561021_รายการเรียนอิสระ ที่สวนลุมฯ
พ่อครู สมณะโพธิรักษ์

เรื่อง ธรรมาวุธสุดมีฤทธิ์

 

        ส.ฟ้าไท ดำเนินรายการ... วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖

ธรรมะของพ่อครู ทำให้เราลดกิเลสได้ เป็นทรัพย์ติดตัวไปทุกชาติ ถ้าไม่ได้สิ่งนี้ก็ถือว่า เสียเวลาเกิด แม้เราจะมีอะไรมากมาย แต่ไม่ได้สิ่งนี้ก็สูญเปล่า วันนี้พ่อครูก็จะมาอธิบาย เรื่องธรรม เรื่องการเมือง เรื่องอื่นๆ

        พ่อครูว่า... อาตมาได้หายไป จากสวนลุมฯหลายวัน ก็พยายามเร่งเขียนหนังสืออยู่ เขียนแล้วก็ยาก แก้แล้วแก้อีก หนังสือชื่อ “รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์”

        สงครามที่เรากำลังทำนี่เป็น ธรรมาธรรมสงคราม คือสงครามที่ใช้ธรรม รบกัน ระหว่าง ธรรมะกับอธรรม รบกันระหว่างเทพกับมาร แม้จะหยาบมาก เราก็ใช้ธรรมะ เป็นอาวุธ เราใช้ สันติ อหิงสา อโหสิ สันติคือสงบ อหิงสาคือไม่รุนแรง ส่วนอโหสิคือ แม้เขารุนแรง เราก็ไม่ถือสา ให้อภัย เราก็ต้องใช้จริงๆ ก็พาทำเช่นนั้น มาตลอด แล้วก็บอกกันว่า จะชนะหรือ อาตมาว่า ไม่ชนะเราก็แพ้ แต่เราจะไม่รุนแรงจริงๆ อย่างดี ก็แค่ปากหอก (มุขสตี) มุขคือปาก , สตีคือศาสตรา หรืออาวุธ อย่างดีก็แค่หอกปาก เสียบกัน ด้วยคำพูด เลือดไม่ตก ยางไม่ออกหรอก ยุคไหนก็มี มันสุดวิสัย นี่คือ การรบที่พาทำ

        มั่นใจเพราะประเทศไทย เป็นประเทศศาสนาพุทธ อย่างคานธี ใช้ความสงบ สยบความรุนแรงเป็นสัตยาเคราะห์ เชื่อว่าเมืองไทย ถ้าใช้ธรรมาวุธอย่างนี้ ได้ประโยชน์ แน่นอน พยายามไม่เร่งรัด ให้เกิดเจโต และปัญญา ใครจะว่า นี่เขารบกัน แต่นี่มาสอนธรรมะ จะบ้าหรือเปล่า อาตมาก็ว่า บ้าก็บ้า

        แต่ว่ามันไม่ง่าย แต่ละประเทศที่เปลี่ยนแปลง ล้วนเลือดตก ยางออก แม้แต่คานธี ก็หนักหนา สาหัส เพราะเขาตกเป็นเมืองขึ้น ของอังกฤษมานาน

        การศึกษาของโลก ไม่ทำให้ลดละกิเลสได้ แม้แต่จะศึกษา สายศาสนา อย่างคริสต์ อิสลาม แต่พุทธนี่ ให้อิสระมากที่สุด นัยศาสนาพุทธ เป็นผู้ดี แม้แต่ออกมา ในสังคม ขนาดนี้ ตั้งแต่ปี ๔๙ ประมาณ ๖ ปี ก็เห็นอัตรา การก้าวหน้า พัฒนาการ ทางสังคม ที่มาได้รับความรู้ความจริง ก็วัดตามประสาอาตมาก็เห็นอัตรา การก้าวหน้าจริง มีอัตราก้าวหน้า เกินกว่าเก่า

        มาถึงครั้งนี้ ที่ประท้วงก็ได้ผล พัฒนาอุดมการณ์ เกิดความสงบ เกิดธรรมฤทธิ์ ขึ้นมา ยกตัวอย่าง ตำรวจเขาทำ แล้วก็หยาบคาย หน้าด้านลดลงไป เปลี่ยนแปลงไป แต่เขาก็ ลงมือหนัก ทำอะไรใหญ่ขึ้น แต่ทางนามธรรม ของเขาสะดุด เขาไม่ได้ เปลี่ยนแปลง จิตใจเขา แต่เขาเกรงใจ มนุษย์โลก เพราะทุกวันนี้ เป็นโลกาภิวัฒน์ แม้เขาปิด นักข่าวไทยได้ แต่นักข่าวต่างประเทศ เขาปิดไม่ได้หรอก

        มาพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ปัจจุบัน ก็ต้องย้ำซ้ำซากว่า ประชาธิปไตยคือ ประชาชน กับอำนาจ อธิปไตย อำนาจคือ พลังมวลของประชาชน ที่จะมาแสดงมวล ให้ปรากฏ ความประสงค์ ความต้องการ ความเห็น มวลของประชาชนส่วนใหญ่ คือคะแนนเสียง ของประชาชน เรื่องประชาธิปไตย ถ้าเข้าใจและปฏิบัติถูกต้อง จะมีฤทธิ์อำนาจ เป็น sovereign power ถ้าคนไทย ๓๕ ล้านคน ซึ่งมันเป็นไปได้ยาก ออกมาแสดงความเห็นว่า คุณหยุดทำนะ ข้าราชการ หรือนักการเมืองก็ดี เพราะพวกนี้ เป็นผู้รับใช้ประชาชน มายืนยันเลย ๓๕ ล้านคน เขาจะต้องหยุดแน่นอน ถ้าไม่หยุด ให้ฆ่าชีวิตอาตมาเลย ถ้าเขาไม่หยุด ตามที่คน ๓๕ ล้านคน ออกมาบอกให้หยุด แต่ที่จริง ไม่ต้องใช้คน มากขนาดนั้น แม้ในรธน. ก็ใช้คน ๕๐,๐๐๐ คะแนนเสียง สามารถยื่น ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือ ไล่นักการเมืองได้ นี่เป็นสากลทั่วโลก เราจะสร้างคะแนนเสียง ออกมา ให้สงบเรียบร้อย ถ้ามาก เขาก็ไม่กล้าทำร้าย แต่ถ้าน้อย เขาก็ทำร้ายได้ เมื่อไหร่ จะเข้าใจกัน

        ออกมาชุมนุมประท้วง นี่คือความเป็นประชาธิปไตย เมืองไทยยังไม่มีคน มาประท้วงมาก ขนาดนี้ แม้ ๑๔ ตุลาฯ หรือ พฤษภาคม ๓๕ ที่ว่ามีคนมามาก อย่างไร ก็ไม่มากถึง ๑ ล้านคน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นการเปลี่ยนแปลง เผด็จการได้ เขาก็ทำ สำเร็จ แม้เขาทำตอบโต้ด้วยอาวุธ คนก็เสียชีวิต เขาก็พ่ายแพ้ ยิ่งใช้อาวุธ ยิ่งพ่ายแพ้เร็ว กระแสของต่างประเทศ จะมาร่วม เป็นปฏิกิริยาของ มนุษยชาติ ยิ่งทำแรง และ มวลประชาชน มากพอ ยิ่งเขาทำแรง เขายิ่งไปเร็ว ข้อสำคัญ คือให้มากพอ

 

        ถ้าประชาชนออกมาไม่ต้อง ๓๕ ล้าน เอาแค่ ๑ ล้าน ก็เผด็จศึก แม้เขาจะเตรียมตัว ใช้ กองทัพตำรวจ หรือจะมีทหาร บางส่วนมาสมทบ ถ้าประชาชนล้านคน ต่อให้ ตำรวจและทหาร รวมกันมีล้านคน ก็ไม่เชื่อว่า ตำรวจและทหาร ล้านคน จะมาจัดการ กับประชาชนล้านคน ยุคนี้พูดได้ เพราะเห็นการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมสังคม สงครามคุณธรรม ใครทำสำเร็จก่อน เป็นมหาอำนาจในโลก สงครามอย่างอาวุธนั้น เก่าแล้ว คนมีปัญญาพอแล้ว รู้แล้วว่า การรบเอาชนะกันด้วย เขี้ยวเล็บเรี่ยวแรงอาวุธ คือ แบบสัตว์เดรัจฉาน มันเก่าดึกดำบรรพ์ โบราณแล้ว

        ยุคนี้ต้องชนะด้วยความถูกต้อง ชนะด้วยคุณธรรม ผู้ชนะนั้นเป็นเลิศ ยอด ประเทศไหนสำเร็จ ประเทศนั้น เป็นมหาอำนาจ ไม่ใช่มหาอำนาจ เบ่งขี้แตก เป็นตำรวจโลก ควบคุมโลก แต่เป็นมหาอำนาจ ที่คนกราบไหว้เคารพ ที่คนทั้งโลก กราบไหว้ บูชาเคารพ ผู้ชนะด้วยธรรมาวุธ

        อย่าอยากเฉยๆ คนทางบ้านฝากให้คิด ถ้าพวกคุณ มารวมตัวกัน ตอนนี้ ก็พยายาม เป่านกหวีด เป็นวิธีที่ถูกต้อง เป็นการมาลงคะแนนเสียง ประชาธิปไตย แสดงเสียง ประชาธิปไตย แม้ที่สุด มารวมตัวกัน ในกทม.ไม่ได้ เป็นล้านคน มันยาก ก็แสดงออก ในทุกจุด ในประเทศได้ มีเป้าหมายอันเดียวกันหมด ยืนหยัดยืนยันเลย ตามแต่ละจังหวัด มีจำนวนคน เป็น ๑๐ ล้าน ได้ ก็เกิดผลแน่นอน แต่ตอนนี้ ถ้าพอเป็นไปได้ มาร่วมกัน ที่กทม. กันก่อน จะเป่านกหวีด ก็มาเลย

        ในระยะนี้กำหนดวันกัน ถ้าคนออกมาถึงล้าน จะเห็นการเปลี่ยนแปลง ทันที ไม่ต้องปิดบัง บอกเปิดเผยเลย เป็นการยืนยัน มวลประชาชน แท้จริงเลย ให้มาลองดู สักล้านคน เอาง่ายๆ ถ้าตั้งแต่ลานพระรูปฯ ไปถึงสนามหลวงนี่ เกิดพลังเปลี่ยนแปลงแน่ ให้เหมือนกับ วันที่ ๕ ธันวาคม ๕๕ ออกมามากมาย แล้วยื่นหนังสือ เท่านั้นแหละ อาตมาว่า เขาจะไม่อยู่รับหนังสือนะ

        ตอนนี้ อาหารจะจานละ ๕๐ บาทแล้ว อาตมาเคยกินก๋วยเตี๋ยว ชามละ ๕๐ ตังค์ ลอดช่องเคยกิน ชามละ ครึ่งตังค์ (ชามใหญ่กาไก่นะ) เขาไม่มีตังค์ทอน ก็เอาเงินเราไว้ บอกว่า พรุ่งนี้ มากินอีกชาม ลอดช่อง ตอนนั้นกับตอนนี้ ก็เหมือนกัน แต่ว่าราคา ต่างกันมาก

        ก๋วยเตี๋ยวแต่ก่อน ชามละ ๕๐ ตังค์ แต่ตอนนี้ ปาเข้าไปชามละ ๕๐ บาทแล้ว น้ำมัน ก็แพงขึ้นมาก ยืนยันให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เลวร้ายไปมาก เงินราคาตก แต่คนต้อง แสวงหาเงิน มาเลี้ยงชีพ คนแสวงหาเงินมาก แต่คนฐานรากระดับล่าง หาเงินไม่ได้มาก คนระดับล่าง จะมีรายได้น้อย แต่อัตราการก้าวหน้า ของคนขี้โลภ ได้เปรียบทวีขึ้น เท่าไหร่ แต่คนชั้นล่าง ก็ยังต่ำเช่นเดิม หรือเป็นหนี้ ติดลบไปอีก ช่องว่าง ระหว่าง คนจนกับรวย ก็ยิ่งห่าง

        ในยุคไม่มีชั้นวรรณะ แต่ก็มีการเป็นชั้นวรรณะ ดูถูกกันมากขึ้น ในสังคมโลก ก็พยายามแก้ไข พระพุทธเจ้า แก้ไขสำเร็จ ตั้งแต่พุทธกาล ตั้งแต่ยังไม่มี ประชาธิปไตย ทำคอมมูน แบบสาธารณโภคีได้ เหมือนอย่าง ชาวอโศกทำมา พยายามทำ ให้เป็นส่วนกลาง มากที่สุด ส่วนประชาธิปไตย ให้อิสระ ประชาธิปไตย อิสระถึงขั้น ไม่ต้องเก็บภาษี ทุกคนทำงานได้เท่าไหร่ เสียภาษี ๑๐๐ % เกิดได้เพราะ จิตใจพวกคุณ ไม่มีใครบังคับ ให้มาทำอย่างนี้

        แล้วถูกหลอกไหม คุณสมัครใจมาทำนี่ภูมิใจไหม เป็นเรื่องจิตวิญญาณ ทั้งสิ้น เป็นของยาก ของสูง แต่คนทำได้ ยืนยันได้ เชิญให้มาพิสูจน์ได้ แม้ยุคใกล้กลียุค ยังทำได้เลย เป็นการพิสูจน์ สวากขาตธรรม

        อ่านให้ลึก เป็นสังคมที่แย่งชิง ทะเลาะรุนแรง หรือสงบไหม สงบไม่ใช่อยู่เฉยๆนะ สงบนี่ ทำงานจ้าละหวั่นเลย แต่ไม่มีทุจริตอกุศล สงบแบบไม่สนใจอะไร เฉยๆนั้น เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่สงบแบบพุทธนั้น ลึกซึ้งกว่ามาก เป็นของเป็นได้ยาก แต่ควรได้มาแก่ตน

        นี่คือลูกพระพุทธเจ้าแท้จริง จิตวิญญาณมีเชื้อ ดีเอ็นเอ พุทธ มันยังไม่สูญหาย มนุษย์ยังทำได้ ยังเหลือเชื้อแท้ ของพระพุทธเจ้าอยู่ ทำได้ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่ ตราบนั้น โลกไม่ว่างจากอรหันต์ อย่างน้อย อรหันต์โสดาฯ อรหันต์สกิทาฯ ...จนถึง อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือสัจจะที่เป็นไปได้อยู่

        สังคมไทยเช่นนี้ เราไม่ท้อ ตั้งใจอยู่ให้นาน พวกเราก็มา ช่วยเปิดเผย สิกขมาตุ ก็มาช่วยกัน ฆราวาสบางคน อธิบายธรรมะ ยิ่งกว่าสมณะอีก จนคนต้องเดินหนี ช่วยกัน ด้วยปรารถนาดี ถ้าได้อันนี้ เป็นธรรมาวุธ ไม่ไปทำร้ายใคร มีแต่ของดี ที่ประเสริฐ

        สรุปว่า ... ถ้าพวกเราได้ทำงาน จนมีคนเห็นดี หลายคนมีบารมี ตนเองไม่เจตนา ได้หลุดเข้ามาก็มี ทุกอย่างมาแต่เหตุ ถ้าสามารถ เรียนรู้สัจธรรม ที่พระพุทธเจ้า ประกาศไว้ แล้วเอามาใช้ได้ ทุกเชื้อชาติ สัญชาติ ปฏิบัติให้ถูก ก็แล้วกัน

        ไม่ได้พูดเล่นว่า พระเจ้าแผ่นดินไทย เป็นโพธิสัตว์ พูดด้วยภูมิธรรม ของอาตมา เช่น อาตมารู้ว่า คานธี ไอสไตน์ ในหลวงเป็นโพธิสัตว์ เขาไม่เป็นคนรบกวนใคร ไม่ทำร้ายใคร ไอสไตน์เป็นโพธิสัตว์ ทางวัตถุธรรม แต่คานธีเป็นโพธิสัตว์ ทางนามธรรม แต่พฤติกรรม เขาไม่ไปทำร้ายใคร แต่สิ่งที่เขาทำ คนจะเอาไปทำร้าย ก็เป็นได้ อย่างคน เอาธรรมะ ของพระพุทธเจ้า ไปทำร้ายคนได้ ต้องชมว่า มีฝีมือฉิบหายเลย เหมือนกันกับ คนเอาความรู้ทางโลก ไปฉลาดทำร้ายทำเลว ให้สังคมประเทศชาติ ล่มจม ก็เกิดจาก อวิชชา ทั้งนั้น

        คำว่าอวิชชา ไม่ได้เแปลว่า โง่เท่านั้น แต่คือไม่มีคุณธรรม คำว่าวิชชา ของพระพุทธเจ้า คือคุณธรรม แบบพุทธ วิชชา ๘ ประการเป็นต้น

        Knowledge คือความรู้ ที่เขาเรียน หาความรู้กันทั้งนั้น ความรู้ในโลกนี้ มีสองสาย คือ
        สายเจโต ก็คือจิตที่ได้รับการศึกษา กล่อมเกลามาใช้ เป็นทางในๆลึกๆ แต่ทางปัญญา จะเป็นทางข้างนอก แจ้งสว่างกว่า

        สายเจโตเรียกว่า ญาณศาสตร์ Prophecy ส่วนสายปัญญาเรียกว่า ปรัชญา Philosophy ผู้ที่มีปัญญา สูงมาก เขาก็ยกย่องว่าเป็น Philosopher ส่วนนายเจโต ก็เรียกว่า Prophet เป็นศาสดา แต่ศาสดานั้น อธิบายไม่ได้เหมือนปรัชญา แต่ปรัชญาอธิบายได้ แต่ไม่เข้าถึง จิตลึก แต่ว่าสายเจโต จะใช้จิตลึกเป็น แต่อธิบายไม่ได้

        สายพุทธก็มี สัทธานุสารี กับ ธัมมานุสารี ก็คือ เจโตกับปัญญา คนในโลก ก็ใฝ่หากัน สองแบบ เพื่อให้เกิดความรู้ ที่แท้จริง ทางปัญญาและเจโต ก็พยายาม ค้นคว้าศึกษา ให้เข้าถึงความจริง มากขึ้น ก็เรียกว่า ญาณวิทยา Epistemology เป็นความรู้ หลักวิชาการ ที่สอนกัน สูงขึ้นๆ แต่ก็ได้ประมาณหนึ่ง ทฤษฎีไม่สมบูรณ์ แต่ของ พระพุทธเจ้าสมบูรณ์ ทั้งกายและใจ ทั้งวัตถุนิยม และจิตนิยม แต่จิตเป็นประธาน ให้เกิดความจริง เรียกว่า ปรากฏการณ์วิทยา ให้มีวิธีการปฏิบัติ ให้เกิดความจริง คือ Knownledge Truth through Practice นำไปสู่ความรู้ ความจริงสูงสุด Genuine Knownlegde

        เป็นความรู้ ที่พิสูจน์ได้ รู้ทั้งนอกและใน หลักพุทธเรียก วิโมกข์ ๘ คือความรู้ ที่จะให้พ้น จากอวิชชา นี่คือ ความรู้จาก ศาสนาพุทธ คนยังเข้าไม่ถึงกัน แต่ไม่ว่า การศึกษาใด ก็ต้องการความรู้ ที่แท้จริงนี้

        ที่อาตมา นำของพระพุทธเจ้า มาเปิดเผย พยายามประกาศ ให้พวกเราได้รู้กัน แต่อาตมา มีบารมีแค่นี้ ชาตินี้มาลองของ มาอย่างไม่มีอะไร เป็นทุนเลย ไม่มีทุน ทางสังคมเลย ใช้สัจจะ ธรรมะมาแสดง คนเข้าใจยาก เขาหาว่า เกาะคุณจำลอง หรือ โหนในหลวง ซึ่งก็เปล่าเลย ถ้าอาตมาไปเกาะอะไร อาตมาเสียเหลี่ยมหมดเลย มันต้อง ตัวเองสิ แล้วอาตมาระมัดระวัง ที่จะไม่ไปเกาะคนอื่น ใช้ลาภยศ สรรเสริญ กาม อัตตา พวกนี้ เป็นอามิส ไม่ใช้เลย ใช้ธรรมะเป็นธรรมาวุธ ตัวเดียว พิสูจน์มา ๔๐ กว่าปีแล้ว ได้ผลจริงๆ ได้ผลจนเป็นชาวอโศก เป็นหมู่กลุ่ม สาธารณโภคี ให้เขาเห็นอยู่นี่

        พวกเรา มาทำอยู่ในสังคมนี่ พวกเราเสแสร้ง หรือเอาจริงเอาจังนะ ... มาหลอกคนอื่น หรือคุณมาทำ เพื่อขัดเกลาตน เพื่อรับใช้สังคม รายได้ของเรา คือ การได้ขัดเกลา กายวาจาใจ ส่วนผลได้ คือ เราได้รับใช้เขา  เท่าที่เราทำได้ คนเช่นนี้ มีคนเดียวก็ดี ถ้ามีมากกว่านั้น เป็นร้อยพันหมื่นแสน ประเทศจะสงบสุข

        มันมีปรากฎการณ์จริงเป็น Phenomena ไม่ได้พูด เพื่ออวดตนเอง แต่มายืนยัน เป็นคน ประหลาดมหัศจรรย์ เป็นไปได้ยังไง เปิดตลาดอาริยะ เราไม่ใช้เงินบริจาค ในการชุมนุม มาทำตลาดอาริยะนะ มีของส่วนตัว และของส่วนกลาง ของอโศก มาทำนะนี่ มาออกร้านเปิดขาย ตอนนี้เราทำได้ ๕ ครั้งแล้ว อัตราการช่วย สูงขึ้น ๓ แสน ๗ แสน ล่าสุดนี่ ถึงล้านกว่าแล้ว ที่เราทำ ตลาดอาริยะ ใช้เงินชาวอโศก จัดงาน ตลาดอาริยะนะ เราไม่ทำประชานิยม ที่เอาเงินของรัฐ คือเงินประชาชน  มาหลอกล่อ แล้วทำไม่สำเร็จ ขายขี้หน้าเลย เช่นว่า จะให้กระชาก ราคาน้ำมัน แต่ทำไม่ได้ ก็คือ ขี้หย้อง ขี้แบ๊ะ ดีแต่พูด ไม่ได้สาระอะไรเลย ทำอะไรไม่สำเร็จ โดยเฉพาะ รัฐบาลนี่ คุณธีรยุทธ เขาตั้งฉายาว่า ขี้ถ่อง คือได้นิดหน่อย ได้ส่วนหนึ่ง รัฐบาลทำก็ได้แค่นี้ ไม่ได้สำเร็จ อะไรเลย แล้วก็ช่างตั้งชื่อ ขี้ขำ คือขี้คาตูด

        สังคมจมขี้ จนปี้ป่น ทนแทบไม่ไหว เป็นเพลงที่ อาตมาแต่งไว้ มันก็จะเกิดผลขึ้นมา หยิบมายืนยัน ไม่ได้อวดตัวตน หลายอย่าง คิดไม่ออก แต่เป็นไปได้ อย่างน่ามหัศจรรย์ แปลก สังคมเราทำดีๆไป สักวันเหตุปัจจัย จะครบสมบูรณ์ ถึงจุดวิกฤติ จุดชวาน จุดสันดาป จะเปลี่ยนการเมือง การสังคม จะจุดระเบิดได้สักวัน

        ที่นี้เราก็ต้องการเปลี่ยนแปลง อย่างรุนแรงหรือสงบ ต้องให้เรียบร้อย ง่ายงาม ราบรื่น ต้องเป็นเช่นนั้น สำเร็จ สันติคือ ความเรียบร้อย ราบรื่น ง่ายงาม จะสำเร็จ ก็สำเร็จด้วย ความสงบ มนุษย์ทำได้ อาตมาไม่ท้อ ถ้าทำได้สำเร็จ ไทยจะเป็น มหาอำนาจ จริงๆ ไม่ต้องไปชนะ ด้วยเล่ห์เหลี่ยม ไปครอบงำประเทศ ให้เป็นอาณานิคม ทุกวันนี้ ไม่ได้ใช้กำลัง แต่ใช้วัฒนธรรม เราไม่ต้องไปเป็นเจ้านาย แต่เขายกให้เราเอง ด้วยคุณความดี เป็นมหาอำนาจแบบนั้น เราเป็นประโยชน์ต่อคน ช่วยสังคม ให้เกิดสันติ สงบ เรียบร้อย เป็น พหุชนหิตายะ พหุชนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ เป็นคอมมูน สมบูรณ์แบบ เผด็จการสมบูรณ์แบบ ประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ เผด็จการสั่งการได้ แต่ทำเพื่อผู้อื่น บริหารโดย ไม่ต้องบริหาร ปกครองโดย ไม่ต้องปกครอง สั่งได้ โดยยอมรับ โดยดุษณี แล้วผู้มีอำนาจอย่างนั้น จะไม่ข่มขี่ สั่งการโดยอำนาจ อย่างเก่ง จะแค่บอก มนุษย์ต้องทำให้ได้

        ความรู้ที่แบ่งแจก เอามาจากพฤติกรรมของมนุษย์ ถ้าศึกษาของ พระพุทธเจ้า ก็ครบ ทุกอย่าง แม้วิชาทางเทคนิค ก็ศึกษาไปสิ แต่เรื่องสังคมแท้ ก็มีรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เท่านั้นแหละ ให้เจริญอย่างวิเศษ แม้เรื่อง มานุษยวิทยา ก็วิเศษ ส่วนวิชา เทคนิคบางอย่าง เช่น การชงเหล้า เราไม่ศึกษา การชกมวยให้เก่ง เราไม่ศึกษา การสร้างอาวุธ เราไม่เอา เราจะรู้ว่า ความรู้อันไหน น่าส่งเสริมหรือคัดค้าน อย่างฟุตบอลนี่  อาตมาเคยเป็น นักบอลนะ แต่ก่อน เวลาจะแข่ง ต้องไปเกณฑ์คน ไปนั่งดู เดี๋ยวนี้ ต้องเสียเงินค่าตั๋วดู นี่คือการหลอก มอมเมากัน ไม่มีอะไรนอกจาก ชนะกัน ด้วยเทคนิค ชนะแล้วได้อะไรมา ไม่ได้อะไรเลย เสียแรงเปล่า แล้วได้พนัน เสียเวลา เสียสื่อสาร ต้องออกข่าว มันเกือบทุกชม.เลย นี่คือความสูญเสีย ที่โลกไม่รู้ ไปชกกัน ปากแตก

        นี่มันยุคไหนแล้ว มันยุคที่ต้องช่วยกัน คนล้ม ต้องช่วยกัน พยุงขึ้นมา คนช่วยคน ด้วยเมตตาต่างหาก คือคนชนะ แม้ช่วยเขา ด้วยเมตตาแล้วแพ้ ก็ยังเอาวะ ช่วยเขา ด้วยจิตใจ ปรารถนาดีจริงๆ อย่างที่อาตมาพาทำ ไม่ได้อยากแพ้นะ แต่แพ้ก็แพ้ เราได้ทำ สิ่งประเสิรฐ แล้วให้เขารับ สิ่งดีงาม ในเรื่องธรรมลึกซึ้งนี้ ยุคนี้คนฉลาดแล้ว สังคมจึงลดลง ไม่เหมือนเก่า

        บางประเทศ ที่ไปรุกรานเขา จึงได้รับการลดเครดิต อย่างอเมริกา ไปรุกอิรัก หาความเขาว่า มีนิวเคลียร์ พังประเทศเขา แล้วไม่เจอนิวเคลียร์ ก็เสียเครดิต สมัยนี้ ไม่ใช่ ไปทำลายเขา แต่ควรไปช่วยเขา ต่างหาก ช่วยอย่าไปอยากได้ อะไรจากเขา หากเรา เรียนรู้พระพุทธเจ้า แล้วทำจิตให้บริสุทธิ์ เป็นอรหันต์

        พระพุทธเจ้า เปิดมหาวิทยาลัย มีอรหันต์ ๖๐ รูปเกิด ก็ให้ไปสู่นิคม ไม่ใช่ไปป่า อย่าไป ซ้ำที่กัน โดยสำทับว่า ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย ยังมีอยู่ ไปทำประโยชน์ รับใช้ประชาชน ให้เป็นสุข พหุชนหิตายะ พหุชนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ

        ยังมีทฤษฏีสมบูรณ์อยู่ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ จรณะ ๑๕ เป็นต้น ถ้าทำได้ สัมมาทิฏฐิ จะมีผล พระพุทธเจ้าว่า ตราบใด ยังมีผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอยู่ โลกไม่ว่าง จากอรหันต์

สิ่งที่ยาก มีอยู่ ๓ อย่าง
        .ให้สิ่งที่ให้ได้ยาก สิ่งที่ให้ได้ยากที่สุด คือ กิเลส หวงจังเลย เราต้องลอง ให้แรงงาน ให้วัตถุ จนแม้แต่ตัวเรา คนก็ตำหนิได้ ด่าได้ คือการทดสอบ วิญญาณเรา แม้เขารุนแรง กับเรา เราก็อภัย ศาสนาคริสต์ว่า แม้เขาตบแก้มขวา เราก็หันแก้มซ้ายให้ตบอีก แต่อาตมาว่า ไม่ดี เขาก็ตบแรงขึ้นอีก
        .ช่วยสิ่งที่ช่วยได้ยาก ตอนนี้เรามาช่วย สมควรอย่างยิ่ง ที่จะมาช่วยกัน ประท้วง จะรอ ให้ยับเยิน อีกเท่าไหร่ ขณะนี้ไม่พอหรือไง ทำไมซาดิสม์ มาซูคิส ขนาดนั้น
        .อดทนในสิ่งที่อดทนได้ยาก

        อ.ประมวลนี่ ก็พากเพียรศึกษา มีความลึก มีภาษาวิชาการ ในการสื่อ เป็นด็อกเตอร์ ชาตินี้อาตมา ไม่มีทุนทางสังคมเลย เพราะต้องให้พิสูจน์ เนื้อแท้ธรรม อย่าไปเอา อำนาจอื่น เช่น ความรวย ความสวย ใบรับรองเปรียญ ปริญญา ก็ไม่ต้องได้ ในชีวิตนี้ด้อย ไม่ได้แกล้งพูด ท่านต้องการให้อาตมา พิสูจน์ธรรมะเพียวๆ จะนำพา ไปรอดไหม มาถึงวันนี้ มั่นใจว่ารอด พาไปรอดแน่ เป็นแต่เพียง พวกเราจะช่วยกัน นำพามนุษยชาติ ไปสู่ความประเสริฐ อาตมาคนเดียว ทำงานไม่ได้หรอก ต้องช่วยกัน คนก็เข้าใจเพิ่มขึ้น ให้มีบรรลุธรรม แล้วจะจริงไปเรื่อยๆ

        มาฟังคานธีดู ในบาป ๗ ประการ ในทัศนะมหาตม คานธี ได้กล่าวถึงบาป 7 ประการ ในทรรศนะของท่านคือ

  1. เล่นการเมือง โดยไม่มีหลักการ
  2. หาความสำราญ โดยไม่ยั้งคิด
  3. ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์ โดยไม่ต้องทำงาน
  4. มีความรู้มหาศาล แต่ความประพฤติไม่ดี
  5. ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลหลักธรรม
  6. วิทยาศาสตร์เลิศล้ำ แต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์
  7. บูชาสูงสุด แต่ไม่มีความเสียสละ

นี่มาจากโพธิสัตว์คานธี เล่นการเมือง โดยไม่มีหลักการ ที่เป็นธรรม เขามีหลักที่เป็น หลักโกงกัน อาตมาพาเล่นการเมือง โดยหลักการ ของพระพุทธเจ้า

         หาความสำราญโดยไม่ยั้งคิด อบายมุข เต็มบ้าน เต็มเมือง โดยเฉพาะข้อ คบมิตรชั่ว คนโกงประเทศ พวกคอรัปชั่น ในวงราชการไหน ไม่มีคอรัปชั่นบ้าง นักการเมือง ที่โกงกิน นี่ยิ่งกว่าอบายมุข พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราเป็นมิตรดีของเธอ

.มีมิตรผู้มี“ทิฏฐิ”ตรงกัน ปรารถนาดีต่อกัน (กัลยาณมิตโต) .
.มีมิตรดี ผู้มีความร่วมมือ ร่วมประโยชน์ดี (กัลยาณสหาโย)
.มีสังคมสิ่งแวดล้อมดี (กัลยาณสัมปวังโก) .
นี้เป็นทั้งสิ้น ของพรหมจรรย์ (คือ ทั้งสิ้นของศาสนา)

        พวกทรราชย์ อย่าไปคบเชียว ถ้าคบแล้ว บรรลัยตนเอง บรรลัยชาติ แน่นอน
        วิธีการทุนนิยม พยายามให้ร่ำรวย โดยไม่ต้องทำงาน แม้ค่าลิขสิทธิ์ อย่างบิลเกตต์ น่าจะทำ ให้สังคมนะ อย่างไอสไตน์ แกไม่คิด ค่าลิขสิทธิ์ ไม่มานั่งรับ ค่าลิขสิทธิ์เลย อย่างอาตมา คิดออกนี่ เอาไปใช้เลย ไม่เสียค่าลิขสิทธิ์

        มีความรู้มหาศาล แต่ประพฤติไม่ดี มีมากเลยในสังคม เราก็เคยเป็นมา เอาความรู้ ไปเอาเปรียบเขา ยิ่งเอาเปรียบเขา มากเท่าไหร่ ยิ่งเลว แล้วภูมิใจอีก ซวยไหม พวกมิจฉาทิฏฐิ

        สรุปแล้ว ความรู้ทางโลกนี้มีมาก แต่ไปเอาเปรียบนี่ เลวแล้ว ยิ่งให้คน ตกอยู่ใต้อำนาจ แม้ความรู้มหาศาลอย่างไร ก็เลว

        ค้าขายไม่มีหลักศีลธรรม นี่มีมากในสังคม แต่พวกเรามาทำ พาณิชย์บุญนิยม ขายราคา ต่ำเท่าใด ยิ่งเป็นบุญ เรากินน้อย ใช้น้อย ก็อยู่รอด แต่เขาสอน ให้มักมาก เฟ้อ หรูหรา ฟู่ฟ่า เอาเปรียบไม่หยุดหย่อน แต่ของเราพยายาม มาให้เป็น บุญนิยม แม้ขายเท่าทุน ก็ยังไม่เป็นบุญ แต่ถ้าขาดทุนได้ คือเป็นบุญ ถ้าให้ฟรีได้ คือได้บุญเต็มเลย เราไม่ทำเล่น แต่ทำจริง ให้ถาวรเลย

        วิทยาศาสตร์เลิศล้ำ แต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์ พาให้คนป่วย คุณกินอาหาร ทุกวันนี้ เป็นพิษภัย วิทยาศาสตร์สร้างมา มีทั้งผลดีผลเสีย หากไม่มีธรรมะ ก็พาเสีย กิเลส พาเอาเปรียบ วิทยาศาสตร์ที่คิดได้ แล้วไปเอาเปรียบคนอื่น ไม่มีธรรมะ สังคมก็บรรลัย อย่างคอมพิวเตอร์ หากใช้เลว ก็มอมเมาตนเอง สามารถใช้ประโยชน์ได้ดี แต่ก็ทำหายนะ ได้มาก มอมเมาได้มาก

        บูชาสูงสุด แต่ไม่มีความเสียสละ อันนี้คือ ลัทธิทางเจโต พวก Prophecy ญาณศาสตร์ เห็นแก่ตัวมักน้อย จนไม่ให้ใคร แม้แต่ผ้านุ่ง ก็ไม่มี ลัทธิทิฆัมพร มักน้อย ่ไม่ช่วยใคร นี่คือ พวกบูชาสูงสุดนะ ยกย่องบูชากัน ในสายโจโต ไม่เบียดเบียนใคร แต่ก็อาศัย ข้าวเขากินนะ ไม่ทำนาทำไร่ เดี๋ยวกลัวสัตว์ตาย มีที่ปัดจุลินทรีย์ ไม่เบียดเบียนนะ

        จึงมีผลต่อสังคม ตามลำดับ ตามภูมิ โสดาฯ สกิทาฯ อนาคาฯ​ อรหันต์ ก็พัฒนา โลกุตรจิต มีโลกานุกัปายะ ไป

        ส.ฟ้าไทสรุป... วันนี้เราได้ฟังพ่อครู มีประเด็นที่นำเสนอ เรื่องศาสนา ไทยเรา ทุกวันนี้ ต้องการให้คนมาแสดง อำนาจประชาธิปไตย  ไม่ต้องมา กทม. ก็ได้ มาต่างจังหวัดก็ได้ ถ้ามาสองล้านคนนี่ อยู่ไม่เกิน ๗ วันหรอก ธรรมะจะพาไปสู่ สิ่งสูงสุดได้ ….

จบ  

 
๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ สวนลุมพินี กทม.