๓. ร่วมกันสู้ หน้า ๓๕ - ๔๘

ค้านนายกฯ

รัฐบาลคุณอานันท์ ปันยารชุน กำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป คือ เลือกตั้ง ส.ส. ทั่วประเทศ ในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๕ นั่นหมายถึง เวลาที่ คณะรสช. จะหมดอำนาจ ดังนั้น เพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจของ รสช. หรือ คณะปฏิวัติ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ ต่อไปอีก จึงมีขบวนการ ที่พยามผลักดัน ให้ "คนกลาง" มาเป็นนายกรัฐมนตรี

คำว่า "คนกลาง" หมายถึง "คนนอก" คนที่ไม่ได้ ผ่านการเลือกตั้งเป็น ส.ส.มาก่อน

หากเป็นสมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อนโน้น จะเอา "คนนอก" มาเป็นนายกฯ ก็คงจะไม่เป็นไร ปัจจุบัน กระแสการเมืองของโลก มุ่งไปสู่ความเป็น ประชาธิปไตยมากขึ้น ประเทศยักษ์ใหญ่ เผด็จการคอมมิวนิสต์ อย่างรัสเซีย ก็ไม่สามารถ จะต้านกระแส ประชาธิปไตยได้

สิ่งที่ประชาชนวิตกกันมาก ก็คือ การเอานายทหาร ที่เป็นตัวตั้งตัวตี ในการปฏิวัติเมื่อ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔ มาเป็นนายกฯ เพราะเป็นการสืบทอด อำนาจเผด็จการชัดๆ

แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี

ตอนนั้นกำลังหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.อยู่พอดี เราต้องหาโอกาส ป้องกันไว้ก่อน ตั้งแต่เนิ่นๆ แผนการรณรงค์ ต่อต้านไม่ให้คนนอก เป็นนายกฯ จึงเกิดขึ้น แผ่นปลิวที่เขียนด้วย ลายมือผม แพร่สะพัดไปทั่ว เชิญชวน ให้ประชาชน เลือก ส.ส. เป็นพรรค ถ้าเห็นว่า หัวหน้าพรรคคนไหน เหมาะที่จะเป็นนายกฯ ก็ให้เลือกส.ส. พรรคนั้น ทั้งพรรค ถ้าประชาชน พร้อมใจกันเลือก ส.ส. อย่างนี้ ทั่วประเทศ คะแนนจะออกมา แตกต่างกัน อย่างเห็นเด่นชัด หากเลือกวิธีเก่า เลือกพรรคนั้นคนหนึ่ง พรรคนี้สองคน คละกันไป คะแนนของพรรค จะออกมา ก้ำกึ่งกัน จะเป็นข้ออ้าง ให้เอาคนนอก มาเป็นนายกฯ ได้ง่ายๆ

ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค เราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้หยุดคิดเรื่องพรรค ให้คิดถึงประเทศชาติ เป็นส่วนรวม ถ้าคิดแต่เรื่องพรรค อย่างเดียว เราจะไม่กล้าบอกประชาชน อย่างนั้น เพราะพรรค อาจจะได้ ส.ส. น้อยกว่าที่ควร

ขอยืนยันว่า การเชิญชวนให้ประชาชน เลือกเป็นพรรค โดยเลือกนายกฯ พร้อมๆกับเลือก ส.ส.นั่น ไม่ใช่แผนการ รณรงค์หาเสียง เลือกตั้งของ พรรคพลังธรรม แต่เป็นแผนของ การต่อต้าน ไม่ให้คนนอกเป็นนายกฯ

ผมไปหาเสียงที่ไหน หลีกไม่พ้นที่จะเห็นภาพ ผมชูกำปั้น มีข้อความว่า "อยากให้จำลอง เป็นนายกฯ เลือกพรรคพลังธรรม ทั้งคณะ"

ผมเห็นทีไรเสียวทุกที ถ้าประชาชนหมั่นไส้ผม ไม่เลือกพรรคพลังธรรมเลย จะว่าอย่างไร

ต้องสารภาพซ้ำ ณ ที่นี้ อีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ใฝ่ฝันที่จะเป็น นายกรัฐมนตรี แต่ที่ต้องมีภาพนั้น ติดทั่วเมือง ก็เพื่อจะชูใคร สักคนหนึ่งในพรรค ให้ประชาชนเลือก ที่ประชุมพรรค หยิบผมขึ้นมา เพื่อชูให้ประชาชาชนเลือก เนื่องจาก การสุ่มประชามติ ถามความเห็นประชาชน ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พลเอกเปรม มาจนถึงรัฐบาล คุณอานันท์ ผลก็มัก จะออกมาว่า ผมเหมาะสมที่สุด ที่จะเป็นนายกฯ ผมเป็น "นายกฯสุ่ม" มาหลายสมัย

ผมถามตัวเองเสมอๆว่า ถ้าเสนอประชาชน อย่างนั้นแล้ว เกิดต้องเป็นนายกฯ ขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร

คำตอบก็คือ คงไม่เป็นไร เพราะผมไม่ได้คิด จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. มาก่อน ยังเป็นได้ถึง ๖ ปีเต็มๆ และเป็นได้ ค่อนข้างดีเสียด้วย หากคิดวางแผน จะเป็นผู้ว่าฯ ผมคงเรียนนิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์แล้ว คงไม่เข้าโรงเรียน นายร้อยแน่

พรรคการเมืองอื่นบางพรรค ก็มีการชู หัวหน้าพรรค เช่นกัน ถ้าอยากให้ หัวหน้าพรรคนั้นๆ เป็นนายกฯ ก็ขอให้ประชาชน ระดมกันเลือก ส.ส. พรรคนั้น ทั้งพรรค

ผลของการเลือกตั้งปรากฏว่า ประชาชนเลือกเป็นพรรค เฉพาะกรุงเทพฯ และภาคใต้ เท่านั้น ส่วนที่อื่น เลือกแบบเดิม จำนวน ส.ส. ของหลายพรรค จึงออกมาใกล้เคียงกัน พรรคสามัคคีธรรม ๗๙, พรรคชาติไทย ๗๕, พรรคความหวังใหม่ ๗๒, คะแนน ก้ำกึ่งกันอย่างนี้ ล่อแหลมอย่างยิ่ง ต่อการเอาคนนอก มาเป็นนายกฯ

ค่ำของวันเลือกตั้ง ยังรวมคะแนนได้ไม่เท่าไร พรรคการเมือง ๕ พรรค คือ สามัคคีธรรม, ชาติไทย, กิจสังคม, ประชากรไทย และราษฎร ก็บึ่งไปประชุมกันที่ กองทัพอากาศ ดอนเมือง ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยหนุน พลเอกสุ จินดา คราประยูร เป็นนายกฯ ปรากฏว่า ตกลงกันไม่ได้ เพราะพลเอกสุจินดา ไม่ยอมให้ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์ เป็นรัฐมนตรี รสช. เป็นผู้แต่งตั้ง คณะกรรมการ ตรวจสอบทรัพย์สิน นักการเมือง ที่ร่ำรวยผิดปกติ แล้วลงมติ ยึดทรัพย์ พลเอกสุจินดา รองประธาน รสช. จะรับเอานักการเมือง ที่ถูกยึดทรัพย์นั้น มาเป็นรัฐมนตรี ได้อย่างไร

"พลเอกสุจินดา ไม่รับเป็นนายกฯ" ทุกคนที่ทราบข่าวนี้ ต่างก็รู้สึกตรงกันว่า "โล่งอกไปที"

เมื่อพลาดจากพลเอกสุจินดา ๕ พรรค รวมกันได้ ๑๙๕ เสียง ก็หันมาชู คุณณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี

ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป สหรัฐก็บอกมาว่า ได้ประกาศไป ตั้งแต่ปีที่แล้ว งดออกวีซ่า คือ ไม่ให้คุณณรงค์ เข้าสหรัฐ เพราะสงสัยว่า อาจจะมีส่วนพัวพัน กับยาเสพย์ติด ก่อให้เกิด การวิพากษ์วิจารณ์ทั่วๆไป อยู่หลายวัน

นักการเมืองบางคนใน ๕ พรรคหาว่า สหรัฐ แทรกแซงการบ้านการเมือง ของเมืองไทย สหรัฐก็โต้กลับมาว่า ไม่ได้แทรกแซง เป็นสิทธิของเขา ที่จะห้ามใคร ที่เขาสงสัย ไม่ให้เข้าประเทศ และเคยห้าม คนต่างชาติมาแล้ว หลายคน ไม่ใช่เฉพาะแต่ คุณณรงค์คนเดียว

การสรรหาตัวนายกรัฐมนตรี จึงค้างเติ่ง เถียงกันไม่จบว่า คุณณรงค์ ผิดหรือไม่ผิด

พรรคพลังธรรม ในฐานะเป็นพรรคการเมือง พรรคหนึ่ง ต้องแสดงความคิดเห็น ในเรื่องนี้ ออกมาชัดๆว่า เป็นอย่างไร จึงจัดให้มีการประชุม กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรค เป็นการด่วน มีมติว่า "เรื่องส่วนตัวของ คุณณรงค์ วงศ์วรรณ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ กันทั่วไปนั้น ต้องใช้เวลานาน กว่าจะทำความกระจ่าง ให้เกิดขึ้น ขณะนี้ประเทศชาติ จำเป็นต้องมี นายกรัฐมนตรี มาบริหารงานโดยไว พรรคพลังธรรม จึงเห็นว่า เพื่อประโยชน์ของ บ้านเมือง คุณณรงค์ วงศ์วรรณ ควรจะถอนตัว จากการได้รับเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี"

ต่อมามีข่าวหนาหูว่า จะเอาพลเอกสุจินดา เป็นนายกฯ อีก

พลเอกพัฒน์ อัคนีบุตร พรรคความหวังใหม่ เพื่อนร่วมรุ่นของ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะอดีตหัวหน้า นักเรียนนายร้อย เวสต์ปอยต์ รุ่น ๑ เหล่าทหารปืนใหญ่ นายทหารเหล่าเดียวกับ พลเอกสุจินดา และเป็นคนหนึ่ง ที่พลเอก สุจินดา เคารพนับถือ ได้รุดเข้าพบ เป็นการด่วน เตือนพลเอกสุจินดาว่า อย่ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีเชียวนะ ถ้ารับละก็ จะลงเหว

ผมได้ถามพลเอกพัฒน์ว่า พลเอกสุจินดา ท่านว่าอย่างไร

คำตอบก็คือ เฉยๆ ไม่รับ - ไม่ปฏิเสธ

ผมเดาได้ทันทีว่า พี่สุของผม ต้องรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีแน่เลย

ใครต่อใครหันมาท้วงติง พลเอกสุจินดา เป็นการใหญ่ ด้วยความหวังดี กลัวจะก้าวพลาด

ส่วนคุณณรงค์นั้น ยังยืนยันด้วยความมั่นใจว่า "จะสู้จนคอหัก" ผมคนหนึ่งละ ที่เป็นห่วงพี่สุ รีบโทรศัพท์ ถามพี่จิ๋ว (พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ) ว่า ไปพบพี่จ๊อด (พลเอกสุนทร คงสมพงษ์) หรือยัง

พี่จิ๋วตอบทันทีว่า "พบแล้ว จ๊อดเสนอ สุ เป็นนายกฯ"

ผู้สื่อข่าวคาดคั้น ถามประธาน สภาผู้แทนราษฎรว่า จะเสนอใครเป็นนายกฯ

คุณอาทิตย์ อุไรรัตน์ ยืนยันว่า จะเสนอคุณณรงค์ เป็นนายกฯ แน่นอน

พอตกบ่าย ข่าวก็ออกมาชัดว่า ประธานสภา รสช. พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ พร้อมด้วย เลขาธิการสภา รสช. พลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี และ ประธานสภาผู้แทนราษฎร คุณอาทิตย์ อุไรรัตน์ ได้เข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูล เสนอพลเอก สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี

ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกับนักข่าวว่า ไม่ได้โกหก หลังจากให้ข่าวว่า จะเสนอชื่อคุณณรงค์ เป็นนายกฯ ไปแล้ว

ต่อมาพรรคการเมือง ๕ พรรค ก็มายืนยันว่า ขอเปลี่ยนด่วนเป็น พลเอก สุจินดา การให้ข่าวช่วงเช้า กับผลที่ออกมาช่วงบ่าย จึงต่างกัน

พี่สุเป็นนายกฯ ผมต้องค้าน ค้านมาตั้งแต่ต้น และจะต้องค้านตลอดไป จนกว่าพี่สุ จะพ้นจากตำแหน่ง

"คนหนึ่งจบจากโรงเรียนนายร้อย เป็นเผด็จการได้ อีกคนหนึ่ง จบจากโรงเรียนนายร้อย เหมือนกัน ก็ต่อต้าน เผด็จการได้"

เป็นข้อความที่เขียนตัวโตๆ ใส่กระดาษ ติดไว้ที่กำแพงรั้วเขาดิน ข้างหลังที่ ที่ผมนั่งอดข้าว อยู่หน้ารัฐสภา ระหว่างวันที่ ๔-๗ พฤษภาคม

ผมไม่ได้เกลียดพี่สุ ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน เป็นส่วนตัว

กับนักเรียนนายร้อย รุ่น ๕ รุ่นเดียวกับพี่สุ ผมก็ไม่มีอะไรขัดกัน

ผมสนิทกันมากกับพี่ๆรุ่น ๕ หลายคน เช่น พี่ศัลย์ (พลเอกศัลย์ ศรีเพ็ญ) ผู้ช่วยผู้บัญชาการ ทหารบก ไปเวียดนาม ผลัดเดียวกัน ตำแหน่งเดียวกัน คือ ผู้ช่วยหัวหน้ายุทธการ กองพลอาสาสมัครไทย ในเวียดนาม

นักเรียนนายร้อยรุ่น ๕ เกือบทุกคนชอบผม เจอกันที่ไหน คุยกันสนุกสนาน

หลังเหตุการณ์พฤษภามหาวิปโยค ผู้ไม่หวังดี ต่อการเรียกร้อง ประชาธิปไตย บิดเบือนข่าวว่า เหตุการณ์นั้น เป็น ศึกสายเลือด พลเอกสุจินดา นักเรียนนายร้อยรุ่น ๕ ทะเลาะกับผม รุ่น ๗ ซึ่งไม่เป็นความจริง

ตอนพี่สุเป็นผู้บัญชาการทหารบก และผมเป็น ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร ผมไปพบพี่สุได้ ทั้งที่ทำงาน และที่บ้าน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไปพบที่บ้าน พี่สุยังฝากขนมไปให้ พันเอกวินัย สมพงษ์ รองผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร รุ่นน้อง อีกคนหนึ่ง ที่พี่สุชอบ

ขณะที่เป็นนักเรียนนายร้อย ตอนกิน ตอนนอน ผมไม่ได้ใกล้ชิดพี่สุ เพราะเราอยู่คนละกองร้อย พี่สุ อยู่กองร้อยที่ ๓ ผมอยู่ กองร้อยที่ ๔ แต่ตอนเล่น ผมได้ใกล้ชิดบ้าง เพราะเป็นนักบาสเกตบอล ของโรงเรียนนายร้อย พี่สุ พี่ตุ๋ย (พลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี) เป็นตัวจริง ส่วนผมเล่นไม่เก่ง เป็นได้แค ่ตัวสำรอง มีครูชุ่ม ยิ้มสมบูรณ์ เป็นผู้ควบคุมทีม และ เฮียเพียว เป็นผู้ฝึกสอน

เป็นเรื่องที่น่าคิดอีกเหมือนกัน การชุมนุมเรียกร้อง ให้นายกฯ ลาออก คราวที่แล้ว นักบาสเกตบอล ทีมเดียวกัน เล่นผม เสียงอมไปเลย

แถลงการณ์ที่ออกมาบ่อยๆนั้น ไม่ทราบว่า ใครเขียนให้พี่สุอ่าน ผมขอคัดบางตอน ของฉบับวันที่ ๑๘ พฤษภาคม มาเป็นตัวอย่าง

"…ผมและรัฐบาล พร้อมที่จะดำเนินการ บรรเทาความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชน อย่างสุดความสามารถ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พี่น้องประชาชน คงประจักษ์แล้วว่า ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ได้ใช้ความพยายาม อย่างถึงที่สุด ในอันที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยความประนีประนอม เป็นเอกลักษณ์ของ คนไทย

แต่เนื่องด้วย การปลุกปั่นยุยงของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และบุคคลบางคน ที่มีพฤติกรรมเป็นภัย ต่อความมั่นคง ของสถาบัน ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ทำให้เกิดเหตุการณ์ อันน่าเศร้า ในที่สุด

พล.ต.จำลอง และกลุ่มบุคคล นิยมความรุนแรง ได้จัดการชุมนุม ทางการเมืองขึ้น หลายครั้ง มีพฤติกรรมหลายอย่าง มุ่งมั่น ปลุกปั่น ยุยง ให้ผู้ร่วมชุมนุม ใช้ความรุนแรง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ทางการเมือง….. … เมื่อเหตุการณ์ ลุกลามมาถึงระดับนี้ ในชั้นต้น ทางราชการ ก็ยังคงยึดมั่น ในหลักขันติธรรม พยายามอดทน อดกลั้น แต่ พล.ต. จำลอง และกลุ่ม ผู้นำในการชุมนุม ไม่ยอมละความพยายาม กลับยุยงผู้ชุมนุม ให้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และทำลายทรัพย์สิน ของทางราชการ หนักมือยิ่งขึ้น…"

ทั้งๆที่พี่สุ รู้ดีว่า ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น พี่สุ ก็ยังอ่านไปได้

ผมไม่ได้ปลุกปั่นยุยง ผมไม่มีพฤติกรรม ที่เป็นภัยต่อ ๓ สถาบัน สูงสุด ของชาติ ผมไม่นิยม ความรุนแรง ไม่ได้ยุ ให้ขว้างปา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบดูได้ จากวิดีโอ ทั้งของนักข่าวไทย และนักข่าวต่างประเทศ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๓๕ ได้เปิดเผยรายงานข่าวของ น.ส.แมรี่ เคย์ มากิสทาด ผู้สื่อข่าวพิเศษของ เนชั่นแนล พับลิก เรดิโอ ของสหรัฐอเมริกา และสถานีซีบีซี ของแคนาดา ที่ได้รายงานข่าว สดๆ จากเหตุการณ์ พฤษภาวิปโยค ไปยังผู้ฟังกว่า ๑๐ ล้านคน ในสหรัฐ และแคนาดา ตลอดทุกระยะ เล่าเหตุการณ์ ที่ตนได้เห็นว่า…

"สิ่งที่ประหลาดใจมากที่สุด คือ ตอนที่มีการเผชิญหน้า ที่สะพานผ่านฟ้า ในคืนวันที่ ๑๗ มีหลายคน ในฝ่ายผู้ชุมนุม หยิบก้อนหิน ออกมาจากเสื้อคลุม แล้วขว้างไปยังตำรวจ ทั้งๆที่มีคนห้าม ก็ไม่ฟัง เหมือนเตรียมการ กันมาก่อน จากนั้น ตำรวจก็เริ่ม ขว้างกลับมาบ้าง

ส่วนคนที่ไปเผาสถานีตำรวจ และรถต่างๆ ก็ดูน่าแปลก ตรงที่ไม่ได้ทำ เพราะความโกรธ เหมือนกับผู้ชุมนุมประท้วง ที่เคยเห็นมา คิดว่า น่าจะเป็น ฝีมือของฝ่ายที่ต้องการ ทำให้ภาพพจน์ ของผู้ชุมนุมโดยสงบ เสียไป

รู้สึกประทับใจ ความร่วมมือร่วมใจ ของผู้ที่มาชุมนุม ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน การชุมนุม จึงเป็นไป ด้วยความเป็นระเบียบ เรียบร้อย และเป็น ระเบียบมาก

จึงเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับฝูงชนบ้าระห่ำ ในคืนวันที่ ๑๗ "

การคัดค้านพลเอกสุจินดานั้น เริ่มคัดค้านกันจริงจัง ตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๓๕ โดย อาจารย์วิฑิต มันตราภรณ์ จากครป. (คณะกรรมการ รณรงค์เพื่อประชาธิปไตย) แถลงว่า ครป. ได้ส่งจดหมายถึง หัวหน้าพรรคการเมือง ๕ พรรค ที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล อยู่ขณะนี้ มีใจความว่า ครป. ไม่เห็นด้วยกับ การที่มีการเสนอ แต่งตั้ง พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขัดกับ หลักการประชาธิปไตย และ ความพยายามให้ พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกฯนั้น เป็นการสืบทอดอำนาจ ทางการเมือง ซึ่งพลเอก สุจินดา คราประยูร เคยได้สัญญา ต่อประชาชน หลายครั้งแล้วว่า จะไม่รับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี และอาจจะคืนอำนาจ ให้กับประชาชน

ดังนั้น หากพลเอกสุจินดา คราประยูร คืนคำ ก็จะเป็นการเสียสัจจะ ซึ่งบุคคลที่ไม่รักษาสัญญา ก็ไม่เหมาะสม จะมาเป็น นายกรัฐมนตรี

คณะกรรมการรณรงค์ เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ได้เตรียมมาตรการ ที่จะเคลื่อนไหว เพื่อคัดค้าน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้ มาจากการเลือกตั้ง โดยวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๓๕ จะมีการอภิปราย ที่ลานโพธิ์ ภายในมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์

สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) มีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นเลขาธิการ ได้นำนักศึกษาอีก ๒๐ คน เดินทางไปยัง พรรคสามัคคีธรรม เพื่อประณาม พรรคการเมือง ๕ พรรค ที่ยอมสยบให้ทหาร โดยได้นำสัญลักษณ์ ของ ๕ พรรค เผาประท้วงด้วย และได้มีการเรียกร้องให้ ส.ส.ของทั้ง ๕ พรรค ที่ไม่เห็นด้วยกับ แกนนำของพรรค ออกมาร่วมคัดค้าน เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นความเห็นของ แกนนำพรรค ไม่ใช่มติพรรค ในขณะนั้น ตำรวจสันติบาล และ ตำรวจท้องที่ ๓๐ นาย ได้ติดตาม ดูเหตุการณ์ ตลอดเวลา

ซึ่งองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัย รามคำแหง ได้ประกาศสนับสนุน สนนท.ในเวลาต่อมา

ผมได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "ตามที่ ๕ พรรคการเมือง ๑๙๕ เสียง ประกาศสนับสนุน พลเอกสุจินดา ซึ่งเป็น คนกลาง ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ๔ พรรคการเมือง ไม่เห็นด้วย กับการดำเนินการ ลักษณะดังกล่าว มาแต่ก่อนการเลือกตั้ง จนทำให้กระแส เรื่องคนกลาง เงียบหายไปแล้ว ประชามติทุกครั้ง ประชาชน ต้องการนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ประชาชน ถูกหลอกลวง จึงอยากให้ ๕ พรรคการเมือง ทบทวนเสียใหม่ และ "การคัดค้าน นายกรัฐมนตรี ที่มาจากคนกลาง จะเริ่มต้น ตั้งแต่คืนนี้ เป็นต้นไป"

ในส่วนของพรรคพลังธรรม และพรรคประชาธิปัตย์ จะออกรณรงค์ ติดโปสเตอร์ ตั้งแต่คืนนี้ ทั่วกรุงเทพฯ และ ๔ พรรค จะมีการประสานงาน ร่วมกับองค์กรอื่นๆ"

ผมยังได้กล่าวเสริมอีกว่า ในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๓๕ พรรคการเมือง ๔ พรรค จะร่วมกันแถลงข่าว คัดค้าน การเข้ารับ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พลเอกสุจินดา คราประยูร

ขณะเดียวกัน คนใกล้ชิดของพลเอกสุจินดา ก็ได้จัดให้มีการชุมนุม สนับสนุนในที่ต่างๆ และผู้บังคับบัญชา ระดับสูงของกองทัพ ได้สั่งให้สถานี โทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ เสนอข่าว การสนับสนุน พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นระยะๆ ด้วย

เช้ามืดวันที่ ๗ เมษายน มีโปสเตอร์คัดค้าน ติดเต็มไปหมด ทั้งใน กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

พรรคประชาธิปัตย์ใช้ข้อความว่า "ประชาธิปไตยไร้ศักดิ์ศรี ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่ได้มาจาก การเลือกตั้ง"

ส่วนพรรคพลังธรรมพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ด้วยข้อความสั้นๆ เขียนตัวโตๆ "คัดค้านคนกลางเป็นนายกฯ"

ในตอนสายที่รัฐสภา ผู้แทนของพรรคทั้งสี่ ได้ประชุมกันเป็นเวลา ประมาณ ๒ ชั่วโมง แล้วได้เปิดเผย การแถลงการณ์ร่วม เรื่องคัดค้าน การเสนอ บุคคลภายนอก เป็นนายกรัฐมนตรี แก่สื่อมวลชน โดยสรุป มีใจความว่า ตามที่ ๕ พรรคการเมือง มีมติเสนอบุคคลภายนอก เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ๔ พรรคการเมือง คือ พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม และ พรรคเอกภาพ ยืนหยัด ที่จะสนับสนุน บุคคลที่เป็น ส.ส.เท่านั้น เป็นนายกรัฐมนตรี และเห็นว่า การที่พรรคการเมืองทั้ง ๕ พรรค จำต้องเสนอ บุคคลภายนอก เข้ามาดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีนั้น สาเหตุแท้จริง มาจากความกดดัน จากอำนาจ นอกระบบประชาธิปไตย ขอเสนอว่า ในการสรรหา นายกรัฐมนตรีนั้น ประธานสภาผู้แทนฯ ในฐานะที่ได้รับเกียรติ เป็นผู้รับผิดชอบ ต่อมวลสมาชิกทั้งหลาย โดยตรง ควรดำเนินการ หารือกับหัวหน้า พรรคการเมือง ให้รอบคอบ เพื่อสรรหาบุคคล ที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสม เป็นที่ยอมรับ ของประชาชนชาวไทย

ผมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า โปสเตอร์คัดค้านคนนอก เป็นนายกฯ ของพรรคพลังธรรม ถูกคนแต่งชุดสีดำ เก็บไป เป็นจำนวนมาก ของ พรรคประชาธิปัตย์ ก็คงเหมือนกัน

ในตอนเย็น เวลาประมาณห้าโมงครึ่ง องค์กรต่างๆ ที่สนับสนุน ประชาธิปไตย ได้จัดการปราศรัย ที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เพื่อคัดค้าน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ประชาชนเข้าร่วมฟัง ประมาณ ๑,๐๐๐ คน

พรรคทั้ง ๔ ได้จัดผู้แทนไปร่วมด้วย…

ในระหว่างการอภิปรายนั้น ได้มีรายงานเป็นทางการว่า มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ทำให้ผู้ร่วมฟัง ส่งเสียงโห่ แสดงความไม่พอใจ

เมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลง ผู้เข้าร่วมฟัง ก็ได้สลายตัว แล้วตัวแทนนักศึกษา และประชาชนบางส่วน ประมาณ ๖๐ คน นำโดย เลขาธิการ สหพันธ์นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปยัง สวนรื่นฤดี เพื่อวางหรีด ไว้อาลัยแด่ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของพลเอก สุจินดา คราประยูร

เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง ของวันที่ ๗ เมษายน ขบวนนักศึกษา ได้เดินทางมาถึงสวนรื่นฯ เพื่อมอบดอกไม้ดำ และหรีด ที่เขียนข้อความว่า "ขอประณาม พลเอกสุจินดา คราประยูร ต่อการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ด้วยวิธีการ แทรกแซง ทางการเมือง และบ่อนทำลาย ประชาธิปไตย"

พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้ พลเอกสุจินดา คราประยูร ลาออกจากตำแหน่ง และได้มอบดอกไม้ และหรีด ผ่านทาง เลขานุการ กองทัพบก


 

อ่านต่อ ๔
ฉลาดอดข้าว

 

จากหนังสือ... ร่วมกันสู้ ...พลตรี จำลอง ศรีเมือง * ค้านนายก * หน้า ๓๕ - ๔๘