561031_รายการเรียนอิสระ พ่อครู สมณะโพธิรักษ์
เรื่อง สลายอัตตามากู้ชาติ


ส.ฟ้าไทดำเนินรายการที่สวนลุมฯ วันพฤหัสบดี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖

วันนี้พ่อครูก็มาจัดรายการได้หลังจากที่ได้เขียนหนังสือเสร็จ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้กล่าวไว้ว่า

            พ่อครูว่า...ไม่ได้มาหลายวัน เพราะเขียนหนังสือ ชื่อเรื่อง “รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์” พระพุทธเจ้า ท่านแบ่งสัตว์ออกเป็น ๙ เป็นสัตตาวาส ๙ ให้รู้ครบหมดเลย แล้วก็ทำลาย ความเป็นสัตว์ ให้หมดเลย เรียกว่าทำลายโซ่ที่ผูกสัตว์ หรือคุกที่ขังสัตว์ไว้ คือสังโยชน์ หนังสือเล่มนี้รวบรวมความรู้ว่า คนคืออะไร สุขคืออะไร รู้คุกคืออะไร ที่ขังสัตว์ สัตว์อยู่ไหน แล้วจับสัตว์ให้ได้ แล้วกำจัดเหตุแห่งสัตว์ได้  พระพุทธเจ้า ใช้เวลาเรียน กว่าจะครบ ก็ล้านๆๆๆๆชาติ คือเวลานับไม่ได้เลย

            ขณะนี้เขากำลังจะโกยออกมาโกง ๒.๒ ล้านๆบาท ยังนับกันยากเลย แต่นี่มันล้านๆๆๆชาติ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ พบพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมาย หนังสือเล่มนี้ จะไขความเป็นกุศลอกุศล ให้ละเอียดละออ

            เรื่องกำลังเขม็งเครียด เราอย่าไปทำอาการเช่นนั้น เรารู้ว่ามันพาทุกข์ เราอย่าไปทุกข์ด้วย เหตุการณ์ไม่ได้เกิดมาให้เรากลุ้ม เกิดมาให้เราแก้ไข ตามภูมิปัญญาความสามารถ

            มีผู้ที่ส่งคำถามส่งประเด็นมาก็มีบ้าง
ประเด็นว่า...อนิจจังทุกขังอนัตตา หมดสิ้นแล้วหรือชาติไทย
ไม่มีสิ่งใด จะยับยั้งอธรรมต่างๆได้แล้วหรือ
มีเพียงเท่านี้ละหรือผู้กล้า ชาติ บัลลังก์จะต้องละลายไปกับ เหล่าร้ายเหล่านี้กระหรือ
พ่อท่านมีความหวังอะไรอยู่ในใจ  
โพธิรักษ์ก็เป็นเป้าหมายหนึ่ง ของพวกชั่ว เพราะมีส่วนในการขัดขวาง การของพวกมัน มาตลอด
ไม่มีพลังในจะหยุด การกระทำของพวกมันได้  
ไปมุดหัวอยู่ไหนหมด พวกเจ้าใหญ่นายโต ออกมาเป็นผู้นำ ให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะไปหวังกับทหารไม่มีทาง แม้แผ่นดินเกิดก็ยกให้เขาได้
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ....
ทำไมสังคมไทยไม่ยอมรับพระสมณะ พูดวิจารณ์การเมือง มีข้อห้ามหรือไม่

            ทางการ ออกกฎหมายสำทับอีกว่า ถ้าใครจะออกมา ทำงานสาธารณกุศล ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เวลาเขียน ระเบียบการ ต้องระบุเลยว่า จะต้องเขียน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยว กับการเมือง ศาสนาก็เลยถูกกัน ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย ทั้งรูปธรรม และนามธรรม บ้านเมืองก็เลยยิ่งพัง สัจจธรรม ก็เลยถูกบั่นทอน อย่างอวิชชา ทำไมสังคมไทย ไม่ยอมรับ การที่พระสมณะวิจารณ์การเมือง ....นั้น ไม่มีข้อห้าม และไม่มีข้ออนุญาต ในมหาปเทส ๔ มีว่าไว้

            ในยุคพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ยุคประชาธิปไตย จึงไม่เหมือนกันในบริบท แต่ยุคนี้ เรียนรู้หมดแล้ว สามารถทำกับสังคมได้ อย่างไม่มีปัญหา ผู้ที่ไม่มีปัญญา ก็ยึดติดอย่างนั้น เขาถูกครอบงำ สำเร็จ ทั้งที่ไม่ถูกต้อง ทั้งหลักวิชาการ และมนุษยชาติ ศาสนาอิสลาม การเมืองกับศาสนา อันเดียวกันเลย พุทธธิเบต ก็หนึ่งเดียวกัน ระหว่าง การเมืองกับศาสนา ไม่มีข้อห้าม หรือ อนุญาต แต่มันสมควร คนไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่มีความสามารถ อย่าออกมาทำ ถ้าออกมา ก็เป็นเบี้ย เป็นลูกกะโล่ให้เขา ถูกพวก ฉลาดแกมโกง เอาไปรับใช้เป็นเบี้ยล่าง แม้ขนาดมีกฎหมายห้าม เขายังทำเลย เอาพระ มาเป็นหัวคะแนน พวกเรารู้ดี เอาไปเป็นหัวคะแนนไม่ได้หรอก

            เราพิสูจน์ไปเถอะ เราออกมา ไม่ได้ไปล้มล้างใคร ออกมามีแนวลึกด้วย เป็นประชาธิปไตย แบบใหม่ เป็น Neo-Democracy ไม่ได้เป็นแบบที่คน เป็นอยู่ทั้งโลก เพราะเขาเป็น อย่างโลกีย์ แต่ของพระพุทธเจ้า พาเป็นแบบโลกุตระ แล้วยากที่จะรู้ ยากเพราะเกี่ยวกับ นามธรรมเยอะ มีนัยสำคัญลึกล้ำ ซับซ้อน ไม่ลับ ศึกษาดีๆ เพราะจะเหนือชั้น ไม่ใช่คุยอวดโอ่ แต่จะไม่เหมือนโลกๆ ชาวโลกุตระ จะไม่เอาชนะ คะคานใคร ให้ดีที่สุด ประเสริฐสุด ไม่มีความรุนแรงเลย แต่มีพลังมหาศาล เป็นพลังเมตตา อันชุ่มเย็น โอบอุ้มโลก ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ ยกตัวอย่างเช่น เราไปทำ กับสังคมมา ตลอดเวลา เช่น ที่เรามาอยู่ที่สวนลุมฯ เราเอื้อมเอื้อ เกื้อกว้างพอได้ เราอโศก เป็นคนเล็กๆ ไม่มีอำนาจ ยศ ศักดิ์ เงินทอง ยุทธภัณฑ์ มีแต่น้ำใจ และบริขาร ที่จะประกอบ การทำงาน เช่น เต็นท์ เครื่องเสียง ไม้กระบองจะตีหัวคน ยังไม่มีเลย เรามีแต่เรื่อง รับใช้คน เราทำด้วยภาคภูมิใจ

            ผลที่เกิด มีความชนะรายทาง คือ คุณค่าความดี ต่อสังคม ศัตรูก็อ่อนลง รุนแรง น้อยลง มีปัญญามากขึ้น สำนึกดีมากขึ้น แม้ลึกๆ จิตจะอำมหิตมากขึ้น แต่ต้องแสดงออก อย่างซับซ้อน เป็นสัจจะย้อนสภาพ เป็นธรรมาธรรมะสงคราม ระหว่าง ธรรมะกับอธรรม ที่ธรรมะชนะไป ทีละนิดๆ ทีละก้าวๆ นี่คือการชนะ แต่ในสายตาโลก ที่มุ่งหมายชนะ ถ้าออกมาแล้ว แพ้ไม่ได้ อันนั้น เป็นบริบทของทหาร เราต้องเข้าใจให้ชัด แต่ของเรา ไม่ได้มาทำหน้าที่ทหาร เราทำหน้าที่ประชาชนเต็มขั้น เราอยู่อย่างสงบ ปรองดอง เราทำปรองดอง อย่างไม่เห็นแก่ตัว ที่เขาทำปรองดองในสภา เป็นการปรองดอง เพื่อตนเอง เพื่อพรรคพวกตนเอง เขาอ้างเพื่อตนเองได้ แต่ตอนนี้ พวกเขาเอง ก็ชักรู้ตัวแล้ว ว่านี่ทำเพื่อตัวเอง นี่หน่า

            ที่เราออกมาชุมนุม ไม่ใช่ไม่เข้าใจ ประเด็นที่จะชนะ คือประชาชน ออกมามากๆ เขารู้กันหมด ทั่วโลกแล้วละป้าเอ้ย แต่ทำไมไม่ทำ มันมีความเห็นแก่ตัว หลายชั้นมากเลย
๑. ถ้าออกมาต้องชนะ นี่คือ ความเห็นแก่ตัวชนิดหนึ่ง แพ้ไม่ได้ นี่คือตัวตน
๒. อื่นๆเช่น เห็นแก่ตัว เพราะรักตัวกลัวตาย ไม่สบาย ขี้เกียจ แม้แต่ถูกครอบงำความคิด แล้วไม่ออกมา ก็เห็นแก่ตัว ธุระไม่ใช่ ประชาชน ก็ออกมาทำมาหากิน ใครเล่นการเมือง ก็เล่นไป เราทำมาหากินไป บ้านเมืองเป็นไง เราก็ปล่อยมันไป ไม่เกี่ยว 

            คนไม่เดือดร้อนหนักหนามีเยอะ แต่ยิ่งไม่เดือดร้อน ก็ยิ่งต้องออกมาช่วย คนที่เขาเดือดร้อน จนออกมาไม่ได้ มีมาก แต่คนที่พอมาได้ ทำไมไม่ออกมาช่วย นั้นเพราะ มีความเห็นแก่ตัวมาก

            มีคนเขียนมาว่า ที่เป็นไทยเฉย เพราะเบื่อเอือมระอา ต่อการเป่านกหวีด ที่หาเป้าหมายประโยชน์ไม่ได้ .... นี่คือซ้อน เมื่อเป่านกหวีดต้องชนะ นี่คือเห็นแก่ตัว ทุกคนก็อยากให้ออกมา ก็เลย ออกมาเป่ากันใหญ่เลย แล้วจะจบเมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่ต้องมุ่งหมายว่า จะจบเมื่อไหร จบแล้วแพ้หรือชนะ ก็ไม่ต้อง แพ้ก็จบได้ ชนะก็จบได้ หยุดได้ทั้งสองอย่าง ถ้าสมควร ถ้าแพ้แล้วเสียหน้าไหม? คุณก็แบกอัตตาไปสิ เราไม่มี หน้าตาตัวตน แพ้ก็ได้ ชนะก็ได้ ไม่ได้พูดเล่น ด้วยโวหารนะ เราเป็นจริง ครั้งเสธ.อ้าย เราก็ถอย ครั้งพล.อ.ปรีชา ก็ถอย เราก็ไม่มีเสียหน้า เพราะไม่มีหน้าให้เสีย เราก็มีกำลัง ทำงานไป ขอให้มีจิตโลกุตระ ถึงเถอะน่า มีคนสงสัยว่า อย่างนี้เป็นได้จริงหรือ?

            ต้องเชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ มาตรวจสอบได้ มีของจริงอยู่ที่นี่ ต้องมาทำเอง จะได้เป็น เอหิปัสสิโก เห็นเองโดยตัวเอง อย่างพระพุทธเจ้า ทุกพระองค์ เป็นตถาคตา เหนือชั้นกว่า ตถตา ไปก็เป็นแล้ว มาก็เป็นแล้ว จะอยู่อย่างไรก็เป็น เป็นจนไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลงได้ สุดยอดจริงๆ มาปฏิบัติ ให้เกิดตถตาก่อน เป็นของตนก่อน แล้วมาเป็น ต้นเชื้อ ให้คนอื่นมาเป็นได้อีก นี่คือ สัจจะที่สุดยอด ของพระพุทธเจ้า

            มั่นใจในชาวอโศก ที่มีเชื้อโลกุตระเช่นนี้ กำลังฟูมฟักเลี้ยงดู พยายามสร้างอบรม ให้เจริญงอกงาม ตามลำดับ เราออกมารบ (สรณะ) จนจบสุดท้ายได้ ไม่ต้องรบอีก จบ (อรณะ) ก็ทำไป

            สงครามที่เรากำลังทำ แบบโลกุตระนี้ คนจะรู้ยาก แม้แต่ตนเอง ยังไม่รู้เลยว่า จะทำอะไรก่อน แต่ทำตามปัจจุบัน

            ธรรม นั้น เร็วรู้เร็วรับ เอามาประกอบสังเคราะห์ มีมุทุภูตธาตุ มีชวนจิต ดัดได้เร็ว มีจิตหัวอ่อน มีไหวพริบเร็วไว ปรับได้ง่าย ไม่ดื้อแข็ง ไม่ด้านชา คล่องแคล่วชำนาญ ไว ง่ายดาย แต่มีปัญญาประกอบ ไม่มีใครครอบงำได้ เป็นตัวของตัวเองสูง แต่ไม่หยิ่งผยอง ทำอย่าง มีประมาณ ทำเสร็จแล้วก็เป็น กัมมัญญตา มีมหาปเทส ๔ สัปปุริสธรรม ๗ เหมาะสม ทุกเวลา ทำด้วยอุเบกขา สังขารุเปกขา มีคุณสมบัติของอุเบกขา ๕ ประการ ซึ่งลึกซึ้งมาก

            สุดยอดของธรรมะพระพุทธเจ้า มีต้นรากคุณธรรม ที่มีคุณลักษณะสูง เป็นคุณวิเศษ ที่ทำงานให้ สังคมมนุษยชาติ ตอบคำถาม ที่พูดมาว่า หมดสิ้นแล้วหรือ ชาติไทย พ่อท่านมีความหวังอะไรในใจ.... ก็ขอบอกว่า .... บอกตรงๆ พูดด้วยความจริงใจ ทำงานมา ๔๐ กว่าปีนี้ รู้สมบัติทางธรรม ของคนไทย เท่าที่อาตมา มีภูมิวัด อาตมา ยังเห็นโอกาส ยังมีความหวังว่า พุทธธรรม หรือโลกุตรธรรม ยังมีอยู่ คือเมืองไทย ยังมีพระสยามเทวาธิราช ยังมีคุณธรรม อันยิ่งใหญ่ ดูแลปกป้อง ประเทศชาติอยู่ เป็นพลังงาน โอบอุ้มประเทศอยู่ เป็นนามธรรมที่แท้จริง ไม่ใช่หลอกๆ เป็นคุณธรรม สุดประหลาด มหัศจรรย์ มีธรรมฤทธิ์ แต่ไม่เหมือนพวก หวังธรรมฤทธิ์ โดยประมาท คือพวกหวัง โดยไม่ทำอะไร แต่ของพระพุทธเจ้า เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วเราต้องทำด้วย ทำให้เหนือกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย เราต้องช่วยตัวเองก่อน แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะช่วยเราทีหลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีตัวตน พระสยามเทวาธิราชมี แต่เราต้องทำ นำหน้าท่าน แล้วท่าน จะออกมาช่วยเรา ขอให้ประชาชน ออกมาเถอะ อะไรก็จะออกมาช่วย กองทัพก็จะออกมาช่วย แม้ศัตรู ก็จะแปรพักต์ ออกมาช่วย

            แต่ประชาชน ติดที่อัตตาตัวตน ถ้าคนไทยถอดตัวตน แล้วออกมา รวมตัวกัน ให้ได้ งานนี้สำเร็จ ประชาชนชนะ พวกที่บ้าน อย่าเอาแต่เชียร์เฉยๆ อยู่ที่บ้านนะ ออกมาๆ

           เรียกเบาๆ ไม่ขอเรียกดัง งานนี้มีไม่รู้กี่ทัพ สงสัยคราวนี้ จะเป็นสงคราม ๙ ทัพนะ

            ทำไมเลข ๙ เพราะเลข ๑๐ หรือ ๐ เป็นพลังงาน ที่ไม่ออกบทบาท มันนิ่งแล้ว แต่ถ้า  ๙ จะเต็มที่ ในการออกบทบาท แม้แต่มีกองทัพ ๕ กอง แต่เต็มนามธรรม ๙ ทัพ ก็ใช้ได้ แม้จะอยู่กัน ๙ จุด ก็รวมเป็นหนึ่ง กลมเกลียวสมบูรณ์ อะไรก็ชนะ จะเคลื่อนย้ายโลก ไปที่กาแลกซี่ไหนก็ได้ ถ้ามีพลังรวมจริงๆ เป็นเรื่องสัจจะ

            บอกว่าอาตมามีความหวัง ก็คือเมืองไทย ยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอก เหลือแต่ว่า เราจะทำ อย่างไม่รุนแรง ให้เสียหายน้อยที่สุด ก็เหลือแต่ ผู้ที่ค้านแย้ง เป็นปฏิปักษ์ อยู่เท่านั้น แต่ก็เป็นพัฒนาการ  อาตมาจึงไม่ท้อ ตั้งหน้าตั้งตาทำ เพราะความจบ ของเวลานั้นไม่มี ไม่ต้องไปห่วงหรอก ทำไปให้เรียบร้อย ให้มีสิ่งจริงในสังคม ที่จะเกิด กระบวนการ ซับซ้อนไปเรื่อยๆ เราตายไป กระบวนการ ก็ดำเนินไป คนสืบสาน ก็ทำต่อ เวลาไม่มีจบ ถ้าเป็นของจริง มันจะเดินไปสู่ความสำเร็จ อย่างไม่มีอะไรห้ามกั้น เป็นแต่ระหว่างทาง จะมีอะไร ทำให้เกิดความสูญเสียบ้าง เท่านั้น แต่เราจะพยายาม ให้สูญเสีย น้อยที่สุด

            ในสมาธิพุทธ น.๔๔๐ ....ผู้ที่ทำงานแล้วทุกข์ มีเหตุหลายประการ
๑. ทำแล้วไม่ดีเท่าที่ตนหวัง (เพราะตั้งความหวังไว้ สูงเกินไป) ๒.ทำแล้วไม่ให้ผลเท่าที่ตนหวัง
๓.ทำเพราะฝืนใจ
๔.ทำสิ่งที่รู้ว่า ไม่สมควรทำ
๕.ทนคำติไม่ได้ 

            ที่ออกมานี่ เพื่อช่วยเขา อย่างไม่มีอัตตาด้วยนะ ที่พูดนี้ ไม่ได้พูดเท็จด้วยนะ ตัวอาตมา รับรองตัวเอง ไม่โกหก ไม่พูดปด พูดปดมั่นชั่ว แม้จะไวท์ไลก็ตาม สิ่งที่อาตมาหวัง ก็คือ หวังความก้าวหน้า ของมนุษยชาติ ก็เห็นคนไทย พัฒนาก่อน จนกว่า จะสิ้นชีวิต ใครจะมาต้านกั้น ก็หลบเลี่ยง ไม่ทำร้ายเบียดเบียนใคร ทำสุดที่ ตอนนี้ การเมืองไทย กำลังน่าสนใจ น่าบันทึกไว้ ในพงศาวดาร

            เราออกมา ทำงานกับสังคมอย่างนี้ ถ้าไม่ออกมา จะได้ชื่อว่า พหุชนะหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ ได้อย่างไร เราทำนี่ ยังน้อยไปด้วย เราทำไป ตามลำดับ ทำอย่างจริงใจ เต็มใจทำ ทำอย่างไม่น้อยใจ เศร้าใจแหว่งใจ เพราะตนเอง ทำใจเสียเอง น้อยใจเอง โง่เองทั้งนั้น แพ้ไม่ได้พลัดพราก ก็ไม่น่าจะเสียใจอะไร ได้มาก็ไม่น่าจะ ดีใจอะไร ก็รับสิ่งที่ควรรับได้ มากเกินก็เผื่อแผ่แจกไป สบายจริงๆชีวิต

            มีกระทู้ธรรม....ว่า...คำว่าแพ้ สะกดไม่เป็น ท่านเห็นไหม.....
พ่อครูว่า... คนนี้ล่ะ ยอดอภิมหาอัตตา เขาไม่รู้ตัวนะ ที่เขาสรรหาคำพูดนี้ น่าอาย เขาโง่ ที่ไม่รู้ว่า เขาประกาศ อัตตาตัวเองนะ เขาคิดว่า พูดเท่นะ แต่ที่จริง โง่ฉิบหายเลย อาตมาเคยมีโศลกว่า
“ผู้ที่ชนะเกือบรอบโลกทำไม่ได้ ก็คือการเป็นผู้แพ้ ถ้าทำได้ เขาจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง” ....
อำนาจใหญ่คับฟ้าโกลาหล กระจายเชื้อความชั่วทั่วมณฑล ยกตัวตนหมายกลับมา เป็นนิ้วโป้งตัวป้อมไม่ซอมซ่อ .......

            เราก็เลย มาเป็นผู้แพ้ เราไม่เอาแพ้เอาชนะ เราพยายามสร้างจิต ไม่เห็นแก่แพ้ชนะ อย่างกีฬานี่ มันเอาแพ้ เอาชนะกัน แต่ที่เราจะชนะนั้น เอาชนะกิเลสในตน เอาชนะ ความชั่วในตน ให้ได้ เขาจะดีเท่าไหร่ ก็ไม่ต้องไปริสยา เอาเขาเป็นตัวอย่าง เท่านั้น แม้เราทำเลยหน้า ก็ไม่ต้องไปข่มเขา พากันเจริญไปข้างหน้า ด้วยกันอีก

            คิดแล้วเป็นจริงได้ เป็นความจริงเหนือโลก เหนือสามัญ แล้วยืนยันว่า เป็นได้ด้วย พระพุทธเจ้าค้นพบ แล้วพาเป็นได้จริง ไม่ใช่เรื่องคุยอวดกัน คนที่ไม่ออกมาช่วยกัน คือมีตัวตน ทำให้ไม่กล้า เพราะกลัวเสียลาภยศ กลัวเมื่อย กลัวลำบาก กลัวบกพร่อง ไม่กล้าแม้ที่สุด เข้าใจยังไม่ถูกต้องว่า ต้องทำอย่างนี้ด้วยหรือ มีความสำคัญ จำเป็น เร่งด่วน หรือไม่? อาตมาว่า น่าจะเข้าใจได้ เห็นได้นะ อาตมาร่างหนังสือไว้ ๓๐๐ หน้า แต่ก็ต้องเกลาอีก ก็เลยจบแค่ ๒๐๐ หน้าเศษๆ ต้องตัดจบ ถ้าไม่ตัดจบ ก็ไม่ได้ออกมา เป็นเพื่อนพวกเรา มาช่วยกัน อาตมาเห็นว่า จำเป็นสำคัญเร่งด่วน ใครไม่เห็น แต่อาตมาเห็น

            เมืองไทย มีคุณธรรมพระพุทธเจ้า อยู่แล้ว ถ้าถอดตัวตนออกมา ก็เอามาใช้ได้เลย เรามีอุปกรณ์ อยู่เยอะเลย ติดอยู่ที่อัตตา ถ้าถอดอัตตาได้ ไปได้เลย คนไทยรู้ แต่ติดอยู่ที่ อัตตา การถอดอัตตา คือต้องมาร่วมชุมนุม ไม่เกี่ยงว่าความเห็นต่าง ความริสยาก็ต้องมี เราต้องทำใจว่า เขามีเราก็ ไม่ต้องไปมีสิ

            ถ้าจะออกมาครั้งนี้ ได้ปลดตัวตน ต้องเข้าใจว่า คนที่ยึดอยู่ มีอวิชชาก็มี เราก็อย่าไปมี อย่างเขาสิ คนเขายึดก็ทุกข์ เราไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์ เชื่อแล้วทำให้ได้สิ เหนือกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยากเห็นจังเลย ไทยนี่แหละ น่าจะเกิดให้โลกได้เห็น คุณสังเกตไหมว่า อาตมาพูด อย่างสดชื่น ไม่ซีเรียสเลย  เรื่องเขม็งแน่นอยู่แล้ว เราไปแน่นด้วย เครียดเคร่งด้วย โง่มากเลย อาตมาหยุดโง่แล้ว ใครจะโง่ก็เชิญ ขออภัย ที่ต้องกระทบ แม้คนที่บอกว่า ออกมาต้องชนะ ไม่ชนะไม่ออก เสียเหลี่ยม นั่นแหละ อัตตา เราแพ้ก็ไม่เป็นไร ออกมาร่วมกัน แม้แต่ครึ่งคน ก็ออกมา คือคุณมาครึ่งหนึ่ง เต็มใจ อีกครึ่งไม่เต็มใจ ก็มาเถอะ ขอให้ออกมา รู้ว่าดีก็ออกมา แม้ติดอัตตาตัวกู ไม่แน่ใจว่าจะชนะ ออกมาเลย แม้ไม่เต็มใจ

            อาตมายังเชื่อว่า ข้างที่เราถือ มากกว่าเขา ติดอยู่ที่อัตตาเท่านั้น เก็บอัตตาไว้ก่อน แม้มาแค่ หนึ่งในสี่ ก็ออกมาเถอะ ถ้ายิ่งติดแค่หนึ่งในสี่ ก็ออกมาเลย นี่ง้อมากแล้วนะ

            เชื่อว่า ความเข้าใจของคนไทย เข้าใจมากแล้ว อยากรู้ความเชื่อที่ว่า ฝ่ายเรา จะมากกว่า จะเป็นจริงไหม? เอาตัวตนใส่เซฟ ลั่นดานซัก ๕ ชั้นก่อน เอามาใช้งานก่อน ได้ไหม เสียสละบ้างสิ ความไม่กล้าจะเสีย อะไรบ้างเลย ออกมาทำเพื่อชาติบ้าง มันเกิดกรณีหนักเลย ดูสิ ออกไปประกาศว่า จะไปสามเสน พลังต้าน ทำทุกวิถีทางเลย ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เอาทุนรอนพวกเราทำด้วย ไม่เชื่อว่า ประชาชนไทย จะยอมนะ

            คำว่า ตัวตนตัวกู ที่ยึดอัตตา มันยิ่งใหญ่ การลดอัตตา หยุดอัตตา ตัวนี้ชั่วคราว ก็ยิ่งใหญ่แล้ว ถ้าคุณวางตัวตน เป็นอรหันต์ได้ ก็ยิ่งใหญ่เลย คุณมาทำงานนี่ ไม่ได้อะไรหรอก อย่าไปหวังเลย นอกจาก สิ่งที่ประชาชน จะอยู่เย็นเป็นสุข หรือ เราจะทุกข์อยู่คนเดียว แต่ประชาชนเป็นสุข ก็ยังได้เลย

            ส.ฟ้าไท ว่า...ฟังพ่อครูวันนี้แล้ว รู้สึกประทับใจ ที่ท่านเสียสละ เสียสละความเป็น ตัวตนท่าน แม้มาง้อคน ปกติอยู่กับพ่อครู ไม่มีลีลา ง้อคนเลย แต่ท่านยอมเสียสละ ความเป็นท่าน เพื่อประชาชน ให้อยู่เย็นเป็นสุข แม้ท่านทุกข์ แต่ประชาชนเป็นสุข ท่านก็ยอม....

จบ  

 
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ สวนลุมพินี กทม.