สิบห้านาที กับพ่อท่าน โดย ทีม สมอ. ตอน...
3 อาชีพกู้ชาติ
หนังสือพิมพ์สารอโศก
อันดับที่ 156 เดือนสิงหาคม 2535
ฉบับ "3 อาชีพกู้ชาติ"

ถ้าเป็นแฟนสารอโศก เราก็ได้ทำความรู้จัก กับ "กสิกรรมธรรมชาติ" และ "ขยะวิทยา" มามากแล้ว ถึงวันนี้ พ่อท่านก็ยังเน้นย้ำให้เราเห็นความสำคัญ ของ ๒ อาชีพหลัก ที่ชาวอโศกควรทำกันให้จริงจัง-ต่อเนื่อง

มาวันนี้ เกิดอาชีพใหม่ที่ผนวกเข้ามา เพื่อความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และ เป็นพันธมิตรสำคัญ ขนาดช่วยกันกอบกู้ชาติให้อยู่รอดได้ (งานนี้ฝ่ายค้านไม่เกี่ยว)

อาชีพที่ว่าคืออะไร มาคุย กับพ่อท่านเลยดีกว่านะคะ

: ๓ อาชีพกู้ชาติในความหมาย ของพ่อท่าน คืออะไรบ้างคะ?

: ๓ อาชีพกู้ชาติ ที่อาตมากำหนดลงไปว่า ชาวอโศกจะต้องเอาภาระในขณะนี้ เพราะมันกำลังสำคัญ ที่จริงก็สำคัญมานานแล้วละ แต่ตอนนี้เราจะต้องเร่งรีบพัฒนากันจริงๆ เพราะคนอื่นๆเขาไม่เอาใจใส่กัน

ถ้าชาติไม่เอาภาระ หรือ ไม่ดูดำดูดี กับสามอาชีพนี้แล้ว จะไปกันใหญ่

นอกจาก ๒ อาชีพใหญ่คือ กสิกรรมธรรมชาติ และ ขยะวิทยา แล้ว ก็มีอีกอาชีพหนึ่งมาเป็นตัวเชื่อม ซึ่งจะแยกมันออกมาโดดๆก็ได้ แต่มันจะเชื่อมโยงอยู่ คือแทนที่เราจะกำจัดขยะทิ้งไปเฉยๆ เราก็เอาขยะไปจัดการ ไปผลิตให้มันเป็น "ปุ๋ยสะอาด" เพื่อปุ๋ยสะอาดจะกลับมาเป็นอาหารชั้นดี ของกสิกรรมต่อไป

อาตมาก็เลยนับเอาปุ๋ยสะอาดเป็นอีกอาชีพหนึ่ง ที่อาตมาเน้นว่า สามอาชีพนี้มันสำคัญมากสำหรับมนุษยชาติ หรือ ของประเทศชาติเลยทีเดียว

ประเทศไทย เป็นประเทศที่เหมาะอย่างยิ่ง กับการทำกสิกรรม เมื่อกสิกรรมได้ปุ๋ยสะอาด หรือ ปุ๋ยชั้นดีไปใช้ ก็ได้ผลผลิตดีไปเป็นอาหาร ของคน คนกินอาหารก็จะเกิดกากเกิดเศษซึ่งเป็นขยะ รวมไปถึงอุจจาระปัสสาวะก็เป็นขยะ เราก็จัดการด้วย ความรู้ในด้านขยะวิทยา เอามาแปร มาสังเคราะห์ มาจัดการให้มันเป็นปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยสะอาดให้ได้สัดส่วนที่ดี มันก็จะหมุนเวียนเป็นวงจรที่สมบูรณ์

: พ่อท่านช่วยขยายหน่อยว่า ๓ อาชีพนี้จะกู้ชาติได้อย่างไร

: ที่อาตมาเน้นลงไปถึงคำว่า "กู้ชาติ" ก็เพราะว่า กสิกรรมนี่ เราทำอาหาร ทำข้าว ทำพืชผักผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารยังชีวิตมนุษยโลกจริงๆเลย เราขาดไม่ได้ เด็ดขาด "อาหารเป็นหนึ่งในโลก" (คำตรัส ของพระพุทธเจ้า) โดยเฉพาะเมืองไทยเป็นเมืองกสิกรรม แต่ทุกวันนี้ที่มันไม่กู้ชาติ เพราะว่าคนมีแนวโน้ม หรือ มีค่านิยมที่ไม่นิยมการทำกสิกรรม ชาวไร่ ชาวนา เป็นต้น โดยเฉพาะชาวนา เบื่อหน่ายการปลูกข้าวแล้ว เห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ ถูกกดขี่ข่มเหง ดูถูกเหยียดหยาม และ ราคาก็ไม่สูง ซึ่งมันเป็นความจำเป็น

ในเรื่อง ของราคาข้าวนี่ ถ้าไม่กำหนดราคาข้าวไว้ ปล่อยให้ราคาข้าวมันสูงเกินการ ประเทศก็อยู่ไม่ได้ เพราะคนจนมีมากกว่าคนรวย ขืนข้าวราคาแพง คนจนก็ตายลูกเดียว จึงจำเป็นต้องให้ราคาข้าวนี่ถูกเข้าไว้

ที่นี้พวกเราชาวบุญนิยม เราเข้าใจทิศทาง ของบุญถูกต้อง เราก็ต้องมารับหน้าที่ชาวกสิกรรม เพื่อจะมาทำข้าวขายในราคาถูก หรือ ถ้าเป็นไปได้ ถึง กับแจกฟรียิ่งดี เราเข้าใจอย่างนี้จริงๆ เรา จึงต้องมารับผิดชอบ โดยเราสามารถปรับเศรษฐกิจ ของชีวิตได้ตามหลัก ของพระพุทธเจ้า ที่ให้เราเรียนรู้โลก ไม่หลงโลก และ เราก็จะทำเศรษฐกิจส่วนตัว ของเราอยู่ กับโลกได้อย่างไม่ด้อย ไม่น้อยหน้า แม้เราจะมีอาชีพกสิกรรม หรือ ทำนา ทำผัก ทำพืช แม้กระทั่งอาชีพจัดการ กับขยะ ทำขยะ ทำปุ๋ย

เพียงเราทำแค่นี้ รับผิดชอบแค่นี้ อาตมามั่นใจว่า เราจะพิสูจน์ เป็นหลักแกนให้แก่ชาติ ภาคภูมิใจได้ว่าเราจะช่วยกันกอบกู้ชาติ ไม่ใช่กู้ชาติด้วยการไปรบราฆ่าฟันแย่งชิงอาณาจักร ไม่ใช่เลย แต่จะกอบกู้ช่วยเหลือ ให้อยู่รอดกันด้วยวิธีสร้างสรร ด้วยการต้องมาเสียสละจริง ต้องรู้สิ่งสำคัญ ของชีวิตแท้ๆ

: ฟังดูยิ่งใหญ่มากนะคะ

: ใช่! ถ้าเข้าใจจริงๆจะเป็นอย่างที่คุณว่า ถ้าคุณฟังเป็นและเข้าใจสัจจะจริงๆ ไม่ใช่เราหลงตัวหลงตน แต่โดยสัจจะความจริงมันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่จริงๆ ถ้าทำได้ มีคนมาช่วยกันมากพอ อย่าว่าแต่กู้ชาติเลย มันจะกู้ได้ทั้งโลกด้วยซ้ำไป ขอให้มาทำกันจริงๆเถอะน่า

: พูดอย่างนี้จะกลายเป็นว่า ๓ อาชีพนี้ เป็นอาชีพหลัก เป็นรากฐานสำคัญกว่าอาชีพอื่นๆ หรือ เปล่าคะ?

: อาตมาอยากจะกล่าวย้ำอย่างนั้นด้วยว่า ๓ อาชีพนี้ เป็นอาชีพหลัก เป็นรากฐานสำคัญกว่าอาชีพอื่น เพราะทุกวันนี้ ธรรมชาติมันไม่พอเพียงแล้ว โดยเฉพาะธรรมชาติที่เป็นแค่ อาหาร กวลิงการาหารนี่แหละ มันไม่ได้เกิดเองมากพออย่างสมัยโบราณ คนต้องสร้าง ต้องทำ ต้องช่วยมัน พืชผัก ผลไม้ ก็ไม่พอเพียงแล้ว คนก็ต้องเอาภาระ

: ตอนนี้พอมีรูปรอย หรือ มีบุคลากร ที่จะทำงานนี้บ้าง หรือ ยังคะ?

: เราเพิ่งเริ่มต้นนะ เรายังไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย แต่เราเห็นความสำคัญ แล้วก็บอกกล่าวกัน อธิบายให้เห็นความสำคัญ และ ก็พยายามเอาภาระ กอปรก่อกันขึ้นไป

: ๓ อาชีพนี้ เกี่ยวข้อง กับการปฏิบัติธรรมอย่างไร?

: การปฏิบัติธรรม ของพระพุทธเจ้า คือ "การทำงานในหลักมรรคองค์แปด" คือการปฏิบัติที่อ่านจากผัสสะในการคิด ในการพูด ในการกระทำ พร้อม กับอาชีพทุกอย่างนั่นแหละ มีผัสสะเป็นปัจจัย แล้วเราก็ปฏิบัติธรรม ก็เกี่ยว กับการปฏิบัติธรรมอยู่ในหลักอริยสัจจ์ ๔ อย่างสมบูรณ์

: แล้วมันจะช่วยลดราคะ โทสะ โมหะ ตรงไหนล่ะคะ?

: ก็ต้องอ่านเป็น ต้องรู้ว่า ราคะ คืออารมณ์อาการอย่างไร อยู่ในการคิด อยู่ในการพูด สังขารอยู่ในคำพูด มีอารมณ์กิเลสอยู่ในคำพูด มีอารมณ์กิเลสผสมอยู่ในการกระทำ ทางกายกรรม หรือ พฤติกรรมใดๆ หรือ อยู่ในอาชีพที่เราทำ แล้วเราก็มี อารมณ์กิเลส โลภ โกรธ หลง ปนสังขารอยู่ในนั้น ก็ต้องอ่านให้เป็น วิเคราะห์ ให้ออก แล้วก็จัดการ และ ล้าง หรือ ลดอาการเหล่านั้น เกิดขึ้นเมื่อไรก็ลดลงเมื่อนั้น

: แสดงว่าต้องเป็นคนที่มีภูมิธรรมสูงระดับหนึ่ง จึงจะทำงานนี้ได้

: ก็ต้องมีอุดมการณ์ ต้องเสียสละจริงอย่างที่ว่าแล้ว ต้องมีคุณภาพ จะว่าสูงก็สูงตามความจริง ไม่ใช่เราแกล้งพูด คนอื่นน่ะ หรือ เขาจะมาทำ มีแต่หนีงานหนักคอยสมัครงานสบายน่ะซี

คนที่เสียสละได้ แล้วให้มาเสียสละอีกนี่มันง่าย แต่คนยังมีกิเลสมาก เห็นแก่ตัวอยู่มาก การเสียสละเล็กๆน้อยๆก็ยังยาก ถึงบอกว่าเราต้องมารับผิดชอบไงล่ะ

: ในเมื่องานนี้ออกจะยิ่งใหญ่ แต่คนทำก็มีน้อย เพราะต้องเป็นคนมีคุณสมบัติดังกล่าว แล้วจะไปกู้ชาติไหว หรือ คะ?

: ไม่เป็นไร ก็กู้ชาติได้อย่างจริงก็แล้วกัน เราคำนึงสำคัญที่ "จริง" เราไม่ต้องไปนึกถึงใหญ่ถึงมากหรอก คนชอบไปนึกแต่จะทำ แล้วก็ได้ใหญ่ได้มาก แต่ไม่ได้ทำจากรากฐาน มันก็ฟ่ามๆ อยู่อย่างนั้นแหละ และ ได้ใหญ่ด้วย แต่ไม่แน่นไม่สมบูรณ์ จึงไม่ดีจริงสักที คนอื่นเขาจะช่วยด้วยวิธีอื่น วิธีไหนก็แล้วแต่ แต่เราเห็นวิธีนี้ จุดนี้เป็นสำคัญ แล้วคนอื่นๆก็ไม่ทำด้วย ที่อธิบายไปแล้ว ก็คงพอเข้าใจว่ามันดี ในเมื่อมันดีแล้ว ยิ่งมีน้อยคน แล้วจะยิ่งทิ้งไปเลยได้ยังไงล่ะ ถึงบอกว่า ใครเห็นดี ก็มาร่วมมือกันให้มากๆสิ

ถึงจะเป็นคนหมู่น้อย แต่ก็เป็นหมู่น้อยที่ทำในสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่จำเป็น สิ่งที่ดีมาก เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ จริง เมื่อยังไม่ใหญ่ยังไม่โต ก็ควรจะเข้ามารวมเข้ามาศึกษา มาร่วมมือกันสิ

: อาจจะหวังว่า เมื่อเราทำแล้ว จะมีคนเห็นดีมาทำด้วย มาช่วยกัน

: ได้ หวังอย่างนี้ก็ได้ ก็น่าจะหวัง แต่คนที่ปฏิบัติธรรมแล้วจะไม่ไปหวังอะไรให้มันอกหักหรอก ขนาดทำดีแล้ว คนยังจะมาทำลาย มาต่อต้านค้านแย้งก็ยังมีเลย

เพราะฉะนั้น เราก็ทำไปเถอะ เมื่อเรามั่นใจว่าสิ่งนี้ถูกต้อง เป็นการสร้างสรร เป็นการเสียสละเกื้อกูล เป็นไปเพื่อประโยชน์พหุชน เราก็ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็ดีแล้วนี่

ค่ะ, ก็สรุปได้ว่า รู้ว่าดีแล้ว ก็ต้องอุตสาหะมุ่งมั่น ทำให้ลุล่วง โดยไม่ต้องรอคอย คาดหวังว่าคนอื่นต้องมาช่วยกัน ต้องมากคน ต้องยิ่งใหญ่

น้อยๆ นี่แหละ "นิ้ง" และ ขอให้ทำจริง เอาจริงก็แล้วกัน

ก็ "ขยะล้นโลกอยู่เป็นนิจ กูยังจะมัวคิดอะไรอยู่"...ลุยค่ะ!

end of column
 

๑๕ นาที กับพ่อท่าน ตอน ๓ อาชีพกู้ชาติ (สารอโศก อันดับ๑๕๖ ส.ค. – ก.ย. ๒๕๓๕)