ฟ้าดาว คราวดับแสง

ฟ้านี้เคยมีดาวพราวพรายแสง
ส่งประกายรายรุ่งแรงอย่างแข็งขัน
"ฟ้าดาว" นามเธอนี้ที่สำคัญ
ต้องมีอันพรากจากไปไม่กลับคืน
อุทาหรณ์สอนใจให้รุ่นหลัง
อย่าประมาทให้ระวังรั้งจิตตื่น
ศีล-สมาธิ-ปัญญาตั้งให้ยั่งยืน
จวบกรายคืนสู่หนทางดั่งฟ้าดาว

วัน พุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๒.๐๐ น. เรามีเวลาไปเยี่ยมคุณฟ้าดาว นาวาบุญนิยม ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครปฐม หลังกลับจาก "ซับขวัญ" ชาวใต้กรณีคลื่นยักษ์สึนามิถล่มแล้ว ก่อนหน้าจะไปใต้ ได้เยี่ยมครั้งหนึ่งขณะที่เธอพักอยู่ที่ ๙ ไร่ ปากทางเข้าพุทธสถานปฐมอโศก ทราบจาก ผู้ที่ไม่ได้ไปใต้ว่าอาการทรุดหนัก ต้องพาเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอบอกกล่าวถึง อาการ ชัดเจนว่า คงอยู่ได้ประมาณ ๒ เดือน และทุกข์เวทนาขันธ์แสนสาหัส ทำให้เราคิดว่า น่าที่จะไป แนะนำวิธี การปลดปล่อย เข้าให้ถึงจุดปลงวาง หยุดสงบนิ่ง เพื่อทำให้พ้นทุกข์จากขันธ์ทั้ง ๕ ที่เป็นภาระ อันหนัก ไม่มีสิ่งใดยิ่งกว่าได้เร็วขึ้น

ก้าวแรกเมื่อย่างเข้าห้องพิเศษที่เธอพักรักษาตัวที่ร.พ. เห็นคุณพอตา ช่วยดูแลด้วยความใส่ใจอย่างยิ่ง จึงเข้าไปจับมือเธอแล้วพูดให้ฟังด้วยภาษาสั้นๆกระชับๆ สะกิดให้เธอระลึกถึงวิธีการที่เธอก็เคยฝึกมา ด้วยแน่ใจว่าเธอต้องทำได้

จริงดังคาดคิด เธอทำได้จริงๆ ทราบว่า เธอละร่างแล้วเวลา ๑๕.๐๐ น. กำลังจะนำมาบรรจุโลง ที่วางรออยู่ใต้ศาลาเสียงแล้ว

ตลอดระยะเวลา ๒๐ กว่าปี(๒๕๒๔-๒๕๔๘)ที่เธอมาเป็นชาวอโศก เธอสวมตำแหน่งแม่ทัพหน้า กองอาหารมังสวิรัติ โดยไม่มีการแต่งตั้ง ไม่ว่าจะเป็นร้านมังสวิรัติหน้าพุทธสถานแห่งใด งานที่เรา เคลื่อนตัว ไปนอกสถานที่ที่ไหนๆ แม้แต่งานขอแรงจากรายบุคคล ที่ต้องการความช่วยเหลือ ในเรื่องนี้ ฟ้าดาวไม่เคยปฏิเสธ กลุ่มนักศึกษาผู้ปฏิบัติธรรมรุ่นแรกๆ งานรามบูชาธรรม ตลอดรอดฝั่ง มาได้ใน เรื่องโรงบุญ ฟ้าดาวทำหน้าที่ประหนึ่งนักศึกษารามฯระดับหัวหอก โดยเราเองก็เข้าใจว่า เขาเป็น ศิษย์เก่า จบจากสถาบันนี้ด้วยซ้ำ ทราบภายหลังขณะงานฌาปนกิจแล้วว่า นศ.ปธ. ยกตำแหน่ง กิตติมศักดิ์ให้มานานแล้ว จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไม ในวันฌาปนกิจนักศึกษารามคำแหงมากันมากมาย ตั้งแต่รุ่นแรกๆเป็นต้น แม้แต่งานปีใหม่ งาน ๕ ธันวามหาราช ฟ้าดาวจะไม่ละเลย ในการไปร่วมแรง ร่วมใจกับเขา อะไรที่หมู่เรียกร้อง ญาติธรรมต้องการ เธอจะช่วยทันที รถคันเล็กๆเก่าๆโทรมๆ ของเธอ ไม่หน่ายแหนงที่จะรับใช้ทำประโยชน์แก่ผู้ป่วยเจ็บ ผู้มีธุรกิจจำเป็นเดินเรื่องงานส่วนรวม แม้สภาพรถ จะผุๆพังๆ แต่คนขับเจ้าของก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความเต็มใจบริการทุกเวลา

เราได้เห็น จำภาพที่เธอขะมักเขม้น ลักษณะ "ตื่นก่อน ทำก่อน เก็บก่อน นอนทีหลัง" ด้วยความเบิกบาน ไม่เหลืออะไรตกค้างให้คนอื่นต้องมาคอยตามอีก อันเป็นลักษณะของผู้ทำงานแบบ "การงานไม่อากูล" นอกเหนือจาก "ฉันทะในการทำงาน" แล้ว ซึ่งภาพเช่นนี้แหละที่ทำให้เธอเป็นที่รักของทุกคน เพราะเธอ ทำงานอย่างอ่อนน้อม เกรงใจคนอื่น พยายามระวังในการเบียดเบียนเขา

บางครั้งเธออาจจะเหนื่อย ล้า อ่อนระอาบ้าง จากองค์ประกอบ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ ที่กระหน่ำ โถมมา เพราะเธอไม่อยากพลาดจากงานกุศลทุกชนิด แต่ข้อจำกัด เรื่องสุขภาพ ย่อมมีเป็นพื้นทุกคน เธอก็ยินดีเพิ่มความพากเพียร อุตสาหะยิ่งขึ้น อาจไม่ได้ดังใจ ต้องการในบางคราว ก็ได้แต่ระบายทุกข์ ด้วยน้ำตา เข้าลักษณะ ปฏิบัติธรรม ด้วยน้ำตานองหน้า แต่ไม่ระอาในการเจริญกุศลกรรม ซึ่งเป็นลักษณะดี ที่พระพุทธองค์สรรเสริญ

ความประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักประคองตน รักษาพรหมจรรย์ไม่วุ่นวายเรื่องโลกียวิสัย เกี่ยวกับเพศตรงข้าม ความรักในครอบครัว ความกตัญญูต่อบุพการี ความศรัทธา ในศาสนา ความมั่นคงหนักแน่น ในการปฏิบัติ ปลดภาระ พ้นจากกองทุกข์ ทำให้เธอ ประคองตัว ประคองใจในอุโบสถศีลได้ ทั้งๆที่รอบด้านในการทำงาน จะมีเพศตรงข้าม ร่วมทำงานอยู่ด้วยเป็นธรรมดาเสมอ เธอเป็นพี่สาว สำหรับผู้ชายที่อ่อนกว่า เป็นน้องสาว ของผู้ชายที่อายุมากกว่า เธอรอดพ้นจาก "ราคะภัย" ตัวนี้ได้

เพราะพื้นฐานของเธอในเรื่องความเสพคุ้นกามวัตถุมีบุญเดิมมาพอ และไม่ปล่อยปละ ละเลย ที่จะสร้างเพิ่มใหม่ เธอมีปกติยินดีรับฟังนักบวช รับขุมทรัพย์ด้วยความคารวะ เพราะเธอได้ฝึกตน มีสิ่งหนุนนำในการตั้งตนอยู่บนความลำบากตั้งแต่เด็ก จากคำบอกเล่าของบรรดาพี่น้อง แม่ของเธอ จึงนับว่าเธอเกิดมาเพื่ออบรมตน สั่งสมบุญแท้ๆ

เรื่องราวการดำเนินชีวิต วิธีปฏิบัติธรรมของเธอ ตั้งแต่ปี ๒๕๒๔ มาถึงปี ๒๕๔๘ มีมากมาย คงจะได้อ่าน ได้ฟังจากบุคคลต่างๆที่ใช้ชีวิตใกล้ชิด อยู่รอบข้าง แวดวง วิถีชีวิตของเธอคนอื่นๆแน่ เพราะการเขียนถึงเธอผู้เป็น "ดาวในใจ" เพื่อฝากอนุสรณ์ ไว้ในรูปนี้มีมากที่ถ่ายทอดมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้เกิดข้อคิด สะกิดใจ น้อมนำมาปรารภตน ปรารภธรรมว่า "วันคืนล่วงไป ขณะนี้เรากำลังทำ อะไรกันอยู่ โลกลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ไฉนไม่แสวงหาแสงสว่าง"

ชีวิตของสรรพสัตว์ ไม่ยั่งยืนไปกว่าภาชนะดินหรอก ต่อให้รับการเสกสรรค์ปั้นแต่ง วิเศษวิโส เพียงใด ก็ไม่พ้นความเน่าเปื่อย สลายลงได้ ฉะนั้นทุกครั้งที่มีผัสสะใดๆ มากระทบกระทั่ง ใจของเราต้อง "ระลึกได้" รู้เท่าทัน และ "ทำใจให้ดี" พร้อมๆกับ "ทำดีให้ได้" เพื่อเราจะได้ฝากดีไว้เป็นมรดกโลก อันเป็นมรดกที่ประมาณค่ามิได้เลย ดัง "ปัจฉิมโอวาท" จากพระบรมศาสดา ก่อนจะดับขันธ์ ปรินิพพานว่า "สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ด้วยความไม่ประมาทเถิด"

เขียนด้วยจิตอุทิศให้แด่ คุณฟ้าดาว นาวาบุญนิยม

ด้วยคารวะในธรรมนั้น
จาก "เสฏฐชน"


ทุกสิ่งที่ ฟ้าดาว ได้ทำไว้
บอกให้ได้ ต่อใคร ได้รู้เห็น
ยี่สิบกว่าปี ที่ฟ้าดาว ได้บำเพ็ญ
ทุกคนเห็น รู้จัก รักฟ้าดาว
ฟ้าดาวเป็น คนที่ เสียสละ
ทั้งมักน้อย สมถะ เกินกว่ากล่าว
น่าจะมี อายุ ยิ่งยืนยาว
แต่ฟ้าดาว ก็ต้องพราก จากเราไป

ฟ้าดาวนั้น มุ่งมั่น ขยันยิ่ง
เธอเป็นหญิง เปี่ยมศรัทธา จะหาไหน
เป็นแม่งาน เข้มแข็ง แกร่งเกินใคร
งานปีใหม่ งานพุทธา ฟ้าดาวลุย
ฟ้าดาวคือ ผู้มักน้อย และสันโดษ
เป็นสาวโสด เบิกบาน ผ่านฉลุย
ไม่ต้องนอน ก็หลับ ได้ไม่ใช่คุย
บางวันลุย เมื่อยพับ หลับคางาน

ฟ้าดาวรัก เป็นห่วง คอยท้วงทัก
เห็นนักเรียน ที่รัก ก่อนกลับบ้าน
ย้อมผมแดง ผมสี ขี่จักรยาน
รีบรายงาน สมณะ ช่วยเตือนติง
เด็กปิดเทอม ทุกที มีของฝาก
ก็เพราะอยาก ให้กินมังฯ ทั้งชายหญิง
จึงจัดหา ของให้ ด้วยใจจริง
ทุกทุกสิ่ง ช่วยเหลือ เอื้ออำนวย

ก่อนป่วยไข้ ไม่สบาย ในครั้งนี้
เหมือนไม่มี ทีท่า ว่าจะป่วย
ห้าธันวา ช่วยแจกทาน บ้านคนรวย
เธอทำด้วย ใจเต็ม และเต็มใจ
ทั้งแขกไป ใครมา อาต้อนรับ
ซาบซึ้งกับ แววตา อัชฌาสัย
ชาวมาเลย์ ไต้หวัน หรือคนไทย
จีนแผ่นดินใหญ่ ส่งภาษา อาช่วยแปล

มาทราบข่าว อีกที หลังปีใหม่
ฟ้าดาวไป กตัญญู ดูแลแม่
น่านับถือ ลูกเช่นนี้ ดีนักแล
บูชาแม่ พ่อนั้น ตราบวันตาย
ได้ยินข่าว ของอา ครั้งล่าสุด
ฟ้าดาวทรุด อ่อนเพลีย เสียเลือดหลาย
ทั้งอาเจียน ทั้งสำรอก ออกมากมาย
แถมยังถ่าย เลือดดำดำ ตามออกมา

อันดามัน วิปโยค โลกโศกเศร้า
อโศกเรา ไปซับขวัญ กันถ้วนหน้า
แต่ข่าวร้าย เสียญาติธรรม ก็ตามมา
อนิจจา ฟ้าดาว จากเราไป
* ส.เด่นตะวัน

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๙ มกราคม ๒๕๔๘ -