ประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน ที่ต้องไปด้วยกัน เช่นนี้.....
กระผมมีข้อปฏิบัติที่ได้จากการอ่านดังต่อไปนี้ครับ

กล้าลาออกจากราชการโดยไม่ลังเลสงสัยเลยครับ (ลาออก ๑ เม.ย. ๒๕๔๗) เพราะว่าต้องการทำอาชีพ ของตนเอง ให้บริสุทธิ์ขึ้น ทุกวันนี้ก็ถือศีล ๕ ละอบายมุข รับประทานอาหารมังสวิรัติ วันละ ๑ มื้อ (ตั้งแต่ ๓ เม.ย. ๒๕๔๘) เมื่อมีงาน อบรม ก็จะไปช่วยงานที่ชุมชนร้อยเอ็ดอโศก โดยไปก่อนงาน ๑ วัน ที่งานฝึกอบรม เป็นงานที่หนักมาก เนื่องจากคนน้อย (อัตราเพิ่มไม่มี มีแต่อัตราจะลด) กระผมอยู่แผนกทำน้ำเต้าหู้ เต้าหู้แผ่น หุงข้าว เก็บหาง ล้างภาชนะ จัดระเบียบภาชนะ ขนขยะไปทิ้ง ฯลฯ ที่ยากมากๆก็คือ ทำงานไปด้วย ปฏิบัติธรรม ลดละกิเลสไปด้วย ลดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็เป็นสุข กับการทำงาน ทั้งงานนอกงานในครับ

อีกหน้าที่หนึ่งก็คือเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของชุมชนด้วย ทั้งที่ไม่อยากทำ แต่หมู่กลุ่มก็บอกว่ากระผมเหมาะสม กระผมเห็น ชัดเจน อีกอย่างหนึ่งก็คือ....ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเงินเป็นอสรพิษจริงๆ ถ้าใครจัดการไม่เป็น ก็จะถูกกัดเจ็บปวด บางคน เสียผู้เสียคนไปเลย หลังจากเสร็จงานฝึกอบรม กระผมก็ต้องไปดูแล ครอบครัว (ลูก ๑ ภรรยา ๑) ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง กระผม ก็จะพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
* ร.ต.สาคร สายพันธ์ จ.ร้อยเอ็ด

- งานบุญนี้ช่างเบา ว่าง ง่าย สบายจริงหนอ ตื่นแต่เช้า เริ่มงานบุญ หุงข้าว ทำเต้าหู้ ทำน้ำเต้าหู้แหล่งโปรตีน แหล่งใหญ่ ของมนุษย์กินผักเช่นชาวอโศกทั้งมวล ชุมชนบุญนิยมชาวอโศกพึ่งตนเอง มีแหล่งผลิต อาหารหลัก ได้เอง ยิ่งทางด้าน จิตวิญญาณด้วยแล้ว หากพึ่งตนด้วยศีลได้ ชีวิตจะมีอิสระเสรีเพียงไหนหนอ ---บ.ก.



ชีวิตในท่ามกลางบทฝึกปฏิบัติธรรม
ดิฉันต้องทำงานบ้านและเลี้ยงหลานด้วย (ลูกของน้องสาว) การเลี้ยงเด็กนี้ลำบากมาก เลยต้องใช้ ความอดกลั้น อดทน ทำให้เห็นทุกข์ในการมีครอบครัว ครอบครัวดิฉันอยู่กันหลายคน แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบบ่นชอบด่า บางคน ก็โกรธง่าย พูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็โกรธเป็นไฟเลย ส่วนตัวดิฉันเอง มักมีจิตถือสา พยายามฝึกฝน เอาชนะกิเลสของตัวเอง แต่ก็แพ้ตลอดเลยสุขภาพก็เริ่มอ่อนแอลง บางครั้ง ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย แต่ก็ยังดีที่ได้ธรรมะของชาวอโศก คอยขัดเกลา จิตใจคลายทุกข์ลงได้มาก ธรรมะของ พ่อท่าน หรือ หนังสือของอโศกมีคุณค่าต่อมนุษยชาติมากๆเลยค่ะ

เข้าพรรษานี้ ดิฉันตั้งตบะได้ ๒ ข้อค่ะ
๑. กินมังสวิรัติบริสุทธิ์และกินอาหาร ๒ มื้อ
๒. พยายามปฏิบัติศีลห้าให้ได้ทุกข้อ
* มะลิ บ่อพิมาย จ.สระบุรี

- ผู้ถือศีลต้องลดการถือสาด้วย ผู้ถือศีลจะเอาภาระตัวเองด้วยข้อศีลทั้ง ๕ รวมถึงลด-ละ-เลิกอบายมุขด้วย เราจะศึกษา เรียนรู้ให้รู้จักตัวเอง เมื่อเราเข้าใจตัวเองได้แล้ว เราจะเข้าใจผู้อื่นได้ง่ายขึ้น จิตที่ถือสาจะค่อยๆคลายลง จางลง ---บ.ก.



ให้กิเลสนำหน้า พาชีวิตสับสน

......ฉันมีใจที่จะทำกสิกรรมอยู่ที่บ้าน ทำไร่นาสวนผสมตามที่ได้ตั้งใจ อยากได้อยากทำอยากมี มาตั้งแต่ อายุได้สิบปี ที่ผ่านมา ฉันไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ทำอะไร ฉันไม่เคยทำอย่าง เสมอต้น เสมอปลายเลย เป็นเพราะ
๑. ไม่เข้าใจชัด ๒. จิตใจร่างกายไม่แข็งแรง ๓. กลัวจะไม่ได้ผลดังใจหวัง (ใจร้อน)

เมื่อก่อนฉันรู้สึกไม่ค่อยมีแรง จึงมีแต่ใจเท่านั้นที่อยากทำ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่า มีกำลังแรงเพิ่มขึ้น จึงไม่อยาก จากบ้านไปไหน อยากทำไร่นาสวนผสมอยู่ที่บ้านก่อนจะได้ไหมคะ เพราะว่าฉันมาพักค้าง อยู่กับชาวอโศก ทีไร ฉันจะพูดว่า จะเอาลูกชาย มาเรียนด้วย และเอาตัวเองมาด้วย แต่พอเอาเข้าจริง ฉันกลับจะเอาเฉพาะ ลูกชาย มาเรียนเท่านั้น ฉันคงจะเป็นคนที่ ไม่น่าเชื่อถือ มากเลยใช่ไหมคะ ที่เป็นแบบนี้ คือฉันกลัวว่า ฉันจะอยู่ กับชาวอโศกไปจนตลอดตายไม่ได้ พออยู่ไม่ได้ ก็ออกจาก ชาวอโศกกลับไปอยู่บ้าน ครอบครัวก็จะไม่ยอมรับ ฉันแล้ว และกำลังที่จะสร้างบ้านเรือน ทำไร่นาสวนผสม ก็จะหมดลง ชีวิตก็จะไร้ค่า ไม่มีราคาเลย มีแต่คน รังเกียจ เหยียดหยาม ดูถูกดูแคลน เป็นคนจนที่ไม่มีค่า ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร ฉันกลัวมาก ในสิ่งนี้ค่ะ และสับสน ว่าตัวเองจะทำอย่างไร ได้ดีที่สุด คือระหว่างอยู่วัด หรืออยู่บ้าน ยังตัดสินใจไม่ได้เลย เพราะยังสับสนอยู่

เมื่อ ๖ มิ.ย. ดื่มน้ำปัสสาวะแล้วรู้สึกดีขึ้นจึงอยากอยู่บ้านทำไร่นาสวนผสม แต่พอดื่มไปเรื่อยๆ อาการ ก็อ่อนแอลง จึงคิดมาก อยากหายจากโรคที่เป็นนั้น โรคที่เป็นในขณะนี้มี ๑. ภูมิแพ้อากาศ ๒. เลือดจาง ๓. ริดสีดวงทวาร ๔. หัวใจอ่อน เพราะคิดมาก อยากได้เงิน ๕. มดลูกบวม ๖. กระเพาะบวม ๗. ปวดศีรษะ วิงเวียน และอ่อนเพลีย

มันคงจะเป็นโรคเวรกรรมที่ฉันไม่เคยทำดีกับพ่อแม่เลย พอเจอยาดีของดี(ชาวอโศก) ก็ตอนขวานบิ่นซะแล้ว

ตอนนี้ฉันได้ไปรักษาตัวอยู่ที่ร้อยเอ็ดอโศกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉันรู้สึกว่าที่ฉันไปหาเงินที่เกาะสมุย กลับมาบ้าน ก็เอาเงินนั้น มาซื้อยารักษาตัวเองให้หายป่วย หาเงินอยู่บ้านโดยทำงานเย็บผ้า ก็เอาเงิน มาซื้อยา รักษาตัวเองเหมือนเดิม แล้วเงิน มันจะมีความสำคัญอะไรเท่ากับสุขภาพร่างกาย และ สุขภาพจิตใจ

ฉันทบทวนตรึกตรองดูแล้วก็เห็นจริงว่าฉันเองยังหลงยึดเงินเป็นที่พึ่ง หาเหตุผลสารพัดที่จะเข้าข้างเงิน หลงเห็นเงิน เป็นพระเจ้า เงินสำคัญจริงแต่ไม่ใช่ทุกอย่างใช่ไหมคะ ร่างกายจิตใจปัญญาสำคัญกว่าใช่ไหมคะ ที่ฉันเข้าใจนี้ ถูกต้องไหมคะ ตอนนี้ ฉันไม่มีปัญญาที่จะเอาชีวิตตัวเองและลูก รอดพ้นจาก ความทุกข์เลย และ ไม่มีปัญญาที่จะสอนลูกให้เป็นคนดีได้เลย
* ดวงพร พิลาชัย จ.มหาสารคาม

- อยู่บ้านไปให้หายข้องใจให้หายสงสัยซะก่อน ทำชีวิตตัวเองให้มั่นคงแข็งแรงดีก่อน หากพร้อมทั้ง สุขภาพกาย และสุขภาพใจ แล้วค่อยมาลงฝึก ภาคสนามกันที่วัด ดีกว่ามั้ย ? ---บ.ก.

-สารอโศก อันดับ ๒๔๗ กันยายน ๒๕๔๘ -