โค่นระบอบทุศีล เพื่อปฏิรูปประเทศไทย
โดยประชาชนคนรักชาติ มวลมหาประชาชน
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

 

 

จากการที่กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ(กปค.) ได้มีการเริ่มชุมนุม ประท้วงรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ที่มีการโกงกิน กันอย่างมโหฬาร และกำลังทำให้บ้านเมือง ดำเนินไปสู่หายนะ ศีลธรรม จริยธรรม ถดถอยตกต่ำลง อย่างน่ากลัว ภายใต้การบงการ ของนักโทษชาย หนีคดี ทักษิณ ชินวัตร การชุมนุมนี้ เริ่มที่สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ และ ยกระดับเป็น การชุมนุมอย่างยืดเยื้อ ปักหลักพักค้างที่นั่น กองทัพธรรม ได้เห็นความสำคัญ ของกู้ชาติครั้งนี้ จึงเข้าร่วม ขบวนประท้วง กับ กปค. ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ เข้าไปช่วยบริหารจัดการ ทั้งที่เวที ความเป็นอยู่ และสถานที่ โดยดำเนินการ ตามมติของ ที่ประชุม ซึ่งมีคณะเสนาธิการร่วม ของกลุ่มกปค. ตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ และ ตัวแทนของ กองทัพธรรม

กิจกรรมที่เวที จะมีการปราศรัย จากผู้รู้ และนักวิชาการต่างๆ ตั้งแต่ตอนบ่าย จนถึงกลางคืน ตอนหัวค่ำ จะมีการแสดงธรรม จากพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ บางวันก็จะเป็น สมณะ-สิกขมาตุ ทั้งมีการแสดงดนตรี และการแสดงอื่นๆ

มีบางท่าน หวังดีติงเตือนมาว่า ถ้าประท้วง แบบฟังธรรมอย่างนี้ ทำให้ขาดสีสัน คนจะถดถอยไป ไม่มาร่วม ประท้วง ต้องลดเวลา การฟังธรรมะ ไปเพิ่มความรู้ ด้านการเมือง และวิชาการ ซึ่งคนกำลังสนใจ คนจะได้มามากๆ เพื่อให้รวมหมู่ ไปสู้

พ่อครูก็ได้ให้แง่คิดว่า เห็นด้วยกับ การรวมกลุ่มหมู่ ให้มาก แต่ว่าการรวมหมู่ อย่างกระเหี้ยน กระหือรือ เอาชนะด้วย อำนาจบาตรใหญ่ จะเรียกว่า ปฏิวัติ เอากลุ่ม อำนาจประชาชนชนะ มีกลุ่มใหม่ มาครองอำนาจ แต่ที่สุดแล้ว ก็หลงอำนาจอีก เหมือนเดิม เพราะคนไม่ได้ เปลี่ยนจิตใจ คนก็หลงโลกธรรม หลงอำนาจ เป็นสมบัติ ผลัดกันชม ประเทศไทยเรา มีปัญญาชน ตื่นตัวรู้ว่า ถ้าจะเปลี่ยนเป็น การเมืองใหม่ แบบเตะหมู เข้าปากหมา คนไทยไม่เอาแล้ว

"บ้านเมืองไทยเรา เจริญความรู้กัน มากมายแล้ว แต่ทำไม มันเดือดร้อน ที่มันเดือดร้อน ก็เพราะไม่มีธรรมะ ไม่ใช่ขาด ความรู้ ความสามารถ เขาเจริญความฉลาดก็จริง แต่ฉลาดเลว ฉลาดแกมโกง เต็มไปด้วยกิเลส ความทุกข์ยาก ของสังคม จึงเกิดเช่นนี้ และฟันธงเลยว่า ไม่มีอะไรแก้ไขได้ นอกจากธรรมะ"

การชุมนุมประท้วง ที่สวนลุมฯ ดำเนินไปถึง ๒ เดือน จนทำให้เกิด ชุมชน "ดูไป" กิจกรรมสร้างสรรต่างๆ เช่น การคัดแยกขยะ การสอน งานประดิษฐ์ วาดภาพ มีร้านปันกัน เป็นที่แลกเปลี่ยน สิ่งของ ที่จำเป็นต้องใช้ มีบริการ ตัดผมฟรี ฯลฯ ในวันอาทิตย์ จะมีประชาชน มาร่วมกิจกรรม กันมาก มีการจัดงาน ตลาดอาริยะ ทุกวันอาทิตย์ ที่ ๑ และ ๓ ของเดือน เป็นการขายของ ราคาต่ำกว่าทุน เพื่อช่วยเหลือ ประชาชน ที่กำลังเดือดร้อน จากการถีบตัวสูงขึ้น ของราคาสินค้าต่างๆ นอกจาก ขายขาดทุนแล้ว สินค้าส่วนใหญ่ ยังเป็นสินค้า ที่มีคุณภาพ ไร้สารพิษ ผลิตจาก ชุมชนชาวอโศก โดยงบของ ชาวอโศก ชุมชนต่างๆ ช่วยกัน และยังมีญาติธรรม และผู้ที่เห็น ความสำคัญ มาร่วมบุญด้วยกัน

กองทัพธรรม ได้มีบทบาท รับใช้พี่น้อง ผู้ร่วมชุมนุม อย่างเต็มที่ และก็ยังคงพยายาม ทำให้พื้นที่ชุมนุม เป็นเขตปลอดอบายมุข เหมือนทุกครั้ง ปลอดทั้งเหล้า บุหรี่ และการพนัน ได้เรียบร้อยดี

การรณรงค์ให้การชุมนุมปลอดบุหรี่ จะไม่สำเร็จได้เลย ถ้าผู้ชุมนุม ไม่พัฒนาพฤติกรรม ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ ต่างผ่านสนามรบ ชุมนุมร่วมกับ กองทัพธรรม มาหลายครั้ง จนได้พัฒนา จิตใจตนเอง ให้มีความอดทน และเคารพ ในกฎกติกา มากขึ้น การชุมนุมครั้งนี้ จึงสามารถทำให ้ปลอดบุหรี่ได้

การปฏิรูปใดๆหากเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในแล้ว มักจะประสพผลสำเร็จ เมื่อประชาชนตื่นรู้ โดยเริ่มต้นที่ เปลี่ยนจิตใจ ตนเองก่อน ยกระดับ จิตวิญญาณตน ให้พ้นจาก การเป็นทาสบุหรี่ ได้อย่างเด็ดขาดถาวร อย่างนี้ จึงมีหวังว่า จะสามารถ กอบกู้ชาติได้ ในอนาคต เพราะคนที่มี จิตวิญญาณ ที่เข้มแข็ง ไม่ตกเป็นทาส อบายมุข และโลกธรรม เมื่อมารวมกลุ่มกัน ย่อมมีพลานุภาพ ที่จะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินได้ จึงจะเป็นการปฏิรูป ประชาธิปไตย ของประชาชน ที่แท้จริง

มาชุมนุมแล้วได้อะไร ? จะจบตรงไหน ?

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้กล่าวถึง เป้าหมายการชุมนุมว่า จะไม่พาพวกเรา มาเอาชนะ ไม่ได้มาข่มใครให้แพ้ ไม่ได้ต้องการ เอาแพ้ชนะใคร ไม่ได้มารุกราน เข่นฆ่าใคร แต่ต้องการ มาทำงานพัฒนา การเมือง ให้เจริญขึ้น พัฒนาการเมือง มีหลักก็คือ ต้องพัฒนา ประชาชน เพราะฉะนั้น นักการเมืองก็คือ ประชาชน ผู้ที่จะไปทำงานการเมือง ก็คือประชาชน

พ่อครูไม่ได้มุ่งหมายเอาชนะ พ่อครูต้องการ ให้เกิดคุณธรรม ของความเป็น ประชาธิปไตย ให้ได้มากที่สุด อันนี้คือ เป้าหมาย ส่วนจะชนะ หรือแพ้ พ่อครูก็ทิ้งไว้ ไม่ได้ขัดข้อง แต่ชนะได้ก็ดี ชนะอย่างสวยงามด้วยนะ

ประชาธิปไตยนั้น ชนะด้วยความสงบ ชนะด้วยคุณธรรม ชนะด้วยความถูก ไม่ใช่ชนะ ด้วยความผิด ความขี้โกง ความฉ้อฉล เล่ห์เหลี่ยม แต่ชนะด้วยสัจจะ ที่ตรงที่สุด พ่อครูก็จะนำ ไปสู่ประตูนี้ ถ้ามันเป็นไปได้ สุดท้าย ถ้าจบลง โดยทางโน้น ยอมแพ้เลย เขาต้องจำนนว่า เขาพาเป็นอย่างนี้ ไม่ได้หรอก และเขาเห็นว่า เราพาเป็นอย่างนี้ เยี่ยมเลย ถ้าจบอย่างนี้ ให้ที่ ๑ เลย

และที่พวกเรามาชุมนุมนี้ มีผลอัตรา การก้าวหน้าไหม? อย่างน้อย ให้คนได้เข้าใจ ธรรมะพระพุทธเจ้า เพิ่มขึ้น เท่านี้ก็ได้กำไร เป็นอัตรา การก้าวหน้าแล้ว ตลอดเวลา เราไม่ได้เป็นคนขี้โลภ ตะกละตะกลาม แต่ทำงาน ให้มันเกิดผล ทุกวาระเวลา จะอยู่ไป ๑๐๐ ปีก็ไม่ว่า ถ้าอยู่ได้ ส่วนมัน จะไปจบ ตรงไหนนั้น มันมีความลงตัว ของมัน ที่มันจะจบ จบเมื่อใด ก็เมื่อนั้น เสร็จแล้ว เราก็ต้อง มาทำอีก เพราะว่าโลกนี้ มันยังไม่หยุด คนยังไม่หมดกิเลส งานเช่นนี้ทำได้ ตลอดนิรันดร

ยกระดับชุมนุมปักหลักพักค้าง หน้าทำเนียบรัฐบาล

๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ มีการจัดงานรำลึก ๗ ตุลาฯ ที่ลานพระบรมรูป ทรงม้า ร.๕ ภายหลังจาก ร่วมทำบุญ ตักบาตร กลุ่มกองทัพ ประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ร่วมกับกลุ่ม กองทัพธรรม นำมวลชน ที่ปักหลักชุมนุม อยู่บริเวณ สวนลุมพินี บางส่วน มาปักหลัก ชุมนุม ที่ด้านหน้า ทำเนียบรัฐบาล บริเวณเชิงสะพาน ชมัยมรุเชฐ โดยไม่มีการประกาศ บอกล่วงหน้า จึงทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถสกัดกั้น การล้อมทำเนียบฯไว้ได้

เหตุผลของการชุมนุมครั้งนี้ เพราะไม่เห็นด้วยกับ การบริหาร ราชการแผ่นดิน ของรัฐบาล ที่ไม่เห็นแก่ ประโยชน์ของ ประชาชน แต่เอื้อประโยชน์ ต่อพวกพ้อง โดยเฉพาะ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของ ส.ว. ในวาระ ๓ ที่ก่อนหน้านี้ มีการยื่นเรื่อง ต่อศาล รัฐธรรมนูญ  แต่นายกฯ ไม่ฟังเสียง ประชาชน ยืนยัน จะทูลเกล้าฯถวาย อีกทั้งรัฐบาล ไม่เร่ง ที่จะแก้ไขปัญหา เขตชายแดน ไทย-กัมพูชา

ตอนเช้า พ่อครูไปเยี่ยมให้กำลังใจ วันนี้พ่อครู ตั้งใจจะงด ฉันอาหารด้วย เนื่องจาก บรรยากาศ การชุมนุมอย่างน ี้คงไม่เหมาะ สำหรับ การฉันอาหาร ตอนประมาณ ๐๙.๐๐ น. พ่อครูแสดงธรรม.... ขณะนี้ ที่สถานี เอฟเอ็มทีวี วันนี้เบิกฤกษ์ นีโอโพรเทส (Neo-Protest) เป็นการชุมนุม ประท้วงแนวใหม่ ครั้งนี้ น่าจะเป็นครั้งแรก ที่เราประท้วง โดยใช้ธรรมนำหน้า อย่างแท้จริง การชุมนุมประท้วงที่อื่น ก็มีที่บอกว่า ใช้ธรรมนำหน้า แต่ว่าครั้งนี้ น่าจะเป็น การใช้ธรรมนำหน้า อย่างแท้จริง และจะใช้ พุทธธรรม เป็นหลัก เป็นอาริยธรรม แท้จริง

ประชาชนผู้รักชาติ ได้เพิ่มจำนวน มากขึ้นเรื่อยๆ ตำรวจได้ปิด ถนนพิษณุโลกไว้ อีกทั้งตั้งด่าน สะกัดผู้ชุมนุม มีการตรวจค้น ผู้ที่เข้ามา ร่วมชุมนุม อย่างละเอียด ไม่ให้มีการนำเต็นท์ หรืออุปกรณ์ต่างๆ เข้ามา ทีมงาน เอฟเอ็มทีวี จะนำเครื่องปั่นไฟ กับเต็นท์ ใส่รถบรรทุกเข้ามา ก็ถูกสะกัด ตั้งแต่ออกมาจาก สวนลุมฯ ได้ไม่นาน แต่ทาง กองทัพธรรม และ กปท. ก็ไม่ได้ย่อท้อ พยายาม ใช้อุปกรณ์ เท่าที่มี ในการถ่ายทอดสด การชุมนุม แม้แต่รถ ขนอาหาร ตำรวจก็ไม่ยอม ให้เข้ามาส่ง ภายในที่ชุมนุมได้ แต่ก็เป็นผลให้ ผู้ชุมนุม ได้เกิดความสมัครสมาน ร่วมมือ ร่วมใจกันยิ่งขึ้น โดยช่วยกัน ยืนต่อสายพานกัน ลำเลียงอาหาร เข้าไปในที่ชุมนุม เป็นภาพที่แสดงถึง ความไม่ย่อท้อ ต่ออุปสรรค ของการชุมนุม

๙ ต.ค.๕๖ คณะรัฐมนตรี มีมติให้ประกาศพื้นที่ การรักษาความมั่นคง ภายในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติ การรักษา ความมั่นคง วันที่ ๙-๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ในพื้นที่ กทม. ๓ เขต คือ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

กลุ่มผู้ชุมนุม ในช่วงเช้า ยังบางตา โดยต่างพากัน หลบอยู่ในที่ร่ม เพื่อหลบแดด ท่ามกลาง กิจกรรมดนตรี สลับปราศรัย อย่างต่อเนื่อง พลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. มาเจรจากับ คณะเสนาธิการร่วม และตัวแทน กองทัพธรรม เพื่อขอให้ ผู้ชุมนุม เคลื่อนย้ายออกจาก บริเวณข้าง ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจาก ในวันที่ ๑๑ ตุลาคมนี้ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐ ประชาชนจีน จะเดินทาง มาเยือนประเทศไทย อย่างเป็นทางการ

แต่ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันจะปักหลัก ชุมนุมเช่นเดิม พร้อมที่จะดูแล พื้นที่การชุมนุม ให้เป็นระเบียบ เรียบร้อย  และขอให้ ภาครัฐ หยุดบิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายกลุ่ม ผู้ชุมนุม กรณีที่มีการติดป้าย ทุกเส้นทาง รอบทำเนียบรัฐบาล ที่มีข้อความ ระบุว่า "กองทัพธรรม ชุมนุมปิดถนน" ซึ่งในความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผู้นำแผงกั้นเหล็ก และ กองกำลัง มาปิดพื้นที่ ล้อมกลุ่ม ผู้ชุมนุมไว้เอง

ตำรวจ มิให้นำห้องน้ำเข้าไป เพื่อบริการผู้ชุมนุม แม้แต่ข้าวและน้ำ ก็ไม่ให้เข้า จนผู้ชุมนุม ต้องอาศัยน้ำขวด แทนน้ำประปา เวลาถ่ายทุกข์ และอาศัยคลอง นำหม้อใส่อาหาร ลำเลียงให้ผู้ชุมุนม อย่างน่าสงสาร แก่ผู้พบเห็น จนหลายคน ถึงน้ำตาไหล ด้วยความเห็นใจ ผู้ชุมุนม

ในช่วงเย็น พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ สมณะ และสิกขมาตุ จำนวนหนึ่ง ได้มาให้กำลังใจ และอยู่ร่วม ปักหลัก พักค้าง กับมวลชน ตำรวจได้ทำการ กระชับพื้นที่ เข้ามาเรื่อยๆ ขณะที่มวลชน ก็หลั่งไหลกันมา ในช่วงเย็น-ค่ำ เพื่อตรึงพื้นที่

๑๘.๐๐ น. พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้ขึ้นเทศนา ในช่วงเย็น เรื่อง ถ้าเขามาสลาย การชุมนุม จะปฏิบัติเช่นไร?

เราจะนั่งสงบ นั่งตรงนี้แหละ เคยนั่งสมัย ผู้การแต้ม เอาตำรวจ จะมากวาดล้าง ก็นั่งลง อย่างที่เคยพาทำ เขาจะทำอย่างไร ก็ให้เขาทำ ถ้ามวลมานั่งนี้ สักล้านคน ก็ให้ไปเกณฑ์มาเลย สักล้านคน ดูสิว่า ตำรวจจะทำอย่างไร แม้คนน้อย แต่มีประสิทธิภาพ คนมีคุณธรรมพอ เขาจะไม่ทำร้าย คนดีหรอก อาตมามั่นใจว่า ความสงบ สยบความรุนแรงได้ แน่นอน ไม่ใช่แค่ในหนัง ถ้าไม่แน่ใจ ก็ออกมาช่วยกันสิ ออกมาสักล้านคนสิ ...... วิถีที่เราจะทำคือ ทำสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิด อย่าทำ เราเอาความถูกต้อง มาสู้ แม้สู้ไม่ได้ก็สู้ สู้ด้วยความถูกต้อง สู้ด้วยความดี ตายเป็นตาย(วะ) ใครสมัครใจ จะทำร่วมกับอาตมา ก็เชิญ

กปท .และกองทัพธรรม ยังคงยืนหยัด ปักหลักพักค้าง แม้รัฐบาล จะประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง อีกทั้งระดมกำลัง ตำรวจมา ไม่ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ นาย ทั้งที่ประชาชน มีจำนวนหลักร้อย ถึงหลักพัน ทั้งยังเป็น การชุมนุม  ที่สงบ สันติ อหิงสา

เช้าตรู่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ท่ามกลางข่าวลือว่า ตำรวจจะเข้าสลาย การชุมนุม มีมาตลอดทั้งคืน จนถึงเช้านี้ มีความเคลื่อนไหว จากฝั่งตำรวจ ในการแจกหน้ากาก  กันแก๊สพิษ มีการระดม กำลังพล สับเปลี่ยนกันมา มากขึ้น มีการเตรียม รถยก ล้วนทำให้ ผู้ชุมนุม ต้องเตรียมตัว รับกับการสลาย การชุมนุม

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้เมตตาขึ้นเทศนา ในช่วงเช้าถึง ๓ ชั่วโมง เนื่องจาก บรรยากาศ ในตอนนั้น กำลังตึงเครียด ตำรวจ พยายามเคลื่อนไหว กดดันมวลชน หลายอย่าง เช่น กระชับพื้นที่เข้ามา เตรียมรถดับเพลิง สำหรับฉีดน้ำ เตรียมรถยก และยังห้าม ไม่ให้มวลชน เดินทางเข้ามา ภายในที่ชุมนุม โดยเด็ดขาด แต่ใครจะออก ให้ออกได้ แต่ออกแล้ว ห้ามเข้ามา

เป็นเรื่องที่เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ที่ผู้ร่วมชุมนุมนั้น นั่งฟังธรรม อย่างสงบ ทั้งที่เป็นธรรมะ ขั้นลึกซึ้ง ถึงปรมัตถธรรม ทำให้บรรยากาศ ลดความตึงเครียดลง

มีการกดดัน จากทางตำรวจ ห้ามไม่ให้นำอาหาร และน้ำ เข้ามาในที่ชุมนุม ถือเป็นการกระทำ ที่ขาดมนุษยธรรม อย่างมาก ของรัฐบาล เพราะแม้คนทำผิด ติดคุก เขาก็ยังให้ข้าว ให้น้ำ ให้มีชีวิตอยู่ได้ การชุมนุม ก็เป็นการชุมนุม อย่างถูกกฎหมาย และยังสงบ สันติ อหิงสา

ผู้ร่วมชุมนุม ต้องใช้ความพยายาม ลำเลียงอาหาร มาบนท่อน้ำประปา ที่ข้ามคลอง เข้ามาในที่ชุมนุม อย่างทุลักทุเล แต่ทำได้ ไม่เท่าไหร่ ตำรวจก็ปิดทางอีก ห้ามลำเลียง มาบนท่อ น้ำประปาข้ามคลอง ผู้ร่วมชุมนุม ก็ยังไม่ย่อท้อ พากันเสียสละ ลงลุยน้ำ ในลำคลอง ที่เน่าเหม็น ช่วยกันประคอง หม้ออาหารใบโต เบอร์ ๕๐-๖๐ ลอยตัดลำคลอง ข้ามฝั่ง มายังที่ชุมนุม เป็นภาพที่ น่าประทับใจมาก อีกทั้งยัง ดัดแปลงตู้เย็น นำเอาฝาตู้เย็นออก แล้วใช้ตู้เย็นเปล่า เป็นเรือ สำหรับ ลำเลียงคน เข้ามาในที่ชุมนุม ได้ทีละคน

ตำรวจเอง เมื่อเห็นภาพ ความอุตสาหะ ของผู้ร่วมชุมนุม ในการลำเลียงอาหาร เข้ามาทางน้ำแล้ว ตำรวจหลายนาย ก็หันหลัง ให้กับภาพนี้ ปล่อยให้ผู้ชุมนุม ลำเลียงอาหารได้ เป็นเรื่องน่าเห็นใจ สำหรับตำรวจ ชั้นผู้น้อย ที่ต้องทำตาม คำสั่งเจ้านาย แม้ไม่เห็นด้วย ก็ต้องทำตาม

หมอเขียว (ใจเพชร กล้าจน) ได้นำคณะลูกศิษย์ จำนวนมาก ออกเดินเท้า จากสวนลุมฯ มาที่ข้าง ทำเนียบรัฐบาล เพื่อลำเลียง เสบียงอาหาร มาให้ผู้ชุมนุม ซึ่งขณะนั้น มีมวลชนจำนวน ประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ คน ที่รับฟังสื่อสาร ที่ส่งออกไป ทางโทรทัศน์ ดาวเทียม และสื่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เกิด ความเห็นใจ ผู้ชุมนุม ที่ถูกทรมาน จากตำรวจ ทำให้พากันออกมา ร่วมชุมนุม เป็นจำนวนมาก แต่เข้ามา ในที่ชุมนุมไม่ได้ เพราะตำรวจ ตั้งด่านสกัดไว้ ที่แยกสนามม้านางเลิ้ง ผู้ชุมนุม จึงตั้งเวที ปราศรัยขึ้น บนรถยนต์ โดยใช้เครื่องเสียง ขนาดเล็ก มีกลุ่มนักศึกษารามฯ มาเข้าร่วมด้วย

คณะตำรวจ รวมทั้งสื่อมวลชน นำโดยพลตำรวจตรี อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ ก็มาตกลงเจรจา สองสามรอบ ผู้ชุมนุม ก็ยืนยัน ที่จะปักหลักต่อ จนมีการเจรจา ตกลงกับ คณะตำรวจ ระดับสูง ที่มีอำนาจ

พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พร้อมคณะเสนาธิการร่วม จึงประกาศ ยุติการชุมนุม ที่ข้างทำเนียบรัฐบาล ชั่วคราว ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาล รับปากว่า หากเสร็จสิ้น ภารกิจ การเยือนประเทศไทย ของนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐ ประชาชนจีน จะให้กลับมา ชุมนุม หน้าทำเนียบรัฐบาล อีกครั้ง และในระหว่างนี้ จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้อำนวย ความสะดวก โดยการจัด รถบัส ๑๕ คัน เพื่อให้ผู้ชุมนุม โดยสารกลับไปยัง สวนลุมพินี รถบรรทุก ๕ คัน เพื่อขนสัมภาระ และอุปกรณ์ต่างๆ

มวลชนจะย้ายกลับไป ปักหลักชุมนุมที่ สวนลุมพินี ปรากฏว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุม กปท. บางส่วน ไม่พอใจ จึงทำให้ กลุ่มผู้ชุมนุม กปท. กว่า ๒๐๐ คน ไปรวมตัวกันที่ บริเวณ สามแยกนางเลิ้ง ด้านหน้า ราชตฤณมัยสมาคม แห่งประเทศไทย (สนามม้านางเลิ้ง) นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ ผู้ชุมนุมกลุ่มย่อย ที่ได้ขึ้นปราศรัย บนรถดัดแปลง ติดเครื่องขยายเสียง ปลุกระดม กลุ่มผู้ชุมนุม ที่ไม่พอใจ มติแกนนำกปท. ที่รับข้อเสนอ ของรัฐบาล

จากนั้น เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ได้เข้าเจรจากับ แกนนำกลุ่มย่อย ที่ต้องการ จะชุมนุมต่อ ให้ยอมรับ มติของ คณะเสนาธิการร่วม เนื่องจาก ไม่ต้องการ ทำผิดกฎหมาย และเปิดทาง ให้ต้อนรับ รัฐบาลนายกฯจีน สุดท้าย กลุ่มผู้ชุมนุม ได้เคลื่อนย้าย จากแยก นางเลิ้ง ไปปักหลัก ยังบริเวณ แยกอุรุพงศ์ โดยมีนายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การ นักศึกษา รามคำแหง เป็นแกนนำ

ภายหลังจากที่ พล.อ.ปรีชา ขึ้นกล่าวคำยุติ การชุมนุมชั่วคราว พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ จึงได้ขึ้นเทศนา ให้สติปัญญา แก่ผู้ชุมนุม แล้วจึงไปที่ สวนลุมฯต่อ เพื่อเทศนา ในรายการภาคค่ำ เป็นการยุติ การชุมนุม อย่างสงบ เรียบร้อย ประชาชน สามารถกลับไปยัง ฐานที่มั่น อย่างมีเกียรติ (มีรถตำรวจ นำส่งให้ถึงที่) โดยไม่มีใคร บาดเจ็บ ล้มตาย และต้องไม่มีคดีใดๆ ติดตัว

ซึ่งพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ได้เทศนาไว้ตอนหนึ่ง หลังกลับที่ สวนลุมฯว่า ...

เหตุการณ์ที่มีผู้ผิดหวัง จากการไปครั้งนี้ แล้วไปชุมนุม ที่อุรุพงศ์ เป็นความก้าวหน้า ของประชาธิปไตย ไม่ได้วางแผนมาก่อน ไม่ได้มีพิมพ์เขียว มาก่อน ซึ่งบางอย่าง อาตมาก็พูดไม่ได้ มันเป็นเรื่อง เคล็ดวิชา ของจอมยุทธ เปิดเผย จะเสียงานหมด เคล็ดวิชานี้ ไม่ได้มีการวางแผน แล้วเหตุการณ์นี้ เกิดโดยธรรมชาติ ที่มีพลังงานจิต ทำให้เกิด บ่งถึงการตื่นรู้ เรื่องประชาธิปไตย ของประชาชน ชาวไทย เหตุปัจจัยมีว่า พวกหนึ่งแพ้ แต่พวกนี้ ไม่ยอมแพ้ เรายอมหน้าแหก แหกเพื่อให้เกิด สิ่งที่ดี ถ้าเรามีตัวตน หน้ามันจะแหก แต่เราไม่มีตัวตน มันน่าทำนะ ขอนับถือ พล.อ.ปรีชา คุณปรีชารบมา ไม่เคยไปออกรบ แล้วจะถอยเลย แต่ครั้งนี้ พล.อ.ปรีชา เลื่อนชั้น เป็นการยกระดับ ของคุณปรีชา ชนะอย่างโลกุตระ ชนะอย่างอาริยะ เห็นน้ำใจของ คุณปรีชาเลย  นี่คือกำไร ที่เราได้ ได้อย่าง เอาอะไร มาตีราคา ไม่ได้เลย เป็นเรื่องหาค่า บ่ มิได้ อาตมาไม่ได้จากใคร ได้จาก พล.อ.ปรีชาคนเดียว ก็คุ้ม สุดคุ้มเลย แต่ว่าไม่ใช่แค่ คุณปรีชาด้วย ได้จากพวกเรา ทุกคนด้วย  คณะเสนาธิการด้วย เป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วลีลา เหลือกิน เหลือใช้ บางอย่าง คิดไม่ถึงเลย เก่งกว่าเราอีก จบอย่างสวยงามมาก ไม่เสียเกียรติยศด้วย

เราได้เห็นพฤติกรรม ของมนุษยชาติ การชุมนุมของ เสธ.อ้าย คนเป็นหมื่น แต่ครั้งนี้ คนของเรา สามพัน แต่เขาเอาตำรวจมา ๓ หมื่น นี่คือ ชี้บ่งพฤติกรรม ว่าแพ้หรือชนะหว่า มารังแกกัน กินก็ไม่ให้กิน ขี้ก็ไม่ให้ขี้ นี่คือ Phenomenology ปรากฏการณ์วิทยา

มัฆวาน ผ่านฟ้า ประชาธิปไตย คือ ชัยชนะของ มหาประชาชนไทย

ปลายเดือนตุลาคม ๒๕๕๖ เข้าฤดูหนาวแล้ว แต่สถานการณ์ บ้านเมือง กลับร้อนแรง  เกิดกระแสต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ขึ้นทั่วประเทศ แทบทุกกลุ่ม ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สุดซอยเหมาเข่ง ฉบับนี้ มีทั้ง นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา นักธุรกิจ รัฐวิสาหกิจ คนวงการบันเทิง คนในวงการ สาธารณสุข ตุลาการ กลุ่มราชนิกูล และแม้แต่เสื้อแดง ด้วยกันเอง ที่เคย สนับสนุนรัฐบาล ยังออกมา ต่อต้าน พ.ร.บ.อัปยศนี้ ที่เผยธาตุแท้ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่าทำเพื่อคน คนเดียว คือ เพื่อนิรโทษกรรม ลบล้างความผิด ให้นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร

กลุ่มประชาชน ที่ปักหลักต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างต่อเนื่อง เหนียวแน่น มีอยู่ ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มสามเสน ที่นำโดยส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มนี้มีมวลชน มากที่สุด อีกสองกลุ่มคือ กลุ่มคปท. หรือ เครือข่ายนักศึกษา และประชาชน ปฏิรูป ประเทศไทย ที่ปักหลักชุมนุม ที่แยกอุรุพงษ์ กลุ่มสุดท้ายคือ กปท. หรือกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ ที่รวมกับ กองทัพธรรม ปักหลัก พักค้าง ที่สวนลุมฯ ประท้วง ระบอบทักษิณ มาตั้งแต่ วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งทางสวนลุมฯ ก็ได้ช่วยเหลือ เป็นกองหนุน ให้ทางอุรุพงศ์ ด้านต่างๆ และด้านเสบียงอาหาร ก็ไปตั้งเต็นท์ แจกอาหาร มังสวิรัติ ที่แยกอุรุพงษ์ด้วย

แม้กระแสต่อต้าน จะมาแรง แต่ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๐๔.๒๕ น. ที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎร ก็ได้ลงมติ เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ในวาระที่ ๓ ด้วยคะแนน ๓๑๐ ต่อ ๐ เสียง งดออกเสียง ๔ เสียง ก่อนที่ นายสมศักดิ์ จะสั่งปิด การประชุม ทันที เป็นการใช้ เผด็จการรัฐสภา เพื่อลุแก่อำนาจ ทำลาย นิติรัฐ นิติธรรม ของบ้านเมือง อันจะทำให้เกิด ความเสียหาย จนกู้ประเทศคืน ไม่ได้ จึงทำให้ประชาชน ผู้รักชาติ ทนไม่ไหว ออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านกัน ทั่วบ้านทั่วเมือง

วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๗.๐๐ น. กปท. และกองทัพธรรม รวมทั้ง เครือข่าย ภาคประชาชน ๗๗ จังหวัด ประกาศ ยกระดับ การชุมนุม นำพี่น้อง ผู้รักชาติ จากสวนลุมพินี เดินขบวน ไปสมทบกับกลุ่ม คปท. ที่แยกอุรุพงษ์  เป็นการประกาศ อย่างกะทันหัน แบบ No planning No project ทำตามเหตุปัจจัย ไม่มีแกนนำ แต่พลังของ ประชาชน ผลักดัน ให้เกิด เหตุการณ์นี้ขึ้น งานนี้ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้เดินตามมวลชน ไปจนถึง แยกอุรุพงษ์ เวลา ๑๘.๔๐ น. จากนั้น มีการปราศรัย โดยมีแกน นำ กปท. คปท. และเครือข่าย ภาคประชาชนฯ พลตรีจำลอง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า ตนยืนเคียงข้าง ตนเป็นแกนตาม สิ่งที่มวลชนทำ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ขอให้กำลังใจ ประชาชน ที่ออกมาต่อสู้ เพื่อชาติ และราชบัลลังก์ ทุกกลุ่ม ขอเป็นแกนตาม ประชาชนไปไหน จะตามไปที่นั่น

วันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตั้งแต่ ๑๐.๐๐ น. กลุ่มการชุมนุม ที่สามเสน นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เคลื่อนพล เรือนหมื่น ออกเดินเท้า จากสถานีรถไฟ สามเสน  ไปตามถนน พระราม ๖ จนไปปักหลัก ชุมนุมประท้วงที่ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย พร้อมประกาศว่า จะคัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ให้ถึงที่สุด และจะไม่กลับไปที่ เวทีสามเสนอีก อีกทั้งยังแสดง จุดยืนว่า หากไม่ชนะครั้งนี้ จะไม่ยอม เลิกชุมนุม โดยเด็ดขาด

วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๓๐ น. กปท. และกองทัพธรรม ประกาศยกระดับ การชุมนุม โดยได้ออกเดิน ธรรมยาตรา จากแยก อุรุพงษ์ ไปสู่บริเวณ สะพานผ่านฟ้าฯ อย่างสงบ เรียบร้อย ราบรื่น ง่ายงาม สันติ อหิงสา ระหว่างทาง มีประชาชน ให้การต้อนรับ สนับสนุน ตลอดเส้นทาง และในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ได้ประกาศ ถอนการชุมนุม จากสวนลุมฯ ชุมชน "ดูไป" มาตั้งเวที อยู่ที่ บริเวณ สะพานผ่านฟ้า และถนนราชดำเนินกลาง พ่อครูได้ให้ชื่อ สถานที่ชุมนุม แห่งใหม่นี้ว่า ชุมชน "ไปดู" นับเป็นสองกลุ่มแล้ว ที่ชุมนุม อยู่ในบริเวณ ถนนประชาธิปไตย

วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กลุ่มคปท. ได้ประกาศยกระดับ การชุมนุม เคลื่อนพล ผู้ชุมนุม ไปตามถนน หลานหลวง เข้าสู่แยก จปร. ถนนราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าสู่ สะพานมัฆวานรังสรรค์ แต่ต้องหยุดเดินลงที่ แยกจปร. เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระดมพล มาประจัญหน้ากับ ผู้ชุมนุม ที่แยกจปร. และแกนนำคปท. ได้พยายาม เจรจากับตำรวจ

ระหว่างนั้นเอง มีคณะผู้ชุมนุม ต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ จำนวนเรือนหมื่นคน ได้เดินเท้า มาสมทบกับ กลุ่มคปท. ที่บริเวณแยก จปร. ทำให้ฝ่ายประชาชน มีมวลหนาแน่น หลายหมื่นคน การเจรจากับตำรวจ เป็นไปอย่าง ถ้อยที ถ้อยอาศัย ในที่สุด ตำรวจก็ยอมเปิดทาง ให้ผู้ชุมนุม เดินต่อไปได้ และคปท. ได้เคลื่อนพล ทั้งหมด ไปตั้งเวที ปราศรัย ที่บริเวณ สะพาน มัฆวานรังสรรค์ ได้สำเร็จ

ปรากฏการณ์ การชุมนุม สามจุดหลัก ในถนนประชาธิปไตย ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ของคปท.  ที่สะพาน ผ่านฟ้าลีลาศ ของกปท. และ กองทัพธรรม และที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ของพรรค ประชาธิปัตย์ รวมทั้ง การชุมนุม ของทุกภาคส่วน เกือบทั่ว ทั้งประเทศ นับเป็นพัฒนาการ ของประชาธิปไตยไทย อย่างสำคัญ ก้าวหนึ่ง ที่ประชาชน เกิดการตื่นรู้ ออกมาใช้สิทธิ์ ตามหน้าที่ พลเมืองไทย หนึ่งคน หนึ่งเสียง ล้านคน ล้านเสียง เป็นคะแนนเสียงสดๆ ยิ่งกว่าไปเลือกตั้ง และปรากฏการณ์นี้ จะมีฤทธิ์ มีอำนาจ ขนาดที่ทำให้เกิด การปฏิรูป การเมืองไทย ได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูไป

กลุ่มประชาชน ที่ตื่นตัว เอาจริงที่สุด ตอนนี้ มีสามกลุ่ม เป็นสามเส้า กลุ่มที่เกิดได้ก่อน คือ กลุ่มที่ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย กลุ่มถัดมาคือ กลุ่มที่ผ่านฟ้า ส่วนกลุ่มที่เกิดถัดมา คือ กลุ่มมัฆวาน เป็นสามกลุ่ม เป็นสามเส้า ถ้าสามกลุ่มนี้ รวมกันได้ แล้วมีการเคลื่อนที่ เป็นเส้าที่สี่ ออกมาได้ ถ้าเส้าที่สี่ รวมกันเคลื่อนเมื่อไหร่ เป็นพลังงานที่ ๔ ได้ก็จบ ประชาชน ต้องสลายอัตตา มารวมกันให้ได้ ถ้ามากัน เป็นล้านคน ยาวไปตั้งแต่ มัฆวาน ผ่านฟ้า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปถึงสนามหลวง จะเกิด ปรากฏการณ์  มัฆวาน ผ่านฟ้า ประชาธิปไตย แล้วจะเป็น ชัยชนะของ มหาประชาชน

ประชาชนปฏิวัติ ปฏิรูปประเทศไทย People's revolution reforms Thailand.

เสียงนกหวีด ที่ดังหวีดหวิว แทนเสียงตะโกน ขับไล่ รัฐบาลทรราชย์ แสดงถึง ความตื่นรู้ของ ประชาชน ที่ไม่ทนกับ รัฐบาลชั่วนี้ อีกต่อไป และการชุมนุมของ ประชาชน ๓ กลุ่ม ที่ถนนราชดำเนิน ก็ยังดำเนินต่อไป อย่างเข้มข้น มีกลุ่มที่ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ที่สะพาน ผ่านฟ้าลีลาศ และที่สะพาน มัฆวานรังสรรค์ ในการชุมนุมครั้งนี้ นกหวีด กลายเป็น การแสดงพลังของ ผู้ร่วมชุมนุม

วันเสาร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กปท.และกองทัพธรรม ได้ยกระดับ การชุมนุม รณรงค์ ให้ประชาชน ผู้รักชาติ ออกมา ร่วมชุมนุม ให้มากที่สุด เพื่อขับไล่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และไม่ยอมรับ อำนาจศาลโลก ในตอนเย็น ของวันที่ ๙ นี้เอง พ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ก็ได้ทำพิธี อัญเชิญสมเด็จปู่ มาวิชิตอวิชชา บนเวทีผ่านฟ้าฯ ในเวลา ๑๘.๐๐ น. ซึ่งสมเด็จปู่ วิชิตอวิชชา เป็นพระพุทธรูป ปางวิชิตอวิชชา หมายถึง การชนะความโง่ ของคนโง่นั่นเอง เป็นพระพุทธรูป ปางวิชิตอวิชชา องค์แรกของโลก ที่เพิ่งทำเสร็จ ในเย็น วันที่จะทำพิธีนี้อีกด้วย เป็นนิมิต ให้เห็นถึง การตื่นรู้ เพื่อเอาชนะอวิชชา ของชาวไทย หลายคนรู้สึก ปลาบปลื้ม จนน้ำตาไหล มีกำลังใจ ในการกู้ชาติ มากยิ่งขึ้นกับ พิธีกรรมนี้

๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขึ้นประกาศ บนเวทีผ่านฟ้าฯ พร้อมคณะ เสนาธิการร่วมฯ และผู้รับใช้ กองทัพธรรม เชิญชวนพี่น้อง ออกมากู้ชาติ มาทำหน้าที่ ใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญ มากันให้มากที่สุด พรุ่งนี้ ๑๑ พ.ย. ๕๖ เพื่อแสดงพลัง ขับไล่รัฐบาล และไม่ยอมรับ อำนาจศาลโลก

๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ วันนี้เป็นวันที่ ศาลโลก จะตัดสินคดี ประสาทพระวิหาร และในเวลา ๐๙.๐๙ น. กปท. และ กองทัพธรรม ร่วมกันออกเดิน แสดงสิทธิ์ ประชาธิปไตย ไม่ยอมรับ อำนาจศาลโลก ที่จะตัดสินคดี ปราสาทพระวิหาร ในเย็นวันนี้ โดยไปที่ กระทรวงกลาโหม ยื่นหนังสือ เรียกร้องให้ทหาร ปกป้องดินแดน ระหว่าง การเดินรณรงค์นั้น มีประชาชน ให้การตอบรับ  โบกมือให้กำลังใจ ตลอดทาง จากนั้น ไปที่กองทัพบก แล้วไปสิ้นสุด การรณรงค์ ด้วยการไปยื่น หนังสือ ประท้วง ไม่ยอมรับ อำนาจศาลโลก ที่สำนักงาน สหประชาชาติ หรือ UN ใกล้สะพาน มัฆวานรังสรรค์

วันที่ ๑๑ นี้เอง เป็นวัน เคลื่อนพลของ ๔ ประชาคม ในกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมต่อต้าน ระบอบทักษิณ มีประชาคมสีลม ประชาคมอโศก ประชาคมรัชดา และประชาคม สะพานควายอารีย์ โดยมีเป้าหมาย เคลื่อนพลมาที่ ถนนราชดำเนิน ในช่วงบ่ายของ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน จึงเป็นวันที่ มีคลื่นมวลมหา ประชาชน หลั่งไหลมาที่ ถนนราชดำเนิน อย่างมืดฟ้ามัวดิน

ในเวลา ๑๕.๓๐ น. พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้ประกาศปฏิวัติ โดยประชาชน และไม่ยอมรับ อำนาจศาลโลก ณ สะพาน ผ่านฟ้าลีลาศ กรุงเทพมหานคร ท่ามกลาง มวลมหาประชาชน เป็นการปฏิวัติ ที่สวยงามที่สุด ที่ไม่เคยมี มาก่อนในโลก เพราะเป็น การปฏิวัติ โดยไม่ใช้อาวุธ อย่างสงบ สันติ อหิงสา ไม่เสียเลือดเนื้อ และประกาศ จัดตั้งสภา ประชาชน เพื่อปฏิรูป ประเทศไทย ต่อไป เป็นการ ประกาศปฏิวัติ ยึดอำนาจรัฐบาล ก่อนที่จะมี คำตัดสิน ของศาลโลก โดยศาลโลก ได้มีคำตัดสิน คดีปราสาท พระวิหาร ในเวลา ๑๖.๐๐ น. ทำให้ไทย อาจสูญเสียดินแดน ส่วนหนึ่ง ประมาณ ๒ ตารางกิโลเมตร หรือเท่ากับ ๑,๓๐๐ ไร่ รอบประสาท พระวิหาร และจะมีผลให้ กัมพูชา สามารถขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกได้ ถ้ารัฐบาลนี้ ยังบริหารประเทศต่อไป

ในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กปท. กองทัพธรรม ออกเดินธรรมยาตรา จากสะพาน ผ่านฟ้าฯ มีสมเด็จปู่ วิชิตอวิชชา นำขบวน ตามด้วยพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ สมณะ สิกขมาตุ ญาติธรรม และ พี่น้องผู้รักชาติ กว่า ๓,๐๐๐ คน เดินขบวน อย่างสงบ เรียบร้อย มีพล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง (ประธาน กองทัพธรรม มูลนิธิ) และ คณะเสนาธิการ ร่วมขบวน เดินผ่าน อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย มีพี่น้องผู้รักชาติ เป่านกหวีด และปรบมือ ให้กำลังใจ ล้นหลาม และได้ไปถึง สำนัก ราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เมื่อเวลา ๑๐.๒๐ น. เพื่อยื่นถวายฎีกา ทูลเกล้าฯ ขอให้ในหลวง ทรงมีพระราชวินิจฉัย พระราชทาน จัดตั้งสภาประชาชน เพื่อปฏิรูป ประเทศไทย ทำงานบริหารประเทศ ด้วยประชาชน โดยได้ยื่นฎีกา ผ่านทาง นายฐากร ธรรมประทีป ผู้ช่วยราชเลขาธิการ เมื่อเสร็จสิ้น การถวายฎีกา พล.อ.ปรีชา ก็พาผู้ร่วมชุมนุม กราบพระบรมมหาราชวัง ๓ ครั้ง จากนั้น ร้องเพลง สรรเสริญพระบารมี เสร็จสิ้นพิธี ตอน ๑๐.๔๗ น. แล้วเดินทางกลับ สะพานผ่านฟ้าฯ โดยสงบ เรียบร้อย ราบรื่น ง่ายงาม

แม้ว่าการปฏิวัติ โดยประชาชนครั้งนี้ คนส่วนใหญ่ จะยังไม่เข้าใจ ไม่ให้คุณค่า แต่สัจจะ ย่อมเป็นสัจจะ สิ่งที่คณะปฏิวัติ โดยประชาชน ทำในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม เพื่อปกป้อง อธิปไตยของชาติ เป็นการประกาศ ปฏิวัติ โดยประชาชน เพื่อยึดอำนาจ ของรัฐบาลนี้ ไม่ให้มีสิทธิ์ รับคำตัดสิน ก่อนที่ศาลโลก จะตัดสิน ตามแบบอย่าง คณะเสรีไทย ที่เคยประกาศ ไม่เข้าร่วมกับ ฝ่ายอักษะ ในสงครามโลก ครั้งที่ ๒ เป็นผลทำให้ ไทยไม่ตกอยู่ในภาวะ ประเทศผู้แพ้สงคราม

การปฏิวัติ ครั้งนี้ เป็นการปฏิวัติ โดยประชาชน อย่างแท้จริง จึงตั้งชื่อ การปฏิวัตินี้ว่า ประชาชน ปฏิวัติ ปฏิรูป ประเทศไทย หรือ ปปปป.

แม้รัฐบาล จะบอกว่า เสียที่ดินไปไม่มาก ยอมเถอะ แต่สำหรับประชาชน ผู้รักชาติแล้ว แม้ตาราง เซ็นติเมตรเดียว ก็ไม่ยอม ให้เสียไป รัฐบาลได้ทำผิด กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตราที่ ๑ ที่ว่าประเทศไทย เป็นราชอาณาจักร อันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ ตามสัจจะแล้ว ต้องหยุด การบริหารประเทศ ส่วนคณะประชาชน ได้ทำถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญ มาตราที่ ๗๑ บุคคลมีหน้าที่ ป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ชาติ และปฏิบัติ ตามกฎหมาย ขอเชิญประชาชน ผู้เห็นด้วย กับการปฏิวัติ โดยประชาชน เข้าร่วมการชุมนุม ที่ถนนราชดำเนิน ถนนแห่งประชาธิปไตย ในเร็วพลัน

มวลมหาประชาชน ทวงคืนอำนาจ จากรัฐบาลกบฏ
Whistle Revolution

ปลายพฤศจิกายน เข้าสู่อากาศหนาว ของเหมันตฤดู แต่เรื่องราวการต่อสู้ ของประชาชน บน "ราชดำเนิน ถนนแห่ง ประชาธิปไตย" ยังคงเดินหน้า ต่อไป อย่างเข้มข้น เสียงนกหวีด ที่ดังแสบหู อยู่ทุกหน ทุกแห่ง ทั่วประเทศไทย คือเสียงที่ ปลุกประชาชน ให้ ตาสว่าง ออกจากบ้าน เดินสู่ท้องถนน เพื่อต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ มาเป็น มวลชนตื่นรู้ ที่ สนธิกำลังพล รวมกัน หลายกลุ่ม ยังคงมี อัตราก้าวหน้ารายทาง แต่ยังคงไม่ถึง ผลสัมฤทธิ์ ขั้นสุดยอด เพราะความ ด้านหนา ราวคอนกรีต ของ กบฏรัฐธรรมนูญ รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กำนันสุเทพ พาทำ อารยะขัดขืน ทุ่มหมดหน้าตัก ลาออก จากการเป็นส.ส. พร้อมส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ๙ คน นัดชุมนุมใหญ่ ๑๓-๑๕ พฤศจิกายนนี้ พร้อมกำหนด ๔ มาตรการ อารยะขัดขืน คือ
๑. หยุดงาน หยุดเรียน ทั่วประเทศ มาร่วมชุมนุม
๒. ชะลอการจ่ายภาษี 
๓. ต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ คือใช้ธงชาติไทย
๔. เป่านกหวีดฯ ไล่นายกฯ และลิ่วล้อ

๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ยกระดับอีกขั้น ไล่ระบอบทุศีล!!! กำนันสุเทพ ลั่นชัด ถอนราก ถอนโคน ระบอบทักษิณ งัด ๔ มาตรการ จัดการ ส.ส.ทาส -สมุนแม้ว –ต่อต้านสินค้าเครือทักษิณ -ชวนข้าราชการหยุดงาน ย้ำคนร่วม ครบล้านวันไหน ลุยเด็ดขาดทันที แม้วันนี้ ประชาชน จะมาร่วมชุมนุม จำนวนมากล้น แต่ด้วยจิตใจคนที่ ด้านหนา เกินกว่า จะจินตนาการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ยังตะแบง โกงกินต่อไป อย่างไม่ยี่หระ  

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ คณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณา คดีการแก้ไข รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญ หรือไม่ โดยมีมติ เสียงข้างมาก ๖ ต่อ ๓ ว่า การดำเนินการ และการแก้ไข รัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำ โดยมิชอบด้วย รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๒, ๑๒๕ วรรคหนึ่ง วรรคสอง, ๑๒๖ วรรคสาม, ๒๙๑ และมาตรา ๓ วรรคสอง และมีมติ เสียงข้างมาก ๕ ต่อ ๔ ว่า เนื้อความ ที่เป็นสาระสำคัญ ขัดแย้งต่อ หลักการพื้นฐาน และเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้มา ซึ่งอำนาจ การปกครอง ประเทศ เป็นการขัดต่อ มาตรา ๖๘ วรรค ๑ ส่วนการเพิกถอน สิทธิ์เลือกตั้ง และ ยุบพรรคการเมือง ยังไม่เข้า เงื่อนไข จึงยกคำร้อง ขณะที่ ส.ส. และ ส.ว. ทาสรับใช้ ระบอบทักษิณ พากันดาหน้า ออกมาปฏิเสธ อำนาจศาล รัฐธรรมนูญ กันจ้าละหวั่น

เวลา ๐๒.๔๙ น. ที่รัฐสภา วุฒิสภาได้ประชุม พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ ให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงิน ๒ ล้านล้านบาท ที่ประชุม ลงมติ เห็นชอบ ผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ ๒ ล้านล้านบาท ในวาระที่สาม ด้วยเสียง ๖๓ ต่อ ๑๔ งดออกเสียง ๓ เสียง ก่อนจะส่งให้ นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศบังคับใช้ และยังไม่สำนึกมี การเสียบบัตร แทนกันอีก แต่พรรค ประชาธิปัตย์ ได้ยื่นเรื่อง เพื่อขอให้ ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความ เมื่อเวลา ๐๓.๐๐ น. ทำให้รัฐบาล ต้องชะลอ การนำขึ้นทูลเกล้าฯ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ คณะกรรมการ ปปปป. หรือประชาชนปฏิวัติ ปฏิรูปประเทศไทย เปิดสภาประชาชน ที่เวทีผ่านฟ้าฯ มี อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นประธานสภาฯ และมีผู้รู้ด้านต่างๆ มาอภิปราย ไม่ไว้วางใจรัฐบาล มีพี่น้อง ผู้รักชาติ เข้าร่วม อภิปราย กันอย่างล้นหลาม เป็นการให้ความรู้ แก่ประชาชน เพื่อให้เท่าทัน เล่ห์เหลี่ยมเลวร้าย ของระบอบทักษิณ ที่โกงกินมา ยาวนาน เกินกว่า ๑๐ ปีที่ผ่านมา

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ทางคปท. ได้ย้ายเวทีไปตั้งที่ แยกนางเลิ้ง ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ทาง กปท. และ กองทัพธรรม ได้ย้ายเวทีมาที่ สะพานมัฆวานรังสรรค์ หน้า UN แทนที่ คปท. เพื่อขยายให้มีพื้นที่ รองรับ มวลมหา ประชาชน ที่นัดกันมา ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน และช่วงเย็นวันนี้ เป็นวันที่แกนนำของ สามเวที รวมทั้งเครือข่ายร่วม โค่นล้ม ระบอบทักษิณ รวมตัวกัน ขึ้นเวที ประกาศร่วมมือกัน อย่างเป็นทางการ เพื่อโค่นล้ม ระบอบทักษิณ โดยเริ่มจากเวที อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ไปเวทีมัฆวานฯ แล้วไปต่อที่เวที แยกนางเลิ้ง ระบอบทักษิณ ได้สั่นสะเทือน หวาดไหว ต่อความสามัคคี ของคนดี ที่กล้าหาญเหล่านี้

แม้ว่าทางรัฐบาล จะมีการดำเนินการ ให้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถูกคว่ำในสภาสูง ซึ่งทางฝั่งรัฐบาล และพรรคร่วม ได้ลงสัตยาบันว่า จะไม่เอากลับมา พิจารณาอีก แต่ประชาชน คงยากจะเชื่อได้ สำหรับ สัตยาบรรณ ของคนที่ โกหกจนชิน เพราะร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ ก็จะยังคงสามารถ ถูกหยิบยกขึ้นมา พิจารณาอีกได้ ภายใน ๑๘๐ วัน

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ถือเป็นวันอีกวันหนึ่ง ที่จะต้องบันทึกเอาไว้ ในประวัติศาสตร์ การเมืองไทย รวมถึงโลกหล้า ต้องจารึก อภิมหาชน คนไทย ล้านหัวใจ เฉพาะที่ ปรากฏตัว -ปรากฏนาม ร่วมเขียน อภิมหาประวัติศาสตร์ อีกหน้าของไทย ณ ถนนราชดำเนิน

เพราะคลื่น มวลมหาประชาชน ที่มากันอย่าง  มืดฟ้ามัวดิน ยาวเหยียด สุดลูกหู ลูกตา ล้นถนนราชดำเนิน จนต้องไป ตั้งอีกเวที ที่สนามหลวง เป็นปริมาณ คนมาชุมนุม ที่ทำลายสถิติ ทุกการชุมนุม ทางการเมือง ที่เคยเกิด ในเมืองไทย แม้ ๑๔ ตุลาฯ ๒๕๑๖ ว่าประชาชน มามากแล้ว แต่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ มวลมหาประชาชน มาอย่างมากมาย ทุบทำลาย ทุกสถิติ

ตัวเลข ที่คำนวณ โดยหลักวิชาการนั้น เกิน ๒ ล้านคน จาก เหนือ-ใต้-ออก-ตก สี่ล้านบาทา ออกเดินอย่าง สันติ อหิงสา เดิน... เดิน... เดิน ร่วมมหกรรม สหบาทา เพื่อขจัด มารแผ่นดิน ระบอบทักษิณ ให้สิ้นไปจาก แผ่นดินไทย

ภาพมวลมหาประชาชน ถูกบันทึก ด้วยกล้อง เป็นภาพถ่าย มันบอกได้แค่ ความมหาศาล ของจำนวน แต่ไม่สามารถ บอกได้ถึง คลื่นขับเคลื่อน เขยื้อนสังคมชาติ ให้เดินหน้าได้ เพราะพลังรักชาติ ใน จิตวิญญาณ เป็นสิ่งจริง แต่มันถ่ายเป็นภาพ ไม่ติด!

หลังจากที่ มวลมหาประชาชน นับล้านคน ออกมาบนถนน ราชดำเนิน ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เพื่อไม่ให้มวล มหาประชาชน มาแล้วเสียของ ในวันถัดมา คือวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กำนันสุเทพ จึงนำมวลชน ทวงคืน สำนักงบประมาณ กระทรวง การคลัง สำเร็จ โดยตั้งแต่เช้า จนถึงค่ำวันนี้ กำนันสุเทพ พามวลชน ดาวกระจาย แยกไปตาม จุดต่างๆ ๑๓ จุด ทั้งหน่วยงานราชการ และโทรทัศน์ ฟรีทีวี ช่องเลขคี่ ซึ่งส่วนใหญ่ เมื่อแกนนำ ได้พามวลชน ไปถึงแล้ว ก็ได้เคลื่อนทัพกลับ จะมีก็แต่ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ที่นำโดย กำนันสุเทพ เท่านั้น ที่มีระยะทาง เดินเท้า ไกลที่สุดถึง ๑๗ กิโลเมตร พอไปถึง ก็ได้รับการต้อนรับ ที่ดีจากข้าราชการ กระทรวงการคลัง สามารถเข้าไปได้ โดยสะดวก และได้ทำการ ปักหลัก พักค้าง พร้อมตั้งเวทีปราศรัย ทำเป็นฐานที่มั่น อีกแห่งหนึ่ง

ส่วน คปท., กปท. และกองทัพธรรม แยกย้ายดาวกระจาย ไปปิดล้อมตำรวจ ที่มีฐาน รวมกำลังพล กว่า ๒๐,๐๐๐ นาย อยู่ในกระทรวง ศึกษาธิการ และทำเนียบรัฐบาล รวมถึง ศูนย์ราชการ รอบบริเวณนั้น โดยคปท. ได้เคลื่อนกำลังพล ไปทวงคืน กระทรวง การต่างประเทศ แล้วปักหลัก พักค้าง เป็นเวลา ๑ คืน ก่อนเคลื่อน กลับมาที่ แยกนางเลิ้ง

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ พล.อ.ปรีชา นำทัพกปท. และกองทัพธรรม ทวงคืนกระทรวง เกษตรและสหกรณ์, กระทรวงท่องเที่ยว และการกีฬา และ กระทรวงคมนาคม ได้อย่างง่ายดาย เพราะเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ พากัน หยุดทำงาน แต่โดยดี และ ร่วมเป่านกหวีด เป็นสัญลักษณ์ ในการเลือกข้าง ประชาชน จากนั้น พล.อ.ปรีชา จึงนำผู้ชุมนุม กปท. และกองทัพธรรม มุ่งหน้าไป กระทรวงมหาดไทย โดยภายในกระทรวง มีเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร นับพันนาย และตำรวจ จำนวนหนึ่ง อยู่ภายใน แม้ว่าวันนี้ ฝนตกหนัก แต่มวลชน ยังกางร่ม สู้ไม่ถอย

เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ นำผู้รับใช้ หรือการ์ด จำนวน ๑๐ นาย เข้ากระทรวง มหาดไทย เพื่อตรวจอาวุธ ภายในกระทรวง ข้าราชการ ระดับสูง ในกระทรวง ให้ความร่วมมืออย่างดี ยินดีออกจาก กระทรวง คงไว้แค่ อาสาสมัคร ไม่กี่สิบคน และทั้งหมด ยินดีปลดกระบอง

ช่วงค่ำวันนี้ แกนนำกปท. และกองทัพธรรม ประกาศนำมวลชน กลับมัฆวานฯ หลังเจ้าหน้าที่ ระดับสูง ให้คำมั่น จะไม่ปฏิบัติตาม คำสั่งรัฐบาล ก่อนกลับ มวลชนยังได้มอบ อาหารกล่อง และน้ำดื่ม ผ่านรั้วเหล็ก ให้อาสาสมัคร ที่อยู่ภายใน กระทรวง มหาดไทย อีกด้วย

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ วันปลดปล่อย ข้าราชการ ของพระราชา ออกจากระบอบทักษิณ เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เปิดเกมรุก ด้วยการ ออกหมายจับ กำนันสุเทพ กรณีบุกยึดกระทรวงการคลัง ดังนั้น ในเช้าวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ มวลมหา ประชาชน ได้พร้อมใจกัน ไปทวงคืน ทุกกระทรวง รวมทั้ง ศาลากลาง ทุกจังหวัด ปรากฏว่า สามารถทวงคืน ศาลากลาง ได้ทั้งหมด ๓๐ จังหวัด และเกือบ ทุกกระทรวง โดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ไม่มีความรุนแรง เกิดขึ้น เพราะข้าราชการ ส่วนใหญ่ ให้ความร่วมมือ กับมวลมหาประชาชน

โดยกำนันสุเทพ ได้เคลื่อนมวลชน จากกระทรวง การคลัง เดินเท้าไปที่ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ แล้วเข้าไปในพื้นที่ ได้อย่างเรียบร้อย ง่ายงาม ไม่มีความรุนแรง และ ตั้งเวทีปราศรัย ใช้ศูนย์ราชการฯ เป็นฐานที่มั่น อีกแห่งหนึ่ง ส่วนมวลชน กปท. และกองทัพธรรม เคลื่อนมวลชนไป กระทรวงพลังงาน อย่าง สงบ สันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธ ข้าราชการ กระทรวง ออกมาโบกมือ เป่านกหวีด แจกน้ำให้กับ ผู้ชุมนุมอีกด้วย และข้าราชการ ได้ให้ความร่วมมือ ในการหยุดทำงาน ในช่วงค่ำ มวลชน จึงเดินทางกลับ มัฆวานฯ     

๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ มวลชน กปท., กองทัพธรรม และเครือข่าย โค่นล้มระบอบทักษิณ ประกาศเคลื่อนพล ไปเยี่ยมเยือน สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. เพื่อเชิญชวน ข้าราชการตำรวจ ของพระราชา และประชาชน ให้เลิกรับใช้ ระบอบทักษิณ หันกลับ มาเป็นตำรวจ ของประชาชน อย่างแท้จริง โดยการเดินเท้า เป็นระยะทาง ประมาณ ๗ กิโลเมตร เมื่อไปถึงหน้า สตช. แล้วทาง แกนนำ ก็ได้ปราศรัย เรียกร้อง ให้พี่น้องตำรวจ หันมาทำงาน เพื่อประชาชน หยุดรับใช้ ระบอบทักษิณ และประกาศว่า มวลชน มาอย่างสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ

ตัวแทนมวลชน ได้เจรจากับตำรวจ ผลปรากฏว่า วันนี้ตำรวจยืนยันว่า จะไม่ทำร้าย ประชาชน และจะทำงาน เพื่อชาติ และประชาชน พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ชัยชนะครั้งนี้ เป็นของชาวไทย ทุกคน ขอกราบขอบคุณ ในน้ำใจ และความกล้าหาญ ของพวกเราทุกคน ที่มั่นสุดท้าย ของระบอบทักษิณ ได้จบลงแล้ว เขากลับคืนสู่ ประชาชน ให้เกียรติกับเขา

จากนั้น ผู้ชุมนุม ต่างพากันนำ ดอกกุหลาบ ยื่นผ่านรั้วลวดหนาม ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นบรรยากาศ แห่งชัยชนะรายทาง อีกครั้งหนึ่ง ของ พลังแห่ง มวลมหาประชาชน ก่อนเดินทางกลับ

ส่วนทางด้านมวลชน เวทีราชดำเนิน ได้เคลื่อนพลเดินเท้า ถึงหน้ากระทรวง กลาโหม เพื่อปลุกสำนึก ให้ทหารเลือกข้าง ความถูกต้อง ยืนอยู่ข้างประชาชน มีผู้ชุมนุมหลายพันคน ร่วมเดินไป โดยนำดอกกุหลาบ นกหวีด มามอบให้ทหาร ที่กระทรวง กลาโหม โดยผู้บัญชาการของทหาร มีคำสั่งให้เฉพาะ พันเอกคงชีพ ตันตระวานิชย์ ตัวแทนเท่านั้น ที่รับได้ ผู้ชุมนุม ส่งดอกกุหลาบ นกหวีด ให้ แต่ทหารรับไว้ไม่ได้ เลยเอาผูกไว้ที่ ลวดหนามแทน อยู่ประมาณ ๒๐ นาที แล้วก็เดินกลับ ราชดำเนิน โดยสงบ สันติ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ กลางดึกเมื่อคืนนี้!! คนร้ายเผารถ เรือตรีแซมดิน ผู้ประสานงาน กองทัพธรรม รถเสียหาย ไม่มีใคร บาดเจ็บ คาดโยงการเมือง! เรือตรีแซมดิน เผยเหตุเผา รถยนต์ส่วนตัวกลางดึก ไม่ส่งผล การชุมนุม ยันเดินหน้า ชุมนุมต่อ ยึดหลัก สันติ-อหิงสา

ช่วงบ่ายวันนี้ มวลชน คปท.ได้บุกเข้า กองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก มวลชนสามารถ ผ่านเข้าประตู กองทัพบกได้ แล้วกระจาย เต็มสนามหญ้า หน้าตึกบัญชาการ แกนนำขึ้นเวที บนรถปราศรัย บอกมวลชนว่า อย่าเข้าไป ในอาคาร เป้าหมายการมา เพื่อถามจุดยืนทหารว่า ยังยืนอยู่ข้างประชาชน หรือไม่ และ ไม่ได้มาเรียกร้อง ให้ปฏิวัติ

นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำผู้ชุมนุม ได้ยื่นหนังสือผ่าน พล.ต.พลภัทร์ วรรณพักตร์ เลขาฯทบ. ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้เลือกข้าง ประชาชน ไม่ทำตาม คำสั่งรัฐบาล ที่ไม่ชอบธรรม จากนั้น จึงเดินทางกลับ ไปเวทีนางเลิ้ง

ในเวลา ๑๙.๓๐ น. วันที่ ๒๙ พ.ย. นี้ ที่เวที ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ กำนันสุเทพ ได้แถลงการณ์ถึง การรวมกัน ของหลายองค์กร หลายเครือข่าย ที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ โค่นล้ม ระบอบทักษิณ และปฏิรูปประเทศไทย ที่นับตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป จะรวมอยู่ ภายใต้ชื่อชื่อเดียว คือ คณะกรรมการ ประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ชื่อย่อๆว่า กปปส. ทางกองทัพธรรม ก็ได้เข้าร่วมอยู่ใน กปปส.ด้วย โดยมีเรือตรี แซมดิน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ กปปส.

โดยจากนี้ไป คณะกรรมการ กปปส. จะเป็นผู้กำหนด แนวทางตัดสินใจ ในการดำเนินการ และ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเป็นเลขาธิการ ของ กปปส. และประกาศ ให้วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นวันชุมนุมใหญ่ จากนั้น กปปส. ได้ประกาศ แผนปฏิบัติการสุดท้าย เพื่อกำจัด ระบอบทักษิณ ให้สิ้นไปจาก แผ่นดินไทย ด้วยการเข้าควบคุม ทุกกระทรวง ทบวงกรม ของทางราชการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ วันนี้เป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่รัชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ติดกับ มหาวิทยาลัย รามคำแหง มีมวลชน มาไม่เต็ม สนามกีฬาฯ แต่แล้วมี เหตุร้ายเกิดขึ้น เนื่องจากมีเหตุ คนเสื้อแดง ทำร้ายนักศึกษา มหาวิทยาลัย รามคำแหง นักศึกษา จึงรวมตัวกัน กว่า ๒,๐๐๐ คน เพื่อชุมนุมประท้วง ให้คนเสื้อแดง หยุดชุมนุม จากนั้น มีนักศึกษา ถูกยิงเสียชีวิตไป ๑ คน และได้รับบาดเจ็บ อีกนับสิบราย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วุฒิศักดิ์ อธิการบดี มหาวิทยาลัย รามคำแหง ยืนยันกับ ช่อง ๗ ว่า มีนักศึกษารามฯ เสียชีวิต ๑ คน โดยถูกยิง บริเวณท้อง ด้านหลัง มหาวิทยาลัย ได้แจ้งไปที่ สถานีตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ บอกว่า ไม่สามารถ จะให้ความช่วยเหลือได้ ลูกศิษย์ผม เสียชีวิตไป -บ้านเมือง ไม่มีขื่อ -ไม่มีแป! ขอเชิญศิษย์เก่า, ศิษย์ปัจจุบัน และศิษย์อนาคต มาร่วมกันปกป้อง มหาวิทยาลัย ของเราร่วมกัน พรุ่งนี้!

๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ วันนี้เป็นวันที่ กปปส. นัดปฏิบัติการครั้งใหญ่ ทวงคืน อำนาจรัฐ กปปส. ส่ง กองทัพมือเปล่า แยกสาย กันไปเยือน และขอความร่วมมือ โทรทัศน์ช่องคี่ (ฟรีทีวี ๓, ๕, ๗), ไทยพีบีเอส และทีเอ็นเอ็น ให้ความร่วมมือ (ยกเว้นช่อง ๙ และ ช่อง ๑๑) ถ่ายทอด  กำนันสุเทพ อ่านแถลงการณ์ กปปส. ฉบับแรก ถึงประชาชน ทั่วประเทศ เมื่อเวลา ๑๖.๓๘ น.

ตั้งแต่ช่วงเช้า ของวันนี้ มีเหตุร้ายเกิดอีกที่ ม.รามคำแหง เวลา ๐๗.๕๕ น. ข่าวล่าสุด เสื้อแดง ใช้เอ็ม๗๙ ยิงเข้ารามคำแหง มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต!!!! กลุ่มเสื้อแดง และตำรวจ ร่วมกันล้อม มหาวิทยาลัย ถล่มยิง และปาระเบิด เข้าไปใน มหาวิทยาลัย เสียงปืน มากกว่า ๑๐๐ นัด นักศึกษาถูกยิง ๖ คน เสียชีวิต ๒ คน กลุ่มเสื้อแดง เผาร้านค้า ย่านรามคำแหง วอด ๒ ห้องแถว รามคำแหง ๒๔ สุมยางรถยนต์ เผารอบ มหาวิทยาลัย ศูนย์เอราวัณ แจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต ๓ ราย และบาดเจ็บ ๕๔ ราย จนแกนนำ คนเสื้อแดง ต้องประกาศ สลายการชุมนุม คนเสื้อแดง ในตอนค่ำวันนี้

ในตอนบ่าย ของวันนี้ ทหาร ร.๑๑ พัน ๑ รอ. ก็ได้ยื่นมือ เข้ามาช่วยเหลือ นำนักศึกษา ออกจาก มหาวิทยาลัย ได้โดยปลอดภัย ในวันรุ่งขึ้น พร้อมกับแกนนำ คนเสื้อแดง ประกาศ สลายการชุมนุม ทหารเหล่านี้ ล้วนเป็นทหาร รักษาพระองค์ เหล่านักศึกษา ต่างเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ อย่างกึกก้อง ด้วยซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระองค์ท่าน

ส่วนแนวรบ ด้านทำเนียบฯ ด้านบช.น. และ สตช. ดุเดือดเลือดพล่าน ตั้งแต่เช้า ยันค่ำ โดยเฉพาะ ศึกชิงสะพาน ชมัยมรุเชฐ ที่เป็นสะพานข้าม คลองเปรม จากฝั่งพาณิชยการ ไปฝั่งทำเนียบรัฐบาล

ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา ตั้งแต่ตอนเพล ไปยันพลบค่ำ แต่กองทัพ มหาประชาชนปฏิวัติ ภายใต้การนำของ คปท. มี นิติธร และอุทัย เป็นแม่ทัพใหญ่ เรียกว่า สู้ด้วยมือเปล่า กันสุดใจขาดดิ้น ตำรวจยิงแก๊สมา ฝ่ายประชาชน จับยัดถัง ก็มีทั้ง ล้มคว่ำ คะมำหงาย มีทั้งสำลักน้ำตา กระจาย หายใจไม่ออก ที่ม่อยกระรอก ช่วยกันหาม ไปพยาบาล ที่ยังยืนได้ ก็หนุนเนื่อง แท่งปูนกีดขวาง รูดลวดหนาม เหมือนรูดยอดกระถิน จิ้มน้ำพริก ขยิกเข้าไป...ขยิกเข้าไป... ตำรวจซัดใส่ตูม..ตูม ก็หงายท้อง หงายไส้ คันคะเยอ แสบตากันไป ตะโบยน้ำล้างตา แล้วโดดผึง... อย่าหนีนะ!

ประชาชนสู้ยิบตา จนเกิด วีรกรรม ฮีโร่กางเกงใน จากเสื้อแดงกลับใจ มาเป็นฮีโร่ ของประชาชน เป็นวันที่ วีรชาติ ต้องจำไป อีกนาน คือ เหตุการณ์ที่เขา เสี่ยงตาย สู้กับตำรวจในม็อบ ด้วยสภาพ กางเกง ในตัวเดียว แถมยังถูกตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตา ใส่เข้าที่ หน้าผาก จนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งหลายคน นึกว่า เขาจะไม่รอด แต่ก็ขอหมอ รีบถอดน้ำเกลือ กลับมาต่อสู้อีกจนได้

ตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตา ตามด้วยฉีดน้ำ มวลชนถอยมา ถนนพิษณุโลก ตำรวจยังลุยหนัก?? ฉีดน้ำผสมสีม่วง สาดใส่ประชาชน หลังยิง แก๊สน้ำตา จนเกือบสามทุ่ม แนวรบด้านนี้ จึงสงบ

ส่วนมวลชน กปท. และกองทัพธรรม อยู่ตรึงกำลัง ปิดล้อมตำรวจ ที่อยู่ภายในทำเนียบ และ กระทรวง ศึกษาธิการ หน้าสวนสัตว์ เขาดิน สะพานเทวกรรม อย่างสงบ สันติ อหิงสา แนวรบด้าน สะพานมัฆวานฯ เป็นแนวรบ ที่มีการเจรจา กับตำรวจได้อย่างดี ไม่มีความรุนแรง บนเวที พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ เทศนาให้ผู้ชุมนุม ยึดหลัก สันติ อหิงสา ท่ามกลาง เสียงตูมๆๆ ของระเบิด แก๊สน้ำตา ที่ส่งกลิ่น ฟุ้งกระจาย จากสะพานชมัยฯ โชยมาถึง สะพานมัฆวานฯ แนวหน้า มีพล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ดูแล อย่างใกล้ชิด คอยให้สติ ผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจ ก็ใช้เครื่องขยายเสียง เปิดเพลง เสียงดังมากๆๆๆ ใครไม่มีที่อุดหู ปวดหูแน่ๆ

เมื่อเวลา ๒๑.๓๗ น. (๑ ธ.ค.) ที่ศูนย์ราชการ กรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการ ประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตย โดยสมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แถลงว่า เมื่อประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ ที่ผ่านมา ตนได้พบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และได้พูดคุยกัน ต่อหน้า ผู้บัญชาการ เหล่าทัพ ทั้งผู้บัญชาการ ทหารบก (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ผู้บัญชาการ ทหารอากาศ (พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง) และผู้บัญชาการ ทหารเรือ (พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเรืองรมย์)

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ไม่มีข้อต่อรองใดๆทั้งสิ้น และยืนยัน สิ่งที่ดำเนินการมา ต้องเสร็จสิ้น เรียบร้อย ภายใน ๒ วันนี้ จึงไม่มี ข้อเรียกร้อง ต่อรองใดๆ ที่จะเสนอต่อ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยินยอมโดยดี มอบอำนาจคืนประชาชน หรือ ดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ประชาชน จะเดินหน้าต่อไป นายกฯไม่ได้ตอบ ข้อที่ตนกราบเรียนไป แต่ตนถือว่า ได้เป็นตัวแทน ประชาชน บอกเจตนารมณ์แล้ว

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในการพบกัน คราวนี้ เป็นข่าวดี เพราะผู้บัญชาการ ๓ เหล่าทัพ ได้แสดงเจตนารมณ์ ชัดเจนว่า กองทัพ ยืนอยู่ข้าง ประเทศไทย ผบ.ทบ. ได้พูดต่อหน้า ผบ.ทุกเหล่าทัพ และนายกฯว่า ไม่ต้องการเห็น ประชาชน บาดเจ็บล้มตาย เพราะกองทัพ ยืนอยู่ข้างประเทศไทย แล้ว นายสุเทพ ยังเรียกร้อง ให้ข้าราชการ หยุดงาน หยุดรับใช้ ระบอบทักษิณ แล้วมายืน เคียงข้าง ประชาชน

๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ วันนี้โรงเรียน และมหาวิทยาลัย ในกรุงเทพมหานคร หลายแห่ง ประกาศ ปิดการเรียน การสอน เนื่องจาก สถานการณ์ การชุมนุม มีความรุนแรงขึ้น มวลชนที่ สะพานชมัยฯ เปิดฉากรุก ด้วยสันติวิธี ปราศจากอาวุธ ตั้งแต่ ๐๙.๐๐ น. โดยได้เคลื่อนพล เข้ารื้อ แท่งปูนกีดขวาง ที่สะพาน ชมัยมรุเชษฐ์ แยกพณิชยการ ตำรวจก็ประเคน แก๊สน้ำตา ออกมาไม่ยั้ง เพราะมีเฮลิคอปเตอร์ เทียวบินส่งแก๊ส อยู่หลายเที่ยว มีคนพูด ติดตลกว่า ใครแก๊สหมด มาเติมที่ สะพานชมัยฯได้ ยังดีที่ แก๊สน้ำตา พัฒนาไป เยอะ ตอนปี'๕๑ แตกตูมมม!! ขาขาด, มือขาด แต่ปี'๕๖ ไม่แตกตูมมม!! ลอยมา ปล่อยควันน่ารักๆ แต่ถูกหัวก็แตก ฤทธิ์เดช แก๊สน้ำตาปี'๕๖ คงเทียบเท่า มาตรฐานสากล มวลชน คปท. หลายราย ไม่มีหน้ากาก อ้วกแตก อ้วกแตน!! บางคนบอก แบบนี้รับได้ เท่ามาตรฐาน ขาไม่ขาด!!!

วันนี้มวลชน มีการพัฒนา การต่อสู้ มีอุปกรณ์เสริม เช่น กระสอบป่าน ชุบน้ำ เอาไว้สยบ แก๊สน้ำตา อย่างได้ผล มีหน้ากาก กันแก๊สพิษใส่ มีโล่ที่ทำเอง แบบบ้านๆ และสารพัดประดามี ตามประสา นักรบมือเปล่า แต่ทั้งหมด ไม่ใช่อาวุธร้ายแรง ทำอันตราย ถึงแก่ชีวิตได้ ได้เห็นน้ำใจ ของคนไทย ที่ไม่ทิ้งกัน เมื่อบนเวที ประกาศว่า ขาดสิ่งใด ไม่กี่เวลา ข้าวของก็จะ ประเดประดัง ส่งมา จนหาที่เก็บไม่ได้ ต้องรีบประกาศ ของดรับของ เนื่องจากพอแล้ว ส่วนตำรวจ ก็น่าชื่นชม ที่ส่วนใหญ่ จะพยายาม ไม่ใช้อาวุธร้ายแรง นอกจาก ยิงแก๊สน้ำตา, ฉีดน้ำแรงดันสูง กับคลื่นเสียง ความถี่สูง คอยรบกวน จะมีบกพร่อง ที่ใช้ปืนยิงกัน จนบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่ายบ้าง ก็เป็นจำนวนน้อย สรุป คือไม่มีคนตายเลย แม้จะรบกันมา เป็นวันที่สองแล้ว แม้ทางตำรวจ จะมีการใช้ กระสุนยางด้วย

ในขณะที่ตำรวจ ระดมยิงแก๊สน้ำตา บนแยกพล ๑ รอ. ประชาชน วิ่งหลบแก๊สน้ำตา พบทหาร ๒-๓ นาย ช่วยกัน กรอกน้ำใส่ขวด และยื่นส่งให้ ผู้ชุมนุม

ส่วนประกาศ บนเวทีราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บอกว่า วันนี้จะเคลื่อนขบวนไป ๒ จุด คือที่ บช.น. และที่ ทำเนียบรัฐบาล พอสายๆ มวลชนไปถึงหน้า บช.น. สภาพการต่อสู้ ก็ไม่ต่างกับ ที่แยกพณิชยการนัก มีนักรบมือเปล่า เข้าโรมรันกับ ห่าแก๊สน้ำตา ที่มาจาก เงินภาษีของประชาชน แม้กระนั้น มวลชนก็สู้ไม่ถอย ตำรวจหันมา ใช้พัดลม มาช่วยเป่า แก๊สน้ำตา ที่ผู้ชุมนุม ใช้พัดลมยักษ์ เป่ากลับมา จนต่อมา ทางเวทีราชดำเนิน ส่งรถแทร็กเตอร์ ฝ่าแนว แท่งปูนกีดขวาง เพื่อบุกยึด ทำเนียบ และบช.น. แต่ก็ยังไม่สามารถ ฝ่าแนวแท่งปูนกีดขวาง เข้าไปได้ เพราะแก๊สน้ำตา ที่เฮลิคอปเตอร์ ขนมานั้น ยังมีอีกมาก และบ่ายวันน ี้(๒ ธันวาคม) ๑๓.๓๐ น. นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านทีวีพูล

๑. ข้อเสนอจาก กปปส. นั้น รัฐบาลไม่ได้ติดยึด การคืนอำนาจนั้น ยังไม่เห็น ข้อกฎหมาย ที่รองรับ ขอให้หารือ หาแนวทาง ร่วมกัน

๒. ไม่อาจละเลย แนวทางการลาออก หรือยุบสภา อะไรที่จะทำให้เกิด ความสงบสุข ดิฉันยินดี เรียกร้อง ให้ทุกคน ทุกกลุ่ม ให้มาเจรจา หารือข้อยุติ ไม่ได้ยึดติด

๓. สถานที่ราชการยังเปิดอยู่ ข้าราชการให้ทำงานต่อไป โดยหาสถานที่ บริการประชาชนอื่นๆ

ทางรัฐบาลพยายามบอกว่า ตนยอมไม่ติดยึด ลาออก หรือยุบสภาก็ได้ ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่า รัฐบาลถอย เพราะสู้กัน ซึ่งหน้าไม่ได้ แต่ก็ต่อสู้ ในทางลับ หาข้อกฎหมาย มาทำลาย ความชอบธรรม ของฝ่ายประชาชน ทั้งที่ตนเป็น รัฐบาลกบฏ ตั้งแต่ดาหน้า ออกมาปฏิเสธ อำนาจศาล รัฐธรรมนูญแล้ว โดยวันนี้ รัฐบาลยังได้ ขอให้ศาล ออกหมายจับ กำนันสุเทพ เนื่องจาก ข้อหาเป็น กบฏ

๒๐.๓๐ น. กำนันสุเทพ ขึ้นปราศรัย เวทีศูนย์ราชการ ลั่นจบงานนี้ ไม่กลับไปเป็น ส.ส. และไม่กลับไป พรรคประชาธิปัตย์ อีกแล้ว สุเทพ ขอโทษสื่อฯ ถ้าทำอะไร ให้โกรธเกลียด ย้ำ ไม่มี ทางเลือก แค่ต้องการ ให้ประชาชน ทั่วประเทศ รับทราบว่า มวลมหาประชาชน กำลังทำอะไรอยู่ พูดถึงเมื่อคืน ที่เจรจากับ ยิ่งลักษณ์ ต่อหน้า ผบ.ทบ. ทหารไม่พูดว่า อยู่ข้างรัฐบาล แต่พูดว่า อยู่ข้างประเทศไทย แปลว่า เขาไม่เอายิ่งลักษณ์ แค่เขาประกาศว่า เขาอยู่ข้าง ประเทศไทย ผมก็ชื่นใจแล้ว เพราะไม่ว่า เราจะทำอะไรต่อไป เขาไม่มีวัน หันปากกระบอกปืน มาหาประชาชน เด็ดขาด พรุ่งนี้ต้องยึด กองบัญชาการ ตำรวจนครบาล ให้ได้ รวมกำลัง มวลมหาประชาชน ทุกสาย ยึดตำรวจนครบาลให้ได้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ท้าตำรวจมาจับ บอกชีวิต เป็นมาหมดแล้ว ยกเว้นนักโทษ ล้มระบอบทักษิณได้ จะไปมอบตัวสู้คดี ข้อหากบฏ ยันไม่หนีแน่นอน...

แนวรบวันนี้ที่หนักสุด เป็นที่รอบ ทำเนียบรัฐบาล ทั้งสะพานชมัยฯ แยกเทวกรรม และสะพานอรทัย มวลชน ฮึกเหิม คึกสุด จนแกนนำ คปท. ไม่สามารถควบคุม ฝูงชนได้ ส่อเดือด!!! ตำรวจระดมยิง แก๊สน้ำตา มวลชนฮึกสุด!! ขว้างปาทุกอย่าง ใส่ตำรวจ เสียงตูม สนั่น! ต่อเนื่อง

รถนักข่าว อัลจาซีรา ถูกยิง ๒ นัด ขณะรายงานสดอยู่ ถ.พระราม ๕ วิถีกระสุน จากแนวตำรวจ และประกาศชัด!! ยกระดับ ใช้กระสุนยาง ควบคุมฝูงชน???

ต้น-สุรเชษฐ์ หัวหน้า ช่างภาพ น.ส.พ. เดลินิวส์ โดนกระสุนหูฉีก ขณะถ่ายรูป อยู่ฝั่งคปท. และมีผู้ชุมนุม คปท. แยกพาณิชยการ ถูกยิง ใต้ราวนมขวา หน่วยกู้ภัย นำส่งโรงพยาบาลแล้ว

ที่แยกเทวกรรม และ สะพานอรทัย ใกล้สะพาน มัฆวาน ตลอดทั้งคืน มีเสียง ประทัดยักษ์ และพลุตะไล จากกลุ่ม ผู้ชุมนุม ที่ไร้แกนนำ จำนวนกว่า ๑,๐๐๐ คน ที่ระดม ยิงใส่ตำรวจ อย่างดุเดือด ตำรวจ ก็ตอบโต้ ด้วยแก๊สน้ำตา ตลอดทั้งคืน รอบบริเวณ แนวรบด้านนี้ สว่างไสวไปด้วยแสง จากพลุตะไล จนกระทั่ง ประมาณ ตีห้า ของเช้าวันที่ ๓ จึงค่อยสงบลง โดยที่สะพาน มัฆวานฯ มีพล.อ.ปรีชา คอยประกาศ ให้สติแก่ผู้ชุมนุม อยู่จนดึกดื่น ค่อนคืน รวมผู้บาดเจ็บ เหตุชุมนุมวันนี้ ๙๔ คน โดนกระสุนจริง สาหัส ๒ คน

 

แปลก... แต่จริง!

๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ ตั้งแต่เช้าค่ำวันที่ ๒ ยันเช้าของวันที่ ๓ ข้างทำเนียบรัฐบาล ยังเป็นสงคราม แก๊สน้ำตา กับประดา พลุไฟตะไล ที่ผู้ชุมนุม ระดมยิงเข้าไป สู่ฝั่งตำรวจ ตำรวจก็ตอบโต้ ด้วยแก๊สน้ำตา จนแทบว่า จะท่วมทับถนน เลยทีเดียว และเช้าของ วันที่ ๓ ก็ว่า จะลุยกันแหลก ประชาชน ก็คึกคักเต็มที่ ตำรวจก็เตรียมตัว อย่างดี แต่วันที่ ๓ พฤศจิกายนนี้ พอมวลมหาประชาชน ยาตราทัพ ไปถึงหน้า บชน. และที่ข้าง ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจกลับเปลี่ยนใจ ตั้งแถว ตำรวจ แจกดอกไม้ แก่ประชาชน ตลอดช่วงสาย ถึงบ่าย ของวันที่ ๓ ทั้งที่บช.น.และ ทำเนียบ ตำรวจพากันเก็บของ กลับบ้าน ไปพบหน้าลูกเมีย ผู้ชุมนุม หลั่งไหลเข้ามา แล้วสวมกอดตำรวจ ชื่นมื่น ยิ้มแย้ม จับมือขอโทษ ขอโพยกัน

ขณะที่นักข่าว CNN รายงานสด จากกรุงเทพ มีการพักรบ (truce) ตำรวจกับ ผู้ประท้วง กอดถ่ายรูป พิธีกรบอก How bizarre...this turn of events in Thailand. (แปลกประหลาด อะไรเช่นนี้ กับการกลับกัน ของเหตุการณ์ ในประเทศไทย)

ส่วนนักข่าว BBC: "BKK mood shifts" บรรยากาศในกทม . วันนี้แตกต่างจาก ความตึงเครียด ๓ วันก่อน มิตรภาพตำรวจ-ผู้ชุมนุม มีขึ้น อย่างน่าประหลาดใจ แต่ไม่น่าวางใจ 

แม้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านไป ดูคล้ายสงบศึกชั่วคราว แต่ว่าคงมีประเทศไทย ประเทศเดียว ที่ทำได้อย่างนี้ เมื่อคืนวาน รบรา ราวจะฆ่าฟันกัน แต่อีกวัน ก็โอบกอดกัน ด้วยน้ำใจ แม้ว่าจะดู ไม่น่าไว้ใจ แต่ภาพที่ปรากฏนั้น ทั้งประชาชน และตำรวจ ชั้นผู้น้อยนั้น ก็ต่างโล่งอก โล่งใจ เพราะไม่มีใคร อยากให้คนไทย ฆ่ากันเอง คงมีแต่ผู้ได้รับ ผลประโยชน์ ที่อยู่ชั้นบน ของรัฐบาล เท่านั้น ที่จะใช้ตำรวจ เป็นเครื่องมือ ในการรักษาอำนาจ ที่ได้มาอย่างฉ้อโกง ของตนเอง

และที่ปรากฏการณ์นี้ เกิดได้นั้น ก็ด้วยพระบารมีของในหลวง ที่เป็นที่รักของ ปวงชนชาวไทย ถ้าประเทศนี้ ไม่มีในหลวง ร.๙ ไม่มีวันที่ ๕ ธันวาฯ การรบรา ก็คงไม่สงบ ไม่พักยก มิคสัญญี จะเกิดขึ้น อย่างเลี่ยงไม่พ้น เราคนไทย ทุกคน ไม่ว่าจะฝ่ายไหน สีไหน ควรสำนึก ในบุญคุณ ของในหลวงให้มาก

เลขาธิการ กปปส. สุเทพ แถลงการณ์ ว่าวันนี้ มวลมหาประชาชน ได้ยึด บช.น. และทำเนียบรัฐบาล ได้แล้ว ด้วยสองมือเปล่า เป็นชัยชนะ ส่วนหนึ่ง ระบอบทักษิณยังอยู่ จึงยังกลับบ้านไม่ได้ ต้องชุมนุมต่อ สู้ให้ถึงที่สุด เพื่อให้ประชาชนชนะ แล้ววางรากฐาน ประชาธิปไตย ให้สมบูรณ์ แล้วผมจะเลิกยุ่ง กับการเมือง ตลอดชีวิต ไม่ต้องการ รับตำแหน่งใดๆ และกปปส. จะจัดงานวันพ่อ ที่ราชดำเนิน –กระทรวงการคลัง -ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จะจัดให้ยิ่งใหญ่ ชวนประชาชน ออกมาร่วม เฉลิมฉลอง และถวายพระพร ในวันที่ ๕ ธันวาคม

ยังมีสำนักข่าว เอเอฟพี รายงานด้วยว่า เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ทำให้เมืองหลวงของไทย กลับสู่อารมณ์ แห่งความสงบ ผู้ประท้วง ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พากันทำความสะอาด บริเวณอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม แกนนำ ฝ่ายต่อต้าน บอกว่า จะมีการประท้วงอีกครั้ง ในวันศุกร์ (๖) และจะไม่หยุด จนกว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก จากตำแหน่ง พร้อมกับ คืนอำนาจ แก่สภาประชาชน ที่ไม่ได้มาจาก การเลือกตั้ง

          ฝรั่งหลายสำนักข่าวทั่วโลก ที่มาทำข่าว การประท้วง.. ในบ้านเราบอกว่า ไอก็มาทำข่าว ประท้วงใหญ่ เมื่อสามปีก่อน (๒๕๕๓) สะใจจริงๆ บู๊ล้างผลาญ.. ทำลายทุกอย่าง ที่ขวางหน้า มีเผายางรถ มีพกอาวุธ แบบสงคราม.. เผาตึกรามบ้านช่อง..  สะใจจริงๆ เรดติ้ง ไม่แพ้การประท้วงทั่วโลก.... แต่ไอมาครั้งนี้ ผิดหวังจริงๆ.... ทั้งที่ราชดำเนิน.... เมื่อวานไอ เดินไปพร้อมกับ ขบวนประชาชน ที่ไปปิดศูนย์ราชการ ทั้งที่กระทรวงการคลัง ทั้งที่ศูนย์ราชการ ที่แจ้งวัฒนะ นี่มันอะไรกัน.. ยังกะขบวน เฉลิมฉลอง festival อะไรซักอย่าง เต้นรำ ร้องเพลงเฮฮา กลางคืน มีการแสดงสี่ภาค.. อุ้มลูกจูงหลาน.. ล้างรถเช็ดรถ ให้ตำรวจ ที่มาปราบจาราจล... ช่วยกันเก็บกวาดขยะ... โอ๊ย!... ไอผิดหวังจริงๆ... พูดไปแล้ว น้ำตาไหล ภาพทุกภาพ ที่ปรากฏให้เห็น คนที่รักชาติ รักแผ่นดิน รักบ้านรักเมือง รักความถูกต้อง แม้แต่เม็ดทรายเล็กๆ ก็ต้องดูแลครับ...  นี่คือ พลังที่แท้จริง ของพวกเรา ชาวไทยครับ... ที่เราจะมาร่วมมือกัน สร้างสรรค์สังคมใหม่..  ร่วมพัฒนาประเทศไทย.. มาร่วมสร้างหัวใจแบบ... อารยะขัดขืน....

๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ; ๘๖ พรรษา มหาราชา มหาสมาคม ครั้งประวัติศาสตร์ ณ วังไกลกังวล... ปีนี้ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออก มหาสมาคม เนื่องในพระราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ครั้งประวัติศาสตร์ ในต่างจังหวัด เป็นครั้งแรก ณ ศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็ยิ่งทำให้ ปวงชนชาวไทย พร้อมใจกัน ไปเข้าเฝ้า เพื่อชื่นชม พระบารมี และถวายพระพร ชัยมงคล

แน่นอนว่า เสียง ทรงพระเจริญ ซึ่งเป็นเสียงแห่งความปลื้มปีติ ที่ได้เห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระพักตร์สดใส และ มีพระพลานามัย ที่สมบูรณ์แข็งแรง ดังกึกก้อง ไปทั่วหัวหิน ตลอดรวมถึง ในทุกๆจังหวัด ทั่วประเทศ

พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัส เนื่องในการเสด็จออก มหาสมาคม ในครั้งนี้ว่า...  ขอขอบใจ ท่านทั้งหลาย เป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิต พร้อมๆกัน มาให้พรวันเกิด รวมทั้ง ให้คำมั่นสัญญา ด้วยประการต่างๆ ข้าพเจ้า ขอสนองพร และไมตรีจิต เหล่านั้น ด้วยใจจริง เช่นกัน

บ้านเมืองของเรา สงบสุขมาช้านาน เพราะเรามี ความเป็นปึกแผ่น ในชาติ และต่างบำเพ็ญ กรณียกิจ ทำหน้าที่ ให้สอดคล้อง เกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ของชาติ คนไทยทุกคน จึงควรจะตระหนัก ในข้อนี้ให้มาก และตั้งใจ ประพฤติตัว ปฏิบัติงาน ให้สมภาระ และหน้าที่ เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์ ส่วนรวม เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย ของชาติบ้านเมืองไทย

ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษา ท่านทุกคน ให้มีแต่ความสุข ความเจริญ ตลอดไป

ในช่วงเย็นวันที่ ๕ ธันวาคมนี้ มีพิธีจุดเทียนชัย ถวายในหลวง ที่สนามหลวง นำโดย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คู่ขนานไปกับ เวทีของ มวลมหาประชาชน กปปส. ที่จัดกระจาย หลายเวที เช่น เวทีมัฆวาน ทำอย่างไทยๆ กันเองมาก แต่ละคน มาด้วยใจ ทำด้วยใจ ถวายในหลวง เวทีของทาง คปท. ก็เอาจริง เอาจัง เทใจให้เต็มใจ เวทีของราชดำเนิน ก็เป็นฟอร์มใหญ่ ที่พูดไปร้องไป น้ำตาไหลไป เพราะซาบซึ้งในหลวง เวทีศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ก็อลังการ ด้วยดวงเทียน ล้านดวง แทนดวงใจ แห่งความจงรักภักดี ต่อในหลวง ทุกเวทีของ กปปส. ประชาชนเนืองแน่น มองไปไกล สุดลูกหู ลูกตา ทุกเวที มีการแสดง เทิดไท้ องค์ราชัน มีการแสดง หลายรายการ ที่มีภาพน้ำตา ของประชาชน ที่ไหลริน ด้วยความรัก ความห่วง ในหลวง ผู้เป็นพลังแผ่นดิน เพราะพวกเรารู้ว่า ความสุขของ ในหลวงนั้น อยู่ที่พสกนิกรของท่าน หากชาติบ้านเมือง ไร้ความเป็นอยู่ผาสุก เช่นนี้ ความรู้สึกของ พระองค์ท่าน จะเป็นอย่างไร?.....

พ่อเหนื่อยเพื่อลูก มาเนิ่นนานแล้ว ตรากตรำ พระวรกาย เพื่อลูกมา มากมายแล้ว ทรงพระชราภาพ มากแล้ว ถึงเวลาแล้ว ที่ลูกๆที่ จงรักภักดี ไม่ใช่แค่เปลือก หรือแค่ปาก แต่จงรักภักดี ทั้งกายใจ และจิตวิญญาณ จะได้ออกมา ร่วมกันให้มาก กำจัดมะเร็งร้าย ที่กัดกิน อวัยวะภายใน ของประเทศ จนเสียหาย ใกล้ล่มจมแล้ว

วันประกาศนัดหมาย เป่านกหวีด ครั้งสุดท้าย.

๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๒๐.๓๕ น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัย บนเวทีการชุมนุม ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะว่า หลายคนบอก การชุมนุมครั้งนี้ ถ้าทำไม่สำเร็จ เสียดายมาก เพราะคนอุตส่าห์ ออกมาเป็นล้าน พวกตนไม่ใช่ พวกเพ้อเจ้อ เคารพความเป็นจริง ชีวิตพวกเราทุกคน วางเป็นเดิมพัน ทุ่มหมดหน้าตัก ในการสู้ครั้งนี้ ชัดเจน สู้ครั้งนี้ หนเดียว สุดกำลัง แพ้หรือชนะ ก็ต้องยอมรับ แต่กราบเรียน ด้วยความเป็นจริง ถ้าจำนวนมีกันแค่นี้ แม้จะมีหัวใจ ห้าวหาญอย่างไร กอดคอเหนียวแน่น อย่างไร ก็ต้องมี คนเจ็บ-ตาย เพราะพวกโจรห้าร้อย ไม่เคยปรานี ประชาชน ตนรู้ พี่น้อง ก้าวพ้นความกลัว เหล่านั้นมาแล้ว แต่ว่าชัยชนะของเรา ไม่วัดกันที่ จำนวนคนเจ็บ-ตาย แต่วัดกันที่ จำนวนคน ที่ออกมา ร่วมกันต่อสู้ ถึงบอกว่า การต่อสู้เรื่องนี้ ต้องกำหนดวันจบได้แล้ว

ฉะนั้น วันจันทร์ที่ ๙ ธ.ค. เรื่องนี้ต้องจบ ไม่มีประโยชน์ ที่ต้องยืดเยื้อ จะเป็นจะตาย แพ้ชนะ ให้มันรู้กัน บรรดาคณะกรรมการ กปปส. ทุกคน แกนนำ ทุกเครือข่าย ปรึกษากัน และ มีมติเอกฉันท์ วันจันทร์ที่ ๙ ธ.ค. ต้องทำให้ การต่อสู้ครั้งนี้ จบลงให้ได้ ยืนยันใช้หลัก สันติ ไม่มีอาวุธ จะชนะได้ จำนวนคน ที่ออกมา ต้องมากมาย มหาศาล จนมันยอมแพ้ เท่านั้น เพราะฉะนั้น ทุกคน ในประเทศไทย ต้องตัดสินใจ เลือกข้าง ถ้าตัดสินใจ เป็นเสรีชน ต้องการปกปัก รักษาบ้านเมือง สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องออกมา แต่ถ้าทำใจได้ เป็นขี้ข้าทักษิณ ต่อไปทั้งชาติ ก็นอนเสพสุขที่บ้าน ไม่ต้องออกมา ถ้ายอมออกมา เพราะเลือกข้างถูก เราจะชนะ โดยไม่มีคนเจ็บ ตาย และชนะ ตลอดไป วันที่ ๙ ธ.ค.นี้ ข้าราชการทั้งหลาย ถ้าเห็นแก่ อนาคต ประเทศไทย หยุดทำงาน แล้วมาร่วมกับ ประชาชน

ทั้งนี้รัฐบาล มีแผนการ จะเกณฑ์ข้าราชการ และเด็กนักเรียน แต่งเครื่องแบบ เดินมาอ้อนวอนพวกเรา ให้เลิกชุมนุม ถ้าไม่เลิก นายทักษิณ สั่งไว้แล้ว ให้ปราบปราม ด้วยความรุนแรง ตนจึงได้ประกาศเลย ถ้าเช่นนั้น วันที่ ๙ ธ.ค. ได้เห็นดำ เห็นแดงกันเลย

วันจันทร์ที่ ๙ธันวาคม เวลา ๙.๓๙ น. ลุกฮือทั้งประเทศ ทวงอำนาจ อธิปไตยคืน ต่างจังหวัด เดินขบวน ในจังหวัดตัวเอง แล้วก็มุ่งหน้า ไปที่ศาลากลางจังหวัด ทุกแห่ง ปิดทางเข้าไม่ให้ข้าราชกา รเข้าทำงานได้ นิสิต นักศึกษา นักเรียน ทุกแห่ง ๙.๓๙ น. เป็นสัญญาณ นัดหมาย ปฏิเสธ ไม่รับรัฐบาลนี้ สำหรับพี่น้องกทม. เช้าวันที่ ๙ ธ.ค. ต้องออกมา บนท้องถนน ทุกคน ใครนอนบ้าน ทรยศประเทศไทย เดินขบวนครั้งใหญ่ ไปบนถนนทุกสาย มุ่งหน้าไปที่ ทำเนียบรัฐบาล

นายสุเทพกล่าวอีกว่า ๙ ธ.ค. รวมพลังครั้งสุดท้าย ชนะก็เป็นไทย แพ้ก็ยอม ก้มหน้าก้มตา เป็นขี้ข้าเขาไป ถ้าออกมา หลายล้านคน จะประกาศ อำนาจอธิปไตย กลับมาถึงมือ ประชาชนแล้ว หลังจากนั้น ใช้อำนาจประชาชน บริหารจัดการ ประเทศไทย ให้ประเทศ เดินหน้าไปได้ มีกฎหมาย รองรับแน่นอน กฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ และ ๗ มีไว้ชัด ถ้าไม่มา พวกเราที่สู้ทั้งหมดนี้ พร้อมยอมรับ ความพ่ายแพ้ ขอประกาศว่า นี่คือ การเป่านกหวีด ครั้งสุดท้าย ถ้าพี่น้อง ประชาชน ทั้งหลาย และข้าราชการ ไม่เลือกข้าง พวกตน ยอมเดินหน้า เข้าคุก ไม่สู้แล้ว ยอมติดคุก ข้อหากบฏ ประหารชีวิตก็ได้ ดีกว่า เอาชีวิตพี่น้อง ไปเสี่ยง เราจะไม่บุกเข้าไป ในทำเนียบฯ เพื่อให้เกียรติทหาร แต่ก็จะเป็น การวัดใจทหารด้วยเช่นกัน

 

วันแห่งประวัติศาสตร์การชุมนุมประท้วง

๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ เมื่อยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภา ตอน ๐๘.๔๕ น. โดยไม่รอ พระปรมาภิไธย จากพระเจ้าอยู่หัว แต่หาได้ ลดทอน จำนวนของ มวลมหาประชาชนไม่ แม้รู้ข่าว แต่ประชาชน ก็ยังหลั่งไหลมา ราวสายน้ำ มุ่งหน้าไปที่ ทำเนียบรัฐบาล ตัวเลขประมาณไว้ที่ หลักล้านนี้ ไม่เกินเลย เพราะมามากกว่า วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ แน่นอน...

แต่ว่าการที่ ยิ่งลักษณ์ ยุบสภา รอเลือกตั้ง แถมปชป. ยังทำท่าทาง อยากลงเลือกตั้ง อีกทั้ง นักวิชาการ สื่อสารฟรีทีวี ช่องคี่ ก็ประโคมข่าว อีกว่า รัฐบาล ถอยสุดซอยแล้ว ทำไมยังดื้อ ประท้วงอยู่อีก กองทัพก็ทำท่าที ยินดีด้วยกับ การยุบสภา ดูเหมือนทิศทาง เป็นการทำลาย ความชอบธรรม ของการตั้ง "สภาประชาชน"

แต่พลังของ มวลมหาประชาชน เรือนล้าน ที่พุ่งมาที่ ทำเนียบรัฐบาล แม้ได้ยิน ประกาศ ยุบสภานั้น เป็นสิ่งบ่งบอกว่า ความคาดหวังของ มวลมหาประชาชน ที่อยากจะเปลี่ยนแปลง ประเทศ ตั้ง "สภาประชาชน" เพื่อปฏิรูป ประเทศไทยนั้น มันมากมาย ล้นปรี่ขนาดไหน

นาทีนี้ต้อง "ปฏิรูปประเทศไทย" ตั้ง "สภาประชาชน" เท่านั้น จึงเป็นคำตอบ ที่จะทำให้ประเทศไทย ไม่วนเวียน ในวัฏจักรเดิมๆ จนชินกับ การโกงกิน อีกต่อไป 

และแม้ว่า ปรากฏการณ์ ๙ ธันวาฯ วันแห่ง มวลมหาประชาชน จะไม่สามารถ ชนะเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดตอนนี้ แต่ว่าประชาชน ได้สะสม ชัยชนะรายทาง อยู่ตลอดเวลา...... ครั้งนี้ มีคุณลุงจำลอง กับ คุณลุงสนธิ กลับมาเดิน ร่วมกับประชาชน บนถนน ราชดำเนินแล้ว เดินนำ เหลืองรักชาติ พันธมิตร อ.ปานเทพ พี่ตั้ว และอีกมากมาย แม้แต่พรรคการเมือง เก่าแก่ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อมั่นว่า การเมืองนั้น เป็นเรื่องในสภา ยังตัดสินใจ ลาออกมา ยกพรรค มาร่วมเดินขบวน เพื่อไม่ให้ตกรถด่วน ขบวนประวัติศาสตร์

เราได้เห็นน้ำใจ ของคนไทย ที่ออกมาช่วยกันเดินๆๆๆ เดินกันอย่างอึดเลย ทั้งไกล ทั้งร้อน ลุงกำนัน เดินตั้ง ๒๐ กม.ใช้เวลากว่า ๗ ชม. พี่น้อง มวลมหาประชาชน ที่ร่วมเดินบอกว่า มันไกลและเมื่อยมาก เหมือนขา จะลอยหลุดไป แต่ว่าใจ กลับเป็นสุข กับการได้ร่วม มหกรรมประวัติศาสตร์ ครั้งนี้

เหล่าดารา นักร้อง นักแสดง คนมีชื่อเสียง ในสังคม นักวิชาการ นักธุรกิจ รัฐวิสาหกิจ แรงงาน กสิกร ทุกสาขาอาชีพ มารวมกันเดิน ครั้งประวัติศาสตร์ เราจะได้ใกล้ชิด เห็นตัวเป็นๆ เห็นความเสียสละ มาเป็น "กบฏต่อระบอบทักษิณ" ของท่านเหล่านั้น นี่สิคือ "คนของประชาชน" อย่างแท้จริง

เราได้เห็นหลายบ้าน หลายร้านรวง นำ "น้ำใจ และน้ำจริง" รวมทั้งอาหาร มาแจกจ่าย หน้าบ้าน หน้าร้าน เป็นกำลังใจให้กับ การเดินครั้งนี้ และที่น่าประทับใจมาก ก็คือว่า ไม่มีใครบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตเลย ไม่มีความรุนแรงเลย สวยงามมาก มันเป็นพัฒนาการของความเข้าใจว่า ประชาธิปไตย ไม่ได้มีแต่ การเลือกตั้ง หรือในรัฐสภา การออกมาเดินประท้วง ด้วยตัวเป็นๆนี่แหละ คือประชาธิปไตย มาแสดงอำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ ของมวลมหาประชาชน ที่ไม่ทนต่อ ระบอบเผด็จการ ทุนนิยมสามานย์นี้ อีกต่อไป..

สื่อสารทั้งไทยและเทศ ต่างจับจ้อง ติดตามข่าว การประท้วงใหญ่ครั้งนี้ แต่ก่อน ฟรีทีวีไม่แยแส แต่ตอนนี้ แม้ไม่ต้อง ยกพลไปกดดัน ที่สถานี เขาก็ยอม ถ่ายทอดสดให้ฟรี เช่น ช่อง ๓ ที่ถ่ายสด ลุงกำนัน แถลงการณ์ให้ อย่างนี้ก็เป็น ความก้าวหน้ารายทาง อย่างหนึ่ง

ภาพมุมสูง ที่คอยเก็บบรรยากาศ บ่งบอกเลยว่า ไม่มีภาพไหนสมบูรณ์ ที่จะเก็บภาพ มวลมหาประชาชน ได้ครบหมด องค์ประกอบ การเคลื่อนทัพ มากกว่า ๑๐ ทัพครั้งนี้ ทุกทัพนั้น มันมากมาย แต่ต้องกระจาย ไปตามถนนต่างๆ แต่ละจุดนั้น มันมาก จนโดรน (Drone = เครื่องบินบังคับ) ยังเก็บภาพแต่ละจุดๆ ไม่ครบหมดเลย นี่ยังไม่รวมถึงในต่างจังหวัด อีกบางจังหวัด มีเป็นจำนวนหมื่น คลื่นมวลมหาประชาชน ที่ทะลักล้น ราวสึนามิ หลั่งไหลไปตาม ตรอกซอกซอย เพื่อไปรวมกัน ที่ทำเนียบฯ แต่เป็นคลื่น สึนามิ ที่อบอุ่น เต็มไปด้วย น้ำใสใจจริง เต็มไปด้วย อุดมการณ์ ในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้พ้น ความวอดวาย หายนะ

เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยมวลมหาประชาชน สองมือเปล่า สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ไม่รอหวังพึ่ง พลังอำนาจอื่นใด นอกจาก พลังอำนาจโดยธรรม ของประชาชน ที่เรียกว่า   "ประชาภิวัฒน์" ประเทศนี้ ต้องดีขึ้นได้ ด้วยมือของ ประชาชน

ในช่วง ๑๘.๐๐ น. "กำนันสุเทพ" เลขาธิการ กปปส. แถลงการณ์ ฟรีทีวี ๔ ช่อง คือช่อง ๓, ๕, ๗ และ Thai PBS ลิงก์สัญญานสด จากช่อง Blue Sky ที่ไม่ใส่โลโก้ หน้าจอ

ประเด็นหลักที่พูด คือ

๑. กล่าวแถลง ความผิดรัฐบาล ที่เป็นหุ่น ที่ถูกเชิด ของระบอบทักษิณ นักโทษหนีคดีอาญา

           ๑. ใช้เผด็จการรัฐสภา แก้รัฐธรรมนูญ ที่ไม่ชอบด้วย รัฐธรรมนูญ และนายกฯ นำขึ้นทูลเกล้า เป็นการมิบังควร

           ๒. ใช้เผด็จการเสียงข้างมาก ผลักดันร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม การผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ เพื่อหวังล้างผิด เหตุการณ์ กรือเสะ ของพ.ต.ท.ทักษิณ และการผ่านร่าง ตอน ๐๔.๐๐ น. เป็นการเร่งรีบ เร่งรัด ผิดวิสัย ประชาธิปไตย

           ๓. รัฐบาลเพิกเฉย ต่อการใช้ความรุนแรง ของมวลชน ที่สนับสนุนรัฐบาล เป็นเหตุให้ นักศึกษารามฯ เสียชีวิต

           ๔. เลือกปฏิบัติ สร้างความแตกแยก เลือกปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม ในปี'๕๓ ให้ได้สิทธิพิเศษ

           ๕. ใช้อำนาจบริหารราชการ เล่นพรรคเล่นพวก รังแกข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งพวกพ้อง รับตำแหน่งสูง ในหน่วยงานรัฐ เพื่อรับใช้ทักษิณ

           ๖. รัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น เช่น จำนำข้าว การจัดการน้ำ และในราชการ –หน่วยงานรัฐ ใช้นโยบาย ประชานิยม เสียหายต่อ เศรษฐกิจ ผู้รับผลประโยชน์ คือ ทักษิณ และครอบครัว

๒. กปปส. ไม่อาจยินยอม ให้เผด็จการ เสียงข้างมาก ทำลายดุลยภาพของ ประชาธิปไตย ทำลาย สัญญาประชาคม อย่างชัดแจ้ง ประชาชน จึงไม่ต้อง อยู่ในอาณัติ อีกต่อไป ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ ขอประกาศว่า มวลมหาประชาชน มีความจำเป็น ต้องพิทักษ์ หลักการประชาธิปไตย ใช้สิทธิ์ เรียกคืนอำนาจ ให้กับประชาชน เป็นการ "ประชาภิวัฒน์"

๓. กปปส.ขอประกาศว่า ปวงชนทั้งหลาย ขอประกาศว่า ทุกคน จงรักภักดี ต่อราชบัลลังก์ และจะพิทักษ์ไว้ด้วยชีวิต

และในเวลา ๒๒.๓๓ น. เลขาธิการ กปปส. ได้อ่านแถลงการณ์ กปปส. ฉบับที่ ๑/๒๕๕๖ ให้นายกฯ ลาออกจาก รักษาการณ์นายกฯ ภายใน ๒๔ ช.ม. โดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ต้องไม่ปฏิบัติหน้าที่ และแต่งตั้งใคร ขึ้นมาแทน ภายใน ๒๔ ชั่วโมง และให้ประชาชน ชุมนุมต่ออีก ๓ วัน

คืนวันนี้ เป็นคืนที่ มวลมหาประชาชน จำนวนมาก ได้เสียสละ นอนตากยุง ตากน้ำค้าง กลางถนนราชดำเนิน และบริเวณรอบๆ ทำเนียบรัฐบาล 

๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ภายหลังจากที่ กปปส. ออกแถลงการณ์ ให้นายกฯ ลาออก ทาง ฟากฝั่งรัฐบาล รวมทั้ง แนวร่วมของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น คนเสื้อแดง นักวิชาการเสื้อแดง ต่างดาหน้า ออกมาประกาศ ไม่ยอมรับ การทวงคืนอำนาจของ กปปส. และหาเหตุผล สารพัด มาอ้างว่า "สภาประชาชน" ไม่สามารถทำได้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้าง ของคนที่ฉีก รัฐธรรมนูญ ถึงขั้น ไม่ยอมรับ อำนาจของ ศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น การหาเหตุผล สารพัดมาค้าน ก็คือ การไม่ยอม ลงจากอำนาจรัฐ ที่ตนเองได้มา อย่างฉ้อฉล นั่นเอง

ขณะนี้ประชาชน ได้รู้เท่าทันเล่ห์กล ของรัฐบาล ที่ประกาศยุบสภาฯ แต่ไม่ลาออก นั้นเป็นเพียง การถอย เพื่อรุกของ รัฐบาลทรราชย์ เพียงเท่านั้น มวลมหาประชาชน จำนวนมาก จึงยังไม่ถอย จนกว่าอำนาจรัฐ จะตกถึงมือ ประชาชน จนสามารถ จัดตั้ง "สภาประชาชน" เพื่อ "ปฏิรูปประเทศไทย " ได้เท่านั้น

สิ่งที่กปปส.ทำนี้ แม้ไม่เรียกว่า การปฏิวัติ แต่แท้จริง เนื้อหาคือ การทวงคืนอำนาจ ของประชาชน เพราะอำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ ย่อมสถิตอยู่กับ ประชาชน... ตลอดกาล ดังคำปราศรัยของ อับราฮัม ลินคอล์น ในวันเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดี  ปีพ.ศ.๒๔๐๔... "This country, which its institutions, belongs to the people who inhabit it. Whenever they shall grow weary of existing government they can exercise their constitutional right of amending it, or their revolutionary right to dismember or overthrow it." แปลเป็นไทย "ประเทศนี้ กับทั้งสถาบัน ทั้งปวง ของประเทศ เป็นของราษฎร ผู้ซึ่งครอบครองอยู่ เมื่อใดราษฎร รู้สึกไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่บริหารอยู่ เมื่อนั้นราษฎร ย่อมใช้สิทธิของตน ตามรัฐธรรมนูญ ทำการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือใช้สิทธิ แห่งการปฏิวัติ เพื่อปลดหรือ ขับไล่รัฐบาล นั้นเสียได้"

ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรียกว่า "ประชาภิวัฒน์" คือการปฏิวัติ โดยประชาชน ซึ่งถ้าปฏิวัติ โดยทหาร โดยปืน โดยรถถัง ก็ง่าย จบไปนานแล้ว คือเอาปืน ไปจี้นายกฯ จับรัฐมนตรี และผู้ต่อต้าน ยึดโน่นยึดนี่ แล้วออกประกาศ แค่นี้ก็จบแล้ว แต่การปฏิวัติ โดยประชาชน นั้นไม่ง่าย เหมือนทหารปฏิวัติ  ต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน เพราะผู้ครองอำนาจ จะไม่ยอมง่ายๆ ตราบใด ที่ยังไม่จนตรอก ก็จะดิ้นรนต่อไป

ดังนั้น มวลมหาประชาชน ต้องกระชับพื้นที่ ไปเรื่อยๆ เพื่อขุดรากถอนโคน ระบอบทักษิณ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นี่คือ ภาระที่ยิ่งใหญ่ ของประชาชนคนไทย ยังต้องลุกกันขึ้นมา ทำการประชาภิวัฒน์ ประชาชนต้องอดทน ต้องยืนหยัด พวกรัฐทรราชย์นั้น มีทั้งเงิน และอำนาจ มีทั้งพวกพ้องบริวาร แต่ที่เขาต้องถอยกรูด ก็เพราะพลังแห่ง มวลมหาประชาชน การต่อสู้ ด้วยมือเปล่า ไม่ใช้วิธีรุนแรง ไม่เผาบ้าน เผาเมือง...  มันต้องใช้เวลาและก็ต้องทนเมื่อย ช้าหน่อย แต่ยั่งยืน

ในเวลา ๒๒.๓๐ น. เลขาธิการ กปปส. "กำนันสุเทพ" อ่านแถลงการณ์ กปปส. : บัดนี้ครบ ๒๔ ชั่วโมงแล้ว ปรากฏว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ปฏิบัติ ตามที่ กปปส.สั่งการ ดังนั้น กปปส. จึงมีคำสั่งเพิ่มเติม คำสั่งกปปส. ๒/๒๕๕๖ 

๑. ให้ดำเนินคดี ยิ่งลักษณ์ และพวก ฐานกบฏ ตามมาตรา ๑๑๓ เนื่องจาก จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ครั้งแล้วครั้งเล่า

๒. ให้ตำรวจถอนกำลัง ภายใน ๑๒ ชั่วโมง

๓. ทหารได้รับ ความไว้ใจ จากประชาชน มากที่สุด ให้รักษา สถานที่ราชการ ให้เรียบร้อยต่อไป

๔. ให้ประชาชนติดตาม ความเคลื่อนไหว ตระกูลชินวัตร และคณะรัฐมนตรี และแสดงออก ต่อบุคคล อย่างสันติ อหิงสา ให้หยุดการฝ่าฝืน รัฐธรรมนูญ

        ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ วันนี้ทางตำรวจ ก็ยังไม่ถอนกำลัง ออกจาก กระทรวงศึกษาธิการและ ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงว่า การที่ตำรวจ ไม่ถอนกำลัง ออกจากที่ชุมนุม แสดงให้เห็นว่า พล.ต.อ.อดุลย์ และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เป็นสมุน ระบอบทักษิณ ชัดเจน ดังนั้น แกนนำ กปปส. จะหารือ เพื่อกำหนดแนวทาง การต่อสู้ต่อไป

ในช่วงค่ำ นายสุเทพได้กล่าว ต่อสื่อมวลชนว่า ได้พยายาม ติดต่อผู้ใหญ่ ในบ้านเมือง เพื่อขอร้อง ให้ตัดสินใจ ออกมาทำประโยชน์ เพื่อประเทศชาติ มาเลือกอยู่ข้าง ประชาชน โดยได้ติดต่อไปยัง ผู้นำเหล่าทัพ ทั้ง ๓ เหล่าทัพ และ ผบ.สส. เพื่อเข้าพบปะ พูดคุย ในวันรุ่งขึ้น

แต่ในเวลา ประมาณ ๒๓.๐๐ น. มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ระบุ ว่า วันพรุ่งนี้ (๑๒ ธ.ค.'๕๖) ทางผบ.สส. ผบ. ๓ เหล่าทัพ และผบ.ตร. ไม่สะดวก ให้นายสุเทพ แกนนำกปปส. เข้าพบชี้แจง และถ้าประชาชนในประเทศ ยังคงแบ่ง เป็นฝักฝ่าย ทหารย่อมเลือก ข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้ ขอให้ทางนายสุเทพ ไปพบปะกลุ่มอื่นๆ ในสังคมก่อน เพื่อร่วมกัน หาทางออก

๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ เมื่อทางผู้นำเหล่าทัพ ได้ปฏิเสธ การขอเข้า ปรึกษาหารือ ของ กปปส. ดังนั้น วันนี้ ทางกปปส.จึงได้นัดปรึกษา หารือกับ กลุ่ม ๗ องค์กรเอกชน

วันนี้ ในช่วงสาย มวลชนกลุ่ม คปท. ได้ปีนเข้าไปรื้อ รั้วลวดหนาม ที่อยู่ภายใน ทำเนียบรัฐบาล ออกได้สำเร็จ แล้วมวลชน ก็ออกมาจาก ทำเนียบรัฐบาล เป็นการปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว ไม่มีการเกิดการบาดเจ็บ หรือรุนแรง แต่อย่างใด

ในเวลา ๑๓.๒๓ น. พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย แถลงการณ์ นำเตรียมทหารรุ่น ๑-๑๑ เป็น "ทหารเก่า ไม่มีวันตาย" สนับสนุน กปปส. ณ สนามม้านางเลิ้ง พล.อ.บุญเลิศ เป็นปธ. เตรียมทหารรุ่น ๑ ได้ทำการ เแถลงการณ์ ร่วมกับตัวแทน เตรียมทหาร ๑๑ รุ่น เห็นด้วยกับ แนวทาง กปปส. เพราะเหตุที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปล่อยให้มีการจาบจ้วง สถาบัน

ในช่วงบ่าย คณะกรรมการ กปปส. ได้เข้าปรึกษาหารือกับ ภาคเอกชน ๗ องค์กรประกอบด้วย สภาหอการค้า แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย สภาธุรกิจ ตลาดทุนไทย และ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ที่ห้องรัตนโกสินทร์ โรงแรมเดอะสุโกศล เพื่อแสดงจุดยืน และหาทางออก ให้กับประเทศ โดยภาคเอกชน หลายฝ่าย เห็นตรงกันว่า ต้องมีการปฏิรูป การเมืองไทย

แม้ว่ากรรมการ การเลือกตั้ง หรือ กกต.จะได้ประกาศ วันเลือกตั้งส.ส. เป็นวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ แต่มวลมหาประชาชน ภายใต้ชื่อ กปปส. ก็ยังคงเดินหน้า ที่จะปฏิรูปประเทศ ให้ดีก่อน ที่จะให้มี การเลือกตั้ง โดยระหว่าง วันที่ ๑๗-๑๙ ธ.ค.' ๕๖ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เวียนกัน จัดเสวนา ทางวิชาการ เรื่อง "ทำไมต้องปฏิรูป ก่อนการเลือกตั้ง" ถือเป็นการตกผลึก ทางภูมิปัญญา ของมวลมหาประชาชน ผู้ตื่นรู้ ทำให้ตาสว่าง เสียทีว่า การเลือกตั้ง ภายใต้กติกา ของคนโกงนั้น ไม่อาจจะทำให้เกิด ประชาธิปไตย ที่แท้จริง

๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ มีเวทีเสวนา ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เกี่ยวกับ การปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง ในวันนี้เอง ในตอนสายถึงบ่าย ทางกองทัพไทย ก็มีการจัด เวทีเสวนา สาธารณะ เพื่อความสงบสุข และประโยชน์สูงสุด ของประเทศไทย ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อสันติภาพ กองบัญชาการ กองทัพไทย ผู้บัญชาการ กองทัพบก ผู้นำเหล่าทัพ ต่างๆ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และคณะกรรมการ กปปส. หน่วยงานต่างๆ องค์กรอิสระ นักวิชาการ และอธิการบดี มหาวิทยาลัย ได้เข้าห้องประชุม เพื่อหารือร่วมกัน การประชุมระหว่าง ฝ่ายกองทัพไทย กับ กปปส. ครั้งนี้ ไม่ได้มีตัวแทน ของรัฐบาล เข้าร่วมแต่อย่างใด การประชุมครั้งนี้ ทหารก็ไม่ได้แสดงจุดยืน ที่จะมายืนข้าง ประชาชน เพียงแต่ยังรักษา ความเป็นกลาง แบบที่จะไม่เข้าข้าง ฝ่ายใดอยู่เช่นเดิม

         ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ "การเมืองข้างถนน คือประชาธิปไตย ที่แท้จริง" เมื่อกปปส. จัดเดินขบวนครั้งใหญ่ ในวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ เกิดอะไรขึ้น!

ท่านขุนน้อย แห่งไทยโพสต์ ได้ลิขิตไว้ว่า... บ้าไปแล้วครับ! ทั้งมวลมหาประชาชน ทั้ง "กำนันเทพ" ผมไม่เคยเห็น ประชาชน ลงไปเดินบนถนน แสดงความบ้า ที่จะปฏิรูป ประเทศไทย สลัดให้หลุดพ้นจาก ระบอบทักษิณ อันชั่วร้าย มากมาย ขนาดนี้มาก่อน นับตั้งแต่ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ออกมาล้านกว่าคน นั่นว่าบ้าแล้ว วันที่ ๙ ธันวาคม บ้ายิ่งกว่า ออกมาร่วม ๕ ล้านคน มาวันที่ ๑๘ ธันวาคม ทีแรกผมคิดว่า ไม่น่าจะมีอะไรมาก แค่ "กำนันสุเทพ" พามวลชนทัวร์ กรุงเทพฯ ที่ไหนได้ มี "ม็อบข้างถนน" ออกมาบ้าตาม ไปด้วย ภาพมันบาดตา ระบอบทักษิณ จริงๆครับ "ม็อบข้างถนน" ของจริงเสียงจริง ไม่ว่ามวลมหาประชาชน และกำนันเทพ เดินไปถึงจุดไหน มี "ม็อบข้างถนน" ออกมาเป่า นกหวีด ริม สองข้างทาง ส่งเสียงสาปส่ง ตระกูลชินวัตรกันลั่น มันเยอะเสียจน ผมคิดว่า วันที่ ๒๒ ธันวาคมนี้ ตัวเลข ๕ ล้าน น่าจะถูกทำลาย ที่ต้องมาพูด เรื่องบ้าๆ อันประเสริฐนี้ เพราะผมนึกถึง " ทฤษฎีส้นตีน" ของ "ไตรรงค์ สุวรรณคีรี" ครับ การชุมนุม โดยสันติ ปราศจากอาวุธ จะสำเร็จได้ ต้องมีมวล มหาประชาชน เข้าร่วม มากเท่าไหร่ ยิ่งได้ผลเท่านั้น บอกตรงๆ ผมอยากเห็น ตัวเลข ๑๐ ล้านคน หรือถ้าเป็นไปได้ ขอสัก ๑๕ ล้านคน เอาให้เท่า จำนวนคน ไปใช้สิทธิ์เลือก ส.ส. พรรคเพื่อไทย จะได้เลิกอ้าง กันเสียทีว่า ข้าคือเสียงข้างมาก ผมชอบใจ " ม็อบข้างถนน " เป็นพิเศษ นั่งดูถ่ายทอดสด การเดิน ชวนเชิญ ขับไล่ ยิ่งลักษณ์ ถึงกับขนลุกครับ! แม่ค้าริมทาง เจ้าของร้านทอง พนักงานบริษัท พนักงานธนาคาร ฯลฯ ออกมายืนหน้าร้านหน้าสำนักงาน ผูกธงชาติ เป่านกหวีด ส่งเสียงร้อง ให้กำลังใจ โดยเฉพาะ ย่านอโศก ใครจะไปคิดล่ะครับว่า ยิ่งกว่าเบียดเสียด แหวกเข้าไปดู "ณเดชน์" ทั้งๆที่คนซึ่งเดินนำ มวลมหาประชาชน คือ "ณ เทพ" จำได้ว่า เมื่อครั้งที่ เสื้อแดง ชุมนุมใน กทม. ปิดแยกราชประสงค์ แล้วออกอาละวาด ใช้จักรยานยนต์ นำ เดินขบวน ไปทั่วกรุง ชาวบ้าน ห้างร้าน รีบปิดประตูหนีครับ แต่คราวนี้ ฟุตบาท แทบไม่มีที่ยืน! ใจผมคิด อยากให้กำนัน เดินนำมวลชน แบบนี้ที่ ตัวเมืองเชียงใหม่ ผมว่าผลไม่น่า จะต่างกันมาก แม้จะเป็นถิ่นของ ตระกูลชินวัตร ก็ตามที เพราะที่นั่น คนเกลียด ตระกูลการเมืองนี้ ก็มีไม่น้อย เพียงแต่เขา ไม่มีโอกาส ได้แสดงออก แบบคนกรุงเทพฯ เท่านั้นเอง ไม่ได้หยาบคายนะครับ วันที่ ๒๒ ธันวาคม ส้นตีนกู้ชาติ โดยม็อบ ข้างถนน จะแสดงให้เห็นถึง พลังของ มวลมหาประชาชน ครั้งยิ่งใหญ่ เป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง แน่นอน ร่วม ๑๐ กิโลเมตร ตั้งแต่ปิ่นเกล้า ยันประตูน้ำ ต้องออกมา ให้เต็มครับ! ขุดกันขนาดนี้ หาก "ยิ่งลักษณ์" ยังดื้อด้าน อย่างหนา ไม่ลาออก ก็ต้องยกระดับ ให้หนักขึ้นครับ ไม่ต้องรอ คราวหน้า เอาคราวนี้เลย... เผด็จศึก! ขั้นเด็ดขาด แล้วเราจะได้การเลือกตั้ง ที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ซึ่งเป็นผลิตผล ของการปฏิรูป

 ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ กปท. และกองทัพธรรม นำมวลชน เดินขบวน ไปให้กำลังใจ พรรคประชาธิปัตย์ ให้เลือกข้าง ประชาชน ซึ่งในที่สุดแล้ว วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้มีมติลาออกจาก การเป็นส.ส. ทั้งพรรค เป็นอีกหนึ่ง ชัยชนะรายทาง ของการต่อสู้ ของมวลมหาประชาชน ทำให้พรรคการเมือง เก่าแก่ ที่ถือเป็น สถาบันหนึ่ง ได้เปลี่ยนแปลง แนวคิด จากเดิม ที่ยึดถือว่า การเมือง ต้องทำในสภา เท่านั้น แต่วันนี้แล้ว เมื่อเผชิญกับเผด็จการ ทางรัฐสภา ของระบอบทักษิณแล้ว น่าดีใจ ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้พบแสงสว่าง ว่าการเมือง ที่แท้จริง ต้องออกมา ยืนเคียงข้างประชาชน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ อยู่ตาม ท้องไร่ท้องนา อยู่บนถนน ประชาธิปไตย คือ การออกมาประท้วง

๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ มวลมหาประชาชน "เดินสู่ชัยชนะ ของประเทศชาติ" ... เมื่อมหาประชาชน จาก ๑ ล้าน ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน เป็น ๕ ล้าน ในวันที่ ๙ ธันวาคม และเพิ่มเป็น ๖ ล้าน ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๖ วันนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ ๓ แล้ว ที่มวลมหาประชาชน ภายใต้ชื่อ กปปส. ได้ทุบทำลาย ทุกสถิติโลก ในการชุมนุม ทางการเมือง อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการก้าวข้าม คำว่า "แพ้-ชนะ" เพื่อตัวตนอีกแล้ว แต่เป็นการ "เดิน สู่ชัยชนะของประเทศชาติ"

มวลชนผู้ตื่นรู้นั้น ได้เอาชนะตัวตน ที่ไม่กล้า ทำความดี เพราะกลัวเหนื่อย กลัวลำบาก สารพัด ในการมาชุมนุมไปแล้ว ทำให้แทนที่ หมู่มวลมหาประชาชน จะอ่อนล้า เมื่อรัฐบาล เดินเกม ยื้อเวลาออกไป ใช้สารพัดวิชามาร ในการทำให้ กปปส. อ่อนล้า แต่กลับกลายเป็น แรงกระตุ้น ให้หมู่มวลมหาประชาชน ฮึดสู้ ออกมา เดินสู่ท้องถนน แน่นขนัดมืดฟ้า มัวดิน ทั้ง ๕ จุดใหญ่ และ ๑๐ จุดย่อย ไม่มีเหตุร้ายเกิด เป็นการเดินขบวน ทางการเมือง ครั้งที่มีจำนวนคน มากที่สุดในโลก ไปในเวลานี้ ไปแล้ว และเดินอย่าง สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ เต็มไปด้วย ความสุข ทั้งคนเดิน และชาวกรุงเทพฯ ห้างบางแห่งบอกว่า ตั้งแต่เปิดห้างมา วันนี้เป็นวันที่ ยอดขายของ มากที่สุด และไม่มีเหตุ ของหาย หรือ มีการขโมยของ แต่อย่างใด ตามสองข้างทาง มีแต่คนโบกมือ เป่านกหวีด ประดับธงชาติ รวมทั้ง ให้น้ำให้อาหาร อย่างเต็มใจ ยินดีปรีดา สยามเมืองยิ้ม ได้กลับคืนมาสู่กรุงเทพฯ เมืองฟ้า ได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว

และเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงๆ มันไม่มีวัน "เสียของ" โดยเด็ดขาด!!! เพราะด้วยผล แห่งการ อภิวัฒน์ ที่มันเกิดขึ้นมาจาก ด้านล่าง ไม่ใช่ถูกสั่งการ ลงมาจากข้างบน แบบการปฏิวัติ รัฐประหาร ทั้งหลาย มันย่อมนำมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพนับตั้งแต่ เบื้องต้น พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่ารัฐบาล จะเปลี่ยน-ไม่เปลี่ยน กันในตอนไหน อย่างไร ไม่ว่ากลไก อำนาจรัฐ หรือ ระบบราชการ ทั้งหลาย จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน ก็ตาม... แต่ประชาชน เปลี่ยนแล้ว!!! เปลี่ยนจากไทยเฉย เป็นไทยเข้มแข็ง เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนทัศนคติ ค่านิยม หวิดๆจะถึงขั้น เปลี่ยนอุดมคติ ทางสังคม แบบที่ท่าน พุทธทาสภิกขุ ท่านเคย ได้ตั้งความหวัง เอาไว้นานแล้ว ถึงประชาธิปไตย ที่แท้จริง อันมีที่มาจาก ประชาชน ผู้ยึดมั่นในธรรม

แม้เพศหญิง จะถูกมองว่า เป็นเพศอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริงนั้น เป็นเพศที่ มีความอดทน เป็นเลิศ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธ.ค.'๕๖ นี้ คุณปอง อัญชะลี ไพรีรัก และ ดร.เสรี วงษ์มณฑา สองหญิง ที่คนหนึ่งหญิงจริง อีกคนหนึ่ง รักจะเป็นหญิง ก็ได้พร้อมใจกัน พามวลมหา ประชาชน ทั้งสาวประเภท ๑ และประเภท ๒ ตั้งขบวนเป็น "ดอกไม้เหล็ก ปราบกบฏ" ที่ราชดำเนิน ออกเดินเท้า ไปที่บ้านของ รักษาการณ์ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ซอยโยธินพัฒนา ๓ เพื่อแสดง สัญลักษณ์ของ พลังหญิง และนำ ดอกไม้จันทน์  ไปมอบให้ พร้อมกับ อ่านแถลงการณ์ ขอร้องให้ นายกรัฐมนตรี ลาออก จากตำแหน่ง

  เมื่อเดินทางไป ก่อนจะถึงบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ก็ต้องเผชิญกับ กำแพงรถตู้ของตำรวจ แต่เหล่านักรบ ดอกไม้เหล็ก ก็ได้รวมพลังกัน ขยับเขยื้อนรถตู้ ของตำรวจ ออกอย่างง่ายดาย จนตำรวจ เกรงรถจะพัง เลยยอมถอยรถ ให้มวลมหาประชาชน เข้าไปถึงหน้าบ้าน อดีตนายกฯ ได้อย่างเรียบร้อย

และแน่นอนว่า เมื่อมีคนจำนวนมาก หลายพันคน ในซอยแคบๆ อย่างนี้ ก็ย่อมต้อง มีการประจันหน้า กระทบกระทั่ง กันบ้าง กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข่าวว่า มีตำรวจ ตบหน้ามวลชน ที่เป็นผู้หญิง คนหนึ่ง จึงเกิดเหตุการณ์ มวลชน ลุกฮือกันไป จะไปลุยกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็เป็น ตำรวจหญิง เสียส่วนใหญ่ แต่ด้วยความกล้าหาญ ของคุณปอง เธอก็สามารถ ควบคุม สถานการณ์ได้ โดยประกาศ ให้พี่น้อง ถอยออกจากรั้วบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สำเร็จ รวมถึง ลุยลงไปเคลียร์ ในพื้นที่ ได้อย่างดี จนสถานการณ์สงบ พี่น้องมวลชน ก็ได้นำดอกกุหลาบ ไปมอบให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอโทษ ขอโพยกัน เป็นบรรยากาศที่ดี ระหว่างผู้ชุมนุม กับตำรวจ ที่หาได้ยาก เหตุการณ์หนึ่ง ที่จะทำให้เกิด ความสงบ สันติ อหิงสาได้

ถือเป็น ความสำเร็จ อีกขั้นหนึ่งของ ประชาธิปไตย ที่มีนิยาม ให้ถูกต้องว่า คือ "การออกไปประท้วง ความอยุติธรรม อย่างสงบ สันติ อหิงสา" และคนไทย ก็ทำได้อีกครั้งหนึ่ง ต้องชื่นชม ทั้งตำรวจ ผู้ชุมนุม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สองหญิงแกร่ง ผู้นำกองทัพปราบกบฏ ในครั้งนี้

วันนี้หลังจากที่ มวลมหาประชาชน กปปส. ออกมาแสดง พลังอธิปไตย เป็นเชิงสัญลักษณ์ นับอย่าง มีหลักฐาน ทางวิชาการ คำนวณ จำนวนคน ได้ถึง ๖ ล้านคน ในตอนค่ำ ของวันนี้ กำนันสุเทพ ก็พามวลชน ออกเดินเท้า ไปปักหลักพักค้าง ล้อมรอบสนามกีฬาไทย –ญี่ปุ่น ดินแดง สนามกีฬาเวสน์ฯ ซึ่งเป็นสถานที่ ที่กกต. จะใช้เป็นสถานที่ รับสมัครเลือกตั้ง แบบปาร์ตี้ลิสต์ ในวันรุ่งขึ้น เพื่อแสดง ความไม่เห็นด้วย กับการเลือกตั้ง ก่อนปฏิรูป ยืนยันเดินหน้า ไล่จนกว่า ยิ่งลักษณ์ จะหมดอำนาจ ไม่มีกำหนดยุติชุมนุม ยืนยันขอปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง

๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ ปฐมบทแห่งการ(ล้ม)เลือกตั้ง! เปลว สีเงิน แห่งไทยโพสต์ ได้เขียนเกี่ยวกับ การรับสมัครเลือกตั้ง ปาร์ตี้ลิสต์ ที่สนามไทย-ดินแดงไว้ว่า เห็นจะต้องแสดงความยินดี ล่วงหน้ากับ "ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ ๑" ของเพื่อไทย นามว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" พลันปรากฏชื่อ ในบัญชีรายชื่อ ยื่นสมัครต่อ กกต.วันแรก (๒๓ ธ.ค.'๕๖) นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๙ ต่อจาก ยิ่งลักษณ์ ก็จะเป็นใครอื่น ไปไม่ได้ นอกจากคนชื่อ ยิ่งลักษณ์

หมายความว่า วันที่ ๒ กุมภา'๕๗ กกต. ปลุกเสกการเลือกตั้ง ให้เกิดได้ อย่างถูกต้อง ตามกฎหมายจริง!? เพราะผมไม่เชื่อว่า ประเทศไทย –คนไทย จะสยบยอม ให้ระบอบทักษิณ อาศัยพิธีกรรมเลือกตั้ง เป็นฉาก ประชาธิปไตย ให้ปล้นชาติ ซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า

แม้ว่า ตลอดทั้งวัน มวลชน กปปส. จะนั่งปิดล้อม ประตูทางเข้า ทุกประตู ของสถานที่ รับเลือกตั้งไว้ จนผู้สมัครส.ส. ไม่สามารถเข้าไป สมัครได้ แต่ปรากฏว่า ในหลายสิบพรรค มีแค่ ๗-๘ พรรค เข้าไปยื่นได้ เพราะสามารถ เล็ดลอดเข้าไป ตั้งแต่ตอนตี ๓ พอรับสมัครเสร็จ คณะกรรมการ กกต. ก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ออกไปจาก สนามกีฬาเวสน์ ๒ รวมทั้ง ผู้สมัครส.ส. และเจ้าหน้าที่ ก็ได้ออกไป โดยวิธีเดียวกันนี้ 

แม้ว่าจะสามารถสมัครได้ แต่มีคำถาม จากสังคมว่า การทำแบบนี้ โมฆะหรือไม่ เพราะไม่ใช่เวลา ที่ประกาศไว้ เป็นทางการ และเป็นธรรม กับพรรคอื่นๆหรือไม่?

รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๑ ในข้อที่ใช้กับ คณะรัฐมนตรี ที่ยุบสภาฯ มีว่า.....

(๒) ไม่กระทำการอันมีผล เป็นการอนุมัติ ให้ใช้จ่าย งบประมาณ สำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับ ความเห็นชอบ จากคณะกรรมการ การเลือกตั้งก่อน

(๓) ไม่กระทำการ อันมีผล เป็นการอนุมัติงาน หรือโครงการ หรือมีผล เป็นการสร้าง ความผูกพัน ต่อคณะรัฐมนตรี ชุดต่อไป

(๔) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคลากรของรัฐ เพื่อกระทำการใด ซึ่งจะมีผลต่อ การเลือกตั้ง และไม่กระทำการ อันเป็นการฝ่าฝืน ข้อห้าม ตามระเบียบ ที่คณะกรรมการ การเลือกตั้งกำหนด

ส่วนผู้ที่ ไม่สามารถ เข้าไปสมัครได้ ก็พากันไป แจ้งความที่ สน.ดินแดง แต่ข่าว ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของ กกต. บางส่วน ได้ไปตรวจรับ เอกสาร การสมัครที่ สน.ดินแดงด้วย ดังนั้น มวลชน กปปส. จึงได้แบ่งกำลัง ไปปิดล้อมที่ สน.ดินแดงด้วย ซึ่งทั้งหมด เคลื่อนไหว ด้วยความสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ไม่เกิดความรุนแรงใดๆ มวลชน ได้ปักหลัก พักค้าง ต่อสู้กับ ความหนาวเย็น ของฤดูหนาว บนถนนคอนกรีต ยอมเผชิญกับ ความลำบาก ทั้งอาหารการกิน และการขับถ่าย ไม่สะดวกใดๆเลย อีกทั้งต้อง เสี่ยงอันตราย อาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่ก็ปรากฏ มวลชนเป็นจำนวนมาก ปักหลักพักค้าง ล้อมรอบ สนามกีฬาเวสน์ ๒ อย่างมากมาย         

๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ วันนี้ยังคงอยู่ในช่วง รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ กกต. ยังประกาศ ยืนยันใช้สถานที่เดิม ในการรับสมัคร ต่อไป ซึ่งมวลชน ก็ยังคงปักหลัก พักค้างอย่างเหนียวแน่น ไม่มีทีท่าถอย และไม่ลด จำนวนลงด้วย แต่ว่ากกต. ก็หาวิธี ให้การรับสมัคร สำเร็จจนได้ ดังนั้น ช่วงเย็นวันนี้ กกปส. จึงมีมติให้มวลชน กลับที่ตั้ง กำนันสุเทพจึงได้พามวลชน เดินเท้ากลับมาที่ เวทีราชดำเนิน อย่างปลอดภัย

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นวันคริสต์มาสต์ คปท. ได้ตั้งขบวน ออกเดินทางไปที่ อาคารกีฬาเวสน์ ๒ ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง หลังจากนั้น ได้เข้าปิดล้อม อาคารกีฬาเวสน์ ๒ ไม่ให้นักการเมือง เข้าไปยื่นใบสมัครได้ พร้อมนำธงชาติ ยาวกว่า ๑ กม. ล้อมอาคาร

ตลอดทั้งวัน มวลชนคปท. ได้ปะทะกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พยายาม กีดกันมวลชน ไม่ให้เข้าไป ภายในสถานที่ รับสมัครได้ แต่ว่าไม่มีอันตราย ร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะไม่มี การใช้อาวุธ ประหัตประหารกัน ที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่กกต. ก็ไม่สามารถ รับสมัคร ส.ส.ได้ วันนี้จบลงด้วยดี ตำรวจกับประชาชน จับมือกันตอนจบ อย่างเป็นมิตรไมตรี ต่อกัน 

และ ในตอนบ่าย วันนี้เอง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ แถลงข่าว หลังครม.เห็นชอบ ตั้งสภาปฏิรูปประเทศ ที่บก.ทอ. โดย "จะสรรหา สมาชิก สภาปฏิรูป ซึ่งจะประกอบด้วย ประชาชน จากสาขาอาชีพ ๒,๐๐๐ คน และให้ทั้งหมด มาเลือก ๔๙๙ คน" โดยมี ทหาร, หัวหน้าส่วนราชการ, เลขาพัฒนาสังคม, อธิการบดีมหาวิทยาลัย, ปธ.หอการค้า, ปธ.อุตฯ มาเป็นกรรมการ คัดเลือก หลายฝ่าย มองว่า นี่เป็นเพียง การซื้อเวลา ของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ตั้งสภาปฏิรูป มาหลายสภาแล้ว มีรายงาน ที่สภาได้ศึกษา มามากมาย แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ หาได้มี ความจริงใจ ในการปฏิรูปประเทศ แต่อย่างใด

ในช่วงเย็น โฆษกเวที คปท. ประกาศเคลื่อนมวลชน กลับข้างทำเนียบ แกนนำคปท. ประกาศ สลายชุมนุม พรุ่งนี้ นัดมาที่นี่ใหม่!! เวลา ๐๖.๐๐ น.

 

ไม่มีชัยชนะที่แท้จริงบนกองเลือดและน้ำตา

         ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ "ชัยชนะที่ได้มา โดยการใช้กำลัง ก็ไม่ต่างอะไรกับ ความพ่ายแพ้ เพราะมันเป็นเพียง สิ่งชั่วครู่" นี่คือ วาทะของ คานธี ที่ได้กล่าวไว้ เป็นคำสัจจ์ เหตุการณ์สงคราม แก๊สน้ำตา ของตำรวจ กับนักรบมือเปล่า ของมวลชน คปท. ที่พยายาม เข้าไปหยุด พิธีกรรมเลือกตั้ง อันอัปลักษณ์ และไม่ชอบธรรม ในวันที่ ๒๖ ธันวาคมนี้ กินเวลายาวนาน เกือบ ๑๐ ชั่วโมง ตำรวจ ประเคน แก๊สน้ำตา ใส่ผู้ชุมนุม ตลอดทั้งวัน แต่การจับสลาก เบอร์ผู้สมัครส.ส. ก็ยังดำเนินไป อย่างไม่ยินดียินร้าย ต่อเลือดและน้ำตา ของผู้ชุมนุม ภายนอก สนามกีฬาเวสน์ ๒ โดยทางพรรคเพื่อไทย ยังคงส่ง ยิ่งลักษณ์ เป็นปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ ๑ เช่นเดิม ซึ่งเป็นเหมือนกับ การใช้เท้า ลูบศีรษะของ มวลมหาประชาชน ไม่เห็น ความสำคัญของ มวลมหาประชาชน หลายล้านคน แต่อย่างใด

รอบนี้ รัฐบาลดูเหมือน จะได้เปรียบ ดูเหมือน จะได้ชัยชนะ ที่สามารถ ดำเนินการจับสลาก เบอร์ผู้สมัคร ส.ส. ได้สำเร็จ แต่เป็น ความสำเร็จ และชัยชนะ บนกองเลือด และน้ำตา ของผู้ชุมนุม แม้ว่าตำรวจ สามารถสกัดมวลชน คปท.เสียอยู่หมัด ด้วยแก๊สน้ำตา สลับกับน้ำ แรงดันสูง เจือสารสีม่วง และกระสุนยาง ทั้งที่มวลชน มีแต่มือเปล่า พร้อมหัวใจ ที่ยอมพลีให้ชาติ เกินร้อย มีอะไร อยู่ใกล้มือ ก็ใช้ขว้างใส่ตำรวจ ซึ่งตำรวจ มีทั้งอาวุธ มีทั้งโล่ และชุดป้องกันตัว ครบชุด จะไปยี่หระอะไร กับก้อนอิฐ ก้อนกรวด สุดท้าย ตำรวจสามารถ จับมวลชน คปท. ไปกักขังไว้ได้กว่า ๑๔ คน ซึ่งถูกซ้อม เสียจน สะบักสะบอม สามารถประกันตัว ออกมาได้ ในวันรุ่งขึ้น

ภายหลังจากเสร็จสิ้น การจับสลาก กกต. ก็ได้ออกมาแถลง เสนอให้รัฐบาล เลื่อนการเลือกตั้ง ออกไป อย่างไม่มีกำหนด แม้ว่ารัฐบาล จะออกมาแถลงว่า รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ เลื่อนวันเลือกตั้ง ก็ตาม ก็แสดงให้เห็นถึงว่า กกต. ไม่อาจจัดการเลือกตั้ง ภายใต้สภาวะ บ้านเมืองเช่นนี้

แม้ว่าภายหลังจาก เหตุปะทะ ได้สงบลง ในตอน ๑๖.๐๐ น. แกนนำคปท. ได้พามวลชนส่วนใหญ่ ถอนตัว แต่อารมณ์คุกรุ่น คั่งแค้น ของตำรวจ ยังมีอยู่ พากันรวมตัว ออกมาทุบตีรถ และสิ่งของ ของผู้ชุมนุม และพยาบาลอาสา

เพียงไม่กี่ชั่วโมง เหตุการณ์จากที่รัฐบาล ดูเหมือนจะได้ชัยชนะ แต่ในยุคของ การสื่อสารไร้พรมแดน ฟ้า บ่ กั้นนี้ ความจริง ถูกตีแผ่ ผ่านโลกของ การสื่อสาร แม้มีบางฝ่าย พยายาม บิดเบือน ข้อมูลให้ร้าย ว่าประชาชน ยิงปืนใส่ตำรวจ แต่ประชาชน ผู้ตื่นรู้ หาได้หลงเชื่อไม่ เพราะทั้งโทรทัศน์ ผ่านดาวเทียม และ โซเชียล เน็ตเวิร์ค มีภาพ การปรากฏตัว ของชายชุดดำ อยู่บนที่สูง พร้อมอาวุธปืน เล็งยิงมายัง ผู้ชุมนุม อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป ตรงกับ ผลการชันสูตรศพ ที่มีวิถีจาก มุมสูง ยังมีหลักฐาน ที่ทหาร ช่วยขน อาวุธต่างๆ ออกจากรถตำรวจ ภายหลัง เหตุการณ์สงบลง ซึ่งมีทั้ง ปืนจริง กระสุนจริง แก๊สน้ำตากระป๋อง ชนิดขว้าง ลูกระเบิดจริง และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำร้าย ประชาชนมือเปล่า

ศูนย์เอราวัณ ได้สรุป จำนวนผู้บาดเจ็บ จากเหตุปะทะ ทั้งหมด ๙๘ คน และเสียชีวิต ๒ คน เป็นตำรวจ ๑ คน คือ ดาบตำรวจ ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ถูกยิงที่ หน้าอกซ้าย กระสุน ยิงจากมุมสูง ตัดขั้วหัวใจ และผู้ชุมนุม เสียชีวิต ๑ คน คือ นายวสุ สุฉันทบุตร จากชุมพร ถูกยิงด้วยกระสุนจริง เข้าช่องท้อง ทำลาย อวัยวะภายใน ทั้งสองชีวิต เป็นประชาชนชาวไทย ภายใต้ พ่อหลวงเดียวกัน แต่กลับต้อง มาเสียชีวิตลง ในการปะทะกัน ครั้งนี้ แน่นอน ไม่มีใคร อยากเห็นการตาย แต่ผู้ที่สั่งการ ให้ตำรวจชั้นผู้น้อย กระทำการ อย่างรุนแรง ใช้แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง กับประชาชน ที่สู้อย่างสันติวิธี มาตั้งแต่ต้น จะต้องรับผิดชอบ ในการก่อ ความรุนแรงก่อน

ผู้ที่สั่งการ รวมถึง ผู้ที่ยิงกระสุนจริง เพื่อหวังผล ให้เกิดการตาย คือผู้ที่จะต้อง รับผลกรรมวิบากนี้ ไปอย่าง ไม่ต้องสงสัย แม้กฎหมาย จะเอาผิด พวกเขาไม่ได้

ในตอนนี้ แต่กฎแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ ไม่ว่าจะทำในที่ลับ หรือในที่แจ้ง บัญชีแห่งกรรม บันทึกละเอียด ทุกขั้นตอน ไม่มีตกหล่นรั่วซึม แม้เท่าปลายเข็ม ยิ่งกรรมยุคนี้ ติดจรวดเสียด้วย

          ๒๗-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ ค่ำคืนของวันที่ ๒๗ ธันวาคม ที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย ได้งดจัด รายการบันเทิง เพื่อจัดงาน ไว้อาลัย ให้กับวีรบุรุษ ของมวลมหา ประชาชน วสุ สุฉันทบุตร คราบน้ำตา แห่งความสูญเสีย ยังไม่ทัน จะลบเลือนไป แต่แล้วเวลา ๐๓.๐๐ น. ของวันที่ ๒๗ ธันวาคม ก็ได้มีกลุ่ม ชายฉกรรจ์ ไม่ทราบจำนวน ขับรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบ หมายเลขทะเบียน มาจาก ถนนพิษณุโลก ผ่านแยกนางเลิ้ง ตรงมาที่ สะพาน ชมัยมรุเชฐ ก่อนมีการจอดรถ จากนั้น คนที่นั่ง อยู่ที่เบาะหลัง ได้ลดกระจก ใช้อาวุธปืน ไม่ทราบขนาด ยิงใส่แนวรั้ว เวทีปราศรัย ของกลุ่มคปท. ก่อนขับรถ หลบหนีไปทาง ถนนพระราม ๕ เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุให้มี ผู้เสียชีวิต ๑ ราย ทราบชื่อ นายยุทธนา องอาจ อายุ ๒๖ ปี และมีผู้บาดเจ็บ ๓ ราย

ในค่ำของวันที่ ๒๘ ธันวาคม เราก็ต้องมา จัดงานไว้อาลัย ให้แก่ผู้กล้า ยุทธนา องอาจ อีกงานหนึ่ง เป็นสองวัน ติดต่อกัน ที่เวทีราชดำเนิน นับเป็นความสูญเสีย ที่ไม่มีใคร อยากให้เกิดขึ้น แต่ตายหนึ่ง เกิดแสนเกิดล้าน มวลมหาประชาชน "ในความตาย ชีวิตก็ยังคงอยู่ ในความอสัจจ์ สัจจะก็ยังคงอยู่ ในความมืดมิด แสงสว่าง ก็ยังฉายสู่ ข้าพเจ้า จึงกล่าวได้ว่า พระผู้เป็นเจ้า ชีวิต สัจจะ แสงสว่าง ความรัก และความดีงาม อันสูงสุด" เป็นวาทะของ มหาบุรุษ แห่งอหิงสา "มหาตมา คานธี" เหตุการณ์ การเสียชีวิตของ ทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้ชุมนุม ในการชุมนุมของ กปปส. ครั้งนี้ จะไม่สูญเปล่า เพราะมวลมหา ประชาชน จักแปร ความสูญเสีย ให้เป็นพลังแห่ง สันติ อหิงสา ออกมาร่วมกัน ยืนหยัด ทำสิ่งที่ดี อย่างสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ มากัน ให้มากกว่าเดิม จนกว่า จะได้ชัยชนะ

ชีวิตของชาวไทย ที่ต้องสูญเสีย ในการดื้อดึงดัน ที่จะทำพิธีกรรม การเลือกตั้ง ทั้งที่ตนเป็นรัฐบาล ที่โมฆะไปแล้วนั้น ทำให้เกิดกระแส ที่จะปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง ของประชาชน ยิ่งพุ่งสูงขึ้น เกิดมวลชน กปปส. หลายจังหวัด พากันรวมตัว ไปปิดล้อม สถานที่รับสมัครส.ส. ในหลายจังหวัด ทั่วประเทศ โดยเฉพาะใน ๘ จังหวัดภาคใต้ ไม่สามารถ รับสมัครส.ส.ได้ มีกกต. บางจังหวัด แสดงความรับผิดชอบ ลาออกจาก การเป็นกกต.จังหวัด ยิ่งทำให้เห็นว่า เป็นไปได้ยาก ที่จะเกิด การเลือกตั้งได้ ตามกำหนดเดิม

ทีมงานข่าวอโศก

สารอโศก อันดับ ๓๓๒ เดือน กันยายน-ธันวาคม ๒๕๕๖

www.asoke.info