บทกวีลำดับที่ 034 - 039

หญิงชายทุกท่านผู้หวังสวรรค์เสวยสุข
จงถอดถอนอบายมุขออกจากกายจากใจ
มีธรรมะเป็นคู่มือยึดถือนำทาง
เหมือนมีแสงสว่างส่องทางชีวิตไสว
เคยอับเฉาเศร้าสร้อยเหมือนกับหอยตกไห
เคยมืดมนมามากเคยลำบากมาไม่น้อย
โอ้ว่าไหคือเหวแห่งความเลวความหลอก
ตกแล้วหาทางออกทางขึ้นได้อย่างไร
วนเวียนวุ่นวายอยู่ในอบายหกประการ
เช่นดื่มสุราสาธารณ์นั่นทรมานจิตใจ
ความคิดคุดคู้ติดอยู่แค่ในขวด
มัวแต่ดื่มมัวแต่ดวดโอ้อวดกันทั่วไป
ชูแก้วเหล้าไชโยนึกว่าโก้มีเกียรติ
ลืมว่านั่นน้ำเสนียดน่ารังเกียจฉิบหาย
เห็นมีแต่กินแล้วคลานเหมือนตัวอะไร
น้ำเสนียดมีเสน่ห์กินแล้วเท่ห์หรือท่าน
ต้องหมดตัวหมดตูดหมดตับหมดไต
เสียเงินเสียทองให้น้ำดองมันดูด
ซมซานซอมซ่อพ่อไปตกไห
ลูกเมียอยู่ทางบ้านกินข้าวสารกรอกหม้อ
อยากจะร้องว่าพ่อโว้ยเงินไม่มีใช้
อดอยากปากแห้งหมดแรงหิวโหย
จงรีบลดรีบละน้ำจัญไร
ผู้เป็นพ่อเป็นผัวจงรู้ตัวเสียเถิดนะ
ยืนยิ้มอยู่กับโลกอย่างสบายใจ
หากหมดอบายมุขก็หมดทุกข์หมดโศก

 

เราทุกคนคือแขกผู้แปลกหน้า
มาแสดงบทบาทขาดขาดเกินเกิน
เราทุกคนคือแขกผู้แปลกถิ่น
จงเป็นแขกที่ดีมีน้ำใจ
จงอ่อนน้อมถ่อมตนทุกหนแห่ง
จงยิ้มแย้มแจ่มใสดับไฟพิษ
คุณก็แขกเขาก็แขกผู้แตกต่าง
อย่าฉุนเฉียวขุ่นข้องหมองกมล

มาเยี่ยมเยือนโลกามิช้าเนิ่น
มาเพลิดเพลินและพลัดพรากตายจากไป
จงถวิลเตือนจิตเป็นนิสสัย
จงยับยั้งระวังระไวในชีวิต
จงสำแดงกายวจีไมตรีจิต
ทำ พูด คิด สิ่งใดเกรงใจคน
จงปล่อยวางใจเย็นเย็นจะเป็นผล
เราทุกคนก็คือแขกไม่แปลกเลย

 

 
จะถือโทษโกรธใครที่ไหนเล่า
มีความทุกข์อุปาทานอุปธิ
เมื่อเจ้ามีสิ่งชั่วในตัวเจ้า
มนุษย์มีดีและชั่วอยู่ทั่วไป
จะถือโทษใครที่ไหนเล่า
จงอ่อนน้อมถ่อมตนพ้นราคิน
เมื่อตัวเรายังมีส่วนควรตำหนิ
ไตร่ตรองตริตนตัวจงทั่วใจ
แล้วใครเล่าไม่เกลือกกลั้วสิ่งชั่วได้
จงยอมรับปรับใจเป็นอาจิณ
เมื่อตัวเรายังมีส่วนควรติฉิน
เพื่อดวงจินต์ใสสว่างเบาว่างเอย

 

 

มีเศรษฐี คนหนึ่ง ซึ่งสะสม
แต่ความอยากมิรู้หยุดสุดประมาณ
“ขอให้ข้ามั่งมีกว่านี้อีก
ทั้งเรือกสวนไร่นา ทั้งข้าใช้
มีขอทานคนหนึ่งซึ่งยากเข็ญ
มาขอทานท่านเศรษฐีที่เพิ่มพูน
ครั้นได้ยินคำอธิษฐานท่านเศรษฐี
เห็นเศรษฐียากจนทุรนทุราย
ไม่อยากขอขอทานท่านเศรษฐี
อันตัวข้า ลำบากแสนยากจน
เศรษฐีอธิษฐานขอทานแท้
คงต้องขอขอขอ อีกต่อไป

ทรัพย์อุดม บรมสุขทุกสถาน
อธิษฐานให้มากมีทุกทีไป
ทั้งเงินปลีกเงินปึกทั้งตึกใหญ่
และขอให้เป็นเศรษฐีทวีคูณ
ต้องลำเค็ญตกอับทรัพย์เสื่อมสูญ
หวังเศรษฐีเกื้อกูลพอกันตาย
เจ้าขอทานก็รีบหนีอย่างเหนื่อยหน่าย
อยู่ในข่ายขอทานประจานตน
ขอลาทีขอทานรำคาญบ่น
เมื่อเห็นคนจนกว่าขอลาไกล
จนขอทานยอมแพ้แน่ไฉน
ตราบที่ใจ ไม่รู้พอเป็นขอทาน

 

 

ความโกรธเหี้ยมโหดร้าย     รุนแรง
เหมือนหนึ่งกินน้ำแกง         เผ็ดร้อน
ยามโกรธกลัดกลุ้มแหนง    หน่ายหนัก
เหมือนหนึ่งใจถูกค้อน        ทุบร้าวแหลกสลาย

ยามโกรธใบหน้าบูด          บึ้งบวม
เหมือนหนึ่งถูกหมัดนวม   หนักแท้
ยามโกรธกล่าวกำกวม      ชวนกัด กันนา
เหมือนหนึ่งหมาเห่าแห้      โหดเหี้ยมหุนหัน

 

โลกเราร้อนเร่าร้าย รุนแรง
ต่างฝ่ายต่างสำแดง เดชกล้า
เหิมห้ำหั่นกำแหง หฤโหด
เหมือนดั่งพลโลกบ้า บาปร้ายโลกันตร์
เมตตาตายจากแล้ว ฤาชน
ก่อเกิดการณ์วิกล จัดจ้าน
เมตตาดับร้อนรน ชโลมโลก
เหมือนดับไฟไหม้บ้าน สาดน้ำดับหาย

 

ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน ต้องทนได้
จงทำใจให้เที่ยงอย่าเลี่ยงถลำ
เมื่อชั่วเลวก็ยอมรับและกลับลำ
เมื่อดีล้ำก็อย่าแช่อยู่แค่ดี
ดูตัวหนอนอัปลักษณ์เป็นหนักหนา
แปลงกายาเป็นผีเสื้องามเหลือที่
แม่น้ำเน่าเหม็นนองท้องธานี
ยังกลายเป็นน้ำดีในแผ่นดิน

 

ดูราประชาราษฎร์ หยุดอาฆาตจองเวรภัย
ทุกคนใช่อื่นใคร คือเพื่อนพ้องพี่น้องกัน
ความโกรธและความเกลียด เป็นเสนียดหมดทั้งนั้น
ว้าวุ่นทุกวี่วัน ไม่มีว่างเบาสบาย
เมตตาและไมตรี เป็นสิ่งที่มีความหมาย
จักก่อให้ใจกาย พ้นเพลิงทุกข์สบสุขเย็น
ยิ้มแย้มและแจ่มใส สิ่งนี้ไซร้สิจำเป็น
ความสุขกระซ่านเซ็น และซึมซาบอาบอารมณ์
แวดล้อมจะเลวร้าย จะเมามายหรือหมักหมม
เราอยู่อย่างผู้ชม อย่าเป็นอยู่อย่างผู้ชัง
มองโลกในแง่ร้าย ความสบายอย่าได้หวัง
อารมณ์จะรุงรัง และเร่าร้อนเหมือนเพลิงลาม
มองโลกในแง่ดี ด้วยชีวีไม่วู่วาม
ยังงี้สิดีงาม ใบหน้าเงยไม่เคยงอน
มองโลกให้สวยหรู อย่ามองดูอย่างยอกย้อน
ใส่ดีลงสันดอน เป็นสันดานของคนดี
ชีวิตนี้น้อยนัก อยู่สักพักก็เป็นผี
ฝากไว้แต่ความดี และความเลวให้โลกลือ
ฝากไว้แต่ความดี เป็นสิ่งที่โลกยึดถือ
ดำรงความสัตย์ซื่อ เป็นสื่อสุด”มนุษยธรรม”

 

เจ้าปักษินบินมาในฟ้ากว้าง       
ปีกเจ้ากางถลาลมน่าชมหนอ
หากเจ้าบินเร็วรี่ไม่รีรอ                
ปีกจะห่อตัวจะหดจะหมดแรง
เจ้าปักษินบินมาในฟ้ากว้าง       
จงบินอย่างอดทนทุกหนแห่ง
แม้ฟ้าสูงจงบินต่ำพอสำแดง       
เพื่อกล้าแกร่งเบิกบานในการบิน
เจ้าปักษินบินฝ่าในฟ้ากว้าง       
อย่าบินอย่างยโสผกโผผิน
อันฟ้าใดไหนเลยไม่เคยชิน          
อย่าโบยบินฟ้านั้นอันตราย

 

ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ หงุดหงิดขึ้นมาก็รีบคว้ายาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ ใส่ปากคาบไว้จุดไฟยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ แสงไฟแดงวาบซ่านซาบยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ อัดควันพิศวาสซี๊ดซาดยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ ผีเปรตอ้วนท้วนในแต่ละมวนยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ สูบบุหรี่ปากเหม็นปากก็เป็นเตาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ ปอดดำอันตรายเพราะพิษร้ายยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ โรคมะเร็งลุกลามก็มาตามยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ คนโง่วิปริตจึงเสพติดยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ คนบ้าคนบอก็มักจะต่อยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ ติดยาย่ำแย่ช่างอ่อนแอกว่าไอ้ตูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ สาธุชนหญิงชายเลิกงมงายยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ สลัดทิ้งทันทีมวนบุหรี่ที่สูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบ เข่นฆ่าผีเปรตหมดกิเลสยาสูบ
ยาสูบ ยาสูบ ยาสูบทิ้งบุหรี่อันตรายแล้วไม่ต้องอายไอ้ตูบ

 

ยิ้มเถอะยิ้มเย็นเย็นอย่าเป็นยักษ์
ยิ้มเถอะยิ้มสดใสวิไลตา
ยิ้มเถอะยิ้มหยาดหยดความสดชื่น
ยิ้มเถอะยิ้มสื่อแสดงการแบ่งปัน
ยิ้มเถอะยิ้มเยิ้มเยียวยารักษาโรค
ยิ้มเถอะยิ้มจริงจังอย่าซังกะตาย
ยิ้มเถอะยิ้มน้อยน้อยบนใบหน้า
ยิ้มเถอะยิ้มทุกใบหน้าไม่ว่าใคร

ยิ้มเถอะยิ้มน่ารักเป็นหนักหนา
ยิ้มเถอะยิ้มนำพามิตรสัมพันธ์
ยิ้มเถอะยิ้มหยิบยื่นความสุขสันต์
ยิ้มเถอะยิ้มป้องกันอันตราย
ยิ้มเถอะยิ้มดับโศกระส่ำระสาย
ยิ้มเถอะยิ้มเบาสบายทั้งกายใจ
ยิ้มเถอะยิ้มหน่อยหนาหน้าอยู่ไหน
ยิ้มเถอะยิ้มแก่คนใกล้ก่อนใครเอย

 

 

หนุ่มเอ๋ยหนุ่มน้อย สามัญสำนึกเจ้ายังด้อยเป็นหนักหนา
พอเย็นลงก็ดื่มด่ำร่ำสุรา และพูดจาด่าทอพ่อแม่กัน
นี่หรือการพักผ่อนเมื่ออ่อนล้า หรือพักผ่อนด้วยสุราดูน่าขัน
นั่งกินเหล้ากินถั่วตัวเป็นมัน ให้คืนวันผ่านไปไร้สาระ
เป็นหญิงสาวเดินผ่านก็ขานเกี้ยว เหมือนเสียงเกรียวของสุนัขอันกักขฬะ
ใครจะเห็นสัปดนไม่สนซะ นี่แหละคือเศษขยะในสังคม
ในรั้วร้านมังสวิรัติไม่จัดจ้าน หนุ่มผู้หนึ่งเบิกบานผสานผสม
เขาทำงานง่วนสนุกไม่ทุกข์ตรม ด้วยอุดมความขยันสร้างสรรค์จริง
ไม่สนใจเสียงชั่วนอกรั้วร้าน เขาทำงานที่ตนมุ่งไม่สุงสิง
เช็ดกวาดถูร้านตลอดไม่ทอดทิ้ง ทำทุกสิ่งด้วยเบิกบานในงานบุญ
นอกรั้วร้านมังสวิรัติยังจัดจ้าน ในรั้วร้านมังสวิรัติไม่จัดจุ้น
หนุ่มนอกร้านร่ำสุราไร้ค่าคุณ หนุ่มในร้านทำงานบุญอบอุ่นเอย

 

 
อันพระคุณอื่นใดที่ในหล้า
จากก้นเหวถึงสุดฟ้าสุราลัย
แม่คือคนผู้มีทั้งดีชั่ว
แม่ก็เป็นเช่นนั้นตามครรลอง
อันดีชั่วทั่วไปในมนุษย์
คนเลวชั่วสิ้นดีมีหรือไร
ขอให้ท่านเกลียดความชั่วให้ทั่วถ้วน
ขอให้ท่านเมตตาและปรานี
รักคนอื่นทั่วไปที่ในหล้า
เพราะมารดาคือมิตรสนิทใจ
อันความรักของใครยังไม่แน่
จงยลยินวิญญาณแห่งมารดา
จะเทียบคุณมารดาหามิได้
ยังต่ำใต้พระคุณแม่สุดแลมอง
ดีไม่ทั่วชั่วไม่หมดทั้งสดหมอง
เหมือนชนผองดีชั่วอยู่ทั่วไป
ประเสริฐสุดแต่ส่วนดีมีที่ไหน
จงทำใจให้รู้ทั่วทั้งชั่วดี
แต่ไม่ควรเกลียดคนชั่วมัวหมองศรี
แต่ไม่ควรใจดีจนเกินไป
จะลืมรักมารดากระไรได้
คนอื่นใดจะเปรียบปานเท่ามารดา
ส่วนความรักของแม่แน่หนักหนา
ให้เหนือกว่าผิดถูกนะลูกเอย

 

 
กี่เนิ่นกี่นานที่ผ่านผัน
กี่ทุกข์กี่ท้อที่ทรมาน
เคยกินเคยถ่ายมาหลายครั้ง
เคยไหมไตร่ตรองและมองตน
หรือเพียงดิ้นเร่าเร่าไปเรื่อยเรื่อย
และตื่นขึ้นดิ้นรนเพื่อพ่นพิษ
เวียนวนแหวกว่ายมาหลายชาติ
ทั้งรูปเลวรูปชั่วกลั้วชีวา
เราเขียนรูปติดไว้ใครจะลบ
เราทุกคนทุกชีวิตคือจิตรกร
เมื่อวาดรูปดอกไม้วิไลลักษณ์
เมื่อวาดรูป ผีสาง ขวางประตู
ก็กี่รูปแล้วเล่าที่เราวาด
หรือขี้เหร่อัปลักษณ์สักปานไร
กี่คืนกี่วันที่ผันผ่าน
กี่สุขกี่ซ่านที่ผ่านกมล
เคยนอนเคยนั่งมาหลายหน
อ่านลีลาการดิ้นรนของชีวิต
ดิ้นจนเหนื่อยล้มพับหลับสนิท
ตามแรงฤทธิ์แห่งกิเลสด้วยเจตนา
เขียนวาดรูปลักษณ์เป็นหนักหนา
ทั้งรูปพริ้งโสภาสถาพร
ทั้งรูปศพ รูปสวยสโมสร
มาวาดรูปกลางดินดอนให้โลกดู
โลกก็จักร่ำรวยความสวยหรู
โลกของเราจะน่าดูแต่อย่างใด
แลเลิศน้ำงามพิลาสขนาดไหน
ระวังระไวในการวาดทุกชาติเทอญ

 

 
เจ้าชายเทวทัต ถนัดศร
ศรแหลมคมเสียบปีกหงส์ตกลงมา
เจ้าชายสิทธัตถะ ทอดพระเนตร
ค่อยอุ้มหงส์แนบอุราด้วยอาทร
ทรงเยียวยาสมุนไพรลงใส่แผล
ทรงลูบไล้หงส์น้อยพลอยจำนน
เจ้าชายเทวทัตแสนอัดอั้น
หงส์เป็นสิทธิ์ของข้า ณ ครานี้

“ช้าก่อนเทวทัตอย่าจัดจ้าน
คนทำลายนั้นมีสิทธิ์ชีวิตฤา
เราช่วยหงส์ให้ปลอดรอดชีวิต
เรามีสิทธิ์ เมตตาและปรานี
เทวทัตปฏิเสธ ซึ่งเหตุผล
สองเจ้าชายไม่ตกลงคงความคิด
ในที่สุดจึงแจ้งชัดคำตัดสิน
ไม่มีใครถือสิทธิ์ปลิดชีวา
อันผู้ใดช่วยหงส์ย่อมทรงสิทธิ์
หงส์เป็นสิทธิ์ สิทธัตถะ มีพระคุณ
เจ้าชายสิทธัตถะ ชนะแล้ว
ชีวิตอย่าถือสิทธิ์ชีวิตเลย
ยิงหงส์ปีกอ่อนร่อนถลา
เจ็บปวดปานชีวาจะขาดรอน
แสนสังเวชหวั่นไหวฤทัยถอน
และถอดศรเทวทัตในบัดดล
เพื่อกันแก้เลือดไหลจนได้ผล
พระทัยท้นพระกรุณาและปรานี
ตะคอกตะคั้นร้องว่า “เอามานี่
ข้ายิงมันทันทีด้วยผีมือ”

หงส์เป็นสิทธิ์ของท่านกระนั้นหรือ
โปรดอย่าถือ อภิสิทธิ์ชีวิตนี้
เราจึงควรมีสิทธิ์ชีวิตนี่
ไม่มีสิทธิ์ราวีแก่ชีวิต”
ถือว่าตนนี้คือผู้ถือสิทธิ์
ให้สภามหาบัณฑิตพิจารณา
สิทธิ์ทั้งสิ้นในตัวหงส์ดำรงค่า
สัตว์ไม่เคยปรารถนาความทารุณ
ให้ชีวิตสุขสงบและอบอุ่น
อย่าเฉียวฉุนอึดอัด เทวทัตเอย
หงส์ก็แคล้วคลาดทุกข์สุขเสวย
โปรดสังเวยชีวิตด้วยจิตดี

 

 

เทวดา:
ใครกันแหวกว่ายเวิ้ง        มหาสมุทร
เพียรอยู่มิยั้งหยุด            ย่อท้อ
ฟากฝั่งที่เร่งรุด                ไหนเล่า
ลอยล่องชวนหยอกล้อ    ยากแท้   ไปถึง

มหาชนก:
ดูก่อนทวยเทพผู้                ติดตาม
เราย่อมเพียรพยายาม       ไป่ยั้ง
หยุดอยู่เพื่อคนหยาม        ดีอยู่    ฤาพ่อ
ตนพึ่งตนจิตตั้ง                ว่ายเวิ้ง   ทะเลวน

เทวดา:
มหาสมุทรสุดลึกล้น       คณนา
ฟากฝั่งไกลสุดตา          ลับลี้
ความเพียรอาจนำพา    สำเร็จ เสมอฤา
มีแต่ตายกับซี๊                หมดสิ้น   อานิสงส์

มหาชนก:
ดูก่อนทวยเทพผู้             ไถ่ถาม
ตายก็ตายสมนาม          มนุษย์นี้
ถึงตายไป่เกรงขาม         กลัวเข็ด    เลยนา

ตายก็ตายหมดหนี้          โลกนี้    โมทนา

 

ถึงประดับร่างด้วย          สิ่งใด
หากแต่ตนระงับใจ          จัดจ้าน
มั่นคงพิสุทธิ์ใส อโหสิ      ท่านนา
คือสมณะจิตสะอ้าน       สะอาดแท้   บรมธรรม

ตนนี้ย่อมรักตนกว่าคนอื่น
ตนต้องกล้าปฏิเสธกิเลสใจ
ตนทำตนดีก่อนสอนคนอื่น
ตนทำได้สอนได้สบายเบา
เมื่อสอนคนอื่นทำจำไว้เถิด
ฝึกคนแล้วฝึกคนอื่นฝืนสันดอน

ไร้รอยเท้าของอีกาในอากาศ
สัตว์ยินดีในกิเลสด้วยเจตนา
มีรอยเท้าของอีกาในอากาศ
มีสังขารเที่ยงแท้แน่หรือนา
ตนต้องพึ่งตนนี้ให้ดีได้
ผู้ฝึกฝนตนมั่นไม่พรั่นพรึง

ตนต้องตื่นฝืนตนก่อนคนไหน
ตนจึงได้ชื่อว่ารักษาตน
ตนต้องตื่นก่อนจะลุกไปปลุกเขา
ตนไม่เศร้าหมองหม่นแก่ตนเอง
ตนจงทำความประเสริฐตามที่สอน
เพราะตนสอนฝึกตนยากลำบากเอย

ไร้สมณะผู้เปรื่องปราดนอกศาสนา
พระศาสดาหมดกิเลสวิเศษแล้ว
มีสมณะผู้เปรื่องปราดนอกศาสนา
มีประหม่าผวาสะดุดของพุทธฤา
คนอื่นใครไหนจะดีเป็นที่พึ่ง
ได้ที่พึ่งที่ได้ยากลำบากเอย

ไม่ว่าบนท้องฟ้ามหาสมุทร
ไม่ว่าบนเขาสูงสุดทุกสิ่งเสี้ยว
ไม่เคยมีที่แสดงสักแห่งเดียว
ที่จะเลี้ยวหลีกกรรมชั่วของตัวเลย

 

 
ทำดีมากให้มากดีย่อมมีผล
อยากให้โจรกาลีเอาดีไป
อันความดีมีมากมายหลายชนิดี
ทำให้มากเถิดหนาเป็นบารมี
เพียงอาศัยใจมุ่งมั่นสรรสร้าง
ทำเงียบเงียบเรียบง่ายสบายเสบย
โจรมิปล้นความดีเอาไปได้
เพื่อเปลี่ยนใจแปลงโจรเป็นคนดี
เรามีสิทธิ์เลือกกระทำตามวิถ
ไม่ต้องเสียภาษีความดีเอย
ทำดีอย่างปรีดามิช้าเฉย
ไม่ต้องเอ่ย อวดดี ให้ผีดู

 

 
ฝนพรำฉ่ำพื้นสะอื้นโศก
ฟ้าเอยเจ้าผิดหวังหรืออย่างไร
คงไร้ดาวไร้เดือนเป็นเพื่อนคิด
รออรุณเบิกหล้าไม่ช้านี้
ฟ้าเอยเจ้ามีอะไรที่ไหนเล่า
ที่ให้พึ่งหนึ่งนั้นท่านผู้ใด
ปลงใจเถิดฟ้าอย่าร้องไห้
วิสัยโลกโศกสะอื้นและครื้นเครง
ชโลมโลกนองหล้าน้ำตาไหล
จึงร้องไห้หลั่งน้ำตาเมื่อราตรี
จึงมืดมิดมัวหมองไม่ผ่องศรี
ก็จะมีแสงทองผ่องอำไพ
ช่วยให้เจ้าสมสุขทุกสมัย
จะมีใครไหนเล่าก็เจ้าเอง
อย่ารอใครชื่นชมหรือข่มเหง
เป็นบทเพลงธรรมดานะฟ้าเอย

 

 
เคียงเอยเคียงข้างอยู่ข้างศพ
มีจิ้งหรีดกรีดเสียงสำเนียงไพร
คนเอ๋ยคนเราก็เท่านี้
กินกามเกียรติเก่งโก้ในโลกา
ลวดลายลีลาในหล้าโลก
ชั่วครู่ชั่วคราวมิยาวยัง
ปล่อยเอ๋ยปล่อยวางเสียบ้างนะ
แจกจ่ายเจือจานสมานมิตร
มีจิ้งหรีดเงียบสงบสลบไสล
แล้วน้อมใจจดจ่อโอ้มรณา
ไม่เห็นมีสิ่งใดควรใฝ่หา
คือมายาของชีวิตอนิจจัง
เศร้าโศกสุขสมอารมณ์หวัง
จะจริงจังกับอะไรในชีวิต
รู้กำหนดลดละสละสิทธิ์
เพื่อชีวิตว่างเบาก่อนเข้าโลง

 

 

ล้มแล้วลุกอย่าท้อต้องต่อสู้
ให้มันรู้ว่าจะแพ้สักแค่ไหน
แม้ไม่เดินก็แค่คลานพอผ่านไป
อาจจะถึงหลักชัยได้สักวัน
ล้มแล้วลุกอย่าท้อต้องต่อสู้
ประสบการณ์เป็นครูให้เลื่อนขั้น
จะล้มค่อยล้มคะมำไม่สำคัญ
ขอเพียงอย่าล้มตะบันเท่านั้นพอ

 

 

 

โลกนี้หมุนคว้างอยู่กลางฟ้า
สรรพสัตว์นานาไม่หยุดนิ่ง
โลกนี้หมุนไวไม่ประวิง
สรรพสิ่งหมุนวนไม่ทนทาน
พึงเรียนรู้ลีลาประสาโลก
ทั้งสุขโศกที่เวียนวนในสงสาร
พึงศึกษาทุกบทปรากฏการณ์
และเบิกบานอยู่กับโลกอย่าโศกเลย

 

เวียนวนแหวกว่ายเวิ้ง        วังวน
เวียนเกิดเวียนตายจน        เหนื่อยล้า
พอทีโลกร้อนรน                  แรงกิเลส
ดับภพดับชาติหน้า            แน่วโน้ม   นิพพาน

เวียนวนและแหวกว่าย
อยู่ในสายกิเลสา
เวียนวนและเหว่ว้า
ทั้งวุ่นวายหลายครั้งคราว

เป็นสัตว์เดรัจฉาน
ก็เนิ่นนานเจ็บระนาว
ทุกข์ยากก็ยืดยาว
มิรู้แจ้งซึ่งความจริง

เป็นคนก็หลายครา
ได้เกิดมาเป็นชายหญิง
เคยใหญ่ยืนยงยิ่ง
เคยต่ำต้อยน้อยบารมี

เคยชั่วเคยฉ้อฉล
เคยเป็นคนที่แสนดี
เคยรวยเป็นเศรษฐี
ทั้งยาจกก็เคยเป็น

เวียนวนและแหวกว่าย
มิผ่อนคลายแสนลำเค็ญ
น้ำตาไหลกระเซ็น
รวมกี่สายกระแสธาร

เหนื่อยล้ามาพอแล้ว
ถึงคราวแผ้วผ่องนิพพาน
ลาโลกที่ลนลาน
สู่แดนทิพย์ อมตะธรรม

 

ชายคนหนึ่งมีบิดา
ร่างชราน่าสงสาร
หมดแรงทำการงาน
ช่วยทางบ้านก็ไม่ไหว
เลยเห็นเป็นเกะกะ
ก็คิดจะกำจัดไกล
จึงหากะลาให้
แล้วส่งพ่อไปขอทาน
ต่อมาลูกของตัว
เล่นข้างครัวเงียบอยู่นาน
ถามลูกด้วยคำหวาน
ว่าลูกพ่อเล่นอะไร
ลูกตอบเล่นกะลา
ขัดแล้วทาน้ำมันไว้
เมื่อพ่อแก่ตัวไป
จะให้พ่อไปขอทาน

 

ใจร้อนใจร้ายจะวายวอด
ฟู่ฟู่ฟอดฟอดเหมือนงูเห่า
ใจร้อนใจร้ายทำลายเรา
โง่เง่างุ่นง่านสันดานงู
ใจเร็วใจร้อนและใจร้าย
มักง่ายมักโง่ไม่โก้หรู
ทำอะไรเร่งรีบเหมือนบีบปู
จะเค้นเลือดจากปูดูไม่เจอ
เร่งรีบรีบเร่งและเร่งรีบ
ปูจะหนีบเอาหนาอย่าพลั้งเผลอ
เลือดปูไม่มีดอกจะบอกเกลอ
จะเร่งรีบเลินเล่อไปทำไม
ทำอะไรเร็วรี่ไม่ดีหรอก
กระฉึกกระฉอกเชื่องช้าเข้าจนได้
ใจเร็วใจรีบบีบหัวใจ
ใจเย็นเย็นเข้าไว้สบายแฮ

 

 

เจ้าอารมณ์ข่มอะไรที่ไหนเล่า
ก็ข่มใจของเจ้ามิใช่หรือ
เจ้าอารมณ์ข่มอะไรที่ไหนฤา
แท้ก็คือขืนข่มอา
รมณ์เอง
มีอำนาจยิ่งยงเป็นองค์เจ้า
เยี่ยงขุนเขามั่นคงดำรงเคร่ง
อารมณ์เลวอารมณ์ชั่วไม่กลัวเกรง
เพราะตนเองนี่ไงเล่าเจ้าอารมณ์

 

ชีวิตมนุษย์ชาติย่อมผิดพลาดอยู่บ้าง
ในสำนึกนายนางจงปล่อยวางจิตไว
ยามผิดก็ให้รู้อย่าหดหู่กับความผิด
ล้มแล้วลุกเป็นนิจเพื่อดวงจิตแจ่มใส
อย่าใจน้อยสร้อยเศร้ากับตัวเราเลยนะ
ความผิดพลาดคือพระช่วยชำระจิตใจ
ให้เรารู้ว่าเรานี้มิได้ดีเต็มร้อย
เราผิดพลาดด่างพร้อยเราก็ด้อยก็ได้
เรามิใช่เทวดาเหนือฟ้าเหนือสวรรค์
เราคือมนุษย์เต็มขั้นเราพระอรหันต์ที่ไหน
เมื่อรู้ตัวว่าเราผิดก็ปรับจิตพิจารณา
ว่าเรานี้นี่หนาไม่แกร่งกล้าเกรียงไกร
จงอ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคนทุกครั้ง
ว่าชีวิตย่อมผิดหวังอย่าจริงจังเกินไป
ให้ความผิดเป็นครูให้ความรู้เป็นอาจารย์
ทำชีวิตเบิกบานกล้าหาญชาญชัย
โลกนี้สวยหรูน่าอยู่ไม่ใช่น้อย
อย่าอับเฉาเศร้าสร้อยอย่าเหี่ยวละห้อยโหยไห้
เมื่อยอมรับความผิดปรับชีวิตสดชื่น
เมื่อเห็นผิดเขาอื่นก็กลมกลืนกันไป
เราก็ผิดเขาก็ผิดทุกชีวิตแหละหนา
ผิดกันไปผิดกันมาอย่าถือสาหมั่นไส้
มาถือศีลกันเถิดเพื่อให้เกิดความสุข
ถ้าถือสาเป็นทุกข์เหมือนเพลิงลุกภายใน
มาปล่อยวางช่างมันจะสุขสันต์เสร็จสม
ล้างกิเลสในอารมณ์จะสุขสมตลอดไป

 
บนเส้นทาง แยบยล ของคนกล้า
ต้องฟันฝ่า ความลำบาก และขวากหนาม
เพื่อมุ่งสู่อนาคตอันงดงาม
ต้องยืนหยัด พยายาม ในปัจจุบัน
ในบางคราวก้าวพลาดมีบาดแผล
อย่ายอมแพ้บนหนทางที่สร้างสรรค์
ใครเล่าอยู่ยืนยงคงกระพัน
จงเท่าทันทุกข์ทนในหนทาง
ซึ่งแน่นอนในระหว่าง เส้นทางสู้
ความทุกข์ยากย่อมมีอยู่ ทุกเยื้องย่าง
เพียงระวังเวียนวก ตกหลุมพราง
เดินไปอย่างแยบยลทั้งต้นปลาย
ถ้าไม่ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
เพราะกลัวการล้มคว่ำคะมำหงาย
ก็เอาเถิดหยุดยอพอสบาย
แล้วก็ตายเปล่าปลี้หนึ่งชีวิต
เมื่อมุ่งหน้ากล้าก้าวอย่างห้าวหาญ
ให้ทนทานทุกข์ท้าทายทั้งกายจิต
แม้เพื่อนร่วมแรงใจคนใกล้ชิด
จะถอยทัพกลับทิศก็ช่างเธอ
ฉันยอมรับว่าบาดเจ็บหนาวเหน็บเนื้อ
แต่เพียงเพื่อโลกสุขพร้อมฉันยอมเสมอ
ฉันยอมรับว่าหงอยเหงาเศร้าละเมอ
แต่เพื่อโลกล้ำเลิศเลอฉันยินดี
 

มาอดทนกันเถิดประเสริฐแท้
อย่าอ่อนแอขี้บ่นไม่ทนอด
ขันติธรรมนำเที่ยวไม่เคี้ยวคด
นั่นคือบททดสอบอันชอบธรรม
โลกมีเลวมีร้ายมีหลายหลาก
ความลำบากชายหญิงทุกสิ่งส่ำ
เดี๋ยวเหน็บหนาวเดี๋ยวร้อนรนเดี๋ยวฝนพรำ
อุปสรรคซ้ำซ้ำเป็นธรรมดา
กลัวอะไรกับนิยามความลำบาก
กลัวอะไรความยุ่งยากทุกทีท่า
กลัวอะไรกับความทุกข์อุกอุรา
กลัวอะไรกับปัญหาสารพัน
นั่นคือสิ่งทดสอบให้ชอบเถิด
นั่นคือสิ่งสูงประเสริฐเปิดสวรรค์
นั่นคือสิ่งธรรมดาเป็นสามัญ
นั่นคือสิ่งสร้างสรรค์ทุกชั้นชน
ฉันจะเริ่มเริงระบำความลำบาก
แม้จะยากอย่างไรจะไม่บ่น
ฉันจะสู้ทุกข์โศกโลกร้อนรน
อย่างทรหดอดทนทุกหนทาง
ขอให้เธออดทนอย่าบ่นท้อ
มาร่วมก่อกองไฟใสสว่าง
เป็นไฟเพียรเรียนละสละวาง
อย่าบอบบางลืมบทความอดทน

 

ใจคนใจใครก็ใจเขา
จะให้เหมือนใจเรากระไรได้
ต่างคนต่างคิดต่างจิตใจ
จะยึดมั่นทำไมกับใจคน
เห็นแท้รู้เท่าใจเราท่าน
คือสังขารปรุงแต่งทุกแห่งหน
เปลี่ยนแปรแปรเปลี่ยนและเวียนวน
โอ้ใจคนเกินคาดประหลาดใจ

 

อุปสรรคหนักหนาจงฝ่าข้าม
ด้วยนิยามนักสู้ไม่รู้หนี
แม้ทุกข์ยากลำบากลำบนอดทนซี
ทุกข์ใช่มีไว้เพื่อท้อต่อความทุกข์
แต่มีไว้เพื่อสู้ให้รู้ว่า
โลกนี้หนาแท้จริงใช่สิ่งสุข
ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นล้วนเป็นทุกข์
อย่าปล่อยใจเจ่าจุกทุกข์ประจำ
เมื่อเป็นทุกข์ก็ให้เห็นว่าเป็นทุกข์
ความสนุกอร่อยนิ่มไม่อิ่มหนำ
หลงสนุกหนีทุกข์จริงยิ่งระกำ
สนุกนำทุกข์ถนัดเต็มอัตรา
เมื่อเป็นทุกข์ก็ให้เห็นว่าเป็นทุกข์
เพราะความสุขแท้จริงใช่วิ่งหา
แต่คือเรียนทุกข์ในโลกเป็นตำรา
เพื่อค้นคว้าความพ้นทุกข์จนสุขจริง
ความทุกข์กายเกิดอยู่ทุกผู้ป่วย
ก่อนมอดม้วยกลายเป็นศพสงบนิ่ง
ป่วยทางกายจงรักษาอย่าประวิง
ทุกชายหญิงย่อมไม่สร่างทุกข์ทางกาย
ความทุกข์จิตเกิดอยู่ทุกหมู่เหล่า
คือจิตเศร้าเหงาเหลือจิตเบื่อหน่าย
เหมือนอยู่กินในโลกันตร์อันตราย
เร่งขวนขวายออกจากโลกโศกอารมณ์
มาอ่อนน้อมยอมรับกับทุกสิ่ง
คือยอมรับความจริงทุกสิ่งสม
ทุกคนทุกข์ทรมานมานานนม
เมื่อยอมรับปรับอารมณ์ไม่ตรมใจ
อุปสรรคหนักหนาจงฝ่าข้าม
ด้วยอดทนพยายามพ้นหนามไหน่
แล้วจะรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไร
ทุกข์เท่าใดก็แค่เป็นเช่นนั้นเอง

 

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า
จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน
เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
ใจจริงไม่อยากพราก
เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
แต่ชีพไม่ทนนาน
ต้องร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร
อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
คนแก่ชะแรวัย
ผิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า
เพียงเมตตาเอื้ออาทร
ให้กินและให้นอน
คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง
ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้
ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบปรน
เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่
แม้เหนื่อยใจก็ยอมทน
หวังเพียงจะให้ผล
เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด
ขอให้คิดทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ
หวังติดตามช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง
มีหรือหวังอยู่ทนได้
วันหนึ่งคงล้มไป
ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

 

สัตว์โลก มีมากมาย หลายแบบอย่าง
สัตว์มีหลาย ท่าทาง ต่างเจ้าของ
สัตว์ขาเดียว คือหอยทาก เดินลากท้อง
สัตว์สองขา ไปมาคล่อง ต้องเป็น "คน"
สัตว์สามขา คือคนแก่ แลไม้เท้า
ยามผู้เฒ่า เดินไปมา น่าฉงน
ขาตั้งกล้อง ก็สามขา ดูน่ายล
สัตว์สี่ขา หน้าขน คือสุนัข
สัตว์ห้าขา คือปลาดาว ตัวยาวสั้น
สัตว์หกขา คือแมลงวัน ขยันขยัก
สัตว์เจ็ดขา คือยุง ยุ่งจริงนัก
สัตว์แปดขา ปลาหมึกยักษ์ นั่นยังไง
สัตว์สิบขา คือปู คนรู้ทราบ
สัตว์ร้อยขา คือตะขาบ คนทราบได้
สัตว์พันขา คือกิ้งกือ ชื่อดังไกล
สัตว์มีขา กว่านั้นไซร้ อย่างไรกัน
สัตว์มีขา หลากหลาย ไม่ง่ายนัก
แต่ก็ยัง พร้อมพรัก นักสร้างสรรค์
สัตว์สองขา ยังถนัด ขัดขากัน
เพราะยึดมั่น ในอัตตา สองขาตน
พึงใช้หัว ใช้สมอง คุ้มครองขา
ให้ก้าวหน้า นอกใน อย่างได้ผล
อย่าก้าวย่าง สร้างปัญหา ขัดขาคน
ยืนอยู่บน ลำแข้ง ไม่แกล้งใคร
จงเป็นสัตว์ สองขา ปัญญาเลิศ
สัตว์สองขา จิตประเสริฐ สว่างไสว
สัตว์สองขา สามัคคี มีน้ำใจ
สัตว์สองขา พาพ้นภัย ไปนิพพาน

 

 
บทกวีลำดับที่ 034 - 039