สิบห้านาที กับพ่อท่าน โดย ทีม สมอ. ตอน...
3 อาชีพกู้ชาติ ตอน 2
หนังสือพิมพ์สารอโศก
อันดับที่ 157 เดือนตุลาคม 2535
ฉบับ "3 อาชีพกู้ชาติ (2)"

๓ อาชีพกู้ชาติ อาจฟังดูไม่ยาก แต่การกระทำให้ต่อเนื่องจนบรรลุเห็นผลไม่ง่ายแน่นอน ฉะนั้น ภาค ๒ จึงมีตามมาด้วยประการฉะนี้

: ตอนนี้ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้วคะ

: ก็เห็นมีเสียงขานรับ หรือ มีการประสาน กับความตื่นตัว ของสังคม ที่สอดคล้อง กับ ๓ อาชีพ ของเรา

ที่ตื่นตัวที่สุดก็คือ เกษตรธรรมชาติ หรือ กสิกรรม ที่เขาเห็นว่า ควรจะให้เป็นแนวร่วมกันหมด ไม่ว่าจะเรียกว่า การเกษตรแบบผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ เกษตรยั่งยืน หรือ เกษตรถาวร ยังไงก็แล้วแต่ แต่ ของเราเรียก กสิกรรมธรรมชาติ อันนี้รู้สึกจะสอดคล้องกัน

นี่กลุ่มเกษตรยั่งยืน เขาก็ไปขอใช้สถานที่สัมนาที่ปฐมอโศก ซึ่งเขาก็ชื่นชม เห็นว่าเรามีอะไรสอดคล้องกัน ร่วมกันได้ หลายๆ อย่างที่น่าจะเป็นไปได้ แล้วเขาก็ วิเคราะห์วิจัย เขาก็กว้างขวาง อธิบายตั้งแต่วงจรชีวิต ทิศทางโลก มนุษยชาติ ธรรมชาติ จนกระทั่งลงท้ายจะสร้างกันอย่างไร จะป้องกันอย่างไร สุดท้ายจะอยู่ในสังคมอย่างไร แม้แต่การตลาด คนเดียวบรรยายอยู่ ๔ วัน คือนายบิล มอลิสัน

: ชาติไหนคะ

: ชาติออสเตรเลีย

: ทำไมเขา จึงมาใช้สถานที่ที่เราล่ะคะ

: ก็เขาเห็นว่าน่าจะทำงานร่วมกันได้ เขาก็ดูไว้หลายกรุ๊ป อย่างนี้เป็นการแสดง ออกถึงความสัมพันธ์ ความร่วมสมัครสมานสอดคล้อง กับสังคมอยู่

ทางด้านขยะ เขาก็ก้าวหน้าไปใหญ่เหมือนกันนะ ทางด้านคุณหญิงชดช้อยเขาก็ทำแยกขยะ ทำโน่นทำนี่สอดคล้องกัน สักวันหนึ่งก็คงโคจรมาเจอกัน แต่ ของเขาระดับศักดินาหน่อย เรามันกระจอกๆ ก็ไปตามรูปรอย ของคนกระจอก แต่ว่ามันเป็นแนวร่วมกันได้ เพราะมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน มีความเข้าใจอันเดียวกัน

ส่วนปุ๋ย น้ำ ก็มีเป็นบางเจ้า เพราะอันนี้ยังขัดแย้งกันอยู่มาก เรื่องเกษตรธรรมชาตินี่ เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้ปุ๋ย ส่วนเกษตรอินทรีย์ เขาจะใช้ปุ๋ย เกษตรผสมผสาน ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง

ที่สอดคล้องกันจริงๆ ก็เรื่องสารเคมี เลิกกันแน่ๆ จะมีก็ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยธรรมชาติอย่างที่เป็นกัน หรือ บางเจ้าอย่าว่าแต่ปุ๋ยเลย แม้แต่ยารักษาโรคก็ใช้ สมุนไพร ใช้ยาจากธรรมชาติ ใช้สะเดา ใช้ขิง ใช้พืชต่างๆ มาผสมน้ำ ก็เห็นว่าน่าจะมีแนวร่วม

: เท่าที่ทำ ๓ อาชีพมาบ้างแล้ว อะไรคืออุปสรรค

: อุปสรรค หรือ แรงงาน ของเราน้อย คน ของเราน้อย ทำอะไรไม่ค่อยได้มากมาย เพราะพื้นที่เรามากกว่าคน ทุนรอนก็พอจะมีลง แต่แรงงานไม่พอ

ที่นี่เราเน้นคน ให้คนเป็นงาน ให้ชำนาญ ให้มีความรู้ ให้ขยัน อดทน ให้คน สร้างสรรค์จริงๆ เพราะฉะนั้น พูดได้เลยว่าขาดแคลนทั้งคน และ คุณภาพ พูดอย่างนี้เลยว่าเราต้องการให้มีคุณภาพที่สุด สมบูรณ์ที่สุด แข็งแรงที่สุด แน่วแน่ที่สุด

: อย่างคุณชัดดี เสียไปนี่ มีผลกระทบอะไรไหมคะ

: ก็กระทบนะ เปลี่ยนแปลงนะ จากที่มีชัดดีทำงานงกๆ อยู่คนเดียว ก็กลายเป็นหลายคนขึ้นมา แม้แต่เด็กๆ ก็รู้จักรับผิดชอบ รู้จักคิดว่าคุณค่าตรงไหนที่ควรจะส่ง เสริม ควรจะกระตือรือร้นขึ้น

: กลายเป็นผลดี

: ก็ดีขึ้น ทุกคนรู้สึกว่าควรจะสำนึก และ เห็นคุณค่า ของสิ่งนี้ เมื่อขาดคนเอาจริงเอาจังไปคนหนึ่ง คนที่มีปฏิภาณ ก็จะสำนึกเลยว่า อ้อ เป็นแรงงานเสริมก็ยังดี สิ่งนี้ไม่ควรจะขาดไปจากหมู่กลุ่ม ของเรา ส่วนแรงงานที่เพิ่มขึ้นมา จะมีคุณภาพเท่า กับคนๆ หนึ่ง หรือ ไม่ เรายังบอกค่าไม่ได้

: อย่างน้อยก็เกิดความหวัง

: ก็เกิดความหวัง เกิดจิตสำนึก ที่แต่ละคนรู้สึกขึ้นมาเอง เราก็พูดบ้าง ก็สืบทอดกันนะ เราก็บอกบ้าง แต่ไม่ได้บังคับอะไร ให้อิสรภาพ ไม่กดขี่ ไม่ละเมิด เราจะไม่พยายามละเมิด

: อยากทราบความเป็นไปได้ ของ ๓ อาชีพ กับสังคมภายนอก

: เราไม่หวังจากสังคมภายนอก แต่ถ้าสังคมภายนอกจะเลื่อนมาหาเราเองก็เป็นเรื่องอิสรเสรีภาพ ของตัวบุคคล ส่วนสังคม หรือ ส่วนรวม ของบทบาทโครงการ โครงสร้าง หรือ กลไก ของสังคมที่เขาเป็นอยู่ อาตมาจะไม่ละลาบละล้วงไปแก้อะไรเขา อาตมาไม่คิดจะไปแก้ หรือ เปลี่ยนแปลงอะไรเขา เพราะดูแล้วไม่เห็นว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นอกจากจะไม่เจริญขึ้นแล้ว ยังซับซ้อนอีกด้วย แม้แต่ตัวเขาเองก็ลวงตัวเอง เขาก็ไม่รู้ว่าได้ถลำตัวลงไป เสื่อมลง และ หนักหนาซับซ้อนก็ไม่รู้ตัว เรียกว่า อวิชชา หรือ โมหะ

เขาไม่รู้จริงๆ ว่า อวิชชามันคืออะไร และ เขาก็หลงเรียกว่า โมหะ หลงคิดว่ามันมี แต่จริงๆ แล้วไม่มี มันซ้อนเชิงกันทุกทีเลย

: พ่อท่านว่ามันช้าไปไหม ที่จะมาบูมอาชีพ ๓ ตอนนี้

: ไม่ช้าๆ ๆ เพราะว่าจริงๆ แล้วนี่นะ เรามากระเตื้อง ประโคม หรือ เรียกว่ามาบูม เรื่องเกี่ยว กับอาชีพ ๓ เมื่อปี ๒๕๓๕ นี้เองนะ แต่ก่อนเราไม่พยายามบูม ประโคม แม้แต่กสิกรรม แม้แต่ขยะ ยิ่งปุ๋ย ยิ่งไม่เป็นท่าเลย

เมื่อบูมขึ้นมาแล้วก็มีผลกระทบต่อสังคม ประกอบ กับสังคมเขาก็มีอะไรรอยๆ ไรๆ ของเขาอยู่แล้ว เมื่อร่วมกันมันก็เกิดกระแสรวมกันขึ้น เป็นรูปเป็นร่างขึ้น แค่นี้ก็ดีใจแล้วละ นับว่าเป็นพัฒนาการที่เชื่อถือได้

: พ่อท่านบอกว่าเราไม่หวังอะไรจากสังคม ทีนี้ ในขณะเดียวกันถ้าเกิดเราทำอะไรแล้วได้ผลพอสมควร เราจะมีโอกาสเอื้อสังคมได้แค่ไหน

: อันนี้มันเป็นความจริง ของเราอยู่แล้ว ประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเรา ประโยชน์ตนก็คือ ละตัวตน ละความเห็น แก่ตัว เพื่อจะขยายออกไปให้ แก่คนอื่นให้มากๆ เสียสละส่วน ของตนเพื่อประโยชน์ผู้อื่น

ถ้าเข้าใจปรัชญานี้แล้ว มันไม่น่าสงสัย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มันเป็นไปตามลำดับ ไม่ใช่ประกาศว่า ฉันมารับใช้ ฉันมาช่วย แต่ที่แท้เห็น แก่ตัว ทำให้ แก่ตัว อันนั้นสิน่าเกลียด เราก็ทำ ของเราไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ

ค่ะ, เราก็จะทำไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่เรื่อยๆ มาเรียงๆ นะคะ เรื่อยๆ แบบต่อเนื่องยาวนาน จนเห็นผลได้ในที่สุดต่างหาก

end of column
 

๑๕ นาที กับพ่อท่าน ตอน ๓ อาชีพกู้ชาติ (๒) (สารอโศก อันดับ ๑๕๗ ต.ค. – ธ.ค. ๒๕๓๕)