แฉ..ความลับ @ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai

วันที่ 11 ก.ค.57 ไขปริศนา.. ยิวกับปาเลสไตส์ ใยต้องรบพุ่งฆ่ากัน (ตอน 1 ปฐมเหตุ)

ตอนนี้สงคราม ในตะวันออกกลาง ที่ทำท่า จะหยุดไม่อยู่ นอกจากใน ซีเรีย และ อิรัก แล้ว อีกจุดที่ดุเดือด เลือดนอง คือ ยิวอิราเอล กับปาเลสไตน์ ที่อยู่ในฉนวนการ์ซา ส่งผลให้ ยอดผู้เสียชีวิตจาก การโจมตีทางอากาศ ของอิสราเอล ในเขตปาเลสไตน์ ตลอด 4 วัน ตายทะลุ 120 รายแล้ว และมีผู้บาดเจ็บกว่า 600 ราย ส่วนใหญ่ เป็นพลเรือน เด็ก ผู้หญิง และคนชรา ประชาชนเกือบ 900 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย บ้านเรือนกว่า 150 หลัง พังพินาศ หรือ ได้รับความเสียหาย ร้ายแรง

สถานการณ์ การสู้รบ ระหว่างทั้งสองฝ่าย ยังคงดำเนินไป อย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีวี่แวว จะยุติลง โดยง่าย เมื่อมีจรวด จากกลุ่มติดอาวุธ ในเลบานอน ยิงเข้ามาใส่ เขตของอิสราเอล ทำให้อิสราเอล ประเมินว่า นักรบในเลบานอน อาจเข้าร่วมกับ กลุ่มฮามาส ในปาเลสไตน์ จึงจะมีมาตรการ ตอบโต้ ทางอากาศ อย่างดุเดือด

กองทัพอิสราเอล เรียกกำลังสำรอง 40,000 นาย รายงานตัว กับกองทัพ และจะส่ง 33,000 นาย ไปตรึงกำลัง ตามพรมแดน ติดเขตของ ชาวปาเลสไตน์ พร้อมประกาศว่า จะปฏิบัติการ ขยายด้วย กองกำลังสำคัญ ทั้งหมด เคลื่อนกำลัง ภาคพื้นดิน อาจมีขึ้น ภายใน 2 วันนี้

อิสราเอล เริ่มยุทธการป้องกัน สุดปลายขอบ หรือ "โปรเท็กทีฟ เอดจ์" ตั้งแต่ วันอังคารที่ 8 ก.ค. โดยยิงขีปนาวุธ ต่อต้านจรวด และปืนครก ของกลุ่มฮามาส ออกมาจาก ฉนวนกาซา เข้าสู่อิสราเอล ได้กว่า 121 ลูก จากราว 550 ลูก อิสราเอล ก็ตอบโต้ ด้วยปฏิบัติการโจมตี ทางอากาศ มากกว่า 500 เที่ยว การปะทะครั้งนี้ ถือเป็นความรุนแรงที่สุด นับจากเมื่อปี 2555

แม้คณะมนตรี ความมั่นคง แห่งสหประชาชาติ วิงวอนยับยั้ง เหตุความรุนแรง ที่ลุกลาม ขึ้นเรื่อยๆ ในฉนวนกาซา แต่ก็ไร้ผล เพราะนายกรัฐมตรียิว ไม่ใส่ใจ ข้อตกลง หยุดยิงใดๆ ยังสั่งปฏิบัติการ โจมตีทางอากาศ โดยยืนกรานว่า พวกฮามาส เป็นภัยคุกคาม ต่อชีวิตผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กกว่า 3.5 ล้านคน ทั่วรัฐยิว

กลุ่มฮามาส เองก็ข่มขวัญ ชาวอิสราเอล ด้วยการบอก ให้ชาวยิว ทั้งหลาย รอดูการโจมตี ด้วยการไล่แทง ในทุกหนทุกแห่ง รอคอยการโจมตี แบบพลีชีพ บนรถบัสโดยสาร ทุกคัน รวมถึง ตามคาเฟ่ และบนถนน... ดังนั้น สถานการณ์ ในอิสราเอล และกาซา กำลังลุกลาม เกินควบคุม

มาดูเป็นบทเรียน คนไทยว่า อาหรับกับยิว ทำไมจึงต้อง มีการรบพุ่งกัน มากว่า 2 พันปี และทำไม จึงไม่มีฝ่ายใด กำชัยชนะ ที่เด็ดขาดได้สักที และในยุคหลัง ใครอยู่เบื้องหลัง การรบพุ่ง ของชนชาติ 2 กลุ่มนี้

หลังจากโรม เข้าถล่ม เยรูซาเล็ม จนพินาศแล้ว ชาวอิราเอล ได้กระจัดกระจาย ไปสู่ในที่ต่างๆ แรกเริ่มเดิมทีนั้น ดินแดนปาเลสไตน์นั้น หาใช่ดินแดน ว่างเปล่า หากแต่มี ผู้คนอาศัย และสร้างสังคม วัฒนธรรม อารยธรรม มาช้านาน โดยมีหลายชนชาติ เข้ามาจับจองพื้นที่ สร้างบ้านเมือง ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ชาวกันอาน เป็นชนชาติอาหรับ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ ของชาวปาเลสไตน์ ชาวกิบบิโอน ชาวฟิลิสติน (ต่อมา แผลงมาเป็นชื่อ ปาเลสไตน์)

ต่อมาเมื่อชนชาติยิว ซึ่งอพยพมาจากอียิปต์ เข้ามาบุกรุก ดินแดนแถบนี้ และเริ่มรบพุ่ง แย่งชิงดินแดน จากชนพื้นเมือง ที่อยู่มาแต่เดิม จนสร้างอาณาจักร อิสราเอลขึ้น แต่ต่อมา ก็ได้ถูกแบ่งแยก ออกเป็นสองส่วน ตอนเหนือ เรียกว่า อาณาจักรอิสราเอล ส่วนตอนใต้ เรียกว่า อาณาจักรยูดาย
ถัดจากนั้น ดินแดนแถบนี้ ก็ถูกปกครอง โดยกลุ่มชน หลายเผ่าพันธุ์ เช่น บาบิโลน อัสสิเรียน เปอร์เซีย กรีก โรมัน

ในช่วงที่อยู่ ภายใต้การปกครอง ของโรมัน ชาวยิวกลุ่มหนึ่ง ได้ลุกขึ้นแข็งข้อ ต่ออำนาจของ จักรพรรดิติตัส ของโรมัน จักรพรรดิติตัส จึงสั่งทำลาย กรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ เสียจนราบคาบ จนกระทั่ง คริสต์ศตวรรษที่ 4 ปาเลสไตน์ ก็ตกเป็นของ ชาวคริสต์ จักรพรรดิ คอนสแตนติน ซึ่งเข้ารีตคริสต์ ได้สร้างวิหาร ศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ในกรุงเยรูซาเล็ม

กลายเป็น สถานที่ดึงดูด ให้คริสต์ศาสนิกชน เข้ามาจาริก แสวงบุญ กันมากขึ้น จนกลายเป็น ศูนย์กลางระบบ สงฆ์และนักบวช ในศาสนาคริสต์ จนเกิด การสร้างโบสถ์ และวิหารต่างๆ ตามมา อีกมากมาย จนกระทั่ง กลุ่มชาติอาหรับ ได้แผ่ขยายอิทธิพล เข้ามาใน ดินแดนแถบนี้ และก่อสงคราม แย่งชิงพื้นที่

ปี ค.ศ. 637 ชาวอาหรับ ก็ยึดครองดินแดน ได้โดยสมบูรณ์ ประชากร ที่เคยนับถือคริสต์ ก็เริ่มแปรเปลี่ยน มานับถืออิสลาม มากขึ้น จนประชากรส่วนใหญ่ ก็ลายเป็น ชาวมุสลิมไปจนเกือบทั้งหมด ชาวคริสเตียน ที่เหลืออยู่ พยายามอย่างยิ่ง ที่จะยึดครอง ดินแดนนี้ กลับมาเป็นของ ชาวคริสต์อีกครั้ง โดยไม่เพียงแต่ ชาวคริสต์ ในดินแดน ปาเลสไตน์ เท่านั้น หากแต่ยังได้รับ ความร่วมมือ จากชาวคริสต์ จากต่างแดน มาร่วมรบ ในสงคราม ที่เรียกว่า “สงครามครูเสด”

สงครามครั้งนี้ ยืดเยื้อยาวนาน กว่า 150 ปี จนในที่สุด ก็จบสิ้นลง โดยดินแดน ปาเลสไตน์ ตกเป็นของ ชาติอาหรับ อย่างสมบูรณ์ มีประชากรส่วนน้อย เท่านั้น ที่ยังเป็น ชาวคริสเตียน ดินแดนปาเลสไตน์ ก็ยังถูกผลัดเปลี่ยน หมุนเวียน กันครอบครอง จากสองชนชาติ คือ อาหรับ และคริสต์ มานานกว่า 800 ปี ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ชนชาติตุรกี เข้ายึดครอง นานถึง 400 ปี แต่การยึดครอง ของชาวเติร์กนี้ มิได้มี การเปลี่ยนแปลง ทางศาสนา

สัดส่วน การนับถือศาสนา ของประชาชน ในดินแดนแถบนี้ มิได้ถูกปรับเปลี่ยนไป แต่อย่างใด แม้แต่เชื้อชาติ พลเมือง ก็ยังคงเป็น ชาวอาหรับ เสียส่วนใหญ่ เหมือนก่อนหน้า ที่พวกเติร์ก จะเข้ามา ยึดครอง รวมถึงภาษา ประเพณี วัฒนธรรม ก็ยังคงเดิม เปลี่ยนแปลงเพียง กลุ่มชนชาติ ที่เข้ายึดครอง เท่านั้น

ปี ค.ศ. 1897 ได้มีการก่อตั้ง กลุ่มลัทธิ ไซออนนิสม์ โดยกลุ่มชาวยิว ปัญญาชน และพ่อค้ายิว ที่ทำมาหากิน จนร่ำรวย จากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะ บนแผ่นดิน อเมริกา และยุโรป มีจุดประสงค์ เพื่อนำชาวยิว กลับมาตั้งถิ่นฐาน สร้างชาติยิว ขึ้นมาใหม่ บนแผ่นดิน ปาเลสไตน์ ซึ่งกลุ่มไซออนนิสต์ ยึดมั่น ในพระคัมภีร์ที่ว่า “พระเจ้าได้ประทาน ดินแดนแห่งนี้ ให้กับชาวยิว”

แต่ในขณะนั้น ปาเลสไตน์ ตกอยู่ใต้อาณัติ ของอังกฤษ กลุ่มไซออนนิสต์ ใช้เวลานับสิบปี ลงทุน กว้านซื้อที่ดิน จากเจ้าของที่ดิน ชาวอาหรับ อย่างถูกกฎหมาย และจัดการ พัฒนาพื้นที่ ที่เคยแห้งแล้ง ให้สามารถ เพาะปลูกได้ ท่ามกลาง ความไม่พอใจ ของบรรดา ชาวอาหรับ เจ้าของที่ดินเดิม แต่ก็ไม่อาจ ทำอะไรได้ เพราะได้ทำการ ซื้อขายกันไปแล้ว ตามกฎหมาย ทุกประการ

ความขัดแย้ง ในการครอบครองดินแดน ยังคงคุกรุ่น อยู่เรื่อยมา โดยมีกลุ่ม ไซออนนิสต์ ดำเนินการอยู่ ทั้งโดยเบื้องหน้า และเบื้องหลัง จนกระทั่ง ภาคพื้นยุโรป เกิดสงครามโลกขึ้น และได้ลุกลาม ขยายวงกว้าง มายังดินแดน ปาเลสไตน์

ปี ค.ศ. 1910 ในช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 1 นักเคมีชาวยิว สมาชิกกลุ่ม ไซออนนิสต์ เป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านวัตถุระเบิด และได้เปลี่ยน สัญชาติ จากลัตเวีย มาเป็นอังกฤษ ได้ทำการคิดค้น ดินระเบิด ประสิทธิภาพสูง ซึ่งสามารถ ผลิตเองได้ โดยใช้วัตถุดิบ ที่หาได้ง่าย เนื่องจาก ก่อนหน้านั้น กองทัพอังกฤษ ใช้ดินระเบิด คอร์ไดท์ ซึ่งอังกฤษ ผลิตเองได้ แต่จำเป็นต้องใช้ วัตถุดิบสำคัญ คือ อาซีโทน

สารนี้จำเป็น ต้องสั่งเข้า จากเยอรมัน ซึ่งเป็นคู่สงคราม เมื่อไม่มีวัตถุดิบ อังกฤษ จึงประสบปัญหาใหญ่ ในการทำสงคราม จนกระทั่งได้ นักเคมี ชาวยิว มาช่วย อังกฤษ จึงยังคงสามารถ เข้าร่วมรบ ในสงครามโลก ต่อไปได้

จากการช่วยเหลือของ นักเคมีชาวยิวผู้นี้ (ต่อมา ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการ ทางวิทยาศาสตร์ กระทรวงทหารเรือ ของอังกฤษ) ทำให้อังกฤษ ซึ่งมีอิทธิพล เหนือดินแดน ตะวันออกกลาง ในช่วงนั้น ตอบแทน โดยการมอบดินแดน ปาเลสไตน์ ให้เป็นที่ พักพิงถาวร ของชาวยิว โดย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม ของอังกฤษ ในขณะนั้น เป็นผู้ลงนามใน “สนธิสัญญา บาลฟอร์”

ขณะเดียวกัน ก็เกิดสนธิสัญญา ขึ้นซ้อน อีกหนึ่งฉบับ ที่ข้าหลวงใหญ่ ของอังกฤษ ในอียิปต์ ไปตกลงกับ ชาวอาหรับว่า หากชาวอาหรับ ช่วยอังกฤษ ทำสงคราม กับเยอรมันแล้ว อังกฤษจะยก ดินแดนบางส่วน รวมถึงปาเลสไตน์ คืนให้แก่ ชาวอาหรับ แต่เมื่อสิ้นสงคราม อังกฤษก็ยังคง ยึดครองปาเลสไตน์ โดยมิได้มอบ ให้แก่ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เนื่องด้วย ฝ่ายยิวและอาหรับ ต่างก็อ้าง สนธิสัญญา ที่ตนเองถือ เป็นข้ออ้าง ในการครอบครอง ดินแดน

ปี ค.ศ. 1923 องค์การสันนิบาตชาติ มอบหมายให้อังกฤษ เป็นผู้ดำเนินการ ส่งมอบดินแดน ปาเลสไตน์ ให้แก่ชาวยิว แต่อังกฤษก็ยังคง ครอบครองดินแดนไว้ เพื่อใช้ต่อรองกับ กลุ่มชาติอาหรับ ในการทำ สงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งแน่นอนว่า ภายหลังสงคราม ดินแดน เจ้าปัญหานี้ ก็ยังไม่ได้ ถูกส่งมอบ ให้แก่ฝ่ายไหนอยู่ดี อีกทั้งปัญหา การอพยพเข้ามา ของชาวยิว จำนวนมาก ก็ยังเพิ่ม ทวีความวุ่นวาย เข้าไปทุกขณะ โดยมีกลุ่มชาติอาหรับ แสดงท่าที ไม่พอใจ อย่างเห็นได้ชัด

ปี ค.ศ. 1939 -1945 ในสมัยสงครามโลก ครั้งที่สอง ฮิตเลอร์ และพรรคนาซี ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว ไปทั้งหมด ประมาณ 7 ล้านคน หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของประชากรยิว ในยุโรป ที่เป็นผลจาก ความฝังใจ ของฮิตเลอร์ ในสมัยวัยเด็ก ต่อการกดขี่ของยิว

ปี ค.ศ. 1947 พวกไซออนนิสม์ ใช้วิธีการหลายอย่างสำหรับการถ่ายเทประชากร เช่น การทำสงคราม การก่อการร้าย การขับไล ่โดยใช้กำลัง และนโยบาย ให้ชาวยิว มาตั้งหลักแหล่ง ในเขตที่อิสราเอล ยึดครองไว้ ผู้ก่อการร้ายชาวยิว ได้ทำร้าย ชาวอาหรับ อย่างรุนแรง ทิ้งระเบิด ลงในกลุ่มคน ทำลายหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้ชาวอาหรับ กลับมาอีก

สมัชชาสหประชาชาติ ลงมติ แบ่งดินแดน ปาเลสไตน์ ให้กับชาวยิว โดยแบ่งเอาดินแดน บางส่วน ของซีเรีย และอียิปต์ไปด้วย โดยมติ ดังกล่าว ไม่ได้ขอความเห็นชอบ จากชาวปาเลสไตน์เลย แม้แต่น้อย การแบ่งดินแดน ในครั้งนั้น ทำให้ปาเลสไตน์ ถูกแบ่งออก เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่ง เป็นที่อาศัย ของชาวยิว และอีกส่วนหนึ่ง เป็นที่อาศัยของ ชาวอาหรับ

ปี ค.ศ. 1948 เกิดสงคราม ระหว่าง ยิวกับประเทศอาหรับ 4 ประเทศ คือ ปาเลสไตน์ อียิปต์ ซีเรีย และ เลบานอนขึ้น ชาวยิวเปลี่ยน องค์การใต้ดิน ฮากานาห์ มาเป็น กองทัพแห่งชาติ ในระหว่าง การต่อสู้นี้ ชาวปาเลสไตน์ อาหรับ ต้องทิ้งถิ่นที่อยู่ ลี้ภัยไปมากกว่าครึ่ง สงครามครั้งนี้ ยุติลง ในเวลาอันสั้น

คณะมนตรีความมั่นคง ของสหประชาชาติ มีคำสั่ง ตั้งรัฐยิวขึ้น อย่างเป็นทางการ บนแผ่นดิน ปาเลสไตน์ โดยตั้งชื่อว่า รัฐอิสราเอล ส่งผลให้ ชาวยิวที่อาศัยอยู่ ในดินแดนนี้ กลายเป็น ชาวอิสราเอล ไปโดยปริยาย ทำให้เกิดปัญหา ผู้ลี้ภัยขึ้นถึง 9 แสนคน ส่วนใหญ่ หนีไปทาง ประเทศจอร์แดน และฉนวนกาซา นอกนั้น ก็ไปยังประเทศซีเรีย และเลบานอน

ชาวปาเลสไตน์ ต้องทิ้งบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน รวมทั้งทรัพย์สิน สมบัติของตน ไปเป็นผู้ลี้ภัย ซึ่งไม่มีทาง ทำมาหากิน เกือบล้านคน นอกจากนั้น ผู้นำของ ชาวอิสราเอล ยังมีแผนการ บีบบังคับ ให้ชาวปาเลสไตน์ ต้องออกจากดินแดน ของพวกเขาไป เพื่อตนจะได้ เข้าไปครอบครอง แทนที่เพื่อให้เป็นไป ตามวัตถุประสงค์ของ ลัทธิไซออนนิสม์ ซึ่งตั้งใจจะให้ ประเทศนั้น กลายเป็นชาวยิว โดยเฉพาะเท่านั้น

ประธานาธิบดีชุดแรก ของอิสราเอล มีจุดมุ่งหมายคือ ชาวยิว ควรยึดประเทศ ปาเลสไตน์ให้ได้ การแก้ปัญหา ให้ปาเลสไตน์ ก็คือต้องกำจัด ชาวอาหรับออกไป จากมาตุภูมิของพวกเขา ให้หมดสิ้น ดังนั้น จึงมีความคิด ในเรื่อง “การถ่ายเทประชากร” ที่ฝังหัวอยู่ในสมอง ของพวก ไซออนนิสม์เสมอ

ชาวยิว จะเป็นเชื่อเสมอว่า ในประเทศนี้ไม่มีเหลือพอ ที่คนสองชาติ จะอยู่ร่วมกันได้ เขาย่อม จะไม่บรรลุ ถึงเจตนา ที่จะเป็น อิสระชนได้ ถ้ามีชาวอาหรับ อยู่ด้วย ในประเทศเล็ก ๆ นี้ วิธีแก้ปัญหา วิธีเดียวก็คือ ต้องไม่ให้มี คนอาหรับอยู่ด้วย ไม่มีวิธีอื่น ที่จะทำได้ มากไปกว่า ต้องย้ายชาวอาหรับ จากที่นี่ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ย้ายไปให้หมด ไม่ให้เหลือ แม้แต่หมู่บ้านเดียว หรือเผ่าเดียว หลังจาก การโยกย้ายนี้ ประเทศนี้ จึงจะสามารถดูดซึม เอายิวนับล้าน ๆ คนได้

ปี ค.ศ. 1949 เยรูซาเลม ได้รับการประกาศ ให้เป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุด ของประเทศ อิสราเอล เป็นดินแดน ที่มีประวัติศาสตร์ ความขัดแย้ง เกี่ยวพันกับ 3 ศาสนา คือ ศาสนายิว ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม คริสต์ศาสนิกชน เชื่อว่า พระเยซู เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ที่ภูเขา มะกอกเทศ และการมาครั้งที่สอง ของพระองค์ ก็จะเกิดที่เมืองนี้ เช่นกัน

ส่วนชาวมุสลิม เชื่อว่าเป็นเมืองที่ นบีมุฮัมมัด ถูกรับขึ้นไป บนสวรรค์ จึงการแย่งชิง เมืองนี้กัน ตลอดมา เพราะต่างมีความเชื่อว่า ศาสดาของตน ขึ้นสวรรค์ที่เมืองนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่ 2 ศาสนา มีบันทึก ตรงกัน แต่คนละศาสดา ??

ปี ค.ศ. 1953 หมู่บ้านชาวอาหรับ ถูกทำลายไป 161 แห่ง การกระทำ ที่โหดเหี้ยมที่สุด คือการฆ่าคน เกือบทั้งหมู่บ้าน เดรยัสซีน ทำให้ชาวอาหรับ ต้องหนี ออกจากประเทศ ไปอย่างมากมาย ปี 1956 ยิวบดขยี้ หมู่บ้านชาวอาหรับ ราบเรียบ และขับไล่ ผู้อยู่อาศัยออกไป จึงจะแน่ใจได้ว่า จะไม่มีหมู่บ้าน เหลืออยู่ ให้ชาวอาหรับ หวนกลับมาได้

การตั้งหลักแหล่ง ของชาวยิว คือ นโยบาย ที่จะทำให้ชาวยิว มาตั้งบ้านเรือน ล้อมที่อยู่ของ ชาวอาหรับไว้ เพื่อป้องกัน มิให้ชาวอาหรับ รวมตัวกันได้ และตั้งใจ จะผนวกฝั่งตะวันตก ของแม่น้ำ จอร์แดน และ ฉนวนกาซา เข้าเป็นของ อิสราเอล ชาวยิว มีวิธียึดครอง ที่ดินเช่นนี้ มากมาย เช่น ออกกฎหมาย ยึดเอาที่ดิน เนรเทศ เจ้าของเดิมออกไป ออกกฎหมาย ให้ที่ดินนั้น เป็นเขตต้องห้าม ทำลายบ้านเรือน ชาวปาเลสไตน์

ใช้วิธีควบคุมบีบคั้น ทางเศรษฐกิจ และการกดขี่ ปราบปราม ชาวปาเลสไตน์ ฯลฯ ในด้านการศึกษา และวัฒนธรรม ทางการอิสราเอล ก็ใช้วิธีสั่งห้าม และเข้าควบคุม การตัดสินใจ ทุกอย่าง ในด้าน การศึกษา ของชาวปาเลสไตน์ รวมทั้ง การขู่เข็ญ มิให้นักศึกษา หนุ่มสาว ของชาวปาเลสไตน์ กล้าแข็ง ต่อต้าน อิสราเอล

การเข้ายึดครอง ของอิสราเอล จึงทำให้ ชาวปาเลสไตน์ กลายเป็นคนต่ำต้อย ถูกกดขี่ ชาวปาเลสไตน์อาหรับ จะรู้สึกว่า พวกไซออนนิสม์ เป็นศัตรูตัวร้าย พวกเขาพยายาม รวมตัวกัน ทางการเมือง เพื่อต่อต้าน ชาวอิสราเอล แต่ก็เสียเปรียบ ในด้านการเงิน และอาวุธ ดังนั้น ขบวนการ กู้ชาติ ของอาหรับ ในปาเลสไตน์ จึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ก็ถูก ปราบปรามลง อย่างรวดเร็ว จำต้องใช้การต่อสู้ แบบไม่เปิดเผย

ปี ค.ศ.1956 หลังจากอียิปต์ สู้รบแพ้อิสราเอลในวิกฤตการณ์คลองสุเอซ หรือสงครามสุเอซ-ซีนาย ประธานาธิบดีกา มาล อับเดล นัสเซอร์ ของอียิปต์ ก็ประกาศจะล้างแค้น และสนับสนุน ขบวนการ ชาตินิยม ของชาวปาเลสไตน์ พร้อมกับ ลงมือจัดตั้ง พันธมิตรอาหรับที่ราย รอบประเทศ อิสราเอล และระดมสรรพกำลัง เตรียมทำสงคราม

แนวหน้า รวมกำลังแห่งชาติ อัล-ฟาตะฮ ได้ถูกจัดตั้งขึ้น โดยมีความมุ่งหมาย ที่จะสร้างแนวร่วม ของชาวปาเลสไตน์ ทั้งหมดขึ้นมา โดยรวมเอา ขบวนการต่อต้าน ของชาวปาเลสไตน์ เข้าด้วยกัน โดยไม่คำนึงถึง ความแตกต่าง ของความคิด ทางการเมือง ของแต่ละกลุ่ม

ปี ค.ศ.1964 ได้มีการจัดตั้ง องค์การปลดปล่อย ปาเลสไตน์ (พีแอลโอ) ขึ้น โดยประธานาธิบดี อียิปต์ มีการเปลี่ยนแปลง นโยบายครั้งใหญ่ เลือกประธานคนใหม่ ที่มาพร้อมกับ นโยบาย ที่แข็งกร้าวขึ้น นั่นคือ นายยัสเซอร์ อาราฟัต ที่เขาร่วมเคลื่อนไหว ทางการเมือง มาตั้งแต่ สมัยที่ ยังศึกษา ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย แห่งกษัตริย์ฟาฮัด ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์

และได้เข้าร่วมเป็นทหาร ในกองทัพอียิปต์ เมื่อครั้งสงคราม คลองสุเอซ จากนั้น ได้ไต่เต้าขึ้นมา สู่ตำแหน่ง สำคัญๆ ในองค์การ ปลดปล่อย ปาเลสไตน์ จนกระทั่ง ก้าวขึ้นสู่ ตำแหน่งผู้นำ ในที่สุด อาราฟัต พยายามอย่างยิ่ง ในการแสดงให้ชาวโลก ยอมรับ การมีตัวตน ของชาวปาเลสไตน์ และ พยายามแสดง ให้เห็นถึง ความชอบธรรม ในการกอบกู้ดินแดน ของชาวปาเลสไตน์ คืนจากอิสราเอล

อัล-ฟาตะฮ กลายเป็น หน่วยที่มีพลัง มากที่สุด ในองค์การ พีแอลโอ ชาวปาเลสไตน์ ได้ประกาศ ความมุ่งหมาย ของพวกเขาออกมา คือพวกเขาจะต่อสู้ เพื่อกลับไปสู่ประเทศ ที่เป็นมาตุภูมิ ของตน และจะจัดตั้ง ปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นอิสระ และเป็น ประชาธิปไตยขึ้น

ความไม่พอใจ ให้ชนชาติอาหรับ จนกลุ่มชาติอาหรับ จัดตั้งกองกำลัง บุกเข้าอิสราเอล หวังที่ จะกวาดล้าง ชาวยิวให้สิ้นซาก สงคราม ที่กินเวลา ยาวนาน 8 เดือน ลงเอย ด้วยความพ่ายแพ้ อย่างหมดรูป ของชาติอาหรับ แต่ก็ก่อให้เกิด การรบพุ่งกัน ต่อเนื่องมาอีก หลายต่อหลายครั้ง

ปี ค.ศ. 1967 เกิด “สงคราม 6 วัน” โดยประธานาธิบดี อียิปต์ ส่งกองกำลังทหาร กว่า 7 แสนนาย จากความร่วมมือ ของชาติอาหรับ 7 ชาติ เข้าถล่มอิสราเอล ที่มีกองกำลังเพียง 2 แสนนาย เท่านั้น เหตุการณ์ กลับตาลปัตร กลายเป็นว่า ยิวเป็นฝ่ายมีชัย ในสงคราม ผลการรบ อียิปต์ จอร์แดน ซีเรีย อิรัก สูญเสีย กองทัพอากาศ ไปทั้งหมด

โดยรวมแล้ว อียิปต์เสียทหาร 11,000 นาย จอร์แดน เสียประมาณ 6,000 นาย ซีเรียเสียราว 1,000 นาย และ อิสราเอลเสีย 700 นาย ยิว ยังยึดดินแดนของ ฝ่ายชาติอาหรับ มาเป็นของตน ขยายเขตแดนไป 3-4 เท่า เช่น เขตกาซ่าตะวันออก แหลมซีนาย ของอียิปต์ เขตเวสต์แบงก์ ที่ราบสูงโกรัน ของซีเรีย นครเยรูซาเล็ม ฝั่งตะวันออก ซึ่งดินแดนที่ว่านี้ ส่วนใหญ่ยังถูก อิสราเอล ครอบครอง มาจนถึง ปัจจุบัน

นอกเหนือจากชัยชนะ ครั้งนี้แล้ว อิสราเอล ยังฉวยโอกาสนี้ ทำการขับไล่ ชาวอาหรับ ออกจาก จากดินแดน ของตน เป็นจำนวนมาก จากความพ่ายแพ้ ในครั้งนี้ ทำให้กลุ่มชาติอาหรับ ลดความนับถือ ต่อประธานาธิบดี อียิปต์ เป็นอย่างมาก

..เรื่องราวกำลังเข้มข้น ให้ติดตามต่อ ตอนที่ 2 เพื่อไขปริศนาว่า กลุ่มไซออนนิสม์ สำคัญต่อ สงครามอาหรับ - ยิว และต่อโลกอย่างไร อ่านต่อที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.252806108242757.1073742037.187529244770444&type=1

@ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai

หมายเหตุ โปรดงดโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหา / ออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ / โพสภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช./ นำข่าวลือมาโพส ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อคเข้าเพจนี้ ดูเพิ่มเติม

 

แฉ..ความลับ

วันที่ 12 ก.ค.57 ไขปริศนา.. ยิวกับปาเลสไตส์ ใยต้องรบพุ่งฆ่ากัน (ตอน 2 เผชิญหน้า)

ตอนแรก ได้เล่าให้ฟัง ถึงรากฐาน และความขัดแย้ง การเอารัดเอาเปรียบ ของยิว ต่อชนชาติ ปาเลสไตน์ และอาหรับ จนก่อสงคราม ต่อกัน ตายไปจำนวน มากมายแล้ว

** ความเดิมที่ htt...ps://www.facebook.com/media/set/?set=a.252803251576376.1073742036.187529244770444&type=1

ปี ค.ศ. 1968 การโจมตีของ ชาวจอร์แดน ต่อค่ายผู้ลี้ภัย ปาเลสไตน์ ที่ตำบล ฮุสเซ็น และอัชเราะฮ จนกระทั่ง รัฐบาลจอร์แดน ทำลาย หน่วยต่อต้าน ของชาวปาเลสไตน์ ในจอร์แดน หน่วยปฏิบัติการ ใต้ดิน พีแอลโอ จึงต้องมา รวมตัวกันใหม่ ที่เทือกเขา เลบานอน ซึ่งถูกทหาร อิสราเอล โจมตีอีก จนต้องย้ายที่ทำการ ไปอยู่ที่เมือง แอลเจียร์ ประเทศแอลจีเรีย

ปี ค.ศ. 1972 องค์การพีแอลโอ ใช้ทุกวิถีทาง แม้กระทั่ง ใช้ความรุนแรง ทางทหาร รวมทั้ง การก่อการร้าย เหตุการณ์ ที่เป็นที่จดจำ ของชาวโลก มากที่สุด ครั้งหนึ่ง คือ การจับนักกีฬา ชาวอิสเราเอล เป็นตัวประกัน ระหว่าง การแข่งขันกีฬา โอลิมปิก ณ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

โดยกลุ่มนักรบ ปาเลสไตน์ ที่เรียกตัวเองว่า “ขบวนการ กันยาทมิฬ” บุกเข้าหอพัก นักกีฬาโอลิมปิก พร้อมกับจับตัว นักกีฬา ชาวอิสราเอล จำนวน 11 คน เป็นตัวประกัน โดยพวกเขา เรียกร้อง ให้รัฐบาล อิสราเอล ปล่อยตัว นักโทษการเมือง ชาวปาเลสไตน์ 234 คน และอีก 2 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ ที่เยอรมัน พร้อมทั้ง ร้องขอเครื่องบิน เพื่อเตรียมหลบหนี เข้าอียิปต์

นายกรัฐมนตรี อิสราเอล ในขณะนั้น ซึ่งดำเนินนโยบาย แข็งกร้าว ต่อปาเลสไตน์ และไม่ยินยอม เจรจา กับผู้ก่อการร้าย ปฏิเสธ ข้อเรียกร้อง ของกลุ่มผู้ก่อการ และยังส่ง หน่วยรบพิเศษ ที่เชี่ยวชาญ ในการชิงตัวประกัน เข้ามาช่วยเหลือ แต่รัฐบาลเยอรมัน ปฏิเสธ เนื่องจาก ต้องการจัดการ สะสางปัญหา ด้วยตนเอง เพื่อรักษาหน้า ของเจ้าภาพ โอลิมปิก

หรืออีกประเด็นหนึ่ง ที่เป็นนัยยะแอบแฝง นั่นคือคือ รัฐบาลเยอรมัน ต้องการแสดง ความรับผิดชอบ และลบล้างความผิด สมัย สงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่มีการฆ่า ล้างเผ่าพันธุ์ ชาวยิวนั่นเอง แต่พลแม่นปืน ของเยอรมัน ทำพลาด จนทำให้เกิด โศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่ เมื่อตัวประกัน เสียชีวิตหมด ทั้ง 11 คน ตำรวจเยอรมัน เสียชีวิต 1 นาย ผู้ก่อการร้าย เสียชีวิต 5 ราย ถูกจับเป็น 3 ราย

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ สร้างความเคืองแค้น ให้อิสราเอล อย่างมาก เพราะนอกจาก ตัวประกัน จะเสียชีวิตหมด บรรดาชาติต่างๆ ก็ดูเหมือน จะลืมเลือนเรื่องนี้ กันอย่างรวดเร็ว โดยหันสนใจ การแข่งขัน โอลิมปิกแทน ทั้งที่เกิดเรื่องราว อันเลวร้ายเช่นนี้ แต่นานาชาติ กลับยังคงดำเนิน การแข่งขันต่อไป ราวกับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อิสราเอล ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาลงมือ ปฏิบัติการตอบโต้ อย่างทันควัน ส่งฝูงบินอิสราเอล ไปถล่ม ฐานปฏิบัติการ ขององค์การ ปลดปล่อย ปาเลสไตน์ ในซีเรีย และเลบานอน รวมถึง การส่ง หน่วยจารชน เข้าไปจัดการ กับกลุ่ม PLO ทั้งในปาเลสไตน์ กลุ่มชาติอาหรับ และหลายพื้นที่ ในยุโรป อย่างลับๆ

ซึ่งปฏิบัติการหลายครั้ง สร้างความเสียหาย ขั้นรุนแรง แต่อิสราเอล ก็ไม่ได้ออกมา แสดงความรับผิดชอบ อีกทั้งปฏิเสธ อย่างแข็งขันว่า พวกเขา ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง การล้างแค้น ดังกล่าว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญ หลายครั้ง เกิดขึ้น จากฝีมือของ หน่วยสืบ ราชการลับ อิสราเอล ที่เรียกตัวเองว่าพวก มอสสาด

ปี ค.ศ. 1972 หลังจากที่ ทั้งสองฝ่าย ปฏิบัติการ ด้วยความรุนแรง ทั้งอย่างลับๆ และอย่างโจ่งแจ้ง มาช่วงระยะหนึ่ง ซึ่งต่างฝ่าย ต่างก็พบว่า การใช้ความุรนแรง ไม่ได้ก่อให้เกิด ประโยชน์อันใด ผู้นำของ PLO และอิสราเอล ยอมหันหน้า เข้าหากัน โดยเจรจา ผ่านทาง สหประชาชาติ ก่อให้เกิด การลงนาม ในข้อตกลง สันติภาพออสโล ประกาศว่า โลกยอมรับ ให้มีดินแดน ปกครองตนเอง ที่ชื่อปาเลสไตน์ ในเขตเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซ่า

ปี ค.ศ. 1973 สหรัฐอเมริกา ได้แสดงตัวให้เห็นว่า เข้าข้างอิสราเอล และเกลียดชัง พีแอลโอ อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่ง สั่งปิด สำนักงานของ พีแอลโอ ในนครนิวยอร์ค และอายัติ บัญชีเงินฝากของ พีแอลโอ ด้วย

ปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดีอียิปต์ ได้เดินทาง ไปพบปะกัน นายกรัฐมนตรี อิสราเอล และ ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจา สันติภาพกัน โดยมิได้ ปรึกษาหารือ กับโลกอาหรับ ทั้งสาม ได้ลงนาม ในเอกสาร ฉบับเมื่อวันที่ 17 กันยายน คือโครงการสันติภาพ ในตะวันออกกลาง และ สนธิสัญญา สันติภาพ ระหว่างอียิปต์ กับอิสราเอล

การที่อียิปต์ ทำลงไป โดยพละการ เช่นนี้ ทำให้โลกอาหรับ ไม่พอใจ เพราะจะทำให้ โลกอาหรับ แตกแยกกัน ชาวปาเลสไตน์ก็เกรงว่า อียิปต์จะทอดทิ้งพวกเขา เพราะไปรับรอง อิสราเอล พีแอลโอ ได้ปฏิเสธ ข้อตกลงนี้ อย่างแข็งขัน โดยถือว่า เป็นการปฏิเสธ สิทธิ ตามกฎหมาย ของชาวปาเลสไตน์ ประเทศมุสลิม และประเทศเป็นกลาง ก็ปฏิเสธ แม้กระทั่ง สหประชาชาติ ก็ยังปฏิเสธ

ปี ค.ศ. 1981 จุดหมายที่สำคัญ ของอิสราเอล คือ ใช้สนธิสัญญานี้ เป็นเครื่องกีดกัน มิให้มีการจัดตั้ง รัฐบาล ปาเลสไตน์อิสระ ขึ้นได้ หลังจากนั้นไม่นาน อิสราเอล ได้เข้าโจมตี เลบานอนใต้ ที่อยู่ของ พีแอลโอ อย่างหนัก และได้ผนวก กรุงเยรูซาเล็ม เข้าเป็นของยิว อีกด้วย

สงครามที่ใหญ่ที่สุด และยาวนานที่สุด ระหว่างอิสราเอล กับชาวปาเลสไตน์ ก็เกิดขึ้น ในเลบานอน ครั้งนี้ ยังมีจุดประสงค์คือ ทำลายกำลัง ทางการเมือง และการทหาร ของพีแอลโอ จัดตั้งรัฐบาล เลบานอน ที่เข้มแข็ง เพื่อช่วยเหลืออิสราเอล สร้างอิสราเอล ขึ้นเป็น มหาอำนาจ เพื่อควบคุม การพัฒนา ทุกอย่าง ด้านการเมือง และเศรษฐกิจ ได้ในกำมือตน

ฝ่ายอเมริกามีความยินดีในการกระทำของอิสราเอล แต่แสร้งเสนอตัว เข้าไกล่เกลี่ย และรัฐมนตรี ต่างประเทศ ของสหรัฐ อเมริกา ก็ไม่ยอมเดินทาง ไปประท้วง การรุกราน ที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย แต่ชาวโลก กลับให้ความสนใจ แค่คำเรียกร้องของ ชาวปาเลสไตน์ มากกว่าแต่ก่อน การสร้างสงครามครั้งนี้ ปรากฏว่า มีคนตายถึง 15,000 คน ซึ่งแน่ละ ส่วนใหญ่ต้องเป็น ชาวปาเลสไตน์

ปี ค.ศ. 1982 พีแอลโอ ได้ไปตั้ง สำนักงานใหญ่ขึ้นใหม่ ในเมืองตูนิซ ประเทศตูนิเซีย ต้องทำงาน อย่าง-รีบเร่ง เพื่อสร้าง โครงสร้าง สำคัญ ๆ ด้านการเมือง และสังคม ขึ้นมาใหม่ หลังจาก ถูกทำลายไปแล้ว หน่วยต่อสู้ของ พีแอลโอ ก็ต้องกระจาย ไปอยู่ตาม ประเทศอาหรับ ต่าง ๆ ทำให้รวมตัว กันได้ลำบาก

ได้มีการประชุมสุดยอด ของกลุ่ม ประเทศอาหรับ ครั้งที่ 12 ในเมืองเฟซ ประเทศ โมร็อกโก ที่ประชุมได้ออก “กฎบัตรเฟซ” ซึ่งมีเนื้อหา สำคัญ คือ จัดตั้งรัฐบาล ปาเลสไตน์ โดยมีเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวง ถอนกำลังทหาร ของอิสราเอล ออกจาก เขตยึดครอง ทั้งหมด ซึ่งเดิมเป็นของ อาหรับ ก่อนสงครามปี 1967 รื้อถอนถิ่นฐาน ที่อิสราเอลสร้างขึ้น

ยืนยันสิทธิ์ของ ชาวปาเลสไตน์ ในการจะตัดสินใจ ด้วยตนเอง และสามารถใช้สิทธิ์ ในประเทศ ปาเลสไตน์ ภายใต้การนำของ พีแอลโอ ให้ฉนวนกาซา และดินแดน ฝั่งตะวันตก (ของแม่น้ำ จอร์แดน) อยู่ในความดูแลของ สหประชาชาติ ไปก่อน และ ให้สภาความมั่นคง รับประกัน ต่อสันติภาพ ในระหว่าง ชนชาติต่างๆ ในแถวนั้น แต่รัฐบาลอิสราเอล ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ ข้อเสนอนี้ โดยสิ้นเชิง

กลุ่มประเทศอาหรับ ได้ยื่นข้อเสนอนี้ ไปยังรัฐบาล อเมริกา ประธานาธิบดีมะกัน แต่เขาก็ยังปฏิเสธ เรื่องการจัดตั้ง รัฐปาเลสไตน์อิสระ และมิได้กล่าวเลยว่า จะเกลี้ยกล่อม ให้ถอนทหาร อิสราเอล จากเขตยึดครอง ได้อย่างไร และยังบอกปัด ข้อเสนอ ของชาวอาหรับ ที่จะเอา กรุงเยรูซาเล็ม คืนด้วย

ประธานาธิบดีรัสเซีย จึงได้เสนอแผนสันติภาพ ให้แก่อเมริกา ให้อิสราเอล คืนดินแดน ยึดครองทั้งหมด ให้แก่ชาวปาเลสไตน์ ชาวปาเลสไตน์มีสิทธิ์ จัดตั้งรัฐอิสระ ของพวกเขาเองขึ้น ในเขตแดน อิสราเอล และอิสราเอล ต้องคืนกรุงเยรูซาเล็ม ตะวันออก ให้ชาวปาเลสไตน์ด้วย แต่ในระหว่างนั้น อิสราเอล กลับท้าทาย ด้วยการสร้าง ชุมชนชาวยิว ขึ้นใหม่อีก 5 แห่ง ที่แถบตะวันตก ของแม่น้ำ จอร์แดน

ปี ค.ศ. 1993 อิสราเอล และ ปาเลสไตน์ ได้ตกลงกัน เซ็นสนธิสัญญา ออสโล อนุญาต ให้ชาวปาเลสไตน์ มีอำนาจ ในการปกครองตัวเอง (อย่างจำกัด) ในเขต ฉนวนกาซา สถานการณ์ ในตะวันออกกลาง ก็มีท่าที ที่สงบลง แต่เพียงหนึ่งปีให้หลัง ก็เกิดการปะทะกัน ระหว่างสองฝ่าย เหมือนเช่นเดิม เพราะอเมริกา คอยเป็นพี่เลี้ยงชั้นดี ที่คอยหนุนหลังยิว ทั้งทางลับๆ และแบบเปิดเผย

ปี ค.ศ. 1995 กลุ่มชาวยิวหัวรุนแรง ในอิสราเอล ไม่พอใจท่าที ที่ยอมอ่อนข้อ ของนายกฯ จึงเกิดการ ลอบสังหารขึ้น ตามด้วยการลุกฮือ ของชาวปาเลสไตน์ ความขัดแย้ง ทวีเพิ่มขึ้น แม้นายอาราฟัต จะได้เป็น ประธานาธิบดี ปาเลสไตน์ ในปีถัดมา แต่ความนิยม ในตัวเขา ก็ลดลง เนื่องจาก ผู้คนเห็นว่า เขาอ่อนข้อ ให้อิสราเอล จนเกินไป

สันติภาพที่ได้มา ทำให้ชาวปาเลสไตน์ ปิติยินดี ออกมาฉลองกัน อย่างยิ่งใหญ่ มีการยิงปืนขึ้นฟ้า และ ลุกลามไปถึง ขั้นจุดไฟ เผาทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็น สัญลักษณ์ ของชาวยิว จากนั้น ก็ชักธงชาติ ปาเลสไตน์ ขึ้นยอดเสา แต่ขณะเดียวกัน ชาวยิวบางส่วน ที่ยังอาศัย อยู่ในดินแดนนี้ ก็เกิดความไม่พอใจ ออกมา ก่อความวุ่นวาย ตามท้องถนน จนเกิดเป็นจลาจล ไปทั่วเมือง

ปี ค.ศ. 2004 นายอาราฟัต ถูกปิดล้อม อยู่ที่เมือง รอมัลเลาะห์ เขาถูกลอบสังหาร จนเสียชีวิต เพราะเขามีนโยบาย ที่แข็งกร้าว ไม่ยอมอ่อนข้อ ให้ฝ่ายอิสราเอล ฝ่ายอเมริกา จึงต้องกำจัดเขา เพราะเขา ขัดประโยชน์ มหาศาล ที่อเมริกา จ้องจะกอบโกย ผู้นำคนใหม่ ของ PLO คือ นายมะห์มูด อับบาส

ปี ค.ศ. 2005 อิสราเอล ยอมถอนกำลัง ออกจาก ฉนวนกาซ่า หลังจากครอบครอง อย่างไม่เป็นธรรม มานานถึง 38 ปี เปิดทาง ให้ปาเลสไตน์ จัดการเลือกตั้งขึ้น ในปี ค.ศ. 2006 อิสราเอล และอเมริกา เอาใจช่วย ให้พรรคฟาตาห์ ของนายอับบาส ขึ้นครองอำนาจ เบ็ดเสร็จ ให้จงได้

แต่แล้ว ความฝันของ อิสราเอล และอเมริกา ก็ดับวูบลง เมื่อผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่า พรรคฮามาส กลับได้ ครองเสียงข้างมาก ผิดจากการคาดเดา ของหลายๆ ฝ่าย แต่พรรคฮามาส ก็ยังไม่สามารถ จัดตั้งรัฐบาล ในระบบพรรคเดียวได้ ต้องจัดตั้ง รัฐบาลผสม ขึ้นมา

พรรคฮามาส เป็นพรรคการเมืองสำคัญ พรรคหนึ่ง ของปาเลสไตน์ มีแนวคิด ที่ค่อนข้าง รุนแรง มีกองกำลัง เป็นของตนเอง คือ กลุ่มติดอาวุธฮามาส กลุ่มนี้มีบทบาท มากขึ้น ภายหลังที่ ชาวปาเลสไตน์ เริ่มเบื่อหน่าย กับกลุ่ม PLO การสูญเสียผู้นำ อย่างนายอาราฟัต ทำให้กลุ่มฮามาส ก้าวเข้ามา มีอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะ บริเวณฉนวนกาซ่า

ในที่สุด กลุ่มฮามาส ก็ทำการยึดดินแดน เขตฉนวนกาซ่า ไว้ในครอบครอง และเตรียมที่จะ จัดตั้ง รัฐฮามาส ขึ้นเป็นรัฐ อิสระด้วย ขณะที่ฉนวนกาซ่า ตกเป็นของ กลุ่มฮามาส ทางฝั่งเวสต์แบงค์ ก็ตกเป็นของ กลุ่มฟาตาห์ ของนายอับบาส กลายเป็นว่า ชาวปาเลสไตน์ กำลังแย่งชิง ความเป็นใหญ่ ในดินแดน ของตนเอง

ฉนวนกาซา ดินแดนของปาเลสไตน์ เป็นหนึ่งในดินแดน ที่อียิปต์ เสียให้อิสราเอล มีอาณาบริเวณ แคบๆ แค่ขนาด 360 ตร.กม. เท่านั้น ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียน มีอาณาเขต ทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็นความยาวประมาณ 11 กิโลเมตร ติดกับประเทศอียิปต์ ทางเหนือ และ ตะวันออก ติดกับประเทศ อิสราเอล เป็นระยะทางราว 51 กิโลเมตร ทางตะวันตก ติดกับทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เป็นระยะทางชายฝั่ง ประมาณ 41 กิโลเมตร

มีเมืองกาซา เป็นเมืองหลัก ในอาณาเขตนี้ มีประชากร ชาวปาเลสไตน์ อาศัยอยู่ ประมาณ 1.7 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ สืบเชื้อสายมาจาก ผู้อพยพลี้ภัย ส่วนใหญ่ จะเกิดในพื้นที่ ฉนวนกาซา และอีกส่วนหนึ่ง เป็นผู้ซึ่ง อพยพมา ในปี ค.ศ. 1948 ซึ่งเป็นผลหลังจาก สงครามอาหรับ -อิสราเอล

ประชากรส่วนใหญ่ นับถือศาสนาอิสลาม นิกายซุนนีย์ มีอัตราการเติบโต ของประชากร ราวร้อยละ 3.2 ต่อปี หรือคิดเป็น อันดับที่ 7 ของประเทศ ที่มีอัตราการเติบโต ประชากร สูงที่สุดในโลก แผ่นดิน อันอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก (ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ ทั้งหมด) และไม่นานนี้ ได้มีการขุดพบ ก๊าซธรรมชาติด้วย

ท้ายที่สุด เมื่อกลุ่มฮามาส สามารถครองเสียงข้างมาก ในสภาได้ ก็เท่ากับ ปาเลสไตน์ ตกเป็นของกลุ่มฮามาส ไปโดยปริยาย แม้ว่านายอับบาส ยังคงดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีอยู่ก็ตาม การขึ้นครองอำนาจ ของกลุ่มฮามาส ไม่เป็นที่สบอารมณ์ ของอิสราเอล และอเมริกา และ รวมไปถึงประเทศต่างๆ ใน EU ที่ไม่ยอมรับ กลุ่มหัวรุนแรงนี้

เมื่อกลุ่มฮามาส ขึ้นมาครองอำนาจ อเมริกา จึงประกาศ สั่งระงับ การช่วยเหลือเงิน จำนวนกว่า 600 ล้านเหรียญ ที่เคยสัญญาว่า จะมอบให้กับ ปาเลสไตน์ทันที ทางฝั่งนายอับบาส ซึ่งยึดดินแดน เขตเวสต์แบงค์ไว้ เห็นช่องทางเหมาะ จึงประกาศ จัดตั้งรัฐบาล ขึ้นแข่งกับ กลุ่มฮามาส ทันที

กลายเป็นว่า ปาเลสไตน์ มีการแบ่งแยก ออกเป็นสองพวก ซึ่งบรรดา ประเทศต่างๆ ที่มีอเมริกา เป็นหัวโจก ล้วนแต่มีทีท่า สนับสนุน รัฐบาล ของนายอับบาส มากกว่ารัฐบาลของ กลุ่มฮามาส และแล้ว เหตุการณ์ ที่ไม่มีใคร อยากให้เกิด ก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีการปะทะกัน ระหว่างกองกำลัง ของกลุ่มฮามาส กับกองกำลัง ของอิสราเอล บริเวณ ฉนวนกาซ่า ซึ่งต่างฝ่าย ต่างก็ระบุว่า เป็นการป้องกันตัว เนื่องจาก ฝ่ายตรงข้าม เปิดฉาก โจมตีก่อน

การรบพุ่งกัน ก็เกิดขึ้นจนได้ ฝ่ายอิสราเอล ที่ไม่ค่อยพอใจ กลุ่มฮามาส เป็นทุนเดิม อยู่แล้ว จึงฉวยโอกาส ใช้เป็นเหตุผล เข้าโจมตี ฉนวนกาซ่า อย่างเต็มรูปแบบ แถมยัง ประกาศอีกว่า การรบ จะยุติลง ก็ต่อเมื่อ สามารถ ล้มล้างกลุ่มฮามาส ให้สิ้นซากไปได้ เท่านั้น เพราะมีแบ็คอัพ ชั้นดี คืออเมริกา คอยหนุนหลัง และประเทศใน EU

การจู่โจมปาเลสไตน์ ครั้งนี้ของยิว ก็สร้างความไม่พอใจ ให้กับพี่น้อง มุสลิม ทั่วโลก เนื่องจาก ประชาชนส่วนใหญ่ ในฉนวนกาซ่า ล้วนแต่เป็น ชาวมุสลิม แทบทั้งสิ้น มีการประท้วง ของชาวมุสลิม ต่อการกระทำของ อิสราเอล แม้แต่ในเขต เวสต์แบงค์เอง ที่เป็นปฏิปักษ์ กับกลุ่มฮามาส ก็ยังออกมา ประณามการโจมตี ของอิสราเอล เช่นกัน

ที่อเมริกา และประเทศใน EU ต่างเห็นดีเห็นงาม ที่จะกำจัด กลุ่มฮามาส ก็เพราะได้รับ การสนับสนุน จากกลุ่ม ก่อการร้าย อัล กออิดะห์ และหากพวกเขา สามารถผลักดัน ให้กลุ่มฟาตาห์ ของปาเลสไตน์ กลับมาครอง อำนาจเช่นเดิม ก็จะสามารถ ต่อรองผลประโยชน์ ได้ง่ายกว่า นั่นเอง

เฮนรี คิสซินเจอร์ อดีต ที่ปรึกษา ความมั่นคง ของสหรัฐ อเมริกา (NSA) ปี พ.ศ. 2516 ที่กล่าวว่า… “ผู้ควบคุมการผลิตอาหาร ก็ควบคุม ประชาชนได้.. ผู้ควบคุมพลังงาน ก็สามารถควบคุม ทวีปต่างๆ ได้ ทั้งหมด.. ผู้ควบคุม กระแสเงินตราได้ สามารถควบคุมโลกได้”

แนวคิดการบริหาร การจัดการ และควบคุมโลก เพื่อความมั่นคง ของอเมริกา จึงกระทำโดย “ผู้นำกลุ่มทุน” ซึ่งเป็นเหล่า นายธนาคาร ในกลุ่ม ไซออนนิสม์ ชาวยิวมีการ ผนึกกำลัง ทางการเมือง เข้มแข็งกว่า ฝ่ายอาหรับ ฐานะทางการเงิน ก็ดีกว่า เพราะได้รับ การสนับสนุน จากชนชาติยิว จากแหล่งต่าง ๆ และจากอเมริกาด้วย ด้านการทหาร ก็เหนือกว่า และมีอาวุธ ที่ดีกว่าด้วย

แผ่นดินแห่ง พันธสัญญา ของพระเจ้า ยังคง คุกรุ่นไปด้วย ความเกลียดชัง และความขัดแย้ง ด้วยเหตุข้างต้นนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องเกิด ความขัดแย้งขึ้น ระหว่าง ชาวอาหรับ กับ ชาวยิว และ มันก็จะคงอยู่ ต่อไป

จะได้เห็นว่า สงครามรอบใหม่นี้ กลุ่มไซออนนิสม์ ที่ปกครองของยิว คือ สาเหตุแห่ง ความขัดแย้ง และการแตก ความสามัคคี ของปาเลสไตน์เอง ก็เป็นจุดอ่อน ให้อเมริกา และยิว แทรกแซง แม้แต่ผู้นำ ของตนเอง ยังไม่มีโอกาส เลือกได้เอง อย่างแท้จริง

คนไทยควรได้ศึกษา การแตกความสมัคคี ของปาเลสไตน์ เป็นตัวอย่าง เพราะอเมริกา จะเข้ามา แทรกแซง การเมือง ภายในประเทศเรา ทันที และอเมริกา ไม่ได้เลือกเข้าข้าง ประชาธิปไตย แบบเลือกตั้ง อย่างที่หลายคน เข้าใจ แต่เขาเลือก ข้างฝ่ายที่ อวยประโยชน์ ทรัพยากร ให้กับ ประเทศของเขา มากที่สุด..โดยเขา ไม่เคยจริงใจ กับประเทศใด !!

ปัจจุบัน ในอเมริกา มีประชากร 318 ล้านคน คนจนในประเทศ มีถืง 55 ล้านคน (17%) , มีผู้ติดยา 22 ล้านคน ( 7% ) โดยนำเข้าทางเรือ จากเมกซิโก แทบทั้งหมด มีกองทัพ กองกำลัง ของตนเอง , ตนอเมริกัน มีอาวุธปืนถืง 310 ล้านกระบอก คนอเมริกัน 47% มีปืนยิงกัน ทุกวัน มีผู้ต้องขัง ในเรือนจำ ทั่วประเทศกว่า 2 ล้านคน

มีแก๊งค์อาชญากรรม ติดอาวุธ ถืง 33,000 แก๊ง กำลังพล ราว 1.5 -2.0 ล้านคน พกปืน เดินกันว่อน กระจายอยู่ ในรัฐต่างๆ แทบทั่วทุกรัฐ ที่พร้อมจะยิงทุกคน ที่เดินผ่าน ย่านอิทธิพล ที่แม้แต่ตำรวจ ยังไม่กล้าแหยม.. แก๊งพวกนี้ ค้ายา ค้าปืนสั้น ปืนกล ปืนไรเฟิล ปืนยิงช้าง เครื่องยิงลูกระเบิด อาวุธต่อสู้รถถัง

มีการค้ามนุษย์ อย่างโจ่งครึ่ม ข่มขืน ปล้น ข่มขู่ ชิงทรัพย์ ฆ่าคน ล้วงกระเป๋า , ในทุกๆ วัน มีการใช้ปืน ก่ออาชญากรรม 3,000 ครั้ง คนมะกัน 80 คนถูกฆ่า บาดเจ็บอีก 300 คน บางส่วน ก็เป็นแก๊งค์ ในสังกัด พรรคการเมือง ลูกสมุนวุฒิสมาชิก เป็นผู้มีอิทธิพล ข่มขู่คนมะกัน ไปลงคะแนนเสียง คุมการขนส่ง การก่อสร้าง

อเมริกา เจอทั้งศึกใน และศึกนอกบ้างแล้ว.. ไอ้มาม่า ควรติดต่อ กลุ่มติดอาวุธแดง นปช. ที่ทูตพริตตี้ บอกว่า เป็นเพื่อนสนิท ให้ส่งกองกำลัง ติดอาวุธหนัก RPG , M79 , M16 , ระเบิด RGD-5 ไปช่วยพี่ใหญ่ ต่อกรกับ สารพัดแก๊งค์ ในอเมริกาด่วน..

อพยพแดง นปช. ช่วยราชการ ในดินแดนมะกันสัก 3 ปี น่าจะเห็นเนื้อเห็นน้ำ.. เผาไปเลยครับ พี่น้อง !!

@ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai