http://www.facebook.com/topsecretthai เสธ น้ำเงิน
แฉ..ความลับ
10 ชั่วโมงที่แล้ว ? แก้ไขแล้ว.

วันที่ 6 มิ.ย.57

เผย..เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ฉันท์ใด เยื่อใยเผ่าชนชาติ ก็ไม่ขาดกัน ฉันท์นั้น

ตามที่เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ชนเผ่าไทย มีรากเหง้า และอพยพ มาจากจีน โดยเมื่อราว 1,000 กว่าปีที่แล้ว มีกษัตริย์องค์หนึ่ง เมืองอยู่แถว มณฑลยูนนาน ของจีนในปัจจุบัน พระองค์ มีโอรส และธิดา ราว 50 พระองค์

พระโอรสองค์ที่ 2 ได้อพยพ นำพาราษฎรราว 1 แสนคน ลงมาทางไต้ แล้วก่อตั้ง อาณาจักรโยนก นครเชียงแสน จนรุ่งเรือง ด้วยทรัพย์สมบัติ ช้างม้า วัวควาย มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มีกษัตริย์ สืบต่อมาอีกถึง 44 พระองค์ และขยายอาณาจักร ออกไปถึง อ่าวตังเกี๋ย ติดทะเลจีนไต้

ต่อมา เมื่อเกิดภัย แผ่นดินไหว จนเมืองโยนกนคร ล่มจมลงไป เกิดน้ำท่วม ยากแก่การฟื้นฟู ประจวบกับ มีการรุกราน จากกษัตริย์มอญ พม่า และขอม เชื้อสายกษัตริย์ เหล่านั้น ก็อพยพราษฎร แยกไปหาถิ่นฐาน สร้างเมืองใหม่ หลายเมือง และหลายทิศทาง

เช่น ลงไปทางกำแพงเพชร สร้างเมืองสักระยะ แล้วอพยพ ไปสร้างเมืองต่อ ที่นครปฐม , พ่อขุนบางกลางหาว (ท่าว) ไปเมืองบางยาง (นครไทย พิษณุโลก) , พ่อขุนผาเมือง หล่มสัก เพชรบูรณ์ ฯลฯ

แล้วทั้ง 2 พระองค์ ก็ร่วมกัน ชิงเมืองจากขอม สถาปณา อาณาจักรสุโขทัย ขึ้นมา เป็นปฐมกษัตริย์ อย่างเป็นทางการ นับแต่นั้น , ต่อมา อาณาจักรไทย ทางอโยธยารุ่งเรือง สุโขทัยจึงกลายเป็น เมืองประเทศราช

เมื่ออโยธยาแตกพ่าย ครั้งที่ 2 ให้พม่า เพราะคนไทย แตกความสามัคคีกัน จนเมือง พังพินาศ เสียหาย ยากแก่การ บูรณะฟื้นฟู กษัตริย์ไทยก็เป็นผู้นำ ไปสร้างเมืองใหม่ คืออาณาจักรธนบุรี และตามด้วย รัตนโกสินทร์ ฝั่งกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ

ส่วนคนทางภาคไต้ ไชยา ศรีวิชัย ก็สืบเชื้อสาย ไปจากโอรส ของกษัตริย์อโยธยา ที่อพยพราษฎร ลงไปสร้างเมือง และมีความเจริญ ทางศาสนาพุทธ อย่างมาก จนมีการสร้าง พระแก้วมรกต ขึ้นมา โอรสของกษัตริย์ ผู้สร้างฯ ถึงกับเดินทาง ไปศึกษาวิชา ความรู้ที่จีน อยู่ระยะหนึ่ง

และโอรสของกษัตริย์นครไชยา ก็ไปยึดเอาเขมรได้และสถาปนาเป็น กษัตริย์เขมร สืบเชื้อสาย ปกครองเขมรต่อมา , ส่วนทางเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และทางภาคอีสาน ก็เป็นเชื้อสาย ของกษัตริย์โยนกนคร ทั้งสิ้น ที่แยกไปสร้างเมืองต่างๆ แต่โบราณ

พอเข้าสู่ยุค รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 5 มีคนจีน จำนวนมาก ที่อพยพ มาตั้งถิ่นฐาน ทางเรือ มาพึ่งบรมโพธิสมภาร ตามที่รู้กันว่า ต่างมากันแบบ เสื่อผืน หมอนใบ บางคนในสมัยนั้น มาหาบน้ำขาย จนต่อมา ลูกหลาน เป็นเจ้าของ ธนาคารใหญ่ ในปัจจุบัน

และมีคนจีน จำนวนมาก มาอยู่รวมกัน ทำการค้า อย่างเข้มแข็ง ขยันหมั่นเพียร ในถนนที่คดเคี้ยว ดังรูปร่างมังกร คือ ย่านเยาวราช สำเพ็ง พาหุรัด เมื่อจีนเปลี่ยนแปลง การปกครอง เป็นคอมมิวนิสต์ ก็ปิดประเทศ ต่อมา คนเชื้อสายจีนในไทย ก็ยังเดินทาง ไปเยี่ยมญาติ ที่จากกัน ที่จีนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมขยายการค้า ต่อกันเรื่อยมา

ยามใดก็ตาม ที่ชาติไทยมีภัย จีนที่เป็นเหมือน แผ่นดินแม่ และมีลูกหลายคน แล้ว กระจายไปตั้ง เป็นประเทศต่างๆ ย่านเอเซีย จีน ก็มีบทบาทสำคัญ ให้ไทยผ่านวิกฤตินั้น หลายครั้ง หลายครา

เช่น ช่วงสลาย พรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย เมื่อ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ นายกฯ ไทยไปเยือนจีน และตามด้วย การเปิดสายสัมพันธ์ วัฒนธรรม 2 แผ่นดิน ด้วยกษัตริย์ และราชวงศ์ไทย ส่งผลให้ไทย ถึงกับขับไล่ ทูตอเมริกา กลับประเทศ ประท้วง ที่นำเรือมารุกล้ำ อธิปไตยของไทย โดยไม่ขออนุญาตก่อน

แต่ด้วยบารมี แผ่นดินแม่จีน ที่เป็นส่วนสำคัญ ที่อเมริกา ไม่กล้ารังแกไทย จนเกิด การเยือนกันไปมา ของ 2 ประเทศ ตลอดมา ถึงปัจจุบัน จนสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น เหมือนพี่คนโต คอยปกป้อง ดูแลน้องๆ

ช่วงนี้ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ พระองค์ ทรงเสด็จเยือนจีน อย่างเป็นทางการ และเตรียมแสดง ดนตรีกู่เจิ้ง ในงาน สายสัมพันธ์ วัฒนธรรมไทยจีน ครั้งที่ 5 ที่ประเทศจีน อันแสดงถึง มิตรไมตรี ทางการทูตชั้นสูง ของสองประเทศ อย่างเป็นทางการ

ประจวบกับ กระทรวงกลาโหมจีน ได้ทำหนังสือ เชิญไทยไปเยือน อย่างเป็นทางการ โดย ผู้แทน กระทรวงกลาโหม พร้อมคณะผู้แทน ผู้บัญชาการสูงสุด และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ของไทย จะเดินทางไปเยือน กระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ในวันที่ 11 – 13 มิ.ย.57 นี้

เพื่อสานต่อความร่วมมือ ด้านการทหาร การฝึกศึกษา และการพัฒนา ด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และ กระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ยังพร้อมสานต่อ ความสัมพันธ์ ทางด้านทหาร กับไทยอีกด้วย

เนื่องจากที่ผ่านมา ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็น ผู้ประสาน ในประเด็นข้อพิพาท หมู่เกาะสแปชลี่ ทะเลจีนใต้ เป็นอย่างดี เพราะนอกจาก จะเป็นปัญหา ระหว่าง ประเทศเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน ที่ทุกฝ่าย ต้องการให้เกิด การเจรจากัน อย่างสันติแล้ว ไทยยังทำหน้าที่ เป็นผู้ประสานกับจีน ในฐานะ ประเทศผู้ขัดแย้ง นอกภูมิภาคอีกด้วย

และจีนได้แสดงท่าที เข้าใจปัญหาการเมือง ในประเทศไทย และมองว่า เป็นปัญหา ภายในประเทศ จีนไม่เข้ามา แทรกแซง อีกด้วย

ประเทศ ก็เหมือนคนนั่นแหละ ยามท่านมีปัญหา อะไรสักอย่าง แต่มีเพื่อน ประเภทแรก กลับคอยกดดัน บีบบังคับ โน่น นี่ นั่น สารพัดจะเอาแต่ใจ และผลประโยชน์ตนเอง เคยถึงขั้น มาขอแบ่งของเก่า แก่เราด้วยซ้ำ
แต่กลับมีเพื่อน อีกประเภทหนึ่ง ที่เป็นญาติกัน คบกัน สม่ำเสมอ มากว่า 1,000 ปี ทุกครั้ง ที่เรามีปัญหา ก็คอย ปลอบประโลม เข้าใจ ไม่ซ้ำเติม และคอยช่วยเหลือไม่ห่าง

เพื่อนประเภทแรก คือ รัฐบาลอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตรเลีย ที่คอยแต่จะฉกฉวย เอาผลประโยชน์ จากเรา เอาเรือมาปิดอ่าว ข่มขู่ ขอแบ่งแผ่นดินเรา ไปหลายครั้ง ช่วงราว รัชกาลที่ 4-5 จนแผ่นดินไทย เป็นรูปร่างขวาน อย่างปัจจุบัน

และที่ซ้ำร้ายคือ หนุนให้คณะราษฎร์ เปลี่ยนแปลง การปกครองของไทย เมื่อปี 2475 ซึ่งถือเป็น การแทรกแซง โครงสร้างการเมือง แนวคิด รูปแบบ การปกครองของไทย อย่างรุนแรงมาก

ส่วนเพื่อนและญาติ ประเภทที่สอง คือจีน แม้จะมีแนวคิด ทางการเมืองต่างกัน ช่วงคอมมิวนิสต์ เฟื่องฟู แต่เป็นเพียง ระยะสั้นๆ เท่านั้น และก็ไม่เคยมีเหตุ เอาเปรียบ ประเทศเล็กๆ อย่างเราอีกเลย

เลือดข้นกว่าน้ำฉันท์ใด สายใยความสัมพันธ์ จีนกับไทย ก็ไม่เคยขาดจากกัน ฉันท์นั้น เลือดในกาย ที่ไหลเวียน ในร่างของ คนไทยทุกคน แม้เราเป็นเผ่าไทย แต่มีส่วนหนึ่ง ที่เป็นสายเลือดจีน ผสมไหลเวียน อยู่ในตัว ด้วยมาก น้อย ไม่เท่ากัน

เลือดของท่าน ก็มาจากพ่อกับแม่ และเลือดผู้บังเกิดเกล้า ก็สืบมาจาก บรรพบุรุษ อีกหลายรุ่น กว่า 1,000 ปี และปู่ ย่า ตา ทวดของไทย ก็สืบสายเลือด บางส่วน มาจากจีน นั่นเอง

ยามไทยมีปัญหา จีนก็ได้ยื่นมิตรไมตรี อย่างเป็นทางการ ทำหนังสือ มาเชิญไทย ไปเยือนอีกแล้ว เป็นไปตามที่ เสธ เคยบอกไว้ก่อน ล่วงหน้านี้เป๊ะ

ต่อไปนี้ ใครทำการค้า ธุรกิจกับจีน จะเฟื่องฟูสุดๆ จีนต้องการ ผลไม้ไทย ข้าวไทย แม้แต่หนังสือ บทเรียน ก.ไก่ ของไทย แถวยูนนาน จีนตอนไต้ ไกด์คนจีน ต้องการมาก เพราะเขาอยากเรียน ภาษาไทย ตัวเลข 1-10 ของเขา ยังออกเสียง เป็นเลขไทย

นั่นเพราะเขากับเรา ใช่อื่นไกล เป็นญาติกันมา 1,000 กว่าปีแล้ว คนไทยเชื้อสายจีน ตอนนี้ ได้เวลาที่ท่าน จะตอบแทน แผ่นดินทอง ของไทยแห่งนี้แล้ว

เป็นทหารเอก พระราชาผึ้งหลวง รวมกลุ่ม ปรึกษาหารือกัน ค้นหาญาติตระกูล แต่หนหลัง หาช่องทาง ค้าขาย เพิ่มเติมจากเดิม ระหว่าง ไทยกับจีน เพิ่มประเภท ปริมาณสินค้า ส่งออกไปจีน ปรับรูปแบบธุรกิจ ภายในประเทศไทย รองรับลูกค้าคนจีน ที่เขามีประชากร มากกว่า 1 พันล้านคน

ส่งเสริม แลกเปลี่ยน ด้านการศึกษา ศาสนา ศิลป วัฒนธรรม การกีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การแพทย์ การเงิน การธนาคาร การอุตสากรรม การเกษตร ระบบโลจิสติกส์ ฯลฯ

สิ่งใดทำอยู่แล้วกับจีน ก็ทำให้เข้มข้นขึ้น แนะนำเพื่อนนักธุรกิจ ที่เกี่ยวเนื่อง ให้เจรจาการค้า ระหว่างประเทศกัน

เมื่อรัฐบาลใด เขารังแกเรา ยุคทองของประเทศนั้น ก็หมดไปแล้วเช่นกัน สินค้า บริการ ใดๆ ที่มาจาก ประเทศ เพื่อนที่ไม่ดี ถ้ามีใช้อยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องซื้อเพิ่มใหม่ บริการ อาหาร อะไร ของประเทศพวกนี้ ในไทย เราก็หลีกเลี่ยงที่สุด เท่าที่จะทำได้ ไม่ไปอุดหนุน

สินค้าบางอย่าง อาจเป็นบริษัทลูก หลาน เหลน ของบริษัทประเทศ ที่เป็นเพื่อนไม่ดี เราก็บอยคอตหมด เพราะเดี๋ยวนี้ สินค้าจีน ทดแทนกันได้หมดแล้ว คุณภาพก็พัฒนาขึ้นมาก จนเทียบเท่าฝรั่งแล้ว เราช่วยพี่เรา และ พี่เรา ก็ช่วยเรา หยวนๆ

เราพร้อมกันเทใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนทิศ ไปให้จีน ขายให้จีน ซื้อของจีน คอยดูเถอะ ประชาชน บริษัทการค้า ในประเทศ อเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตรเลีย เขาก็จะ ทนไม่ไหวไปเอง และเขาจะเป็นพลัง ไปกดดัน รัฐบาลของเขา แทนคนไทย

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประชาชนในประเทศเหล่านั้น แต่ปัญหาอยู่ที่รัฐบาลของเขา คนไทยต้องบอยคอตทุกสิ่งที่มาจากประเทศเหล่านั้น เราต้องตอบโต้ด้วยมาตรการประชาชนที่เผ็ดร้อนกว่า

โดยถ้าเราได้ประโยชน์ จากประเทศเหล่านั้น เราเอา แต่ถ้าเราเสียประโยชน์ ขาดทุน เราจะไม่ยอม แม้แต่บาทเดียว เขาทนได้ ก็ทนไป แต่เชื่อว่า บริษัทการค้า และประชาชน ในประเทศท ี่ค้าขายกับไทย นั่นแหละ จะทนไม่ไหว เพราะรัฐบาลเขา ฝืนธรรมชาติ

ลองวัดกับรัฐบาลฝรั่งสักตั้ง ว่าใครจะอึดกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ เราไม่เดือดร้อน เพราะเรามีจีน ที่ตลาดการค้า ใหญ่กว่า อาหารเราก็ผลิตเองได้ พลังงาน เราก็มีเยอะ น้ำจืดเราก็เหลือเฟือ เส้นทางขนส่งบก เรือ อากาศ เรามีครบ เป็น Hub ของเอเซีย

ณ นาทีนี้ จนตั้งรัฐบาล ในอีกภายใน 3 เดือน และปฏิรูป ประเทศไทย เสร็จใน 1 ปีครึ่ง ยังไม่เห็นทางว่า ไทยจะเดือดร้อนอะไร จากรัฐบาลฝรั่ง

อยากมาก็มา ไม่มาก็ไม่ง้อ อยากแถลงอะไร ก็ไม่ฟัง ไม่ทำตาม ไม่สน ไม่ว่าง เพราะคุยกับจีน สบายใจกว่า มีเรื่องให้ทำกับจีน เยอะกว่า จะให้สัมปทาน ลงทุนกับจีน สัดส่วนเยอะกว่า

อะไรที่ยกเลิกสัปทานให้ฝรั่ง ถ้าดูแล้ว ไม่กระทบธุรกิจ เกี่ยวเนื่องในไทย ก็ทะยอยยกเลิก ให้หมด อะไรที่ หมดสัมปทานแล้ว ก็ไม่ต่อสัญญาให้

รัฐบาลอเมริกา ที่แถลงปากดีๆ น่ะ พอได้ยินว่า ไทยจะเริ่มสร้าง รถไฟรางคู่ ในปี 57 นี้ รีบส่งเลขาทูตฯ แจ้นไปนั่งรอ ขอพบ บิ๊กในสหภาพ การรถไฟไทย ทันที..พฤติกรรมนี้ คุ้นๆ แก็งค์อะไร ในไทยนะนี่?

โด่..เบื่อพวกเก่งแต่ปาก.. ถึงเวลาจะเอาจริง ก็ป๊อด..ฮา

@ เสธ น้ำเงิน4
http://www.facebook.com/topsecretthai

หมายเหตุ..เสธ น้ำเงิน มีหลายคน รหัสเลข ด้านหลังชื่อ คือแต่ละคน เชี่ยวชาญการเขียน ในแนว ที่ต่างกันออกไป

     

   www.asoke.info