แฉ..ความลับ @ เสธ น้ำเงิน / 30 มิย. 57
https://www.facebook.com/topsecretthai

วันที่ 30 มิ.ย.57 ไขปริศนา..อะไรคือชนวนก่อสงครามไปทั่วโลก และวิธีเอาตัวรอด

บทความตอนนี้ ยาวหน่อย ขอให้อ่าน แบบมีสมาธิ เมื่อท่านอ่านจบ ท่านจะรู้สึก ฉลาดขึ้นกว่า ตอนก่อนอ่าน แน่นอน แบบชนิดหลังมือ เป็นหน้ามือ และจะรู้ถึงกลเกมส์ ของมหาอำนาจ ต่อสถานการณ์ ทั้งหลาย บนโลกใบนี้ รวมทั้ง แนะเคล็ดลับ การปรับตัว รับกับสถานการณ์ ในอนาคต

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้า คณะรักษา ความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเยือน สาธารณรัฐอินเดีย อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28-30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ในฐานะแขกของ สาธารณรัฐอินเดีย ถือว่าเป็นแขก จากต่างประเทศ คณะแรก หลังจากอินเดีย ตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีเอกอัครราชฑูต ณ กรุงนิวเดลี ประจำสาธารณรัฐอินเดีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ของสาธารณรัฐอินเดีย ให้การต้อนรับ

การเดินทางเยือน สาธารณรัฐอินเดีย ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ และมิตรไมตรี ระหว่าง รัฐบาลต่อรัฐบาล ในฐานะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้า คณะรักษา ความสงบแห่งชาติ และในส่วนของ กองทัพต่อกองทัพ สำหรับการเยือน อย่างเป็นทางการ ในครั้งนี้ เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ ที่แน่นแฟ้นมา อย่างยาวนาน และมิตรภาพที่ดี ระหว่างกัน เนื่องจาก ทั้งสองประเทศ มีประวัติศาตร์ วัฒนธรรม ประเพณี ที่คล้ายคลึงกัน พร้อมทั้ง การหารือ ความร่วมมือ ด้านความมั่นคง

ในการเดินทางเยือนอินเดีย พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้ประกอบพิธี วางพวงมาลา ทหารที่เสียชีวิต ในการรบ เนื่องในเหตุการณ์ สงครามโลก ครั้งที่ 1 ที่อนุสาวรีย์ ทหารผ่านศึก และตรวจแถว กองเกิยรติยศ 3 เหล่าทัพ ณ กระทรวงกลาโหม สาธารณรัฐอินเดีย จากนั้น ได้เข้าเยี่ยมคำนับ GENERAL BIkram singh (พลเอก บิกรัม ซิงค์ ) ผู้บัญชาการ ทหารสูงสุด ควบตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อพบปะสนทนา หารือข้อราชการ ที่เกี่ยวกับกิจการ ระหว่างกองทัพ ทั้งสองประเทศ ที่ทำร่วมกัน เสมอมา เช่น การฝึกร่วมต่างๆ

นอกจากนี้ ได้พบกับ (Shri Arun jaitley) อรุณ เจตลี่ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง และกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือร่วมกัน ถึงการที่จะทำ ให้ภูมิภาคเอเซีย มีความเจริญก้าวหน้า ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านสังคม เศรษฐกิจ และด้านความมั่นคง อย่างยั่งยืน โดยในช่วงค่ำ ได้มีการจัดเลี้ยง อาหารค่ำ เพื่อต้อนรับ พล.อ.ธนะศักดิ์ โดยผู้บัญชาการ สูงสุดอินเดีย รวมถึงอดีต เอกอัครราชทูต ที่เคยประจำ ประเทศไทย

สาธารณรัฐอินเดีย มีความเข้าใจ เป็นอย่างดี สถานการณ์ไทย และพร้อมสนับสนุน การดำเนินงาน เพื่อความสงบสุข และมีเสถียรภาพ ของไทย สำหรับด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ยังคงมี ความสัมพันธ์ และความร่วมมือ ระหว่างกันเช่นเดิม ในทุกด้าน ไม่มีความวิตกกังวล ต่อสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นในไทย นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยเจรจา การก่อสร้างเส้นทาง จากอินเดีย ผ่านเมียนมาร์ เข้าสู่ประเทศไทย

ทั้งนี้ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2557 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จเยือน สาธารฌรัฐอินเดีย อย่างเป็นทางการ ทางรัฐบาลอินเดีย ได้แจ้งว่า จะเตรียมให้การต้อนรับ อย่างสมพระเกียรติ

จีนก็จะทำถนนเชื่อมกับไทย ผ่านประเทศลาว ที่บ่อแตน ดังนั้น ยุทธศาสตร์ อินเดีย –ไทย - จีน ที่เป็นเส้นทางสายไหม ทางการค้า เส้นใหม่ ประชากร รวมกันกว่า 2,000 ล้านคน หรือราว 32 % ของประชากรทั้งโลก คิดดูว่า จะเฟื่องฟูรุ่งเรือง ขนาดไหน

ทีนี้ลองมาดูเกมส์ ของมหาอำนาจ กันบ้าง ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ออกมาแฉว่า อเมริกา กำลังแบล็คเมล์ฝรั่งเศส ไม่ให้ขายเรือรบ บรรทุก เฮลิคอปเตอร์ มิสทรัล ให้แก่รัสเซีย ด้วยการเสนอ ช่วยผ่อนปรนค่าปรับ ของธนาคาร บีเอ็นพี พาริบาส์ ที่ลักลอบ ทำธุรกรรม ทางการเงิน

"เรารู้ว่าอเมริกา กำลังกดดัน ไม่ให้ฝรั่งเศส ขายเรือรบ มิสทรัล ให้แก่เรา โดยที่อเมริกา เสนอจะยกเลิก การคว่ำบาตร ธนาคารดังกล่าว หรืออย่างน้อย ปรับลดค่าปรับให้" เรื่องนี้มาจาก การที่ ธนาคาร บีเอ็นพี พาริบาส์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด ในฝรั่งเศส ลักลอบทำธุรกรรม ทางการเงิน ในนามของประเทศ ที่อเมริกา ขึ้นบัญชีดำ

อเมริกาก็เลย ขู่กรรโชกทรัพย์ ธนาคารฝรั่งเศส เอาดื้อๆ ว่าจะดำเนินคดีทางศาล จนธนาคารนี้ ต้องเจรจายอมความ ตกลงชำระค่าปรับ มูลค่าสูงถึง 8,900 ล้านเหรียญ อเมริกา (ราว 2.7 แสนล้านบาท) ให้แก่ทางการอเมริกา เพื่อหลีกเลี่ยง การถูกดำเนินคดี ทางศาล

ทำให้ ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลองด์ ของฝรั่งเศส ฉุนขาด จึงไม่สนใจว่า อเมริกา จะวิพากวิจารณ์อย่างไร จึงเดินหน้าส่งมอบ เรือรบบรรทุก เฮลิคอปเตอร์ มิสทรัล จำนวน 2 ลำ ให้แก่รัสเซีย ต่อไปทันที

อเมริกาจอมแบล็คเมล์ เอาเงินค่าปรับ แม้เพื่อนสนิท ตั้ง 2.7 แสนล้านบาท จากธนาคารฝรั่งเศส ปล้นเพื่อนไปดื้อเลยๆ มีหรือฝรั่งเศส จะยอมเสียเงินฟรี เขาจึงขาย เรือรบบรรทุก เฮลิคอปเตอร์ ให้กับรัสเซีย เพื่อฉีกหน้า และหักหลัง แก้แค้นมหามิตร อย่างอเมริกา ซะเลย..

ขืนฝรั่งเศสมีของดี และมีคนอยากมาซื้อแพงๆ แต่มัวเชื่อคำยุยง จากอเมริกา ไม่ให้ขาย ก็อดตาย กันพอดี.. ฝรั่งเศสจึงตัดสินใจ ลอยแพโดดเดี่ยว อเมริกา ที่ชอบดักฟังเขา ไปทั่วโลกดีนัก !!

ใครคิดว่า การที่อเมริกา บุกอิรัก ในปี 2001 เบื้องหลังที่แท้จริง คืออะไร ?? ก็เพราะอิรัก ประกาศขายน้ำมัน ในสกุลเงินยูโร ซึ่งอเมริกายอมไม่ได้ แต่การที่ บุกประเทศอื่น แบบดุ่มๆ ก็กลัวคำครหา ว่าละเมิดกฎหมาย ของสหประชาชาติ เลยต้องมีการอ้าง เรื่องซัดดัม ครอบครอง อาวุธเคมี

ตอนนี้ ลองมาดู คำสารภาพ จากผู้นำของอิรัก ดูบ้าง เมื่อนายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลิกี แห่งอิรัก ระบุว่า การโจมตีของ กองกำลังติดอาวุธ ไอซิล (กลุ่มรัฐอิสลามอิรัก และเลอแวนต์) จะไม่รุกคืบ อย่างรวดเร็วเช่นนี้ หากกองทัพอิรัก มีกำลังทางอากาศ อย่างเหมาะสม ซึ่งรวมถึง ความพยายาม ร้องขอ เครื่องบินขับไล่ จากอเมริกา "ข้าพเจ้าขอพูดตามสัตย์จริง ว่าเราโดนหลอก เมื่อเราลงนาม เซ็นสัญญา กับอเมริกา"

ส่วนอเมริกา ได้ปฎิเสธคำร้องเรียน ของผู้นำอิรัก โดยระบุชัดว่า เครื่องบินขับไล่ ของอเมริกา ไม่ได้ล่าช้า ในการจัดส่ง แต่อย่างใด "เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 จะไม่จัดส่งให้อิรัก จนกว่าจะถึง ฤดูใบไม้ร่วง ตามข้อตกลง ซึ่งต้องใช้เวลา อีกหลายเดือน และขณะนี้ เราอยู่ในระหว่าง การดำเนินการจัดส่ง"... จะเอาฮา กันไปถึงไหนเนี่ย อิรักไม่มีฤดูนี้ เพราะเป็นทะเลทราย แต่ตอนนี้ ทหารอิรัก โดนยิงตาย เป็นใบไม้ร่วงแล้ว

อเมริกา แถว่า การรุกคืบจู่โจม ของกองกำลัง ก่อการร้าย ในอิรัก คงไม่สามารถยุติได้ เพียงแค่ความสามารถ ของเครื่องบินขับไล่ 2 ลำได้ ประเทศอเมริกา แสดงจุดยืนชัดเจนว่า จะไม่มีส่วนเข้าร่วม กับกองกำลัง ทหารอิรัก เพื่อโจมตีกลุ่มไอซิล หรือกลุ่มไอซิส จนกว่า จะมีการจัดตั้ง รัฐบาลอิรักใหม่... นั่นไง.. อเมริกา เผยความต้องการ แท้จริงแล้ว

อิรักในขณะนี้ จึงมุ่งเข้าหา ความช่วยเหลือจาก รัสเซีย และเบลารุส ในการจัดซื้อ เครื่องบินขับไล่ ทีนี้พี่หมีรัสเซีย เลยใจป้ำ ส่งเครื่องบินขับไล่ ซุคฮอย 5 ลำของรัสเซีย เดินทางถึง ประเทศอิรักแล้ว โดยถือเป็น เครื่องบินขับไล่ ชุดแรก จากทั้งหมด 25 ลำ ภายใต้ข้อตกลง ระหว่างรัฐบาล กรุงมอสโก กับกรุงแบกแดด

สำหรับพี่หมี เงินไม่มีไร้ปัญหา เอาน้ำมันมาแลกจบ ไม่จู้จี้ ไม่ถามซอกแซก บริการขับเครื่องบินมาส่งถึงกระไดบ้าน พร้อมบริการล้างสี คาร์แคร์ให้เสร็จสรรพ..แถมตอนนี้รัฐบาลอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ที่ประเทศติดกัน ก็เพิ่งเห็นแสงธรรม ยอมจับมือกันแล้ว เพื่อสู้กับ กลุ่มติดอาวุธ ของอเมริกา และตุรกี

มาดูอีกจุดว่า ทำไมอเมริกา ต้องโจมตีลิเบีย ในปี 2010 เบื้องหลังคือ ทาง กัดดาฟี ของลิเบีย ประกาศว่า จะค้าขายน้ำมัน โดยการใช้ ทองคำ เป็นการแลกเปลี่ยน ผลที่ตามมาก็คือ กัดดาฟี ถูกสร้างวาทะกรรม จากสื่อตะวันตก ว่าเป็นผู้นำเผด็จการ และในที่สุด ก็ถูกชาติตะวันตก โจมตีด้วยอาวุธ จนเขาเสียชีวิต

ที่นี้ลองมาดู ทางซีเรียบ้าง ตลอดระยะเวลา มากกว่า 3 ปีที่ผ่านมา อเมริกา และพันธมิตร ใช้สงครามตัวแทน โดยการให้บรรดา หน่วยงานลับทั้ง ซีไอเอ มอสสาด MI6 หน่วยข่าวกรอง ของตุรกี ซาอุดิ และพันธมิตรอื่นๆ สนับสนุนเงิน อาวุธหนัก อาหาร เวชภัณฑ์ ในเครือข่าย ก่อการร้าย อัลเคด้า เพื่อโค่นล้ม รัฐบาลซีเรีย ของนาย บาร์ชา อัล อัสสาด

มีผู้บริสุทธิ์ สังเวยชีวิต จำนวนมาก แต่อเมริกา และผองเพื่อน ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ จึงใช้มุกสาดโคลน โดยพยายามสร้างสถานการณ์ โยนความผิด ไปให้รัฐบาลซีเรีย เรื่องการใช้ อาวุธเคมี สังหารพลเรือนของตน จนมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 1,400 คน แต่จริงๆ แล้ว อาวุธนี้ หนุนมาจากซาอุ นั่นเอง ทั้งนี้เพื่ออเมริกา จะได้ส่งกองกำลัง และทหาร เข้าแทรกแซง สงครามกลางเมือง ตามที่เคยใช้ ในภูมิภาคอื่น

เพราะประชาชน ชาวซีเรีย ส่วนใหญ่สนับสนุน รัฐบาลตนเอง เชื่อผู้นำ เพราะเห็นว่า ทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ยอมเป็นหุ่นเชิด ของตะวันตก ดูได้จาก ผลการเลือกตั้งที่ นายอัสสาด ชนะอย่าง ท่วมท้นกว่า 90% ขณะที่เครือข่าย อัลเคด้า ที่ชาติตะวันตก และพันธมิตร หนุนหลัง พยายาม ก่อการโจมตี ด้วยอาวุธ ขัดขวางการเลือกตั้ง ทุกวิถีทาง ก็เพื่อกีดกัน ไม่ให้ผู้อพยพ ชาวซีเรีย ข้ามพรมแดน เข้ามาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

ที่ผ่านมา รัสเซีย มีส่วนปรับสมดุล ของสงครามนี้ โดยแกล้งเอาเรือรบ ของตนเอง ไปจอดเล่นๆ กินกาแฟ ไว้ที่ชายฝั่ง ของซีเรีย เพื่อให้ความช่วยเหลือ รัฐบาลของ อัสสาด เพราะรัสเซียเอง ก็ไม่ต้องการ เสียพันธมิตรซีเรีย ในตะวันออกกลางไปอีก

สงครามกลางเมือง ในซีเรีย ที่แท้ก็คือ สงครามตัวแทน ระหว่าง มหาอำนาจ ทางเศรษฐกิจโลก ที่นำโดย อเมริกาและยุโรป ที่ผูกโยงกับ ค่าเงินดอลลาห์ กับอีกฝ่ายคือ รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ที่ค้าขายน้ำมัน กันด้วย สกุลเงินหยวน โดยอ้างอิงจาก ราคาทองคำ

ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ฉันท์ใด ชาติมหาอำนาจ เขาก็รู้มานานแล้วว่า อเมริกานั้น ใส้กลวง ข้างนอกสดใส ข้างในเน่าเสีย ที่อ้างนักหนา ว่ามีทองคำสำรอง เป็นอันดับหนึ่ง ของโลกนั้น ความจริงคือ โกหกคำโต อเมริกา ไม่ได้มีทองคำอยู่แล้ว คนที่เปิดเผย เรื่องนี้ก็คือ นายโดมินิค สเตราซ์คานท์ อดีตประธานกองทุน ไอเอ็มเอฟ คนก่อน

ไอเอ็มเอฟ ที่เขาบริหาร เคยเรียกร้องให้อเมริกา ชำระหนี้เงินกู้ ในรูปของทองคำ แต่ถูกอเมริกา ปฏิเสธ เลยเป็นที่มาของ ข้อกล่าวหา ล่วงละเมิดทางเพศ อเมริกา แบล็คเมล์เขานั่นเอง ซึ่งภายหลัง เขาก็พ้น ข้อกล่าวหาดังกล่าว เพราะไปเปิดเผย เรื่องนี้กับ ผู้นำรัสเซียว่า “รัฐบาลอเมริกา ไม่มีทองคำ” ที่อ้างว่า เก็บไว้ที่ ฟอร์ต น็อกซ์.. รัสเซียเลยหัวเราะก๊ากๆ

ตอนนี้เหลือเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ ซีเรีย และอิหร่าน ที่ยังค้าขายน้ำมัน ในสกุลเงินอื่น ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ ถ้าจีน และรัสเซีย เสียพันธมิตรหลัก เหล่านี้ไป อเมริกาจะสามารถ พิมพ์เงินดอลลาร์ ออกมาได้เรื่อยๆ โดยที่เงินเหล่านี้ ยังสามารถใช้ได้ แต่ถ้าอเมริกา และพันธมิตร ปล่อยให้ อิหร่าน และซีเรีย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนน้ำมัน ในสกุลเงินอื่นล่ะ ประเทศผู้ค้า น้ำมันอื่นๆ เช่น เวเนซุเอล่า ก็จะเข้ามา ร่วมด้วย

รวมกับกลุ่มประเทศ ที่เรียกว่า BRICS เมื่อทุกประเทศทั่วโลก เริ่มทยอย เทขายเงินดอลลาร์ เงินเหล่านี้ ก็จะไหลกลับ ไปยังอเมริกา ผลก็คือ จะทำให้เกิด อัตราเงินเฟ้อ ในอเมริกา และดอกเบี้ย ทะยานสูงขึ้น และนั่นคือ หายนะทางเศรษฐกิจ ของอเมริกานั่นเอง และส่งผลให้ ธนาคารกลางอเมริกา จะไม่สามารถ พิมพ์ออกมา กระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกา ได้อีกต่อไป

ตอนนี้ทาง รัสเซีย และจีน ก็ประกาศ ซื้อขายก๊าซล่วงหน้า ระหว่างกันโดยตรง ยาวถึง 30 ปี และประกาศ เทขายเงิน สกุลดอลลาร์ แต่ทำไมอเมริกา ยังไม่ตัดสินใจ โจมตี จีน และ รัสเซีย ?? ก็เพราะ 2 ประเทศนี้ มีหัวรบนิวเคลียร์ นั่นเอง อเมริกากลัวเขาจะสู้ ก็เลยแค่แหย่ และพยายาม จะจุดชนวนสงคราม ในยูเครน ติดรัสเซียให้ได้

อเมริกา และตะวันตก จึงพยายามปิดล้อม มหาอำนาจ จีน และ รัสเซีย ทางเศรษฐกิจ ทุกเส้นทาง ที่เชื่อมต่อกับ ทางเดินของน้ำมัน โดยพยายามครอบงำ บรรดาประเทศ ที่รายล้อม จีน และรัสเซีย และดึงประเทศเหล่านี้ มาซุกปีก อเมริกาให้ได้ ถ้าประเทศไหนแข็งขืน อเมริกา ก็จะสนับสนุน ให้เกิด สงครามกลางเมือง หรือ ความวุ่นวาย

วิกฤติการณ์ในยูเครน ติดรัสเซีย และในบางมณฑลของจีน เช่น ซินเจียง กลุ่มติดอาวุธอุยกู ชาวมุสลิม ในบริเวณพรมแดน ใกล้กับ ปากีสถาน กำลังจะถูกจุดชนวน ก่อความรุนแรงขึ้น สาเหตุจริงๆ ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่อเมริกา เอาเรื่องความแตกต่าง ทางศาสนา มาจุดชนวน ความขัดแย้ง

แต่สาเหตุแท้จริงๆ ก็คือ ข้อตกลงทางเศรษฐกิจ ระหว่าง จีน กับปากีสถาน คือ ความร่วมมือ ในการขนส่งน้ำมัน จากเมืองท่า ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ของปากีสถาน ซึ่งมีท่อส่งน้ำมัน จากอิหร่าน แอฟริกา และจาก ตะวันออกกลาง ทางบก ทางรถไฟ ผ่านปากีสถาน มายัง จีนแผ่นดินใหญ่ บริเวณ มณฑลซินเจียง ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ทางเศรษฐกิจของจีน นั่นเอง

หลังข้อตกลง ระหว่างจีนกับ ปากีสถาน ราว 6 เดือน ดินแดนแถบนี้ ก็ถูกอเมริกา จุดชนวนสงคราม อ้างว่า ต่อต้านก่อการร้าย ขึ้นทันที ในบริเวณพรมแดน ของปากีสถาน โดยมีองค์กร ที่ให้ทุน สนับสนุนเจ้าเก่า เจ้าเดียวกันกับ ที่สนับสนุน เว็บไซต์ประชาไทย ที่ถูกปิดไป คือ NED และ USAID ของ CIA อเมริกานั่นเอง และอเมริกาก็ใช้ เครื่องบินไร้คนขับ โดรน สังหารผู้คน ในละแวกนี้ มีพลเรือน ที่บริสุทธิ์ เสียชีวิต เป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแต่ละวัน คนทั่วๆ ไปดูข่าว จะเข้าใจว่า เป็นเครือข่าย ก่อการร้าย อัลเคด้า.. แต่จริงๆ ไม่ใช่

อเมริกา ต้องการตัดเส้นทาง ลำเลียงน้ำมัน ของจีน บังคับให้จีน ยังต้องซื้อน้ำมัน จาก ซาอุดิ ในรูป สกุลเงินดอลลาร์ เพื่อเตะตัดขาจีน เศรษฐกิจจะได้ ไม่แซงหน้าอเมริกา นั่นเอง.. คืออเมริกา มันอิจฉาตาร้อน จีน กับ รัสเซีย ว่างั้นเหอะ

นี่คือเหตุผลที่ ทางรัฐบาลไทย ยังไม่สามารถ เปิดหน้าชก หันหลังให้อเมริกา และหันหน้า ไปทางจีน แบบเป็นทางการ เพราะต้องแสร้งว่า ยังพอถูไถกับ อเมริกาอยู่ หากไทยร่วมลงทุน เส้นทางรถไฟ จากตอนเหนือ ลงไปยังภาคใต้ ผ่านสามจังหวัด ชายแดนไต้ หรือการขุด คอคลอดกระ ใน 3-4 แนว จีนพร้อม ให้การสนับสนุน โครงการแน่

เพราะจีนเอง ก็ได้ประโยชน์จาก โครงการดังกล่าว แต่ไทยก็ต้อง คอยสมดุล มหาอำนาจ ระวัง ประเทศ ที่ไม่เคยจริงใจกับใคร อย่างอเมริกา เพราะเขาพร้อม สนับสนุน คนเสื้อแดง หัวรุนแรง เช่น คนแดนไกล มือปืน 10 ล้านกระบอก เจ๊เพ็ญ สุนัย ฯลฯ ที่ยังเคลื่อนไหว ทั้งใน และนอกประเทศ ให้ออกมาสร้าง ความวุ่นวาย เพื่อทำลาย เสถียรภาพรัฐบาล และเศรษฐกิจ ของประเทศ

เรากำลังอยู่ท่ามกลาง สงคราม ค่าเงินดอลลาห์ และเงินหยวน ที่พร้อมประทุ เผชิญหน้ากัน ทางทหาร ของบรรดา ชาติมหาอำนาจ ได้ทุกเวลา ประเทศมหาอำนาจ เขาทำเพื่อ ผลประโยชน์ ของพวกเขา ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร ถ้าเราก้าวพลาด แม้เพียงก้าวเดียว ประเทศเรา ก็เสี่ยง ตกอยู่ในสภาพ ไม่ต่างจาก ยูเครน ซีเรีย และอิรัก

และประเทศ แถวตะวันออกกลางอื่น ที่มีแค่หยดเลือด และคราบน้ำตา ของพี่น้องร่วมชาติ ที่ถูกชาติ มหาอำนาจ อ้างเรื่องศาสนา มากหลอก ให้เข่นฆ่ากันเอง ถ้าอนาคต เศรษฐกิจโลก เดินมาถึงทางตัน ประเทศเล็กๆ อย่างเรา อย่ามัวแต่ไปหวังพึ่งพา การลงทุน จากต่างประเทศ เพราะเอาแน่นอน อะไรไม่ได้

ถ้าหันไปเต็มๆ อีกทาง ภัยคุกคามจาก ฝ่ายตรงข้าม ก็จะตามมา ในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง ต้องเตรียมการ แต่เนิ่นๆ ดังพระราชดำรัส ล้นเกล้า รัชกาลที่ 3 ที่ทรงเตือนไว้ว่า "การศึกสงคราม ข้างญวนข้างพม่า ก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียที แก่เขาได้ การงานสิ่งใด ของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้ นับถือเลื่อมใส ไปทีเดียว "

ดังนั้น การเอาตัวรอด ประการแรกคือ "การลดการถือครอง เงินสกุล ที่มีความเสี่ยง" เช่น ดอลลาห์ และยูโร เพราะนาทีต่อจากนี้ เงินสกุลหยวน มีแนวโน้มว่า จะมีความสำคัญ และมีบทบาทเพิ่มขึ้น ในเวทีโลก ทั้งการค้าและการลงทุน อย่างต่อเนื่อง ในอนาคต

ผู้ประกอบการไทย จึงควรหันมาใช้เงิน สกุลหยวน ในการค้า และการลงทุน มากขึ้น เพื่อเป็นหนึ่ง ในเครื่องมือ การบริหาร จัดการความเสี่ยง จากอัตราแลกเปลี่ยน และลดผลกระทบ จากความผันผวน ของเงินสกุลดอลลาห์ ที่ผ่านมา สามารถกำหนด ราคาซื้อขาย ระหว่างเงินบาท กับเงินหยวน โดยตรง ที่คุนหมิง ของจีนแล้ว

เพราะด้วยขนาดเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มว่า เศรษฐกิจจีน จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับทางการจีน มีนโยบายผลักดัน การใช้เงินหยวน ให้เป็นที่แพร่หลาย มากขึ้น จึงมีผู้สนใจ ใช้เงินหยวน ในการทำธุรกรรมการค้า และการลงทุน ระหว่างประเทศ มากขึ้น เช่น กรณี “ อังกฤษเสนอตัว เป็นศูนย์กลาง การชำระดุล สกุลเงินหยวน” หรือ กรณีรัสเซียตกลงกับจีน ในการชำระ ค่าสินค้า ด้วยเงินสกุลท้องถิ่น ระหว่างกัน

เมื่อประชาชนของ ทั้งสองประเทศ เริ่มมีความคุ้ยเคย ในการชำระเงิน สกุลท้องถิ่น ระหว่างกันมากขึ้น จะช่วยเพิ่มทางเลือก ในการใช้เงิน สกุลท้องถิ่น ให้กับภูมิภาคอื่นๆของโลก การที่เงินสกุลหนึ่ง จะติดตลาด จนสามารถทำหน้าที่ เป็นสกุลเงินสากล ที่สมบูรณ์ ต้องมีองค์ประกอบ หลายปัจจัย เช่น เป็นระบบ อัตราแลกเปลี่ยน ที่ยืดหยุ่น ความคล่องตัว ในการเคลื่อนย้าย เงินทุน ตลาดเงิน ที่มีความลึก ความกว้าง ที่จะทำให้ต้นทุน การทำธุรกรรม อยู่ในระดับต่ำ

ซึ่งกรณีของ “ อังกฤษที่เป็นศูนย์กลาง ทางการเงิน จะมีการโค้ดเงินหยวน กับเงินปอนด์ โดยตรง “ ในตลาด แลกเปลี่ยนเงินในจีน ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการโค้ดเงินหยวน เทียบกับเงิน สกุลอื่นๆ บ้างแล้ว ทั้งเงินสกุลหลัก และเงินภูมิภาค เช่น เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เงินริงกิตมาเลเซีย เงินรูเบิลรัสเซีย หรือแม้แต่ เงินบาทของไทย

นาทีนี้นี่คือ ทิศทางสกุลเงินโลก ที่จะมั่นคง ในอนาคต คือเงินหยวน คนถือเงินดอลลาห์ ไว้ตอนนี้ ยิ่งถือไว้ในมือ มันจะยิ่งด้อยค่าลง ในอนาคต และเสี่ยง สูงขึ้นไปเรื่อยๆ พ่อค้าคนไหน ใช้เงินดอลลลาห์ ซื้อขายกัน.. จะกลายเป็น แบ็งค์กงเต็ก !!

การเอาตัวรอด ประการที่สอง คือ "รู้จักพึ่งตัวเอง ตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง" โดย "บริหารแบบคนจน.. อย่ายึดติดกับตำรา" ตามพระราชดำรัส ในหลวง ที่ทรงตรัสไว้เมื่อ 23 ปีที่แล้วว่า...

“...ต้องแบบคนจน เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้ แต่ไม่เป็นประเทศ ที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็น ประเทศก้าวหน้า อย่างมาก เพราะถ้าเราเป็น ประเทศก้าวหน้า อย่างมาก ก็จะมีแต่ถอยหลัง ประเทศเหล่านั้น ที่เป็นประเทศ ที่มีอุตสาหกรรม ก้าวหน้า จะมีแต่ถอยหลัง และถอยหลัง อย่างน่ากลัว

แต่ถ้าเริ่มมีการบริหาร ที่เรียกว่า แบบคนจน แบบที่ไม่ติดกับตำรา มากเกินไป ทำอย่างมีสามัคคี นี่แหละ คือเมตตากัน ก็จะอยู่ได้ ตลอดไป คนที่ทำงาน ตามวิชาการ จะต้องพึ่งตำรา เมื่อพลิกไปถึง หน้าสุดท้ายแล้ว ในหน้าสุดท้ายนั้น เขาบอก “อนาคตยังมี” แต่ไม่บอกว่า ให้ทำอย่างไร ก็ต้องปิดเล่ม คือปิดตำรา ปิดตำราแล้ว ไม่รู้จะทำอะไร ลงท้ายก็ต้อง เปิดหน้าแรกใหม่ เปิดหน้าแรก ก็เริ่มต้นใหม่ ถอยหลังเข้าคลอง

แต่ถ้าเราใช้ตำรา แบบคนจน ใช้ความอะลุ่มอล่วยกัน ตำรานั้นไม่จบ เราจะก้าวหน้า "เรื่อยๆ"...

...พระราชดำรัส เนื่องในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2534

@ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai

   www.asoke.info