ชื่อใหม่ นายคมไว สายเบาะ
ชื่อเดิม นายดวงใจ สายเบาะ
มีพี่น้อง ๖ คน เป็นคนโต
ภูมิลำเนา จ.อำนาจเจริญ
เกิดวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๐๗
สถานภาพ สมรส มีบุตร ๑ คน
จบการศึกษา ประถมศึกษาปีที่ ๗

พบชาวอโศกเมื่อปี ๒๕๒๑ เรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่ ๗ โรงเรียนกันทรลักษ์ พ่อแม่พามาฟังธรรมที่วัดป่า ศีรษะอโศก ตอนนั้นชาวบ้านเขาลือกันว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์ แต่ตนเองเห็นว่าเป็นพระที่เคร่งคัดมาก อยู่ได้อย่างไรไม่กินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะชาวอีสาน กินแม้กระทั่งแมลงอยู่ในขี้ควาย (แมงกุดจี่) จึงเป็นเรื่อง ไม่ธรรมดาในความคิดของตนเอง ตอนนั้นเมื่อพบประทับใจ การบิณฑบาตเป็นภาพที่งดงาม สงบ สำรวม เกิดศรัทธา ไม่เคยเห็น ที่ใดมาก่อน แม้จะเคยเห็น พระวัดป่าที่อื่นมาก่อนก็ตาม หลังจากพบก็เลิกกินเนื้อสัตว์ มีโอกาส ก็ติดรถญาติธรรมที่อำเภอมาฟังธรรมตอนเย็น ซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดชุมชน

เข้ามาอยู่วัดเมื่อปี ๒๕๒๑ หลังจากจบ ประถมศึกษาปีที่ ๗ พ่อถามจะเรียนต่อไหม ผมคิดว่า การเรียน ทางโลก ไม่มีวันจบ แต่เรียนทางธรรมมีวันจบ เลยบอกพ่อว่าผมจะเข้าวัด ที่แรกคือศีรษะอโศกอยู่ได้ไม่นาน คิดถึงบ้านมาก พ่อแม่มาทำบุญก็หวั่นไหว พอมีงาน พุทธาภิเษก ที่ไพศาลีติดรถไปร่วมงาน ตั้งใจอยู่ ศาลีอโศก ต่อมาก็แดนอโศก ปฐมอโศก สันติอโศก อยู่แห่งละ ๒-๓ ปี ส่วนมากจะอยู่สันติอโศก งานหลัก คือขับรถให้วัด พอวัด มีโรงพิมพ์ก็มาเป็นช่างพิมพ์

ปี ๒๕๒๘ ติดทหารเกณฑ์ไปฝึกทหารอยู่ ๓ เดือนทางกรุงเทพมหานคร ซึ่งสมัยนั้นลุงจำลอง เป็นผู้ว่า ราชการสมัยแรก ถูกขอตัวไปช่วยราชการ ได้ไปสัมผัสชีวิตการเมืองที่เต็มไปด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ ทำให้คน หลงใหล แต่ตัวผมมีแต่ความเร่งความร้อนใส่หัวโขน ไม่สุขสงบเหมือน ทางธรรม ตัวเองก็ไม่เข้มแข็งช่วยอยู่ ๓ ปี จึงขอกลับมาช่วยงานวัด ออกจากลุงจำลอง ได้ห่วง มาหนึ่งห่วง คือ ภรรยา พ่อท่านชวนเข้าบริษัท ฟ้าอภัยอีก เดี๋ยวนี้มีเงินเดือนให้ด้วย สมัยก่อน เป็นโรงพิมพ์ มูลนิธิไม่มีเงินเดือน ทำได้ ๕ ปีก็ออกไปขับแท็กซี่ ช่วงนั้นรัฐบาลเริ่มปล่อย แท็กซี่เสรี (แท็กซี่มิเตอร์) ตั้งใจจะทำอะไรให้กับครอบครัว มีอะไรพอสมควร จะได้มา เสียสละ ได้เต็มที่ ขับรถแท็กซี่อยู่ ๕ ปี ได้รถเป็นของตัวเองและคอนโดตะวันงาย ๒ หนึ่งห้อง อดทนกับโลก มาพอสมควร จึงขายรถพาลูกมาเรียนอยู่ศีรษะอโศก ทำหน้าที่ดูแลโรงสี ส่งข้าวกล้อง ซื้อสินค้าจาก กรุงเทพมหานครกลับชุมชน

ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน หมู่กลุ่มมีคนน้อยแต่งานมีมากแถมคนเก่าๆ ยังออกไปอีก ผู้ที่อยู่ ก็ต้องหนัก โดยเฉพาะชุมชนศีรษะอโศกที่ผมอยู่ งานโรงสีก็หาคนช่วยงานยาก

แนวทางแก้ไข ทำเท่าที่เราทำได้ รู้พักรู้เพียร ทำงานเพื่อฝึกตน อย่าหลงงาน หลงเงิน หลงอัตตา แบกงาน แบกความใหญ่ความโต

ข้อปฏิบัติที่ยากที่สุด รู้จักกิเลสในตัวเองและจัดการกับกิเลสได้ยากที่สุด ตราบใดที่ยัง เห็นกิเลส และสิ่งที่ เราติด เรายึดว่าเป็นสุข มองไม่เห็นว่าเป็นทุกข์ โอกาสที่จะเลิก จะหลุด ยากมาก

คติประจำใจ เป็นลูกพระโพธิสัตว์(ยังหนุ่ม) จะต้องไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวคนว่า คนดูถูก จะเป็น ผู้รับใช้ ผู้เสียสละ

เป้าหมายชีวิต ปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ตามแนวทางที่พ่อนำพา

ข้อคิดข้อฝากให้หมู่กลุ่ม งานในชุมชนใหญ่ๆ มีมากและหนัก พวกที่คิดไปใหญ่ในซอย ในตรอก ก็ขอให้ กลับมา ผู้ที่อยู่ก็ขอให้อยู่เป็นสุข รักกัน เห็นใจกัน อย่าคิดออกไป พ่อเรามีงานมาก จริงๆ อย่าประมาท ชีวิตนี้ น้อยนัก พี่น้องเราก็จากไปหลายคนแล้ว ถามใจเรา จะเอาโลกีย์ หรือโลกุตระ

-สารอโศก อันดับที่ ๒๘๔ มิถุนายน ๒๕๔๘ -