดเพชร” หน่อยเถอะ

        อาตมาทำงานศิลปะ เพื่อโน้มน้อม จิตวิญญาณคน ให้ออกจากกิเลส เป็นโลกุตระ คนก็อาจเข้าใจยาก แต่อาตมา ทำตามประสา ไม่ได้ด้านหนา แบบคุณยิ่งลักษณ์นะ อาตมารู้ อะไรสมควรถอยก็ถอย อาตมาถอยเก่งนะ อาตมา แต่งเพลง ผู้แพ้นะ แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง แต่งตั้งแต่ อาตมาเป็นคนส่ง หนังสือพิมพ์
       
        ผู้มีความรู้ ในเรื่องศิลปะ ให้คนมีจิตใจ พัฒนาการ ลดกาม ลดพยาบาท ลดโลภ โกรธหลง ผู้นั้นคือ ครูของโลก  (ขณะนั้น ร่มที่กางให้พ่อครูจะล่ม) พ่อครูว่า.. เป็นลางนะ ใกล้จะจบแล้ว ก็ช่วยกันประคอง อย่าให้ล่ม ตอนจบนะ ตอนนี้ ก็แข่งกันด้วยปริมาณ มวล ก็เคยเรียกร้องมวล ออกมากัน ก็รู้แล้วว่า ใครจะมีมากกว่ากัน

        คุณเจ๋ง (ศิลปิน) มอบหนังสือ อนุสรณ์ ๑๔ ตุลาฯ อ่านบทสำคัญของ หนังสืออนุสรณ์ ๑๔ ตุลาฯ . “ผู้กล้าตายเพื่อชาติ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เป็นตัวอย่างอันเลิศ แก่ผู้ที่อยู่ข้างหลัง ผู้ที่อยู่ข้างหลัง จะต้องถือเป็นหน้าที่ ที่จะรักษา เจตนาบริสุทธิ์ ให้ดำรงมั่นคง อยู่ตลอดไป” ...เป็นพระราชดำรัส ของในหลวง ท่านเป็นโพธิสัตว์ ก็รู้องค์ประกอบ รู้โลกุตรธรรม ว่าขาดทุนของเรา คือกำไรของเรา นักเศรษฐศาสตร์ ก็เข้าใจไม่ได้ แล้วก็ตรัสเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ตรัสเรื่อง แบบคนจนอีก ... เป็นนักเศรษฐศาสตร์โลกุตระ โลกกำลังจะมาศึกษา คนไทยนี่แหละ จะสู้นักเศรษฐศาสตร์ ต่างประเทศไม่ได้ จะฉวยเอาไปเป็น โนเบิลไพรซ์ได้ก่อน

        ผู้ที่มีปัญญา ก็เห็นใจ คนที่เข้าใจไม่ได้ ไม่ได้ข่ม ไม่ได้ดูถูก แต่มันยาก ก็ต้องพยายาม เอาพระราชดำรัส ในหลวง มาออกอากาศ สื่อออกไป แบบคนจน หรือ Our loss is Our gain ขาดทุนของเรา คือกำไรของเรา ก็หาว่า เราโหนในหลวง เราก็ว่า โหนก็โหนสิ แต่ว่าเราไม่ได้ พึ่งตนไม่ได้ เราพึ่งตนได้ มีเหลือเฟือ อุดมสมบูร์ ก็เป็นไป มีคนมาช่วยเหลือ เหมือนกับ ป็อบคอร์น ที่มาช่วย ก็มีจริง   

        ถ้าเราไม่เจริญ ในเรื่องศิลปะ ศาสตร์ที่เรียนรู้ จะกลายเป็น ศาตราหรืออาวุธ ทุกวันนี้ การศึกษา ไม่รู้จักศิลปะ เลยได้แต่ศาตรา ไปฟาดฟันกัน จิตคน เรียนไม่บรรลุศิลปะ ก็เลยกลายเป็น ความรู้ ที่ไปทำร้ายกัน เป็นอาวุธ ที่ใครมีแหลมมากกว่า ก็ไปทำร้าย ไปเอาฟัน จนไม่รู้ว่า ตนเป็นทรราช เขาอยู่นอกประเทศ ก็ยังสั่งการได้มากมาย แต่ว่าก็มีคนที่ เขาสั่งไม่ได้ ก็มีอยู่นี่ก็มี

        เขาเรียนมาทุกวันนี้ แข่งขันกันมา แจกศาตราให้กัน เรียนมาด้วยกัน กอดคอกัน แต่พอมาทำงาน แล้วก็ได้โลกธรรม หรือบางเหล่า ก็รักกันเป็นหมู่ ช่วยกันฉุด ไปหานรก กันเลยก็มี เราเรียนมา ก็อย่าให้ความรู้ เป็นศาตรา ที่ไปห้ำหั๋น มนุษยชาติ

        ความเป็นกลาง ต้องเข้าข้าง คนถูก เช่น ศาลตัดสิน เราทำนี่ถูกต้อง ตามหลักสากล ศาลเป็นผู้มีดวงตา ถือเป็นตุลการ ของประเทศ เขาเห็นว่า เราถูกรังแก โดยผู้มีอำนาจ ของประเทศ ศาลก็เลย สั่งสอนซะ คุณประกาศ พรก.ฉุกเฉินนะ แต่ก็ว่า ศาลก็ว่า เราทำถูกตามมาตรา ที่มีในรธน. ก็ต้องคุ้มครองเขา เป็นตำรวจนี่ ต้องทำคุ้มครองนะ เขามาล้มกบฏ ที่ไม่ชอบธรรม ผู้รู้นิติศาสตร์ จะเข้าใจ เรายืนยันว่า เราทำถูกกฎหมาย ถูกรธน.ด้วย ถูกธรรม

        ศาลไม่ได้มาช่วยเรา แต่ศาลอธิบายสัจธรรม แต่ว่ากปปส. ทำอย่างถูก เข้าหลักเกณฑ์ ศาลก็เลย คุ้มครอง ไม้ได้เข้าข้างนะ ไม่ลำเอียง คนถูก ก็ต้องเห็นด้วย กับคนถูก ศาลท่านไม่อคติ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก แล้วตัดสินถูก มาตกกับ กปปส. เป๊ะเลย แล้วใครล่ะ เป็นกบฏ

        ถ้าศาสตร์ใดไร้ศิลปะ แต่ทำเพื่อของกูตัวกู พรรคกู นี่ไม่ใช่ศิลปะ เราพูดนี่พูดสัจจะ ไม่ได้ว่า ให้เขาโกรธ ใครโกรธนั้น เป็นคนปัญญาทราม อย่าไปโกรธกับคนโกรธ แล้วคนที่ทำผิด ทั้งๆที่รู้ แถมโกหกอีก ก็ยิ่งซวยซ้ำซ้อน ยิ่งราคาบาป ซ้ำอีก คนอื่นมาทำตาม ก็บาปเพิ่มอีก แล้วทำบาปสำเร็จ ก็ยิ่งบาปเพิ่มอีก

        บาปอย่าทำ แต่ถ้าทำดีนะ ทำได้ก็ได้ราคาบุญ แล้วมีคนเห็นทำตาม ก็เพิ่มเป็นบุญ ทำสำเร็จ เป็นบุญยิ่งอีก เพิ่มขึ้น นี่คือทำพระเจ้า ทำจิตให้เป็นพระเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียว กับพระเจ้า สิ่งที่เจริญ เป็นจิตเจริญ เรียกพระเจ้า หากไม่เจริญ เป็นซาตาน เป็นผีเป็นมาร เดือดร้อน อาละวาดวุ่นวาย อยู่นอกประเทศ ก็อาละวาดได้ ไปสร้างบริวาร ข้างนอก มาทำร้ายประเทศไทย ก็บาปราคาสูงมาก จะใช้อีก กี่ล้านชาติ ก็ไม่รู้ ไม่ได้กระหน่ำซ้ำเติม แต่พูดความจริง แม้ผู้รับช่วง อยู่ในประเทศ ก็ให้รู้ แล้วหยุดเถอะ ทำแล้วเป็นกรรม เอาอะไรลบไม่ได้ ไม่หายสูญ ตกหล่น ไม่ระเหย ระเหิด ของจริง ไม่หายไปไหน ต้องใช้วิบาก จนกว่าจะหมด...

        ก็ขอให้ทุกคน พยายามศึกษาศิลปะ แล้วเอาไปประกอบกับ ศาสตร์ความรู้ของเรา ให้ศาสตร์ของเรา นำจิตเราเจริญ เป็นพระเจ้า รักมนุษยชาติ ช่วยทำให้สรรพสิ่ง เจริญขึ้น ตั้งใจศึกษาให้ดี ใช้องค์ประกอบ ทุกอย่าง เป็นอุปกรณ์ ในการศึกษา ทำศิลปะให้เกิดแก่สังคม โลก บ้านเมือง ช่วยกันพัฒนาสังคม ประเทศชาติให้ดี... สู้กันอีกใยสุดท้าย ขอให้ช่วยกันให้สำเร็จ.... จบ

       
 

   www.asoke.info