>สารอโศก

ฉลองหนาว
(สุขภาพบุญนิยม บุญญาวุธหมายเลข ๔)

เป้าหมายหลักเบื้องต้นในการปฏิบัติธรรม นอกจากมาฝึกหัดละลดกิเลส ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย เกินความจำเป็น ของชีวิตเราได้ฝึกฝืนอดทน ต่อความเคยชินต่างๆ

ทั้งที่เรายังบำรุงบำเรอตัวเอง ให้สุขสมใจอยู่ตลอดเวลา มาทนหิว ทนหนาว ทนร้อน ทนต่อความขัดใจ ทุกรูปแบบ เพื่อเรียนรู้รสชาติ ของความหิว ความหนาว ความร้อน ความขัดใจทุกรูปแบบ เพื่อเรียนรู้ทุกข์ จากความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ เพื่อพ้นทุกข์ และหาทางดับทุกข์ และเพื่อความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น ต่อสัตว์โลกทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อน ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ของเราทั้งหมดทั้งสิ้น

งานฉลองหนาว จึงมิใช่เพียงฉลองหนาว แต่อาจมีบางสิ่งซ่อนแฝงควรแก่การติดตาม จากบทสัมภาษณ์ พ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ ณ บัดนี้

ทำไมชาวอโศกต้องมีงานฉลองหนาว และจัดเพื่อจุดประสงค์อะไร
ต้องเข้าใจเรื่องของสังคมศาสตร์ เรื่องของมวลมนุษย์ และมนุษย์ก็มีเรื่องของกรรม แบ่งเป็น หมวดใหญ่ๆได้ ๓ กรรม คือ
๑. พฤติกรรม ซึ่งมีอยู่ในคนทุกคนนั่นเอง สำคัญเป็นอันดับแรก เพราะอีก ๒ กรรมที่จะเกิดดี เกิดไม่ดี ก็เพราะ พฤติกรรม พฤติการของคนนี่เอง จึงต้องพัฒนา พฤติกรรมของคนนี่แหละ เป็นหลักให้ดี

๒. กิจกรรม หรือ กิจการ เป็นงานที่เน้นเรื่องอาชีพต่างๆที่ต้องทำ เรื่องของวัตถุรูปธรรม ที่จะอาศัยใช้สอย อาศัยยังอยู่ในชีวิต และ

๓. พิธีกรรม หรือ พิธีการ ก็เป็นงานที่อยู่ในมนุษย์ เน้นในทางจิตวิญญาณ เช่น งานพิธีฉลองหนาว เป็นต้น ก็เป็นงานพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ที่ต้องมีอยู่ในสังคมมนุษย์ หรือตัวอย่าง งานฉลองน้ำ เมื่อมีน้ำท่วม เราก็จัดฉลองน้ำ เป็นงานที่ให้พวกเรามาสังสรรค์ร่วมกัน เพื่อที่จะก่อเกิด อะไรๆ ที่จะเป็นพัฒนาการทางสังคมศาสตร์ ทางจิตวิทยา หรือทางจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้น เมื่อมีพุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ มีชุมชนที่มีองค์ประกอบของสถานที่ มีองค์ประกอบ ของสิ่งแวดล้อม ที่ดูเข้าทีในรูปธรรม มีบรรยากาศของพุ่มไม้ใบหญ้า หมอกเหมยอะไรต่างๆนานา มีทั้งลำธาร แม่น้ำ น้ำตก เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีเหมาะสำหรับคนที่จะมาพักผ่อน

ที่จริงตอนแรกยังไม่มีงานฉลองหนาว แม้ที่นั่นตั้งขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่พอได้ยกฐานะเป็นพุทธสถาน เขาก็อยาก จัดงานฉลองขึ้น อาตมาจึงเห็นว่าน่าจะให้ที่นี่มีงานประจำปีขึ้นมา ในแต่ละที่ แต่ละแห่ง ควรมีสักอัน พออาศัย อะไรบ้าง เพราะไม่เช่นนั้น ก็อยู่กันอย่างโดดเดี่ยว เพื่อนฝูง ญาติโยมไม่มีใครรู้จักมักจี่ ไม่มีใครสัมพันธ์ เชื่อมโยง เพราะอยู่ไกล และอยู่ในหุบเขา ก็เลยให้มีงาน อย่างน้อยก็เป็นงานเทศกาล ที่จะรังสรรค์ชาวอโศกเรา อีกสักงานหนึ่ง เราจะได้มา พบปะกันบ้าง จัดงานขึ้นมาเป็นครั้งที่ ๑ ก็หน้าหนาวพอดี และที่นั่นก็หนาวได้ที่ เป็นจุดเด่น บางปีเคยหนาวถึง ๐ องศา เช่น คราวนี้ก็หนาว ๖ องศาทุกคืน เป็นต้น แต่เดิมเรียกว่าเป็น งานปอยหลวง ปอยหลวง เล็กๆ จุ๋มจิ๋มๆ แล้วก็ฉลองเท่านั้นเอง ต่อมาก็เอาเรื่องหนาวมาเป็นเงื่อนไข เป็นปัจจัย ชื่อว่าเป็นงาน ฉลองหนาวก็แล้วกัน และก็เอาวันธรรมชาติอโศก ที่โยกย้าย ไปจัดที่โน่น ที่นี่ หลายแห่ง มาไว้ที่ ภูผาฟ้าน้ำ ผนวกกับงานฉลองหนาว โดยจัดสัก ๓-๔ วัน ให้พวกเรา ได้ไป ในสถานที่นั่นบ้าง ตามประสา พวกเรา ที่เป็นภราดรภาพกันทั่วประเทศ

นอกจากงานฉลองหนาว เรายังมีนัยะอื่นที่สำคัญแฝงอยู่ด้วยหรือไม่คะ
ให้พวกเราได้ฝึกฝน ได้ศึกษา ได้อดทน เพราะไม่ใช่ภูมิประเทศที่ราบลุ่ม เรียบร้อย สะดวกนัก ขึ้นเขา ลงห้วย ที่พักที่นอนก็ป่าเขา เครื่องทุ่นแรงก็หายาก สิ่งแวดล้อมก็ล้วนต้อง หัดอดทน เช่น บางคนทนต่อ อากาศหนาว ได้ยาก ก็จะได้นึกถึงคนที่อยู่ที่หนาวได้ ทางตะวันตกก็ดี หรือนึกถึงพวกที่อยู่ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ มันหนาวยังกับอะไรดี หนาวกว่าเราไปอีกมากมาย เพราะเราอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร คนอื่นที่อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร เขาหนาวกว่าเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเหนือขึ้นไป หรือต่ำลงมา เขาเจอหนัก กว่าเราทั้งนั้น มางานนี้เราก็ได้ฝึกกันบ้าง

นอกจากนั้น พวกเราก็ได้มารวมกัน มีกิจกรรม มีเรื่องราวต่างๆนานา ที่ควรปรึกษา หารือกัน ประชุม ร่วมกัน เพราะว่าเป็นผู้ที่รับผิดชอบ และทำงานประสมประสานกัน อยู่ทั่วประเทศ ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ เช่น ในเรื่องของกสิกรรมไร้สารพิษ กสิกรรมบุญนิยม อุตสาหกรรมบุญนิยม การศึกษาบุญนิยม ก็รวมกันทั่วประเทศ แม้ที่สุดเรื่องการเมืองบุญนิยม เราก็จำเป็นต้องทำ เมื่อมารวมกันแล้ว ก็ทำให้เกิดสาระที่ควรจะเป็น ควรจะได้ ตามที่มีเวลาให้ ในเรื่องของการฉลอ งก็ฉลองไป แต่ในเรื่องของสาระ เราก็ไม่ขาด อย่างงานปลุกเสกฯ พุทธาฯ แม้เราจะเน้น การปฏิบัติ การประพฤติ ฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นหลัก แต่เราก็ยังมีการประชุม มีเรื่อง มีราว ก็มา โอภาปราศรัย สัมมนากัน ทุกงานของเราก็จะมีอย่างนี้แทรกแซงไป เป็นสาระ ประโยชน์ ร่วมกัน อันเป็น วัฒนธรรม ของชาวอโศก ในงานนี้พ่อท่าน ประกาศบุญญาวุธหมายเลข ๔

เราได้ตั้งหมู่กลุ่มสาธารณสุขขึ้นมา โดยใช้คำว่า "สุขภาพบุญนิยม" อาตมาเห็นว่า เราควรเร่งรัด พัฒนาเรื่องนี้ กันแล้ว เพราะสุขภาพของคนทุกวันนี้ ถูกโลกมอมเมา เอาสารพิษมาใส่สารพัด จนสุขภาพกาย สุขภาพจิต แย่ไปหมด แม้แต่กระทรวงสาธารณสุข เขาก็ตื่นตัวในเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะ ในเรื่องของสุขภาพจิต ซึ่งเป็นตัวหลักตัวแกนสำคัญ เขาก็เริ่มเห็นแล้ว ซึ่งเราเน้น เรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ถึงวันนี้ เราก็เห็นว่า ควรทำ เป็นเรื่องเป็นราว ก็ตั้งกลุ่ม ตั้งคณะ ที่จะทำงาน ในด้านนี้ ของ ชาวอโศกขึ้น อาตมาจึงประกาศให้ "สุขภาพบุญนิยม" เป็นบุญญาวุธหมายเลข ๔ และ เติมต่อขึ้นมาว่า เราต้องเอาจริงเอาจัง เพื่อจะรณรงค์ ให้เห็นความจำเป็น เห็นเป็นเรื่อง ที่เราควร เอาใจใส่ เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามพัฒนาขึ้นมา เพื่อทำให้เกิดคุณค่า ต่อมวลมนุษยชาติ ต่อสังคม ให้ได้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ได้จากงานฉลองหนาวปีนี้

พ่อท่านช่วยขยายคำว่า "สุขภาพบุญนิยม" ให้ด้วย
เราไม่ใช้คำว่าสาธารณสุข เราใช้คำว่า "สุขภาพบุญนิยม" ซึ่งก็มีเนื้อหาหลักการ อันเดียวกัน คำว่า "บุญนิยม" ก็พอเข้าใจได้ตามสามัญสำนึกในหมู่ชาวอโศกอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของความ บริสุทธิ์ใจ ความเกื้อกูล ช่วยเหลือเสียสละอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นไปแบบทุนนิยม ไม่ได้เป็นไป อย่างโลกย์ๆ แต่ด้วยความจริงใจ จริงๆ สิ่งนี้ถ้าเราไม่สำนึก และไม่ฝึกฝน ก็จะกลับ เอาเงิน เป็นตัวหลัก โดยไม่คำนึงถึง ความเป็น ความตายของคนไข้ เพราะถ้าคุณไม่มีเงิน คนเจ็บ ก็ให้เอาไปที่อื่น เมื่อไม่มีเงินก็ไม่ช่วย ไม่รับรักษา ฟังแล้ว ก็น่าเศร้า จิตใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไปสร้างแบบนั้น ก็ไม่ใช่บุญนิยม แต่เป็นลักษณะทุนนิยม เพราะฉะนั้น เราต้องเข้าใจ จุดต่าง ระหว่างทุนนิยม และบุญนิยมให้ชัดทีเดียว และต้องสำนึก จะต้องสำทับตัวเอง เข้าไปเรื่อยๆ ว่า เราจะต้องไม่ใช่คนไม่มีน้ำใจ ไม่เอื้ออาทรไม่เกื้อกูลเขา ทั้งๆที่เราเป็นผู้ชำนาญพิเศษ เป็นผู้ถนัด ผู้เชี่ยวชาญ งานนี้ อยู่ในสายงานนี้

ในสายของเราไม่มีเงินเป็นตัวเรียกร้อง ตัวแลกเปลี่ยนเหมือนทุนนิยม เราจึงควรสำนึก สำเหนียกว่า เมื่อมารับ ตำแหน่งผู้ช่วยชีวิตคน หรือผู้จะเอื้อเฟื้อ เรื่องความเจ็บป่วย คุณต้องทำหน้าที่ อย่างเต็มที่ ไม่มีอคติว่า คนนี้เรารัก เราชอบ คนนี้เราไม่รัก ไม่ชอบ คนนี้มีบุญคุณกับเรา คนนี้ไม่เคยมีบุญคุณกับเรา อันนี้ แม้ไม่ได้ขึ้นด้วยเรื่องเงิน แต่ขึ้นด้วยเรื่อง การใช้สิ่งนี้ เป็นเครื่องวัด เรื่องบุญควรเป็นเรื่องการชำระกิเลส คำว่าบุญ เป็นเรื่องของ คุณงาม ความดี อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น เราต้องคิดว่าทำอย่างไรจะชำระกิเลสของเราโดยงาน งานนี่แหละ จะช่วยทำให้เราได้ชำระกิเลส งานสาธารณสุข แม้จะเป็นงานที่เกี่ยวกับสุขภาพก็ตาม นี่เป็นตัว ประเด็น ความหมายหลักๆของสิ่งที่จะทำ

ทีนี้ในชาวอโศกเรา สาธารณสุขอย่างนี้ เราต้องทำให้ปรากฏ ให้มันแก้คดีโลกตอนนี้เลย ที่ว่า หมอทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ เป็นหมอฟัน เห็นแก่เงิน และตีราคาค่ารักษาแพงลิบลิ่ว หมอยิ่งเก่ง ก็ยิ่งเรียกร้องสูง นั่นคือ เรื่องที่หนักหนา สาหัสขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นสุขภาพบุญนิยม คือตัวที่ จะมาถ่วงดุล จะมาแก้ภาพพจน์ มาแก้ความรู้สึก เลวร้าย ให้สูญหายไป จากสังคม ของแพทย์ พยาบาล หรือผู้ที่อยู่ในสายของสาธารณสุข หรือสุขภาพ ให้ฟื้นคืน มีคุณค่า มีศักดิ์ศรีขึ้นมา

ถ้าเรายอมรับตามความจริงว่า การแพทย์หรือการพยาบาลตอนนี้ กลายเป็นเรื่องของทุนนิยม กลายเป็น เรื่องของ ความเหี้ยมโหด ไร้น้ำใจกันแล้ว เราก็ต้องแก้กลับ นี่คือความหมายที่เราต้องทำ

สุขภาพบุญนิยม หรือ สาธารณสุขบุญนิยม เป็นอย่างไร มันคือตัวที่ไม่เหมือนอย่างนั้นเลย ไม่ว่า จะดูด้วย พฤติกรรม หรือ ดูด้วยจิตวิญญาณ ก็ไม่เหมือนกัน เราต้องแก้กลับ นี่เป็นความต้องการ ที่อาตมาคิดว่าอยากจะได้

บทสรุป
แนวคิดบุญนิยม เปรียบดังบุรุษผู้มากน้ำใจ
ความหมายคือ ผู้มีน้ำใจมากมายดุจสายน้ำ ยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา
และยืนยงอยู่ตลอดกาล เพื่อกอบกู้มวลมนุษยชาติ

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๖ มกราคม ๒๕๔๖)