สร้างบารมี กลางสมรภูมิ.....
ซ้ายๆ-ขวาๆ-ประชาธิปไตยจ๋า
ใต้บาทวิถี.... บริโภคนิยม... อำนาจนิยม.... ทุนนิยม


เมษายน-กรกฎาคม ๒๕๕๑

"สารอโศก" ว่างเว้นผ่านมาหลายเดือน ด้วยเหตุหลายๆด้าน บันทึกปัจฉาฯ ฉบับนี้ขอรวบรัด ตั้งแต่เดือน เมษายน - พฤษภาคม - มิถุนายน - กรกฎาคม ในฉบับเดียวนี้

เดินหน้าฝ่าวิกฤต
โลกร้อน...การเมืองร้อนๆ...

คำว่า วิกฤต ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ แปลไว้ว่า ขั้นอันตราย ที่อยู่ในระยะ หัวเลี้ยวหัวต่อ ขั้นแตกหัก จะไปทางดี หรือ ทางร้ายก็ได้ เช่น การเจ็บไข้ได้ป่วย การเมือง หรือการเศรษฐกิจ

"ภาวะโลกร้อน" ถือเป็นวิกฤตภัยระดับโลก เหมือนระเบิดเวลา ที่รอวันระเบิด เกิดจากความเห็นแก่ตัว ของมนุษย์ ทุกคนโดยแท้ ยิ่งรู้มาก ทันสมัยมาก เทคโนโลยีมาก ยิ่งก่อภาวะ โลกร้อนได้มาก

งานปลุกเสกฯปีนี้(๖-๑๒ เมษายน) ก็ได้รับการปลุกกระแส ลดภาวะโลกร้อน เพิ่มการคัดแยกขยะ การล้างบรรจุภัณฑ์ ต่างๆ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์อาหาร ที่มาจากถุงพลาสติก ขณะเดียวกัน ก็พยายามบอกชาวบ้าน ที่นำสินค้าอาหาร มาขาย ให้ลดการใช้ถุงพลาสติก

สมณะ-สิกขมาตุ รวมถึงญาติธรรม ก็มีส่วนร่วม ช่วยกันล้างภาชนะ ล้างถุงพลาสติกกันเอง เป็นการแบ่งเบาภาระ ให้กับผู้อาสา ทำงานนี้ โดยตรงได้เป็นอย่างดี

นับเป็นอีกก้าวย่างหนึ่งของการพยายาม สร้างวัฒนธรรม ที่ดีๆขึ้นมา หวังเป็น อย่างยิ่งว่า สิ่งนี้จะกลายเป็น ธรรมเนียม ปฏิบัติ ของชาวอโศก ทุกท่านต่อไป

ทุกวันในขณะรับประทานอาหาร คณะทำงาน"ขยะวิทยาด้วยหัวใจ" ช่วยกัน มาบอกเล่าปัญหา และให้คำแนะนำ ในการปฏิบัติต่างๆ แม้หลายท่าน จะไม่สันทัด ในการพูด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความพยายาม ที่จะให้ทุกท่าน ร่วมด้วย ช่วยกัน

วันสุดท้ายของงานปลุกเสกฯ คณะทำงาน"ขยะวิทยาด้วยหัวใจ" ได้สรุปผล การทำงาน ในช่วงงาน ปลุกเสกฯ ดังนี้
วันที่ ๖-๑๑ เมษายน ๒๕๕๑
ขยะทั้งหมด ๒๑ รายการ
ขยะขายได้ ๑๑๑ ก.ก.
ขยะขายไม่ได้ ๑๘ ก.ก. (ใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน)
รวมขยะทั้งหมด ๑๒๙ ก.ก.
คิดเป็นมูลค่าได้ ๙๑๑ บาท

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในเวลา ๗ วัน กับจำนวนคนเรือนพัน ขยะเพียงเท่านี้ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แสดงถึง ความพยายาม ลดขยะ ของผู้มาร่วมงาน รวมถึงขยะในจิตใจ ของแต่ละคนด้วย

แม้มูลค่าของขยะจะน้อยนิด แต่คุณค่าของจิตใจทุกท่าน มีค่าประมาณมิได้

"การเมืองร้อนๆ" สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ก็ดุจเดียวกันกับ ภาวะโลกร้อน คือ รอเวลาระเบิด หรือ รอเวลาปะทะ

ก่อนการเลือกตั้ง ผู้รู้หลายท่านพยากรณ์ไว้ว่า หลังเลือกตั้ง ไม่เกิน ๖ เดือน จะปะทะ นองเลือดแน่ เพราะองค์ประกอบ ของบ้านเมือง ยังไม่พร้อม กับการเลือกตั้ง

คมช.และรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า ท่าดีทีเหลว ขึงขังในเบื้องต้น ลังเลในท่ามกลาง เกียร์ว่าง ในบั้นปลาย ขาดความสามารถ ขาดความจริงใจ สำคัญกับ ภาพลักษณ์ของตน มากกว่าการแก้ปัญหา วิกฤตของชาติ

ย่างเข้าเดือนที่ ๔ สถานการณ์ดูน่าเป็นห่วงยิ่ง ส่อเค้าว่า อาจจะเป็นจริง ตามคำพยากรณ์

การสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒๘ มี.ค.'๕๑ พ่อท่านฯส่งสัญญาณให้ไปร่วมให้มากๆ เพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนัก ให้กับฝ่าย ที่เป็นธรรม ทวีมากขึ้น หลังการสัมมนา ญาติธรรมที่ไปร่วม ถูกกลุ่ม อันธพาลการเมือง นปก. ใช้ก้อนอิฐหินขว้างปา ถึงเลือด ต่อหน้าตำรวจ ที่นิ่งเฉย ละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ (หลังเข้าแจ้งความ ว่าถูกทำร้าย หลายเดือนต่อมา ตำรวจเจ้าเล่ห์ แจ้งกลับ กลายเป็นคดีลักทรัพย์ ไม่สามารถจับกุมได้)

๒ เม.ย.'๕๑ ส.ส. การุณ โหสกุล พรรคพลังประชาชนกระโดดถีบ ส.ส.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหนึ่ง ในแกนนำพันธมิตรฯ ในรัฐสภา

ทั้งสองเหตุการณ์เป็นสัญญาณบอกถึง ความรุนแรง ที่อาจจะขยายออกไป ในวงกว้างขึ้น

แทนที่รัฐจะรีบเร่งแก้ปัญหา น้ำมัน ข้าว ฯลฯ กลับมีความพยายาม แก้รัฐธรรมนูญ อย่างเร่งรีบ เพื่อฟอกความผิด ของอดีตผู้นำ และพวก เป็นชนวนสำคัญ ที่ผู้รักความเป็นธรรม ส่งเสียงคัดค้าน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ฝ่ายอธรรมอ้างอำนาจที่ได้มาจากการเลือกตั้ง เสนาบดีสีเทา เหมือนจะลำพอง กับอำนาจที่มี พูดกี่ทีกี่ที ก็ดึงดัน จะแก้ให้ได้ อ้างด้านๆ น้ำขุ่นๆ เพื่อประโยชน์กับ พรรคการเมือง ในอนาคต

ครม.ขี้เหร่สำนึกทางจริยธรรมพื้นๆต่ำเตี้ยมาก ปปช.มีมติว่า ขาดคุณสมบัติ ของการเป็น รัฐมนตรี ยังดื้อตาใส เกาะเก้าอี้ อ้างไม่รู้กฎหมาย ...เข้าใจผิด... ศาลยังไม่บอกให้ออก ทั้งการดำรงอยู่ และการดำเนินไป ล้วนมีแต่การ ประพฤติมิชอบ

รัฐตำรวจผงาด! ล้างบางลูกน้องเสรีฯโยกคนอำนาจเก่า เสียบพรึ่บ (ไทยโพสต์ ๑๖ เม.ย.'๕๑)

นายกฯสมัครให้ข่าว มีกลุ่มคน กำลังคิดทำการปฏิวัติ...

คณะบิ๊กทหารเข้าเสริมเคราะห์ต่อชะตา ท่ามกลางสถานการณ์ บ้านเมือง ที่วิปริต ความเชื่อ นอกพุทธ ยังคงมีอิทธิพล เหนือผู้มีอำนาจ ในสังคม แม้แต่การเดินสาย ทำบุญ ๙๙ วัดของคุณทักษิณ ด้านหนึ่ง ก็เป็นภาพที่ดูดี ได้ใจชาวบ้าน ซ้อนเสริม เป็นการตรวจแถว กองกำลัง ข่าวอีกด้านหนึ่ง ระบุ เป็นการแก้เคล็ด เสริมดวง

โหราพยากรณ์หลายท่านระบุ พฤษภาฯนี้ นองเลือดแน่...

สมณะเดินดิน ติกขวีโร ได้สรุปท่าทีของพ่อท่านฯ ที่มีต่อ สถานการณ์นี้ว่า ...ไม่กลัว และ ไม่กล้า คือไม่กลัวเกรง อธรรม จนเกินการ แต่ก็ไม่ได้กล้า จนเหิ่มห่าม สูญเสีย

การแสดงธรรมในรายการต่างๆ ของพ่อท่านฯ มักจะมีคำถาม ประเภท สถานการณ์ บ้านเมืองปัจจุบัน เข้ามาประจำ พ่อท่านฯ ยังคงยืนยัน จุดยืนเดิม เลือกข้างธรรม

รายการวิถีอาริยธรรม วันสงกรานต์ ๑๓ เมษายน มีประเด็นนำรายการ ธรรมะ จะมีส่วน ช่วยลดความร้อน ทางจิตใจผู้คน และบ้านเมือง พ้นวิกฤต ได้อย่างไรบ้าง

พ่อท่านฯ "ธรรมะนี่แหละ จะช่วยลดวิกฤตได้แท้จริง วิกฤตบางเรื่อง มันจำเป็น ต้องใช้กฎหมาย ใช้ทางวัตถุธรรม ก็ระงับ ได้ชั่วคราว มีแต่ธรรมะเท่านั้น ที่ระงับวิกฤต ได้ถาวร

ผม ส.สีลวัณโณ เสนอแทรกข้อความข้างล่าง ในวงเล็บนี้...
[...ความพยายามจะบัญญัติ "ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ" บรรจุเข้าใน รัฐธรรมนูญ ก็ได้แค่บัญญัติอักษร แต่ไม่ได้ช่วยให้คน มีเนื้อหาธรรมะ สักนิด วิกฤตของ ศาสนาพุทธไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย แต่อยู่ที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ ขาดเนื้อหา ความเป็นพุทธแท้ ต่างหาก เช่นเดียวกับ ความพยายาม จะแก้รัฐธรรมนูญ ของนักการเมือง เพื่อฟอกผิดของตน และพรรคพวก แต่กลับไปโทษ รัฐธรรมนูญ ว่าทำให้เกิด วิกฤตการเมือง ทั้งๆที่วิกฤตบ้านเมือง เกิดจาก นักการเมืองนั้นเอง กระทำผิดรัฐธรรมนูญ รวมหัวกัน ทุจริตนานา อย่างไม่ละอาย ไม่เกรงกลัวบาป

นั่นคือ วิกฤตของศาสนาพุทธ และวิกฤตการเมือง จะแก้ได้ถาวร จากต้นเหตุที่แท้ จึงอยู่ที่ ชาวพุทธ รวมถึงศาสนิกอื่น ปฏิบัติตามเนื้อหาคำสอน ให้ได้มากที่สุด ยิ่งเป็นนักการเมือง ยิ่งต้องปฏิบัติ ให้จริงจัง มากกว่าประชาชนทั่วไป...]

อาตมายังมองไม่เห็นนักบริหาร นักปกครองที่คำนึงถึงคุณค่าทางธรรม

คุณค่าทางธรรมหมายถึง การเปลี่ยนแปลงคน เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ กายกรรม วจีกรรม ไปจนถึง จิตวิญญาณ หรือธรรมะ คือศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงคน โดยเฉพาะพุทธ สอนให้รู้ถึงต้นตอ ของเหตุเกิด คือ โยนิโส

โยนิโส แปลว่า ลงไปถึงเหตุที่เกิด มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา จิตเป็นประธาน เป็นตัวตั้งต้น จิตเป็น อำนาจ จิตเป็นใหญ่ จิตนี่แหละ เป็นตัวทำ เป็นตัวรู้ เป็นตัวมีพลังแรง มีสมรรถนะ มีความสามารถ เพราะฉะนั้น จิตเป็นตัวสำคัญที่สุด ในความเป็นมนุษย์...

[จากนี้ไปที่ได้จากการถอดเทปเสียง พ่อท่านฯ จะลงลึกไปที่ การปฏิบัติ ซึ่งมันยาวมาก ไม่สามารถสรุป ให้ได้คำตอบ จากประเด็นถามข้างต้น ...ธรรมะมีส่วน ช่วยลดความร้อน ทางจิตใจ และธรรมะ จะช่วยบ้านเมือง พ้นวิกฤต ได้อย่างไร...]

ผม ส.สีลวัณโณ เสนอข้อความในวงเล็บข้างล่างนี้ ให้พ่อท่านฯได้พิจารณาครับ...
[...หากชาวพุทธให้ความสำคัญ กับคุณค่าทางธรรม และปฏิบัติ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ของตน ก็จะไม่เป็นเหตุ ให้เกิดปัญหา ทั้งตนและผู้อื่น

ธรรมะจึงคือวิถีเดียว ที่จะลดความร้อน ทางจิตใจ และช่วยบ้านเมือง ให้พ้นวิกฤตได้ แม้ที่สุด บ้านเมือง จะไม่พ้นวิกฤต แต่จิตใจของ ผู้มีธรรมะ จะไม่ทุกข์ เพราะปล่อยวางใจได้ เข้าใจความจริง ตามความเป็นจริง ด้วยมันเป็น กรรมวิบากร่วม ของสังคม ต้องยอมรับ...]

วลีเด็ดของพ่อท่านฯในอุณหภูมิการเมือง เดือนเมษายนนี้...
"แรง เพื่อให้คนละอาย เกรงกลัวบาป สุภาพ ต้องให้คน เข็ดชั่ว"


 

สร้างธัมมัญญารังสีฝ่าวิบัติภัย
สงครามประชาธิปไตยเทียมๆ
เงาร่างทุนนิยม ซาตานยุคโลกาภิวัตน์

ความพยายามสร้างองค์ประกอบให้บ้านราชฯ เป็นหมู่บ้านที่มีประชากร เป็นจำนวนพัน ยังคงเดินหน้า เพื่อสร้าง ธัมมัญญารังสี ให้มีขนาด ที่โตใหญ่ขึ้น เป็นรูปธรรม เด่นชัดขึ้น จะได้เป็นตัวอย่าง ชี้ชวน ให้ชุมชนอื่น ถือเป็นแบบ ชุมชนเข้มแข็ง ท่ามกลาง สถานการณ์ ที่วิกฤตในทุกด้าน ภาวะโลกร้อน พลังงาน อาหาร เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ตั้งแต่ปีใหม่จนถึงวันนี้ ๕ เดือน มีผู้สมัครเป็นสมาชิกบ้านราชฯ เพิ่มขึ้น ๒๐ ราย ได้แค่นี้ ก็นับว่าดีแล้ว แม้จะห่างไกล จากเป้าหมาย อยู่มาก เพราะการสละ ละทิ้งบ้านช่อง เรือนชาน และเครือญาติน้อยใหญ่ ไม่ใช่จะทำได้โดยง่าย ผู้สามารถสละ ในสิ่งที่ติด ที่ยึดมานานได้ เป็นเรื่องน่ายกย่อง สรรเสริญยิ่ง

งานสร้างบ้านแปลงเมืองที่ราชธานีอโศก ยังมีอีกมาก การปรับภูมิทัศน์ มีหลายโครงการ ทั้งขนเรือ ขนหิน สร้างภูเขา ลำธาร ซ่อมสร้าง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ต้องใช้ทั้งทุน และแรงงานมาก ปัจจุบันบ้านราชเอง ก็มีงานอบรมชาวบ้าน มากกว่า ชุมชนอื่น ของชาวอโศกอยู่แล้ว ขณะที่งานการศึกษา งานกสิกรรม และ วิสาหกิจชุมชน ก็ยังคงต้องเดินหน้า

พ่อท่านฯแบ่งเวลาอยู่ประจำที่สันติอโศกครึ่งเดือน อีกครึ่งเดือนไปอยู่บ้านราชฯ

งานขนเรือเที่ยวที่สอง ถึงบ้านราชฯ ๙ พ.ค. ทุกท่านปลอดภัย เที่ยวแรก ทำดวงไฟฟ้า และ เสาไฟฟ้า เสียหาย เที่ยวที่สองนี้ เกิดไปชนรถทัวร์ กระจกอย่างดี แตกเสียหาย บริษัทต้องเปลี่ยนรถ ให้ผู้โดยสาร เคราะห์ดี ที่เจ้าหน้าที่ การไฟฟ้า -ทนาย -นายประกัน -เจ้าของรถทัวร์ ทั้งหมด รู้จักชาวอโศก ทำให้การชดใช้ค่าเสียหาย ผ่อนจากหนัก เป็นเบา

พ่อท่านฯนำพาสร้างชุมชนบุญนิยม ท่ามกลางโลกทุนนิยม บุญนิยม เหมือนเศษ ขี้ผงเล็กๆ ของทุนนิยม แต่ก็ยังสามารถ หยัดยืนอยู่ได้

ทุนนิยมครอบงำสังคมในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การศึกษา สื่อสารมวลชน และการเมือง รวมถึง ศาสนาด้วย อีกทั้งครอบงำ ได้ทุกระดับ ตั้งแต่รากหญ้า ไปจนถึง หอคอยงาช้าง ตั้งแต่แบเบาะไปจนแก่เฒ่า

วัดพระธรรมกาย มีข่าวเป็นระยะๆว่านักการเมืองหลายท่าน รวมทั้ง คุณทักษิณ ไปร่วมกิจกรรม และอาศัย สถานที่ เคลื่อนไหว ในกิจกรรมของรัฐ ข่าวไทยโพสต์ ๑๔ พ.ค.'๕๑ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอ้างถึง ซีดีเพลง ซึ่งเป็นผลงาน ประพันธ์ของ เจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย มีเนื้อหา ถล่ม พล.อ.เปรม เผยแพร่ ในพื้นที่ ภาคอีสาน มานานแล้ว

ประชาธิปไตยในวันนี้ จึงเป็นประชาธิปไตยเทียมๆ ในร่างทรงของ ทุนนิยม เป็นที่รู้กัน โดยทั่วว่า การเลือกตั้ง ทุกระดับ เต็มไปด้วยทุจริตนานา โดยการสนับสนุน ของกลุ่มทุน

เมื่อได้อำนาจก็ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ทั้งธุรกิจของตน และกลุ่มทุน ที่สนับสนุน ผลประโยชน์ ต่างตอบแทน ฮั้วประมูล โครงการใหญ่น้อย ผลประโยชน์ ทับซ้อน ทุจริตเชิงนโยบาย แก้กฎเพื่อซดคำโต ...ฯลฯ ขณะที่ชาวบ้าน ยังคงพอใจ กับการได้เศษส่วน เล็กๆน้อยๆที่นักลากตั้ง ทั้งหลายหยิบยื่นให้ อุปถัมภ์นิยม จึงส่งผลสำคัญทุกครั้ง กับการเลือกตั้ง แบบไทยๆ

ผู้แทนทุกวันนี้ ร่างทรงหนึ่งคือตัวแทนชาวบ้าน ที่พอใจกับ อุปถัมภ์นิยม อีกร่างทรงหนึ่ง ก็คือ เป็นตัวแทนของ กลุ่มทุนใหญ่น้อย

ที่เลวร้ายยิ่งก็คือการรรวมตัวของกลุ่มทุน เพื่อสร้างทุนที่ใหญ่กว่า กลุ่มทุนอื่น แล้วใช้ทุน ที่โตใหญ่นั้น ดูดดึง นักลากตั้ง เหล่านั้น ให้มาเป็นพรรค เป็นพวก เพื่อให้ได้มา ซึ่งอำนาจรัฐ และตำแหน่งต่างๆ

จากทุนท้องถิ่น-ทุนเมือง-ทุนชาติ-ทุนข้ามชาติ แลกกับผลประโยชน์ท้องถิ่น ไปจนถึง ผลประโยชน์ข้ามชาติ

สอดรับกับทัศนะของ คุณสุรเธียร จักรธรานนท์...เหตุการณ์บ้านเมือง ที่เกิดขึ้นนี้ ยังมีตัวละคร อีกมาก ที่ไม่ได้ ปรากฏเป็นข่าว กลุ่มทุนนั้น เชื่อมโยง ถึงกันหมด และไม่ใช่แค่ทุน ในประเทศเท่านั้น...

สอดรับกับ ลม เปลี่ยนทิศ ไทยรัฐ ๑๖ พ.ค.'๕๑ ...พล.อ. เตียบัณห์ รัฐมนตรีกลาโหม กัมพูชา บอกว่า ธุรกิจที่ พ.ต.ท. ทักษิณ สนใจจะไปลงทุน ในจังหวัดเกาะกง คือ ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ มีทั้งกาสิโน สถานบันเทิง ครบวงจร โดยจะเช่าเกาะทั้งหมดแล้วลงทุนพัฒนา แต่เรื่อง ธุรกิจพลังงาน และน้ำมัน ยังไม่ได้พูดคุยกัน อย่างเป็นทางการ ต้องหารือกับ สมเด็จฮุนเซน ก่อน...

สงครามรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเกิดขึ้น ชาวอโศกยังคงยืนข้าง พันธมิตรฯ ขณะที่ อีกข้างหนึ่ง คือกลุ่มทุนมหึมา ทั้งที่เห็นได้ และที่มองไม่เห็น โดยมีนักลากตั้ง ทุกระดับเป็นมวล มีซ้ายใหม่นิยม เป็นแนวร่วม มีความหยาบต่ำของ นปก. เป็นทัพหน้า มีรัฐตำรวจหุ่นเชิด เป็นอีแอบ มี ความพยายาม แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อหลบเลี่ยง ความผิด เป็นตัวจุดชนวน

ความบ้าคลั่งของ นวพล กระทิงแดง และลูกเสือชาวบ้าน ในเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ที่ถูกยุยง ปลุกปั่น ว่าอีกฝ่าย คือคอมมิวนิสต์ เป็นความโหดร้าย รุนแรง ที่ไม่มีใครคาดคิด มาก่อนว่า จะเป็นไปได้ ถึงเพียงนั้น แม้แต่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ก็ไม่มีใคร คิดมาก่อนว่า ทหารจะทำร้าย ประชาชน ได้ถึงขนาดนั้น

การร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านอำนาจอธรรมครั้งนี้ นปก. นปช. ในวันนี้คล้าย นวพล กระทิงแดง และ ลูกเสือชาวบ้าน ในวันนั้น จึงควรระมัดระวัง ให้มากๆ มิเช่นนั้นแล้ว เราอาจจะต้องสูญเสีย ในสิ่งที่ไม่สมควร จะสูญเสีย ก็เป็นได้

สถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ อึมครึมข่าวปฏิวัติรัฐประหารได้ยินบ่อยขึ้น เช่นเดียวกับ ข่าวซ้ายใหม่ นิยมถี่ขึ้น มากจริงๆ

ผลพวงของประชาธิปไตยเทียมๆ ในเงาร่างของทุนนิยม ซาตานในยุค โลกาภิวัตน์ มันก่อทุกข์ก่อภัย ให้กับสังคม อย่างยากที่จะแก้ไขได้ ในเร็ววัน จริงๆ

ที่น่าเป็นห่วงยิ่งก็คือ ประชาชนกำลังจะเข่นฆ่ากันเอง ด้วยเลศเล่ห์ของ การเมือง ทุนนิยม ที่กระหายอำนาจ

ข่าวพายุนาร์กีสถล่มพม่า เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อ่านข่าวแล้วก็สลด สังเวช สงสาร ผู้ประสบภัย เมื่อวาน ๑๓ พ.ค. ได้ข่าว แผ่นดินไหว ในจีน คนตายเรือนหมื่น

ภัยธรรมชาติต่อมนุษย์ ยังไม่ร้าวลึกเท่า ภัยที่เกิดจากมนุษย์ กระทำต่อ มนุษย์เอง

๒๕ พ.ค.'๕๑ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมประท้วง ณ อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย แล้วเคลื่อนขบวน มุ่งสู่ ทำเนียบรัฐบาล แต่เข้าไปติด การต้าน ของตำรวจ อยู่ที่สะพาน มัฆวานรังสรรค์ ชาวอโศก ในนาม กองทัพธรรม เฉพาะฆราวาส พรักพร้อมกันออกไป ร่วมชุมนุมด้วย อย่างแข็งขัน

ข่าวจากหนังสือพิมพ์ มติชน ๒๖ พ.ค.'๕๑ พาดหัวข่าว ฝ่ายต้านไล่ตีพันธมิตรฯ ปะทะเดือด! เจ็บนับร้อย -สาหัส ๑๐ ตร.ปล่อยฝ่ายต้าน ไล่ตีกลุ่มพันธมิตรฯ เลือดอาบทั้ง ๒ ฝ่าย นับร้อย ไม่กล้าเข้าระงับเหตุ-จับกุม พิธีกรเอเอสทีวี เจอของแข็ง ปาหัวแตกเลือดอาบ ระหว่างเคลื่อนขบวน บุกทำเนียบ กลางดึก นัดชุมนุม ยืดเยื้อ กดดัน "สมัคร" ยุติล้มล้างรัฐธรรมนูญ จากนั้น ไปสภาต่อ ยื่นถอดถอน ส.ส.-ส.ว.

...เมืองไทยในยุคที่มีนายกรัฐมนตรี ต้นทุนตํ่าอย่าง นายสมัคร สุนทรเวช บริหารบ้านเมือง นอกจาก จะไม่ค่อยมีผลงาน เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ยังเป็นยุค ที่บ้านเมือง เสื่อมที่สุด ตกต่ำที่สุด ผู้คนไร้ยางอาย ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม ไม่รู้จัก ที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ประชาชนมองเห็น การทุจริต คอรัปชัน เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ทหารใหญ่ ก็ยังพูดจา เอาตัวรอดไปวันๆ ฯลฯ...(ลม เปลี่ยนทิศ ไทยรัฐ ๒๑ พ.ค.'๕๑)

...บ้านเมืองกำลังมีทุกข์ มีทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ล้วนแต่ กระทบชีวิต ความเป็นอยู่ ของประชาชน ในประเทศ อย่างหนักหน่วง แต่รัฐบาล และผู้แทนประชาชน ผู้มีอำนาจ หน้าที่ ในการบริหาร ราชการแผ่นดิน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ของประชาราษฎรชาวไทย กลับละเลย และไม่แสดงฝีมือ ในการแก้ปัญหา ละเว้น ไม่ดำเนินการ ตรวจสอบ เอาผิดกับ ขบวนการ ล่วงละเมิด ล้มล้าง สถาบันสูงสุด แต่กลับใช้เวลา ใช้โอกาส ใช้อำนาจที่ได้มา จากประชาชน มุ่งนำไปแก้ไข รัฐธรรมนูญ ฉีกรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน เพื่อให้ตนเอง และพรรคพวกพ้อง รอดพ้นความผิด จากกระบวนการ ยุติธรรม ที่กำลังทำงานอยู่

บัดนี้ ประชาชนจึงไม่สามารถไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้ อยู่ในอำนาจ บริหาร ราชการแผ่นดิน ได้อีกต่อไป... (ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง น.ส.พ.แนวหน้า ๒๖ พ.ค.'๕๑)

การแสดงธรรมหลายๆครั้งของพ่อท่านฯในเดือนพฤษภาคมนี้ มีประเด็น ประชาธิปไตย ที่แท้จริง ควรเป็นอย่างไร ในทรรศนะ ของพ่อท่านฯ แม้ดูจะเป็น อุดมคติ อุดมการณ์มาก ดูห่างไกล กับความเป็นจริง ในปัจจุบันมาก ขอถ่ายทอด เฉพาะหัวข้อ ไว้ดังนี้ (ผู้สนใจเนื้อหาติดตามได้ที่ฝ่ายเผยแพร่)

การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยแท้ๆ
๑. การเมืองต้องมีคุณธรรมและเป็นกุศล
๒. นักการเมืองต้องรู้จักประชาธิปไตยที่แท้
๓. นักการเมืองต้องสอนหรือเผยแพร่ประชาธิปไตย ให้กับประชาชน ประชาชน ก็ต้องขวนขวาย ศึกษาความเป็น ประชาธิปไตย
๔. นักการเมืองต้องเป็นผู้พึ่งตนเองได้แล้ว
๕. นักการเมืองต้องเป็นผู้มักน้อยสันโดษ
๖. นักการเมืองต้องไม่ทำงานการเมือง เป็นอาชีพหากิน
๗. งานการเมืองต้องเป็นงานอาสา เสียสละ
๘. นักการเมืองจะต้องไม่มีอคติ
๙. นักการเมืองคือผู้มีอิสระแท้จริง ไม่เป็นทาส โลกธรรม
๑๐. การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่งานเพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัว เพื่อหมู่พวก เพื่อพรรค แต่เป็นงาน เพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน ทั้งมวล เพื่อผู้อื่น ที่พ้นไปจากตัวเอง พ้นไปจากครอบครัว พ้นไปจากหมู่พวก แม้แต่พ้นไปจาก พรรคของตน


 

ปฏิบัติธรรมเคี่ยวเข้ม ที่มัฆวานรังสรรค์

"ผมจะไปบิณฑบาต ที่ชุมนุมสะพานมัฆวานฯ ให้ทันก่อนเวลา ๙ นาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่นายกฯ สมัคร จะประกาศ เกี่ยวกับสถานการณ์ ที่พันธมิตรฯชุมนุม

เป็นจุดเปลี่ยนที่จะต้องเข้าร่วมแล้ว สมณะรูปใด จะไปร่วม บิณฑบาตกับผม ก็ไป ทั้งสันติอโศก และ ปฐมอโศก" เสียงประกาศ ของพ่อท่านฯ ในเช้าของ วันเสาร์ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เวลา ๐๗.๑๖ น. ดังขึ้นก้องไปทั่ว พุทธสถาน สันติอโศก โดยไม่มีใครคาดว่า จะเกิดเร็วปานนี้

หลังเสียงประกาศ ไม่ถึง ๑๐ นาที สมณะ-สามเณร -สิกขมาตุ กว่า ๒๐ รูป พร้อมที่จะไปร่วม

ขณะรอขึ้นรถ เพิ่งมีเวลาประเมินสถานการณ์ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์ ทั้งไทยและเทศ ผู้มีอำนาจ ที่ไร้ธรรม มักใช้ความรุนแรง สลายการชุมนุม การไปร่วม จึงควรเอาสิ่งของ ไปให้น้อยที่สุด บาตร-ช้อน-แปรง และยาสีฟัน -พลาสติกกันฝน เท่านี้พอ เครื่องบันทึกเสียงติดไป เผื่อจะใช้

๐๘.๐๐ น. รถออกจากสันติฯ ทั้งหมด ๓ คัน สมณะ ๒๑ รูป สิกขมาตุ ๓ รูป สามเณร ๓ รูป

ขณะเดินทาง เตรียมใจรับความรุนแรงที่อาจจะเกิด จากปัจจัยหลายๆด้าน อาจเจ็บ และอาจตายได้ ไม่มีอะไร เป็นหลักประกันได้ว่า ความรุนแรง จะเกิดหรือไม่เกิด

ถึงทางเข้าด้านวัดมกุฏฯ ตำรวจตั้งด่านกั้นไว้ ตำรวจหลายท่านเลิ่กลั่ก ไม่กล้า ตัดสินใจ มีท่านหนึ่ง อ้างว่า นายสั่ง ไม่ให้เอารถเข้า พ่อท่านฯ และสมณะ ต้องลงจากรถ

คำสั่งห้ามรถเข้า ยิ่งเพิ่มน้ำหนักของการเตรียมสลายการชุมนุม ให้เป็นจริง มากขึ้น

พ่อท่านฯ เปรยกับตำรวจว่า "รถของเรามีป้าย กองทัพธรรม จอดไว้ข้างนอก มันไม่ปลอดภัย จึงจะเอาไปจอดข้างใน" ท่าทีของพ่อท่านฯ ไม่ได้แสดงน้ำหนัก ของการจะเอารถ เข้าไปให้ได้ เพียงแค่ ขอความเห็นใจ แต่ไร้ผล

ขณะกำลังยืนรอ สมณะจากรถคันอื่น คุณสุเทพร่างหนาใหญ่ ในชุดของ การ์ดพันธมิตรฯ ดึงเอาแผงเหล็กออก รถที่จอดรอ อยู่ตรงแผง ขับเข้าไปทันที ๓ คัน ตำรวจหลายท่าน ยืนงงๆ ท่านที่อ้าง นายห้ามนั้น ทั้งตกใจและโกรธ แล้วตะโกน เรียกเพื่อนตำรวจ ที่นั่งคุยกัน อยู่ริมทางเท้า ให้มารวมกัน เพิ่มน้ำหนัก ให้ดูเกรงขามมากขึ้น

ขณะเดินบิณฑบาต ไปตามเส้นทาง สู่ด้านหลังเวที มอเตอร์ไซค์ตำรวจ ๓ คัน ขับผ่านด้านหลัง ไปอย่างเร็ว เพื่อตามหา รถ ๓ คัน ที่แล่นเข้าไปเมื่อสักครู่ ถ้าพบคงสั่งให้รถ กลับออกไป จากที่ชุมนุม

รถอีกคัน ที่นำสมณะมา ถูกตำรวจสกัด ไม่ยอมให้เข้าอีก

พลตรีจำลอง รีบไปเจรจากับตำรวจ...

ครู่ต่อมา ได้ยินเสียงพลตรีจำลอง ประกาศที่เวที ขอแรงพี่น้อ งและนักข่าว ไปที่ด่านตำรวจ ด้านวัดมกุฏฯ เพราะตำรวจ ลิดรอน สิทธิเสรีภาพ ในการชุมนุม

ผมไปถามเขาว่า ทำไมไม่ให้เข้า

เขาบอกว่านายสั่ง

ผมก็บอกเขาไปว่า แล้วถ้าคำสั่งนั้น มันไม่ชอบ คุณยังจะปฏิบัติอีกหรือ เขาจะเข้าไป ใช้สิทธิ และเสรีภาพของเขา มันผิดกฎหมาย ข้อไหน พี่น้องครับ เราไปกัน จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นสักขีพยานว่า ตำรวจห้ามประชาชน เข้าร่วมชุมนุม เป็นการปฏิบัติ หน้าที่ไม่ชอบ และขอให้สื่อ นำเสนอเรื่องนี้ กับประชาชนด้วย

มีเสียงฮือ...ด้วยอารมณ์ไม่พอใจของผู้เข้าชุมนุมหลายคน มีเสียงก่นด่าตำรวจ เกิดขึ้นด้วย

ครู่ต่อมา ได้ยินเสียงประกาศจากทางเวทีว่า ตำรวจเขายอมปล่อย ให้รถ เข้าออกได้แล้ว

ขณะยังเดินบิณฑบาตอยู่ ได้ยินเสียงถ่ายทอดสัญญาณ ประกาศของนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ...ประเทศกำลัง ไปได้ด้วยดี พันธมิตรฯ ชุมนุม ก่อปัญหามาก...

ผมเป็นนายกฯ เตรียมพร้อมแล้ว ทั้งทหาร ตำรวจ...จะแตกหัก ภายในวันนี้...

ฟังแล้ว ทำใจเตรียมรับกับ อำนาจอธรรม คาดว่า เขาต้องเร่งสลาย ให้เร็วที่สุด เวลาที่ผู้ชุมนุม น้อยที่สุด คือก่อนเที่ยง คนเรือนพัน สลายง่ายกว่าหมื่น

ฉันอาหารเพียงแค่ พอประทังกระเพาะ เตรียมรับกับสถานการณ์ ที่คาดเดา ไม่ได้ ว่าจะหนัก จะแรง ขนาดไหน หากคับขัน ฉุกเฉิน การขับถ่าย ตามธรรมชาติ ของร่างกาย จะได้ไม่เป็นปัญหาเพิ่ม

ฉันเสร็จก่อนท่านใด รีบเข้าห้องน้ำ เพื่อเตรียมพร้อมกับ การสลาย การชุมนุม ที่กำลังจะเกิดขึ้น

๑๑ นาฬิกาเศษ อดีต ส.ส.เสกสรรค์ แสนภูมิ มากราบและให้ข้อมูลว่า ตำรวจ เอาป้ายชื่อ และ เครื่องหมายยศชั้น ออกแล้ว เตรียมพร้อม ก่อนสลาย

๑๒.๐๐ น. คุณป่าร่ม แจ้งว่า ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ บอกเขาเตรียมกำลัง สลายจริง

๑๒.๐๖ น. คุณสำราญ รอดเพชร และคุณอัญชลี ไพรีรัก สองพิธีกร บนเวที ส่งเสียงประกาศ ชักชวนประชาชน ที่อยู่ที่บ้าน ให้ออกมาร่วม ให้มากๆ เสริมรับกับ ข้อมูลข้างต้น สายข่าว กับสายข่าวด้วยกัน ได้ข้อมูลตรงกัน สลายแน่

น่าอัศจรรย์ หลายคนในที่ชุมนุม ทั้งๆที่รู้ว่า ตำรวจเตรียมกำลัง เข้ามาสลายแน่ แต่ดูเขายังยิ้มแย้ม ไม่สะทกสะท้าน ทั้งหนุ่มสาว และ คนสูงวัย หลายคน ดูภายนอก ไม่น่าจะมีจิตใจ กล้าหาญ ดูเขาน่าจะรักสุข รักสบาย มากกว่ากล้าเจ็บ กล้าตาย

๑๒.๒๐ น. ข้าพเจ้าเปรยถามขึ้นมาว่า ถ้าเขาใช้กำลังเข้ามาสลายจริงๆ เราจะปฏิบัติตัว อย่างไร

ถ้าเขาเชิญขึ้นรถ...เราไม่ขึ้น นั่งสงบ ถ้าเขาใช้กำลังตำรวจ มาอุ้มพ่อท่านฯไปหละ

คุณการุณ ใสงาม รีบตอบ...ไม่ได้ ญาติธรรมต้องฉุดรั้งไว้ ไม่ยอม หากเขาเอาจริง ก็ต้องปล่อยเขา

๑๓.๑๐ น. ๕ แกนนำขึ้นเวที ประกาศเชิญชวนเป็นระยะๆ ให้ผู้ชมออกจากบ้าน มาร่วมกัน ให้มากๆ อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ท้าให้ประกาศกฎอัยการศึกเลย จะยอมให้จับ

๑๓.๔๙ น. พลตรีจำลองมากราบพ่อท่านฯแล้วกล่าวยิ้มๆ มีอารมณ์ขันว่า... ชวนกันมาเยอะๆ เดี๋ยวไม่มีที่ให้เขาอยู่

๑๔.๒๐ น. ญาติธรรมทยอยกันมารวมตัวที่เต็นท์หน้าพ่อท่านฯและหมู่สมณะ นั่งอยู่ คุณแซมดิน แนะนำ วิธีปฏิบัติ เมื่อมีการสลาย การชุมนุม สงบ...อหิงสา

๑๕.๕๐ น. ภาพจากกล้องของโทรทัศน์ ตำรวจที่สะพานมัฆวานฯ เคลื่อนไหว เตรียมพร้อม หมวก โล่ รถดับเพลิง และ รถคุมขังหลายคัน

๑๖.๐๗ น. แกนนำทั้ง ๕ ขึ้นอ่านแถลงการณ์ โดยคุณพิภพ ธงไชย การชุมนุม ของพันธมิตรฯ เป็นการปฏิบัติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๓

การจะสลายการชุมนุม โดยที่ไม่มีเหตุอันควรก็เป็นการละเมิด ผิดกฎหมาย

หากมีการจับกุมแกนนำก็จะมีแกนนำชุดใหม่ขึ้นมา

๑๖.๒๐ น. หมอเกรียงศักดิ์ จากหาดใหญ่ แนะนำการปฏิบัติ เมื่อเจอแก๊สน้ำตา อย่าตื่นตระหนก ให้มีสติ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ห้ามขยี้ แล้วให้ประชาชน ซ้อมนอนราบ กับพื้น เมื่อตำรวจ เข้ามาสลาย

๑๗.๐๗ น. คุณแซมดิน บอกว่า มีคำสั่งให้เครื่องเสียงของพันธมิตรฯ หยุดกระจายเสียง เขาจะใช้หน่วย อรินทราช เข้ามาจัดการ

๑๗.๑๑ น. พิธีกรบนเวทีคุณยุทธิยงค์ แจ้งว่ามีข้อความส่งมาบอก อีกไม่กี่นาที ตำรวจผู้ใหญ่ จะเข้ามาเจรจา แกนนำ ขอให้เปิด เส้นทางการจราจร

๑๘.๓๐ น. ท่านจันทร์มาปรึกษาพ่อท่านฯ น้องสาวคุณสนธิ เสนอว่า อยากให้มี สมณะ ไปนำสวดพาหุงฯ

พ่อท่านฯทักว่าพวกเราสวดมันไม่ขลัง เพราะเราไม่ได้สวดเสียงมีทำนอง อย่างที่คนส่วนใหญ่ เขาคุ้นชิน หลังจาก หารือกันสักครู่ มีสมณะ ที่เคยสวด เอื้อนทำนอง อาสาขึ้นไป พร้อมพระ อาคันตุกะ ทั้งหมด ๕ รูป มีท่านจันทร์นำ และ ในเวลาต่อมา ทั้งหมดได้ขึ้นเวที สวดบท ชนะมาร แม้การสวด จะไม่ขลัง เท่าใดนัก แต่ก็เป็นจิตวิทยาที่ดี กับสถานการณ์ อย่างนี้

ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ยังมีข่าวจะใช้กำลังสลายการชุมนุม นับเป็นคืน วันที่ระทึกใจ ทั้งวัน

วันรุ่งขึ้น ๑ มิ.ย.'๕๑ ข่าวจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า จากบางส่วน ที่ชี้ให้เห็น เลศเล่ห์ ของรัฐบาล หุ่นเชิด ปั้นน้ำเป็นตัว ปั้นเรื่องปั้นราว โป้ปดมดเท็จ หน้าตาเฉย

๑๙.๓๐ น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย แถลงว่า ได้รับมอบหมายจาก นายสมัคร ให้มาชี้แจงขยายความ สิ่งที่ นายสมัคร ประกาศสลายการชุมนุม เนื่องจาก ได้รับรายงานว่า มีคนเตรียมก่อเหตุร้าย ในกลุ่มผู้ชุมนุม เช่น วางระเบิด วางเพลิง ซึ่งวิธีป้องกัน ที่ดีที่สุด คือ การสลายการชุมนุม

อย่างไรก็ตามได้สืบทราบว่า ผู้สมคบก่อเหตุร้ายดังกล่าว ได้วางแผนอยู่ที่ สำนักกฎหมาย ย่านบางโพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้สกัด แผนการดังกล่าว สำเร็จแล้ว แต่ไม่สามารถ จับกุมตัวได้ เพราะคนกลุ่มนี้ รู้ตัวก่อน จึงล้มเลิก แผนป่วน ของตัวเอง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า จะไม่มีการสลายการชุมนุม เพราะไม่มีรัฐบาลใด ทำร้ายประชาชน ดังนั้น ให้พันธมิตรฯ ชุมนุมต่อไป แต่อย่าทำ สิ่งผิดกฎหมาย และนายสมัคร ก็ได้สั่งการ ให้ตำรวจ ไปแล้วว่า อย่าดำเนินการใดๆ เพื่อสลาย การชุมนุม เนื่องจากไม่มีเงื่อนไข เรื่องมือที่สาม เข้ามาแล้ว

ต่อมา นายสมัครแก้ตัวหน้าตาเฉยว่า ไม่เคยบอกว่าจะสลายม็อบ และยืนยันว่า ไม่เคยมีความคิด ใช้ความรุนแรง กับการชุมนุม ข่าวปฏิเสธ ยังไม่ทันจาง นายสมัคร เรียก ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร. เพื่อหารือด่วน ถึงแนวทางที่จะใช้ พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ได้รับการปฏิเสธว่า ยังไม่จำเป็นต้องใช้

ร.ต.อ.เฉลิมยังคงใช้นิสัยเดิมๆ วิธีการเก่าๆ ปูดข่าวป้ายสีว่า มีการขนแรงงานพม่า จากมหาชัย มาร่วมชุมนุม ต่อมา ก็กล่าวหาว่า จปร.๗ ขนอาวุธ ให้ผู้ชุมนุม แต่ก็ถูกฉีกหน้า โดย ผบ.ตร. ตอบนักข่าวว่า ไม่มีการเคลื่อนย้ายอาวุธ แต่อย่างใด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ออกมาแฉว่า เป็นการสร้าง กระแสข่าว เพื่อทำลาย ความชอบธรรม ของพันธมิตรฯ และ เพื่อใช้เป็นเหตุผลใน การใช้กำลัง สลายการชุมนุม

ญาติธรรมชาวอโศกที่เข้าร่วมการชุมนุม ล้วนกำลังปฏิบัติธรรม ขั้นอุกฤษฏ์ ท่ามกลาง เปลวแดด -สายฝน -เสียงก่นด่า -ภัยพาล ทั้งจากอำนาจมืด และ อำนาจรัฐ วิถีชีวิตเปลี่ยน งาน -กิน -นอน -ขับถ่าย ยากลำบาก ทิ้งไร่นา -ทิ้งการงานอาชีพ -ทิ้งรายได้ ที่เคยได้ มาสู่งานบริการทุกด้าน ทั้งอาหาร -ความสะอาด สถานที่ -รักษาความปลอดภัย -งานเอกสาร- งานต้องรับผิดชอบ สารพัด ที่กลายเป็นชุมชน คนแต่ละทิศ แต่ละทาง มาอยู่รวมกัน

...เธอทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อม ด้วยความไม่ประมาทเถิด...

แกนนำและนักปราศรัย เด่นในเรื่องของข้อมูลทางการเมือง ทำให้ผู้ชมผู้ฟัง เกิดจิตใจ เข้าร่วมการต่อสู้ จำนวนมาก ตอบโต้ประเด็น ทางการเมือง ที่เกิดขึ้น อย่างถึงพริกถึงขิง

เอเอสทีวี เป็นหลักในการถ่ายทอดสัญญาณตลอด ๒๔ ชั่วโมง ไปยังผู้ชม ทั่วโลก การจัดเวที การจัดรายการ พิธีกร เพื่อสื่อสาร ความจริง ของการชุมนุม ออกเผยแพร่ เจ้าหน้าที่ ต้องทำงานหนัก มากกว่าปกติ ขณะที่รายได้ จากโฆษณา ไม่พอกับค่าใช้จ่าย

กองทัพธรรม พฤติกรรมเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนว่าเป็นผู้มีศาสนา ทรหด อดทน ลดละ เสียสละ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน มีความเป็น เอกภาพสูง เป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน เป็นอยู่เรียบง่าย มีระเบียบวินัยสูง ทำให้เป็นตัวอย่าง ของการชุมนุม อย่างสันติ อหิงสา อโหสิ ปราศจากอาวุธ เป็นความเด่นชัด ที่ผู้ร่วมชุมนุม สัมผัสได้

พ่อท่านฯนำเอาหลักการอหิงสา ของมหาตมา คานธี ประกอบการเทศน์ย้ำซ้ำ ในเดือนมิถุนายนนี้ ทั้งเดือน

การปักหลักชุมนุมเป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ในการต่อสู้กับอำนาจอธรรม เพราะวิถีทาง รัฐสภาเป็นง่อย เป็นเผด็จการ ในร่างประชาธิปไตย ไม่แก้ปัญหา ของชาติก่อน กลับเร่งแก้ รัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกความผิด ของนายใหญ่ และพวก กระบวนการยุติธรรม ถูกตัดตอน ทั้งตำรวจ-อัยการ ทำงานอย่างเลือกปฏิบัติ ขาดความยุติธรรม รัฐบาลใช้อำนาจ ทุกรูปแบบ เพื่อประโยชน์ ของตน และพรรคพวก

หากไม่ปักหลักชุมนุมเพื่อกดดันรัฐบาลมิให้กระทำอะไรๆได้ตามอำเภอใจ รัฐบาล จะใช้อำนาจ ที่ไม่ชอบธรรม มากขึ้นเรื่อยๆ การลาออกของ คุณจักรภพ การถอนชื่อของ ส.ว.ที่ร่วมลงชื่อ แก้ไขรัฐธรรมนูญ การลดความแข็งกร้าว ของคุณสมัคร และ คุณเฉลิม ก็มาจากการชุมนุม ปักหลัก ของพันธมิตรฯ อย่างไม่เกรงกลัว อำนาจอธรรม

การปักหลักชุมนุมเป็นหนทางเดียว ที่จะเผยแพร่ข่าวสาร ความไม่ชอบธรรม ของรัฐ ไปยังประชาชน ให้ได้ มากที่สุด พื้นที่ข่าว ของสื่อไทย และเทศ จะได้มี ต่อเนื่อง ตามสถานการณ์ สำคัญๆ ที่เกิดขึ้น และการปักหลักชุมนุม เป็นที่มั่น สุดท้าย ของผู้ที่รักความเป็นธรรม จะได้มาผนึก ร่วมกันสู้ อย่างมีพลัง มากกว่า ต่างคนต่างสู้

ความเดือดร้อนของนักเรียนและชาวบ้านสัญจรไม่สะดวก เป็นเพียงผลข้างเคียง เล็กน้อย แต่การหยุดยั้งอำนาจ ที่ไม่ชอบธรรม เป็นผลตรง ที่สำคัญยิ่งใหญ่ สำหรับ ประเทศชาติ มากกว่า ไม่มีการต่อสู้ใดๆ ที่จะไม่สูญเสีย หากยังมีจิตใจ รักความเป็นธรรม ย่อมต้องยอม สูญเสียสิ่ง เล็กๆน้อยๆบ้าง เพื่อแลกกับ ผลประโยชน์ อันมหาศาล ที่จะเกิดขึ้น กับสังคม และประเทศชาติ

การร่วมชุมนุมของชาวอโศก หากมองอย่างทุนนิยม มีแต่เสียกับเสีย สูญเสียเวลา แรงงาน ทุนรอน และชื่อเสียง ที่เคยมี เพราะประชาชนส่วนใหญ่ ยังรับไม่ได้ กับการที่ องค์กรศาสนา เข้ามาร่วม เคลื่อนไหว ทางการเมือง อย่างเต็มรูป ขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ ไม่เคยมีมาก่อน ในประวัติศาสตร์ ของชาติไทย

ถ้ารัฐใช้อำนาจสลายการชุมนุม อาจจะสูญเสียเลือดเนื้อ สูญเสียชีวิต หรือสูญเสีย อิสรภาพถูกจับกุมคุมขัง

สิ่งเดียวที่จะได้ในทัศนะของบุญนิยม คือ การได้เสียสละ

แต่ เสนาบดีรัฐสีเทา ป้ายสีว่า ได้เผยแพร่ลัทธิ แสวงหาบริวาร

เป็นปกติของนักการเมืองที่ต่ำทราม ให้ร้ายป้ายสีเป็นนิสัย เพื่ออำนาจ สามานย์ ยิ่งกว่ามุสา ก็ทำได้

เป็นเรื่องโจ๊กๆ ถ้าจะมีใครคิดเผยแพร่ลัทธิและแสวงหาบริวาร ด้วยวิธีอย่างนี้ หากผลที่สุด รัฐบาลยังคงอำนาจ ต่อไปได้ คุ้มหรือ กับการได้แล้วดับ

"ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย" (รองประธานศูนย์ฯ มีตำแหน่ง ในรัฐบาลสมัคร หลายท่าน ร่วมเคลื่อนไหว กับ นปช. เป็นแกนนำรุ่น ๒ ก็มี) มีทัศนคติที่เป็นลบ กับชาวอโศก มาตลอด ล้วนตรรกะ คิดนึกเอาเอง จะมีเจตนา มุสาหรือไม่ อยู่ที่ตัวท่านเอง ย่อมรู้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ให้ร้าย กองทัพธรรม ว่าเข้าร่วม ชุมนุมเพราะ กลัวจะมี การแก้ไข รัฐธรรมนูญ เพื่อบรรจุ พระพุทธศาสนา เป็นศาสนา ประจำชาติ แล้วสันติอโศก จะอยู่ไม่ได้

เดือนมิถุนายนนี้ มีหลายเวบไซต์ ที่มีการนำเสนอให้ร้าย "กองทัพธรรม" แบบเดียวกับ ศูนย์พิทักษ์ พระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย เวบไซต์ ประชาทรรศน์ ที่มีผู้ยิ่งใหญ่ แห่งบุรีรัมย์ เป็นเจ้าของ เวบไซต์ โลกวันนี้ ที่นักเขียนหลายท่าน เป็นแกนนำ นปช. และรัฐบาลหุ่นเชิดนี้ เนื้อหา ไม่มีอะไรใหม่ ล้วนเป็น ข้อกล่าวหาเดิมๆ เดียวกับ ๒๐ ปีที่แล้ว... พระเถื่อน นอกรีต มารศาสนา ฯลฯ

งานอโศกรำลึกปีนี้ จำต้องย้ายไปจัดในที่ชุมนุมฯ เท่าที่จะสามารถทำได้ ในสถานที่อย่างนั้น ขณะที่รายการ ของโทรทัศน์ช่อง เพื่อมนุษยชาติ ปรับไป ตามเหตุการณ์ ของการชุมนุม เชื่อมต่อสัญญาณ จากเวที พันธมิตรฯ เป็นหลัก เพื่อช่วย กระจายข่าวสาร การชุมนุมออกไป ให้ได้มากที่สุด รายการ เสือในศาลา หรือ ธรรมะภาคค่ำ ยกเลิกไป พ่อท่านฯ เพียรไปเทศน์ ทำวัตรเช้า ในเต็นท์ กองทัพธรรม จนถึงปลายเดือน ๒๕ มิ.ย. จึงเปลี่ยนย้ายมาจัดทำรายการ ที่สันติอโศก และเปลี่ยนเวลา จากเช้าเป็นบ่าย ใช้ชื่อรายการว่า สงครามสังคม ธรรมะการเมือง

บอลยูโร ๒๐๐๘ มีผลต่อการชุมนุมบ้าง ทำให้มีถ่ายทอดการแข่งขัน ให้คอฟุตบอลได้ดู ๑ จอ ด้านข้างเวที เป็นสีสัน เล็กๆ ตามกระแส แต่ผลกับ สังคมนี่สิ น่ากลัว ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ได้สำรวจ พฤติกรรม คนไทย ๖๗.๕ % ของเงิน ที่นำมาเล่นพนัน เป็นเงินกู้ สำนักงานกองทุน สนับสนุน การสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) เผยเด็กไทย ๒ ล้านคน กลายเป็นผีพนัน อายุน้อยที่สุด เพียง ๗ ขวบเท่านั้น พระก็มีเล่นพนันบอลด้วย ผู้บัญชาการ สำนักคดีเทคโนโลยี และสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เผยนักศึกษาหญิงบางส่วน ไม่มีความรู้ เรื่องฟุตบอล แต่ เลือกแทงพนันบอล ตามหน้าตาดีของนักเตะ เมื่อเสียพนัน ก็ขายตัวใช้หนี้

รัฐตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้งออกหมายเรียก คณะกรรมการ ตรวจสอบ การกระทำ ที่ก่อให้เกิด ความเสียหาย แก่รัฐ (คตส.) ทั้ง ๑๑ คน ให้ไปรายงานตัว ในคดีฟ้องหมิ่นประมาท และออกหมายจับ นายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบด ีกรมสอบสวน คดีพิเศษ ดีเอสไอ เป็น การแทรกแซง ทางอ้อม เพื่อตัดตอน คดีทุจริต คอรัปชั่น ของทักษิณ ไม่ให้ขึ้นสู่ศาล

คตส. เปิดเผย ตลอด ๒๑ เดือน ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบ โครงการต่างๆ ที่ดำเนินการ ภายใต้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากการตรวจสอบ การกระทำ ทุจริต ๑๓ เรื่อง พบว่า รัฐ ได้รับความเสียหาย เป็นเงินกว่า ๑.๘ แสนล้านบาท ได้อายัดทรัพย์ไว้ ประมาณ ๖ หมื่นล้าน บาท ในระหว่าง การทำงาน คตส. พบปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่มีผู้พยายาม ขัดขวาง รบกวนระบบ การตรวจสอบ แต่ คตส. ก็มุ่งมั่น ที่จะดำเนินการ อย่างเป็นธรรม และเที่ยงตรง เพื่อรักษา ความเชื่อมั่น ของประชาชน ถึงแม้จะถูกฟ้อง ทั้งอาญาและแพ่ง ๑๖ คดี เรียกค่าเสียหายจาก คตส. กว่า ๑ แสนล้านบาท

"สงคราม ๙ ทัพ" เป็นชื่อยุทธการในการเคลื่อนพล ปิดล้อมทำเนียบฯ (๒๐ มิ.ย.' ๕๑) เพื่อกดดัน รัฐบาลหุ่นเชิด ให้สำนึก ละอาย หยุดยั้ง ทุรกรรมนานา โชคดีที่ตำรวจ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ใช้แก๊สน้ำตา บ้างเล็กน้อย บาดเจ็บประปราย วันเดียวกัน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปก. ขึ้นเวที ประกาศ ผ่านเครื่องขยายเสียงว่า อย่าตกใจ ที่ฝ่ายพันธมิตรฯ เคลื่อนไปยึด ทำเนียบได้ เพราะตรงนั้น เป็นกับดัก ของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะจัดการ ตามกฎหมาย การเคลื่อนพล นปก. มาหน้า กระทรวงเกษตรฯ เพื่อให้กลุ่ม พันธมิตรฯ พะว้าพะวง บรรลุผลแล้ว ดังนั้น การเคลื่อนกำลัง กลับสนามหลวง ไม่ได้หมายความว่า เป็นความพ่ายแพ้ หรือขายหน้า

ต่อมาครูโรงเรียนราชวินิตมัธยมส่วนหนึ่ง ยื่นฟ้องศาลแพ่ง ขออำนาจ สั่งรื้อ เวทีปราศรัย ซึ่งต่อมา ศาลแพ่ง ก็มีคำสั่ง ดังกล่าว

กรณีเขาพระวิหาร ร้อนแรงอีก เมื่อ ๑๗ มิ.ย.'๕๑ ครม. เห็นชอบกับ แถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชา กรณีการขึ้นทะเบียน ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก และเห็นชอบ แผนที่แนบท้าย ซึ่งจัดทำโดย รัฐบาลกัมพูชา หลังจากนี้ นายนพดล จะไปลงนาม ร่วมกับรัฐมนตรี ต่างประเทศ กัมพูชา และคณะกรรมการ มรดกโลก โดยไม่ฟังเสียง ทักท้วง ของนักวิชาการ ฝ่ายค้าน และพันธมิตรฯ เกี่ยวกับ แผนที่ของกัมพูชา ที่รัฐบาล ไม่เปิดเผย ให้สาธารณะ รับรู้ สุ่มเสี่ยงกับ การเสียดินแดนรอบ ปราสาทฯ ๔.๖ ตร.กม. และพื้นที่ทับซ้อน ทางทะเล บริเวณ JDA ผลประโยชน์ น้ำมันดิบ อันมหาศาล

มีเสียงวิจารณ์ถึงประเทศใหญ่ๆที่ส่งเสริมกัมพูชา ในการขึ้นทะเบียน ปราสาท พระวิหาร เป็นมรดกโลก ล้วนมี ผลประโยชน์แฝง ตามมาทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังมีข่าวระบุถึง โครงการ "กาสิโน เอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์" แหล่งการพนัน บันเทิง และท่องเที่ยว ที่เชิงเขา พระวิหาร ฝั่งกัมพูชา เป็นโครงการ ของนายกฯ สมเด็จฮุนเซน

"ขายชาติ" เป็นคำที่พันธมิตรฯใช้ว่ารัฐบาลหุ่นเชิด ขณะเดียวกัน"คลั่งชาติ" เป็นคำที่ นักวิชาการ ติงพันธมิตรฯ ที่ปลุกกระแส "ชาตินิยม" อาจเลยเถิด กลายเป็นสงคราม ของสองประเทศไปได้ ดีที่ชาวบ้านชายแดน ของสองประเทศ ยังค้าขาย ไปมาหาสู่กันได้ ไม่ได้รู้สึกว่า เป็นศัตรูต่อกัน

ศาลปกครองกลางสั่งระงับแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร จดทะเบียน ปราสาท พระวิหาร เป็นมรดกโลก ของกัมพูชา ระบุ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กระทรวง การต่างประเทศ และคณะรัฐมนตรี ยุติการดำเนินการ ตามแถลงการณ์ร่วม (๒๘ มิ.ย.'๕๑)

คดีถุงขนม ๒ ล้าน ติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล ที่กระทำโดยคณะ ทนายความ คดีที่ดินรัชดาฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ยิ่งชัดเจนว่า อธรรมก็คืออธรรม เมื่อคิดผิด ทำผิดตั้งแต่ต้น แล้วไม่สำนึก ยอมรับผิด แต่กลับพยายาม ปกปิดความผิด ทุกวิถีทาง การคิดผิด ทำผิดเพิ่มจึงเกิดขึ้น ด้วยเชื่อผิดคิดผิด ว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อคิดผิด ทำผิด จนเป็นนิสัย ผลออกมา ก็จึงเป็นผิด อยู่ร่ำไป

ยังคาดเดาไม่ได้ว่าบทจบของการต่อสู้กับอำนาจอธรรม จะเป็นอย่างไร เมื่อ "คนชั่วทำชั่วได้" คนดีควรทำอย่างไร

จากโศลกธรรมเกี่ยวกับการต่อสู้อำนาจอธรรม และความตาย ในวันครบรอบ การเกิด ปีที่ ๗๕ ของพ่อท่านฯ (๕ มิ.ย. '๕๑) ดังนี้
สู้แล้วสบาย ตายแล้วไม่ได้สู้
สู้ให้ตาย ถ้าตายจะไม่ได้สู้


 

สร้างบารมี กลางสมรภูมิ...
ซ้ายผุด-ขวาผงาด-ประชาธิปไตยจ๋าโผล่

วันเข้าพรรษา ๑๘ ก.ค. '๕๑ ที่เวทีพันธมิตรฯ เวลา ๑๙ นาฬิกา พ่อท่านฯได้รับนิมนต์ให้ขึ้นแสดงธรรม เปิดประเด็น ด้วยการเมืองกับศาสนา ต้องไปด้วยกัน แยกขาดจากกันไม่ได้ ประชาธิปไตย ต้องมีธรรมาธิปไตย พระพุทธเจ้า คือ นักการเมือง ผู้สถาปนาประชาธิปไตยใน ยุคทาส แล้วนำเอาหลัก ประชาธิปไตยแท้ ๑๐ ประการ มาอธิบายถึง งานการเมืองที่แท้ เป็นเรื่อง เสียสละ เช่นเดียวกับงานศาสนา สุดท้าย ยกตัวอย่าง ชุมชนชาวอโศก ซึ่งเป็น นักปฏิบัติธรรม และทำงานเสียสล ะเช่นเดียวกับ งานการเมือง ตามหลัก ประชาธิปไตยแท้ ๑๐ ประการ ที่กล่าว มาแล้วนั้น ซึ่งเป็นประชาธิปไตย ที่มีธรรมาธิปไตย เป็นผลจริงแล้ว แม้จะเป็นเพียง กลุ่มเล็กๆ (ผู้สนใจ รายละเอียด ติดตามได้ที่ฝ่ายเผยแพร่)

เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑ นี้ ข่าวให้ร้ายป้ายสีพ่อท่านฯและชาวอโศก (สื่อทั่วไปใช้ สันติอโศก) ออกมามาก ทั้งจากพระ และนักการเมือง เริ่มจากขาประจำ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย โดย พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ให้ข่าว มส. และ พศ. เตรียมออกกฎหมาย คุมเข้ม ปลุกเสกพระ วัตถุมงคล แต่งกายเลียนแบบพระ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ กับสันติอโศก

ต่อมา นายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการ มหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงาน พระพุทธศาสนา แห่งชาติ (พศ.) ได้ให้สัมภาษณ์ นักข่าวว่า "เราออกกฎหมายนี้ เพื่อจัดการผู้ดูหมิ่น ย่ำยีและจาบจ้วง พระพุทธศาสนา ไม่ได้มุ่งกล่าวหา สันติอโศก ซึ่งผมเห็นว่า ไม่เข้าข่าย แต่งกายเลียนแบบ พระสงฆ์ เพราะประกาศ ชัดเจนว่า ขอแยกตัวออกมา จากมหาเถรสมาคม เป็นนักบวชอีก นิกายหนึ่ง และได้รับ ความคุ้มครอง จากรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน" นายอำนาจ กล่าว (ไทยโพสต์ ๔ ก.ค.'๕๑)

นายสมพร เทพสิทธา ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ กล่าวว่า ในฐานะ ผู้มีส่วนร่าง พ.ร.บ. อุปถัมภ์ และ คุ้มครอง พระพุทธศาสนา ไม่ได้มุ่งกล่าวหา สำนักสันติอโศก ว่าเข้าข่าย แต่งกาย เลียนแบบพระสงฆ์ เนื่องจากเห็นว่า สันติอโศก ไม่ได้แต่งกาย เลียนแบบพระสงฆ์ เพียงแต่เป็น นักบวช นิกายหนึ่ง เท่านั้น และยังถือศีล ปฏิบัติธรรม ตามคำสอน พระพุทธศาสนา อย่างเคร่งครัด

สำหรับความเห็นของพระมหาโชว์นั้น ถือเป็นความเห็นส่วนตัว ของพระมหา โชว์ ซึ่งไม่ได้เป็น กรรมการ ร่างกฎหมายนี้ ทั้งนี้ เจตนารมณ์ ในการออกกฎหมาย ต้องการลงโทษ ผู้ปลอมบวช

"การออกกฎหมายนี้ไม่ได้ต้องการกีดกันนิกายใดนิกายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น สันติอโศก หรือ ธรรมกาย เราให้ความอุปถัมภ์ และคุ้มครอง ทุกนิกาย ชาวพุทธศาสนิกชน ต้องให้ความเคารพ และยอมรับซึ่งกัน นอกจากนี้ ผมยังเสนอ ให้รัฐบาล นำร่าง พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบับใหม่ ที่ถูกดองอยู่ ในคณะกรรมการ กฤษฎีกา ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง กฎหมาย คณะสงฆ์นี้ จะเป็นการ คานอำนาจ คณะปกครองสงฆ์ แต่กลับถูกมองว่า ฆราวาสไม่ควร เข้ามายุ่งเรื่องพระ เป็นความคิด คับแคบ ของพระผู้ใหญ่ จะทำให้ พระพุทธศาสนา ไปไม่รอด" ประธานสภา ยุวพุทธิกสมาคม แห่งชาติกล่าว (ไทยโพสต์ ๔ ก.ค.'๕๑)

น.พ.เหวง โตจิราการ ได้เรียกร้องให้ชาวพุทธ ลุกขึ้นมาช่วยกัน ตรวจสอบ กรณีสันติอโศกว่า ปฏิบัติถูกต้อง ตามบทบัญญัติ ของพระไตรปิฎก ตามพุทธศาสนาหรือไม่ กับการที่ออกมา เคลื่อนไหว ชุมนุม กับกลุ่มพันธมิตร ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย โดยทำตัวเสมือน กองกำลังรบ ออกมาขับไล่ รัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง (มติชน ๑๒ ก.ค.'๕๑)

ความพยายามให้ร้ายป้ายสีปลุกระดม ให้เกิดความเกลียดชัง จากคนกลุ่มเดิม ที่ใช้ชื่อ ศูนย์พิทักษ์ พระพุทธศาสนา แห่งประเทศไทย และเวบไซต์ ประชาทรรศน์ ยังคงกระทำ อย่างต่อเนื่อง จัดสัมมนา หลายที่ หลายแห่ง รวมถึง ใช้สื่อวิทยุ หลายคลื่น "ลัทธิสันติอโศก กับความมั่นคง ของพระพุทธศาสนา" เป็นชื่อที่ใช้ ในการสัมมนา โดยมี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รองโฆษก ประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค พลังประชาชน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย นพ.เหวง โตจิราการ เข้าร่วม

พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรค เพื่อแผ่นดิน เป็นขาประจำ อีกราย ที่ให้ร้ายป้ายสี จากจินตนาการ ที่เพ่งร้าย เป็นต้นว่า

...นายรักษ์วางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า ถ้าตนได้ก้าวเข้ามา มีบทบาท ในคณะสงฆ์ จะนำประเทศชาติ จะนำคณะสงฆ์ ไปตามแนวทางที่ได้คิด และวางแผนไว้ อดทนรอมา ตั้งแต่ปี ๒๕๑๓ คือตั้งแต่บวช ได้วางแผนไว้แล้ว...

...เขาไม่ให้บูชาหรือไหว้พระพุทธรูป แต่ให้ไหว้นายรักษ์ ซึ่งนายรักษ์ ได้ตั้งตนเอง เป็นศาสดา แทนพระพุทธเจ้า ใครอยากบวช เขาบวชให้ ในอาณาจักร สันติอโศก จึงเรียก ท่านพ่อ โพธิรักษ์...

...สมัยหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยหลงเชื่อ และศรัทธา พล.ต.จำลอง จึงมอบหมาย ให้เป็นประธาน โครงการพัฒนามนุษย์ ตั้งศูนย์คุณธรรม เป็นองค์กรมหาชน ที่ทุกวันนี้ ก็ยังมีอยู่ เป็นศูนย์ ที่ขับเคลื่อน ทางสมอง พัฒนาคน ให้เป็นไป ตามแนวทาง ของสันติอโศก สิ่งเหล่านี้ ทำเกือบสำเร็จแล้ว แต่โชคดีที่ พ.ร.บ. คุณธรรมแห่งชาติ ที่พวกเรา ร่วมกันทำ ถูกผลักดันตกไป ไม่เช่นนั้น หากกฎหมายฉบับนี้ นำออกมาใช้ กับคน ทั่วประเทศ เราคงจะมี ศาสดาองค์ใหม่ชื่อ โพธิรักษ์ เขาจะพัฒนาคน ไปในทิศทาง ที่ต้องการ...

...มีคนมาบอกว่า เขาใช้วิธีการทางไสยศาสตร์ด้วย เหมือนพวกภาคใต้...

...วัฏจักรการเดินทางของเขานั้น เขาจะเปลี่ยนสังคมพุทธของเรา เป็นสันติอโศก เถรวาทเรา มหานิกาย ธรรมยุตเรา จะอยู่ตรงไหน...

...ถ้าผมเป็นโพธิรักษ์ที่มีอำนาจ ผมก็จะเขียน ให้พวกท่านอยู่ไม่ได้...

ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ แกนนำ นปก. ชุด ๒ ร่วมเคลื่อนไหว กับกลุ่ม ผู้สนับสนุน คุณทักษิณ ตั้งแต่ปี'๔๙ มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย แต่มีจินตนาการ ป้ายสีเช่นกัน

...ท่านใกล้ชิดนายกฯทักษิณ แล้วได้ใช้ความใกล้ชิด จนตั้งโรงเรียนผู้นำ และศูนย์ คุณธรรม แล้วได้รุกล้ำที่ ส.ป.ก. ไปขอให้ ท่านทักษิณช่วย ท่านทักษิณช่วยไม่ได้ พลตรีจำลองจึงได้ ฟาดงวง ฟาดงา จนทักษิณ ขายหุ้น ๗ หมื่นล้าน พลตรีจำลอง ขอ ๒ หมื่นล้าน เพื่อจะได้มาพัฒนา สันติอโศก...

ผศ.เสถียร วิพรมหา มหาวิทยาลัย มหามกุฎราชวิทยาลัย

...ถ้าวันนี้สันติอโศกขึ้นมา สถาบันพระมหากษัตริย์ ก็อยู่ไม่ได้ เพราะเป็นแนวคิด แบบ คอมมูน...

ผู้ร่วมเสวนาคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจาก ท่านที่กล่าวมา ข้างต้นนี้ ทั้งมุสาตรรกะ จับแพะชนแกะ แล้วสรุป ยัดเยียดว่า บ่อนทำลาย ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ยศ เกียรติ การศึกษาที่สูง เมื่อไร้สัมมาทิฐิ อกุศลกรรม ย่อมบังเกิด ประจานตนเอง ในที่สาธารณะ โดยที่ ยศ เกียรติ การศึกษาสูงนั้น ไม่สามารถคุ้มกัน บาปอกุศลใดๆได้ กัมมัสสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ

บ้านเมืองเดือนกรกฎาคม ยังร้อนไปด้วย กรณีเขาพระวิหาร ข่าวพาดหัว จากหนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ ๒ ก.ค.'๕๑ ... เปิด จ.ม. ยูเนสโกมัด 'นพดล' ชิงลงนาม แถลงการณ์ร่วม 'ปราสาทพระวิหาร' ก่อนเสนอ ครม..?

๘ ก.ค. ๒๕๕๑ ...ศาล รธน.มีมติ ๘ ต่อ ๑ ชี้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ขัด รธน. มาตรา ๑๙๐ ต้องผ่าน ความเห็นชอบ จากรัฐสภา

๑๕ ก.ค. ๒๕๕๑ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายพิภพ ธงไชย แกนนำ กลุ่มพันธมิตรฯ และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน กลุ่มพันธมิตรฯ นำรายชื่อ ประชาชน ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน ๔๖,๕๓๘ รายชื่อ มอบต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อให้รัฐสภา มีมติตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๔ ถอดถอน คณะรัฐมนตรี ทั้งคณะ รวม ๓๕ คน ตามมาตรา ๒๗๐ กรณีเห็นชอบ ให้นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรี ว่าการ กระทรวง การต่างประเทศ ร่วมลงนามในเอกสาร แถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชา ขึ้นทะเบียน ปราสาทเขาพระวิหาร

นอกจากปัญหาเขาพระวิหาร กับผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ทางทะเล และที่เกาะกง ยังไม่สามารถทำให้ สาธารณชน คลายใจได้แล้ว ยังมีคดีรัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติ คดีทุจริต ในการเลือกตั้ง คดีหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ

๘ ก.ค. ๒๕๕๑ "ยุทธ ตู้เย็น" กรรมตามสนอง ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษา ให้ใบแดง พร้อมเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง ๕ ปี ส่งต่อ กกต. - อัยการสูงสุด เสนอศาล รธน. ยุบพรรคพลังประชาชน

๙ ก.ค. ๒๕๕๑ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 'ไชยา สะสมทรัพย์' รมว.สาธารณสุข สิ้นสุด ความเป็นรัฐมนตรี นับตั้งแต่ เข้ารับตำแหน่ง ๓๐ วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๙ ฐาน ความผิด ไม่แจ้งการถือครองหุ้น ของคู่สมรสเกิน ๕ %

๒๓ ก.ค. ๒๕๕๑ ตร.ออกหมายจับ "ดา ตอร์ปิโด" ขึ้นเวที นปก.สนามหลวง พูดดูหมิ่นเบื้องสูง ก่อนบุกรวบตัว ถึงบ้าน แล้ว ทำสำนวนฝากขัง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า ช่วงเช้า พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ประธาน คณะกรรมการ พลังแผ่นดิน จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้มีการเร่งรัด คดีหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ ของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่เคยมี มาก่อนหน้านี้ เนื่องจาก ไม่มีความคืบหน้า แต่อย่างใด ภายหลังจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีกับ นางสาวดารุณี ชาญเชิงศิลปกุล (ดา ตอร์ปิโด) ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการเพิกเฉย มาตลอด

๓๑ ก.ค. ๒๕๕๑ ศาลอาญา พิพากษาจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนาย บรรณพจน์ ดามาพงษ์ พี่ชายบุญธรรม เป็นเวลา ๓ ปี ในคดีเลี่ยงภาษี หุ้นชินวัตร และจำคุก นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว ของคุณหญิงพจมาน เป็นเวลา ๒ ปี ร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยง การชำระ ภาษีอากร หุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน ๕๔๖ ล้านบาท จากหุ้นจำนวน ๔.๕ ล้านหุ้น ซึ่งมีหุ้นมูลค่า ๗๓๘ ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๓๗ (๑) (๒) และประมวล กฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และ ๙๑

เป็นที่น่าสังเกตว่าในเดือนกรกฎาคมนี้เช่นกัน ที่เกาหลีใต้ ประธานาธิบดี ได้สั่งปลด ๓ รัฐมนตรี เหตุจาก การนำเข้า เนื้อวัวจากสหรัฐฯ ซึ่งเสี่ยงต่อ การระบาด ของโรควัวบ้า ประชาชนเกาหลีใต้ ประท้วงต่อต้าน ไม่ทันไร ประธานาธิบดี ก็ลาออกทันที

เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลหุ่นเชิดที่เต็มไปด้วยทุจริตนานา ประชาชน ก็ประท้วง ขับไล่ กันยาวนาน อย่างไม่เคย มีมาก่อน ในประวัติศาสตร์ แต่ยัง "หยาบ-ด้าน-หนา-แข็ง"

รัฐบาลหุ่นเชิดนอกจากจะทุจริตนานา ยังสร้างรัฐตำรวจ ไว้คอยกลั่นแกล้ง การชุมนุม ประท้วง รัฐบาลหุ่นเชิด ทุกรูปแบบ รวมทั้งสร้างมวลชน เป็นกองกำลัง ติดอาวุธ ไว้ปะทะกับพันธมิตรฯ โดยมีอันธพาล สมุนบริวาร ส.ส. เป็นเครื่องมือ

๑๖ ก.ค. ๒๕๕๑ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา ๑๗.๔๕ น. พล.ต.ท. อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. กล่าวถึง กรณีการออกหมายจับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย เนื่องจาก นายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ เข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สน.นางเลิ้ง เมื่อ ๒๙ มิ.ย. ๒๕๕๑ โดยกล่าวหา นายสมเกียรติ ขึ้นกล่าวปราศรัย บนเวทีพันธมิตรฯ มีการกล่าวพาดพิง ดูหมิ่น สถาบันกษัตริย์ มีความผิด ตามประมวล ป.อาญา มาตรา ๑๑๒

๒๕ ก.ค. ๒๕๕๑ น้องชาย ส.ส.พรรคพลังประชาชน นำชมรมนรก-สุดบ้าคลั่ง ติดอาวุธครบมือ ฮือไล่ฆ่า พันธมิตรฯ อุดรธานี เจ็บ-สาหัสปางตายอื้อ อัปยศตำรวจยืนดูเฉย ถ่อย! "ขวัญชัย ไพรพนา" ประกาศชัยชนะ อย่างสะใจ "เหลิม" ต่อสาย แสดงความยินดีทันที "บุรีรัมย์" ก็ระอุ กลุ่มอันธพาล ถล่มเวที "โสภณ เพชรสว่าง" พังยับ พันธมิตรฯ ซัด "มท.๑" หละหลวม ชี้แผนก่อจลาจล ทั่วประเทศ "ทักษิณ" ใช้เป็นเงื่อนไข ลี้ภัยการเมือง

บนวิถีการชุมนุม กลางถนนที่เต็มไปด้วยความแปรปรวน ไอร้อน เปลวแดด ลม ฝน กิน-ถ่าย-หลับนอน ยากลำบาก กว่าวิถีชีวิตปกติ อีกทั้งภัยพาล จากอำนาจรัฐ และอำนาจมืด มีโอกาส เกิดได้ทุกเมื่อ แต่จิตใจของ ผู้ร่วมชุมนุม ยังคงแกร่งกล้า แม้กายเป็นหญิง หลายคนสูงวัย หลายคน มีโรครุมเร้า สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรค สำหรับจิตใจ ของผู้รักความเป็นธรรม รักชาติ -ศาสน์ -กษัตริย์

พลตรีจำลอง ผู้ผ่านศึกสงครามหลายสมรภูมิ ถึงกับเอ่ยปากชม "ท่านนักสู้ ผู้กล้าหาญ และทรหด อดทน ทุกท่านครับ" การเป็นอยู่ ของผู้ชุมนุมเยี่ยงนี้ ทหารตำรวจ ยังไม่เคยฝึก ยาวนานเช่นนี้

ไม่มียุคสมัยใด ที่การวิพากษ์วิจารณ์ กระทบสถาบัน จะเปิดเผยโจ่งแจ้ง แพร่ระบาด เช่นยุคนี้ การเทิดทูนเชิดชู สถาบัน และตอบโต้ผู้จาบจ้วง จึงเป็นวาระสำคัญ ของเวทีพันธมิตรฯ ขณะที่บรรดา นักวิชาการ ส่วนหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับ การหยิบเอา ประเด็นสถาบัน มาใช้ ในการเคลื่อนไหว อีกทั้ง เห็นต่างกับ การเคลื่อนไหว ในหลายๆเรื่อง แม้ในพันธมิตรฯ เอง ก็เห็นต่างกัน ในหลายอย่าง การเคลื่อนตัว วิธีการบางอย่าง แต่จุดเป้าหมายหลัก ตรงกัน จึงผ่านมา ได้ด้วยดี

ยิ่งชุมนุมนานวัน ความแข็งแกร่งของพันธมิตรฯ ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดวัฒนธรรมดีๆ ในการชุมนุม มากขึ้นๆ การเอื้อเฟื้อแบ่งปัน -หลีกเลี่ยง คำหยาบ -การรักษา ความสะอาด ใน สถานที่ชุมนุม ร่วมกัน -ไม่ทำลาย วัตถุสิ่งของ ของทางราชการ -ปราศจากอาวุธ -ใช้ใบตองทำกระทง แทนโฟม ใส่อาหาร ที่แปลกและใหม่มาก มีรายการธรรมะ บนเวที กล่อมเกลาจิตใจ ของผู้ชุมนุม

รัฐบาลหุ่นเชิดและพลพรรคยิ่งพยายามฟอกผิด ยิ่งกลายเป็นเพิ่ม ความผิดใหม่ ซ้อนซ้ำ มากขึ้นๆ แล้วพาลไปโทษ รัฐธรรมนูญ -ตุลาการ -กกต.-ปปช. ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งผิดเพิ่ม

สงสาร...คนทำผิด ที่พยายามทุกวิถีทาง เพื่อปกปิดความผิด แก้กฎ -แทรกแซง -แทรกซื้อ ไม่ให้ ฝ่ายตรวจสอบ เอาผิด เบี่ยงเบน -หลอกลวง ทุกวิถีทาง ให้สังคมเข้าใจว่าตน ถูก-ดี แต่กำลัง ถูกกลั่นแกล้ง ให้ร้ายป้ายสี จากฝ่ายที่สูญเสีย ประโยชน์ ทำผิดซ้ำผิดซ้อน อย่างไม่ละอาย เกรงกลัวบาป

สงสาร...คนที่ร่วมกระทำผิด (เสนาอำมาตย์-นายทุน -ขุนศึกใหญ่น้อย -นักวิชาการ -นักลากตั้ง -เบี้ยหอย ทุกระดับ) เพื่อแลกกับ ผลประโยชน์ใหญ่น้อย โดยไม่สำนึกละอาย เกรงกลัวบาป ยังคงร่วมทำผิด ให้ผิดหนัก มากยิ่งขึ้น ปกปิด-แก้-แทรก -ซื้อ -เบี่ยงเบน -หลอกลวง สังคม กันต่อไปอีก

สงสาร...ประชาชนที่หลงเชื่อเห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด อย่างซื่อใส แล้วร่วม ส่งเสริมคนทำผิด แค่หลงเห็นผิด เป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด ก็บาปไม่น้อยแล้ว ยิ่งร่วมทำผิดร่วม ทำร้ายอีกฝ่าย ก็ย่อมบาป มากขึ้นด้วย

สงสาร...ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบความผิด ทำงานด้วยความยากลำบาก หลายหน่วยงาน เกียร์ว่าง-ดึงถ่วงหลักฐาน ในคดีไว้ และเสี่ยงภัย ถูกคุกคามข่มขู่ แต่ยังคงกล้า หยัดยืน เดินหน้าต่อ

สงสาร...ผู้มีหน้าที่ทุกระดับ ไม่ทำหน้าที่ ใครจะผิด-ใครจะถูก ใครจะอยู่ -ใครจะไป ข้าไม่สน ขอเพียงทำตัว ให้กลมกลืน ได้กับทุกฝ่าย "ชาติบ้านเมือง" เอาไว้อ้างเอ่ย ในพิธีกรรมเท่ๆ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน และความอยู่รอด ของตน สำคัญกว่าชาติ ภาวะเกียร์ว่าง -ดึงถ่วง จึงเกิด ท่านจะรู้หรือไม่ แม้นี้ก็ผิด -ก็บาป

สงสาร...นักธุรกิจ ข้าราชการ ประชาชน ที่ปล่อยปละละเลย ชาติบ้านเมือง ข้าไม่เกี่ยว บำรุงบำเรอชีวิต ไปวันๆ ชีวิตไร้คุณค่า ราวกับไม่มีจิตใจเป็นคน

สงสาร...นักวิชาการ นักคิด นักเขียน ที่ยึดติดกับหลักการ เลิศหรู มากกว่า ความเป็นจริง ในสถานการณ์ ลอยตัว เหนือสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายผิด ไม่ใช่ฝ่ายถูก คือ เป็นฝ่ายถูกเหนือถูก เห็นผิดในฝ่ายผิด และเห็นผิดในฝ่ายถูก ตนจึงถูกเหนือถูก

เชิดชูประชาธิปไตยจ๋า อหิงสาหวานเจี๊ยบ

เห็นต่างในวิธีการต่อสู้ มองปัญหาและแก้ปัญหา ด้วยความคิด ฝังตำรา จมอยู่กับ ความคิดของตน มากกว่า ความเป็นจริง ในเหตุการณ์ ได้แต่คิดตีความ หลักการ -คิดสร้างหลักการ แต่ไม่เคยทำ จึงไม่เห็นผิดในตน

อารมณ์-ความคิด-การตัดสินใจ จึงต่างจากคนที่คิดแล้วทำ อยู่กับสถานการณ์จริง แล้วปรับแก้ ข้อบกพร่อง จากผลที่เกิดจริงไปเรื่อยๆ หลายสถานการณ์ ไม่มีในตำรา องค์ประกอบแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญ ในการก้าวย่าง อาศัยความเห็นต่าง เหล่านี้ ช่วยให้ทุกๆ การก้าวย่าง ตกผลึก ละเอียดลออ รอบคอบมากขึ้น

ดีใจ...ที่พันธมิตรฯมีจิตใจกล้าหาญ เสียสละ ไม่หวั่นเกรง อำนาจอธรรม ที่มีกองกำลัง ทหารตำรวจ และ บรรดานักลากตั้ง ค่อนสภาฯอยู่ในมือ ยังคงหยัดยืน ชุมนุมเปิดเผย ความผิด ของรัฐบาลสีเทา และพลพรรค แม้จะถูกข่มขู่ กลั่นแกล้ง นานาสารพัด

ดีใจ...ที่สังคมไทยได้เรียนรู้ถูก-ผิดจากสถานการณ์จริง มีเหตุจริง มีตัวบุคคลจริง มีการถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างกว้างขวาง ในสังคมถึงความถูก-ผิด ทั้งพุทธศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ภาษาศาสตร์ เป็นการเรียนรู้ จากเหตุการณ์จริง ไม่ใช่แค่ตำรา ในห้องเรียน

ดีใจ...ที่ชาวอโศกได้ร่วมสร้างบารมี ท่ามกลางความหลากหลาย แตกต่าง ในความคิด ความเชื่อ ก็ยังสามารถ หยัดยืน บริการรับใช้ อย่างทรหด อดทน ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม กลางสมรภูมิ ความขัดแย้ง ทางการเมือง ได้อย่างสงบ สันติ ตามอัตภาพ แม้จะสุ่มเสี่ยง กับภัยพาล และอำนาจรัฐ

มรรคผลวัดได้ยาม หิว-เหนื่อย-เจ็บป่วย และยามมีภัย

สงสาร...ชาวอโศกที่ไม่เห็นด้วยกับการร่วมชุมนุม แล้วเสื่อมถอย ความนับถือใน พ่อท่านฯ และหมู่คณะ จนถึงวันนี้ ก็ยัง ทักษิณจ๋า น่าเห็นใจที่ ยังคงเห็น ดอกบัวเป็นกงจักร เห็นกงจักร เป็นดอกบัว

ต้นเดือนมิถุนายน หลังประกาศสลายการชุมนุมของนายกฯ มีคณะนักวิจัย ระดับประเทศ ได้มา ทำการสำรวจ สอบถาม ผู้ชุมนุม จากตัวอย่าง ที่มีผู้ตอบ แบบสอบถาม ประมาณ ๒,๔๐๐ คน

ผู้ร่วมชุมนุมกว่า ๕๐% เล็กน้อยมีระดับการศึกษา ปริญญาตรี เป็นอย่างน้อย และส่วนใหญ่ มีฐานะดี

กับคำถามถึง เป้าหมายสุดท้าย ของการชุมนุม
ปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติ ๖๓.๓๑ %
ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ๑๙.๔๙ %
ป้องกันระบบทักษิณฟื้นตัว ๘.๔๐ %
ขับไล่รัฐบาลสมัครและนอมินี ๕.๑๐ %
แล้วแต่แกนนำจะชี้นำ ๑.๐๖ %
อื่น ๒.๖๕ %

ผลของคำตอบนี้แสดงว่า ผู้ร่วมชุมนุมให้ความสำคัญ ผลประโยชน์ ของประเทศชาติ มากกว่า แม้จะมีการปราศรัย ประเด็นสถาบันมาก รวมถึง การชี้ผิด ในบุคคล และคณะบุคคล ที่ใช้อำนาจ มิชอบ อย่างต่อเนื่อง กว่า ๒ ปี แต่น้ำหนัก ของผู้ตอบกลับ ให้ความสำคัญ กับผลประโยชน์ ของประเทศชาติ เป็นเป้าหมายสำคัญกว่า ผู้ตอบแยกแยะได้ว่า อะไรคือยุทธศาสตร์ อะไรคือ ยุทธวิธี แม้ผู้ปราศรัย จะใช้ยุทธวิธีใด ก็เข้าใจ แต่เป้าหมายหลัก หรือยุทธศาสตร์ สำคัญ ก็ยังชัดเจน ไม่แปรเปลี่ยน นักวิชาการ ที่ปฏิเสธสถาบัน สมควรนำข้อมูล เล็กๆนี้ ไปพิจารณา ผู้ร่วมชุมนุม ส่วนใหญ่ ชัดเจนในเป้าหมายสุดท้าย ไม่ได้ถูกแกนนำ ชี้นำให้คิด ให้เชื่อ ให้ทำได้ทุกเรื่อง ดังที่ท่านดูแคลน

กับคำถามที่ว่า สภาวะจิตระหว่างการชุมนุม
สงบเยือกเย็น ทว่าพร้อมยืนหยัด ยาวนาน ๕๗.๔๓ %
สงบเยือกเย็น แต่พร้อมแตกหัก ๒๓.๗๑ %
ฮึกเหิม ร้อนรุ่ม แต่พร้อมยืนหยัด ยาวนาน ๑๑.๓๔ %
ฮึกเหิม ร้อนรุ่ม ทว่าพร้อมแตกหัก ๓.๙๖ %
เบื่อหน่าย ทว่าพร้อมยืนหยัดยาวนาน ๓.๑๑ %
เบื่อหน่าย แต่พร้อมแตกหัก ๐.๔๔ %
ไม่แน่ใจ ๐.๘๙ %

ถาม การควบคุมตนเพื่อความสงบจนชุมนุมแล้วเสร็จ
ร่วมชุมนุม อย่างผู้มีสติ ตามเหตุการณ์ เป็นปัจจุบันเสมอ ๔๑.๙๕ %
ใส่ใจสืบค้นความจริง มากกว่าความสะใจ จากการปลุกเร้าอารมณ์ ๕.๓๒ %
มีจิตใจโปร่งเบาสบายมากกว่าจิตใจหนักเครียด ๑.๓๔ %
เข้าถึงความหมายของอหิงสาและอโหสิ ๑๗.๐๒ %
ทำได้ทุกข้อ ๓๔.๓๗ %
ไม่ตอบ ๑๙.๓๗ %

คำตอบแบบสอบถามทั้ง ๒ ข้อข้างนี้บอกให้ทราบถึง มรรคผลส่วนหนึ่ง ของผู้ตอบ ในสถานการณ์ การชุมนุม

"การชุมนุมประท้วงครั้งนี้เป็นความก้าวหน้าทางการเมืองของไทย ที่ก้าวหน้ากว่า หลายๆประเทศ ประชาชน ได้เรียนรู้ ประชาธิปไตยอย่างดี เป็นการประท้วง อย่างสงบ อหิงสา

การประท้วงของพันธมิตรฯ มีการควบคุมทางจิต มีความแข็งแรงทางจิต อย่างมีปัญญา อดทน ต่อสู้ อดกลั้น ไม่เบียดเบียน มีทั้งศิลป์และศาสตร์ ทำอย่างไร ไม่ให้เกิดการปะทะ แม้แต่ปะทะตำรวจ เราก็ยกมือไหว้ ตำรวจก็ดี ไม่ใช้ความรุนแรง ผ่านไปได้อย่างสุภาพ

เป็นการประท้วงที่ใช้ภูมิปัญญา ใช้ความจริงออกมาเปิดเผยกัน หลักรัฐธรรมนูญ มี ผู้ผิดผู้ถูก อย่างไร มีองค์ประกอบ ของวัตถุ ข้าวของอย่างไร มีหลักเกณฑ์อะไร เอามายืนยัน ประกอบ เพื่อวินิจฉัย

ทำอย่างไรให้ความแตกต่างอยู่กันอย่างสมานสามัคคี อยู่กันอย่าง มีเอกภาพ ทำอย่างไร ให้เกิดการอยู่ ร่วมกันได้ ทำอย่างไร จะกลมกลืนกัน เป็นเอกภาพ แล้วเป็นภาพรวมที่ สวยงาม อาจจะมีบางจุด ที่แจ๋ออกมาบ้าง แต่ก็อยู่กันได้ นี่แหละ จะต้องใช้ ทั้งศิลป์และศาสตร์

ทำอย่างไรให้ทุกคนเข้าใจเป็นทิฐิสามัญญตา ขัดแย้งอยู่ที่กิเลส ไม่เท่ากัน แต่ความเห็นถูกต้อง ไปในทิศทาง เดียวกัน และเข้าใจอุดมคติ หรือ เป้าหมายหลักของเรา อยู่ตรงไหน

เป็นการชุมนุมที่มีกฎเกณฑ์ หรือ ศีล วินัย ระเบียบ มันเป็นเครื่องขัดเกลา อย่าละเมิดนะ ถ้าละเมิด อยู่ไม่ได้ ก็ยอมรับ กฎเกณฑ์นี้ ร่วมกัน ห้ามดื่มเหล้า ห้ามขายเหล้า ในที่ชุมนุม ห้ามพูดคำหยาบนะ อย่างนี้เป็นต้น

ผู้สามารถจัดองค์ประกอบศิลป์นี้ให้ขับเคลื่อนไปสู่จุดหมาย ไปสู่จุดรวมได้ นี่คือ ศิลป์และศาสตร์ ของ มนุษยชาติ

พระพุทธเจ้าเป็นศิลปินชั้นยอด ที่สามารถจะนำพา ให้ปฏิบัติ ไปสู่เป้าหมายได้ มนุษย์อยู่กัน อย่างระลึกถึงกัน รักกัน เคารพกัน ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ไม่ทะเลาะ วิวาทกัน สามัคคี พร้อมเพียงกัน เป็นเอกภาพ เป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน นี่คือ สุดยอดของ พระพุทธศาสนา

"ยาวให้เป็น เย็นเรื่อยไป ช่วยกันไขความจริงออกมา ให้มากๆหมดๆ แล้วสู้กันด้วย ความจริง นี่แหละ เรียกว่า เป็นอาริยชาติ" พ่อท่านฯกล่าว

รักข์ราม.
๓ พ.ย. ๒๕๕๑

(สารอโศก อันดับที่ ๓๑๐ หน้า ๓๘-๖๖ บันทึกจากปัจฉาสมณะ )