แถลง

งานปลุกเสกฯ นับวันๆ ก็จะยิ่งเป็นความลงตัว แสดงให้เห็นถึง ความพร้อมเพรียง ความอบอุ่น ความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน ของญาติธรรม งานปลุกเสก ทุกวันนี้ ก็เหมือนกับงาน สัมมนาใหญ่ ของชาวอโศก ที่พวกเรา ทั่วประเทศ มารวมตัวกัน แล้วก็มา สรุปผลงาน ร่วมกันว่า ในปีหนึ่งๆ ที่ผ่านมา เราควรที่จะได้แก้ไข ปรับปรุง ในเรื่องอะไรกันบ้าง ที่เราจะต้องทำกัน ในอนาคต มีเรื่องอะไรบ้าง และที่สำคัญที่สุด ก็คือ เรากำลังศึกษา ติดตาม ความลึกซึ้ง ของจิตใจ มากน้อยแค่ไหน เจ็ดวันเจ็ดคืน จึงรู้สึก เหมือนกับว่า เวลาผ่านไป อย่างรวดเร็ว แม้ต้องเสียเวลาไปบ้าง กับอาหารวันละ ๑ มื้อ แต่นอกเหนือจากนั้น... เดี๋ยวประชุม เดี๋ยวฟังธรรม เดี๋ยวสัมมนากลุ่มย่อย แทบจะตลอดวัน มีเวลานอนกัน ห้าหกชั่วโมง คงไม่มีการสัมมนา ที่ไหน ที่ผู้คน นับพัน ตั้งใจ เอาประโยชน์ จนแทบจะไม่ต้อง เสียเวลาไปกับ การกิน การนอน ไม่มีเบรก ไม่มีอาหารว่าง มื้อเดียว จบแล้วก็ว่ากัน ทั้งวัน ทั้งคืน ต่างตื่นตา ตื่นใจ ที่จะได้ฟังพ่อท่าน แสดงความวิเศษ ของระบบ สาธารณโภคี ที่เป็นองค์ประกอบของ มิตรดี สหายดี ฯลฯ อันเป็นทั้งหมด ทั้งสิ้น ของศาสนา ซึ่งพ่อท่าน ได้ย้ำเรื่องนี้อีก เมื่อ ๕ พค. ๒๕๕๑

“.....เพราะฉะนั้น เราอยู่ในนี้นี่ อบายมุขนี่ ชัดเจน พวกเราไม่มาแย่งชิง มาเกี่ยง มางอน อะไรกันนักหนา สาหัส อะไรแล้ว ยังเหลืออยู่ ในระดับของ โลกกาม โลกธรรม อะไรบ้าง หรืออัตตา โอ้ยแต่ละคน เจ้าประคุณเอ๋ย อัตตา ตัวกูของกู แหม มันจริ๊ง..จริง โลกอัตตา โลกอัตภาพ มันเป็นฐานสุดท้าย แม้เป็นอนาคามี ขึ้นไปแล้ว มันก็ยังติด ยังยึด เอาเถอะ ไม่ได้ทุกข์ ได้ร้อนแล้วล่ะ กับลาภยศ สรรเสริญ โลกียสุข สบายแล้ว ..... เรื่องกาม เรื่องลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข สบาย ตรวจสอบ ตัวเองดูดีๆ เถอะ แต่ละคนๆๆ ตรวจสอบจริงๆ แล้วก็จะรู้ว่า เอ้อ เราเองเราอยู่ ในหมู่กลุ่ม ขนาดนี้ๆ

จนกระทั่ง มาอยู่ในสาธารณโภคีจริงๆ คุณจะเห็นได้เลยจริงๆ ว่า เมื่อมันไม่มีจริงๆ แล้วนี่ เราให้จนหมดเนื้อ หมดตัว แล้วนี่ ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ก็ไม่มีนะนี่ คุณยังเสพกามอยู่ คุณยังมีรูปรส กลิ่นเสียง สัมผัส ที่จะต้องอร่อย ของเรา สวยของเรา หอมของเรา อะไรของเรา อยู่บ้าง เมื่อคุณหมดเนื้อ หมดตัวแล้ว ระบบสาธารณโภคีนี่ จะได้สอบทานเลย คุณว่า จะเข้า ฐานไหน ถึงขั้น อนาคามีไหม หรือ ขั้นสกิทาคามี มันจะรอดไหม หรือ จะขึ้นฐาน อรหันต์ไหม มันต้องอาศัย สิ่งประกอบ พวกนี้ จริงๆ ถ้าสิ่งประกอบพวกนี้ มันไม่ได้ทดสอบคุณ คุณจะรู้ได้ยังไงว่า คุณเป็นอนาคามี คุณเป็นอรหันต์

คุณเห็นไหมว่า โจทย์เหล่านี้นี่ มันเป็นเรื่องจริง มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี รวมมิตรอยู่กัน อย่างเป็น สังคมกลุ่ม นี่แหละ อยู่กัน อย่างดำเนินชีวิต อยู่อย่างเป็น คณะบุคคล อย่างนี้ นี่แหละ มีระบบการดำเนินชีวิต อย่างนี้นี่แหละ คือโจทย์ ที่จะคัดเลือก อรหันต์ เข้าใจขึ้นไหม เห็นโจทย์ที่จะคัดเลือก อรหันต์ไหม แล้วใครไม่เข้ามาสู่ สนามรบนี้ ไม่เข้ามาสู่โจทย์นี้ แล้วคุณ จะรู้ได้ ยังไงว่า คุณเป็นอรหันต์ หรือ ไม่เป็นอรหันต์ ???... ”

- แถลง สารอโศก อันดับที่ ๓๐๗ กุมภา-มีนา ๒๕๕๑ -