ชื่อใหม่ นาย แรงผา จำปี
ชื่อเดิม นาย กมล จำปี
เกิด ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑
พี่น้อง ๓ คน เป็นคนที่ ๑
ภูมิลำเนา จังหวัดอุบลราชธานี
การศึกษา ม.๖ โรงเรียนเบญจมหาราช จ.อุบลราชธานี
สถานภาพ โสด เป้าหมายโสด เนื่องจาก.....มีความความรับผิดชอบสูง จึงมองการแต่งงาน เป็นเรื่องใหญ่ เป็นภาระมากทำให้เสียสละทุ่มกับการงานไม่ได้เต็มที่ จึงปฏิบัติสังวรระวัง เห็นทุกข์ในชีวิตคู่ และพบว่าเมื่อเอาชนะอารมณ์คู่ด้ มีความรู้สึกสบาย เป็นอิสระ และเมื่อเราเข้มแข็งเราก็ช่วยเขาได้

ปี ๒๕๒๘ อยู่ชั้น ม.๖ อ่านหนังสือสารอโศก ยืมจากอาจารย์ประสาร บุญเฉลียว อาจารย์ประจำชั้น พบแนวทางที่ชอบ ปี ๒๕๒๙ อยู่ชั้นปีที่ ๑ (มหาวิทยาลัยรามคำแหง) พบพ่อท่าน และหมู่กลุ่ม ชาวอโศก ที่งานรามบูชาอาสาฬหะ ประทับใจ พบทางออกของชีวิตว่าต้องมีศีล เลิกการเบียดเบียน สัตว์ด้วยการกินอาหารมังสวิรัติ (เพราะแต่ก่อนต้องสลดใจและหดหู่ใจทุกครั้ง ที่ต้องฆ่าสัตว์ มาทำอาหาร) และได้เปลี่ยนความคิดที่ว่า การปฏิบัติธรรมคือการหลบหลีกปลีกเดี่ยว ห่างไกล ผู้คนและสังคม มาเป็นการอยู่กับสังคม และช่วยสังคมได้ด้วย

เริ่มเข้ามาพักอยู่ใกล้ๆพุทธสถานสันติอโศก ทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มรามบูชาธรรมประมาณ ๑ ปี

ปี ๒๕๓๐ ตัดสินใจเลิกเรียน เข้ามาอยู่พุทธสถานสันติอโศก ฐานะอารามิก (คนวัด) ช่วยงานที่ ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขาจตุจักร

ปี ๒๕๓๒ มีเหตุจำเป็นต้องออกไปทำงาน หาเงินช่วยพ่อแม่ ส่งน้องเรียนหนังสือ โดยทำงานที่ ร้านอาหารมังสวิรัติของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

ปี ๒๕๓๔ ทำงานที่บริษัทพลังบุญจำกัด เป็นพนักงานและกรรมการ

ปี ๒๕๔๑ ทำงานที่บริษัทฟ้าอภัยจำกัด เป็นพนักงานและกรรมการจนถึงปัจจุบัน

ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ในขณะทำงานอยู่ในหมู่กลุ่ม จะมีการกระทบกระทั่งกัน เป็นธรรมดา เป็นเหตุให้เราได้เห็นกิเลสราคะ-โทสะ-โมหะ ความติดยึดอัตตาตัวตนของเรา ก็ได้อาศัย หมู่กลุ่มช่วยขัดเกลา พร้อมๆกับถือศีลเป็นกรอบ ยึดถือเป็นแนวทางหลัก

แนวทางแก้ไข จากการฟังธรรมจึงพบและเข้าใจชัดว่า ทุกข์กายทุกขฺ์ใจจะแสนสาหัสปานใด ก็เพราะเหตุ จากเราทำเอง เราขัดแย้งกับเพื่อนเพราะเรามุ่งจะเอาแต่ใจตน เราเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะเหตุจากทุจริต ศีลขาด ศีลด่าง ศีลพร้อย เข้าใจอย่างนี้แล้ว จึงยินดีทนทุกข์ฝึกฝนตน วางใจ ยอมรับวิบากที่เราทำไว้เอง และขยันสร้างกุศลใหม่ ระมัดระวังไม่ทำอกุศลให้กับตนเองอีก

ราคะที่เราอ่านออก โทสะที่เราเห็นรู้เท่าทัน แม้จะรุนแรงมากมาย เราก็ระมัดระวังสังวรได้ แต่ความโง่ ความไม่รู้นั้น เราไม่รู้เท่าทัน ทำไปทั้งๆที่ผิด แต่ไม่รู้ว่าผิด เบียดเบียนผู้อื่น สั่งสม อกุศลแก่ตนไม่รู้เท่าไหร่ ยิ่งเก่งยิ่งมีบทบาทมาก ก็ยิ่งมีผลมาก รุนแรงมาก

ข้อปฏิบัติที่ยาก
๑. ตื่นนอนแต่เช้า (ตี ๓ ครึ่ง)
๒. กินอาหารมื้อเดียว

คติประจำใจ ฝึกสติให้รู้เท่าทันกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเราให้ได้มากที่สุดทุกขณะ เพื่อจะได้ไม่ทำบาปอกุศลแก่ตน และจะได้โอกาสทำกุศลให้แก่ตน

เป้าหมายชีวิต ฝึกฝนตน เพื่อรับใช้งานศาสนา

ข้อคิดข้อฝากให้หมู่กลุ่ม อ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อสันติสุขของตนเองและหมู่กลุ่ม

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ -