570227_พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ และคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
เรื่อง ความเป็นกลางที่ยุติธรรมต้องเป็นหนึ่งเดียวข้างคนดีคนถูกต้อง

 

        พ่อครู.. วันนี้มีคุณไชยวัฒน์ มาช่วยจัดรายการ ถามประเด็น และจะได้นำไปออกอากาศ ช่อง ๑๓ สยามไทด้วย  ก่อนเริ่มรายการ ก็มีข่าวบอก...กปปส.จากอเมริกา ติดตามการชุมนุม ของชาวเรา ที่ผ่านฟ้าฯ รู้สึกเป็นห่วง และต้องการให้กำลังใจ กองทัพน้ำหมาก ที่มาร่วมชุมนุมกัน ชนิดยืนหยัดยืนยัน ไม่ถอยเลย แม้วันที่ตำรวจมาลุย ด้วยปืนและระเบิด ก็ยังไม่ถอย จึงจัดส่งวิตามิน บำรุงกระดูก มาช่วยเสริมให้ โดยขอให้ฝ่ายพยาบาล แพทย์ มารับไปจัดให้ กองทัพน้ำหมาก กินวันละ ๒ เม็ด หลังอาหารทันที มารับที่ข้างเวที

        อ.ไชยวัฒน์​ ผมขอเริ่ม เรื่องราว เหตุของเหตุ ที่เป็นคำสั่งของศรส. สลายชุมนุม ที่ผ่านฟ้าฯ และมีการชุมนุมของ นปช. ที่โคราชฯ.. ก็มีการแถลงเรื่องราว เกี่ยวกับ การแบ่งแยกดินแดน ก็เลยเป็นเหตุ ให้กองทัพบก ออกมาปฏิบัติ บางอย่าง... มีทั้งคำสั่งจาก ผบ.ทบ. ที่เป็นรองผอ.กอ.รมน. ที่มีนายกฯยิ่งลักษณ์ เป็นหัวหน้า กอ.รมน. ให้ผู้ว่าฯทั่วประเทศ ได้ทำรายงาน เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ของแดงนปช. และก็มีการออกคำสั่ง ในฐานะ รองผอ.กอ.รมน. ให้ผู้ว่าฯราชการจังหวัด ทั่วประเทศ ไปรายงานตัวกับ กองทัพ แล้วนายกฯ ที่เป็นหัวหน้ากอ.รมน. จะยกเลิกคำสั่งของ ผบ.ทบ.หรือไม่?... ต่อจากนั้น ผมคิดว่า จะมีการออกคำสั่ง ควบคุมตัว รมต. นายกฯ หรือไม่? จะต้องไปรายงานตัว กับทหารหรือไม่?.... และอีกนัยหนึ่งคือ อะไรเกิดขึ้นกับ อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว เมื่อวานนี้ เขาออกมารับมวลชน ด้วยตัวเองที่ สตช.....

        อ.ไชยวัฒน์​ว่า...มีรายงานว่า ผบ.ตร.อดุลย์ ได้ขอเข้าพบทหาร และได้ยื่นข้อเสนอว่า ถ้ากองทัพ จะทำการรัฐประหาร ตัวเขา ก็จะขอเข้าร่วมด้วย และมีทหารให้สติว่า อย่าไปทำร้ายประชาชน และคำสั่ง ที่สั่งสลาย ที่ผ่านฟ้าฯ ที่ผ่านมา มาจากใคร ก็ มาจากเฉลิม และมีนายหน้าเหลี่ยม สั่งการอยู่

        อ.ไชยวัฒน์​ว่า วันนี้ผมจะเริ่มประเด็นที่ว่า คนสูญเสีย อย่างเช่น ภรรยาตำรวจ ได้สูญเสียสามีไป ก็ได้พูดว่า ขอให้เป็นคนสุดท้าย ที่ได้สูญเสีย ส่วนภรรยา ของผู้สูญเสีย ฝ่ายประชาชน ที่ลูกเล็กๆต้องตาย ก็บอกว่า ขอให้ครอบครัวเขา เป็นครอบครัวสุดท้าย... ทำให้เห็นว่า สังคมไทยนั้น น่าจะมีความหวังว่า ถ้าสังคมเปลี่ยนแปลงใจได้ กลับมาเป็น พี่น้องกันอีกครั้ง....

        พ่อครูว่า...จิตคนจะปรองดอง หรืออยู่ร่วมกัน จะใช้คำว่า ปรองดองก็คือ รวมร่วมกันได้ อยู่ร่วมกันได้อย่างศัตรู แต่จำนน ก็อยู่ร่วมกันได้ เช่น ชาวอินเดีย ทั้งที่บางคน เป็นจัณฑาล ถูกกดขี่ต่ำสุด ส่วนศูทร ก็สูงขึ้นมา แต่ก็ถูกกด แพทศ์ ก็ถูกกด ส่วนพราหมณ์ กษัตริย์ก็ถูกยกไว้ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาถูกแบ่งแยกแล้ว โดยสัจจะ ของพระผู้เป็นเจ้า แต่รวมแล้ว ก็เป็นความเห็นสอดคล้อง ก็อยู่กันได้ ก็เป็นความเชื่อลึกๆ ถ่ายทอดมา ยาวนาน ทั้งที่กดข่มกันมา ไม่เหมือน สังคมอื่น เขาไม่ค่อย มีเรื่องกัน เป็นหลักฐานว่า มนุษย์นี่ จิตวิญญาณเป็นใหญ่ สมัยใหม่ ก็มีอิสรเสรีภาพ เป็นการศึกษา สมัยใหม่ พระพุทธเจ้า มีอิสรเสรีภาพ มีสิทธิเต็ม ท่านเปิดเผย ทำในอินเดียมาแล้ว สำเร็จด้วย ท่านรู้จัก จิตวิญญาณ

        แล้วจะทำอย่างไร ให้ปรองดอง ก็ทำอย่าง พระพุทธเจ้าพาทำ ยกตัวอย่าง เช่น ชาวอโศก ก็เป็นคนจน ไม่ร่ำรวย หรูหรา เหมือนศูทร จัณฑาล เรามุ่งมาจน จนมหัศจรรย์ ไม่สิ้นไร้ไม้ตอก จนขยันหมั่นเพียร เสียสละ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ช่วยบรรเทาภาระ สังคมด้วย แล้วเราก็จน ส่วนเขาก็หรูหราฟู่ฟ่า เราเข้าใจเขา เห็นใจเขาว่า ไม่น่าเสริมกิเลสเลย เพราะเรารู้ สัจธรรม เราก็ช่วยคน ที่ควรช่วย เป็นการปรองดอง อยู่ร่วมกัน โดยเรายอมเสียผล เสียสละ เกิดจาก เจโตวิมุติ และ ปัญญาวิมุติ ที่ลดละกิเลส แม้เราไม่หมด เราก็เพียรลดละ และเสียสละ ตามลำดับ

        ยกขึ้นมา ไม่ได้อวดอ้าง แต่เอาสิ่งเกิดจริง เป็นจริง มาพูด อาตมาทำงานมา ๔๐ กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ชุมชน ๒๕๑๖ มาปีนี้ก็ ๓๐ กว่าปีแล้ว เป็นรูปธรรม ชัดเจน พัฒนามา ไม่เสื่อม เจริญขึ้น มีผู้ร่วมเพิ่มขึ้น แต่ไม่กรูเกรียว เหมือนพวกกิเลส ที่เขาแย่งชิง เร็ว เหมือนเชื้อโรคห่า เป็นโรคทางจิต แต่นี่เราทำ ไม่ได้เป็นโรค เป็นความวิเศษทางจิต

        นี่เป็นคำตอบ ที่คุณไชยวัฒน์​พูดมา เป็นการแก้ไข อย่างสมบูรณ์​ Absolute ดีที่สุด Ultimate เป็นสิ่งที่ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ของสังคม พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ความเป็นมนุษย์ กับสังคมมนุษย์ รู้ว่ามนุษย์แต่ละคน ควรอยู่อย่างไร ไม่มีทุกข์​ เป็นประโยชน์สุด และอยู่ร่วมกันไป

        เราออกมาทำนี่ ออกมาช่วยงาน หลายรอบ ก็เป็นภาคปฏิบัติ ตั้งแต่ปี ๔๙ ก็เปิดตัว มาเรื่อยๆ มาปีนี้ ๕๗ ต่อเนื่อง มาชุมนุม เรามีคณะ มีพรรคการเมืองมา ๑๐ กว่าปีแล้ว พรรคเพื่อฟ้าดิน เราทำการเมือง ภาคประชาชน​ เป็นพลัง Authority ไม่แย่งชิงอำนาจ อย่างที่เขาทำ เราทำการเมือง ที่เป็นการรับใช้ ประชาชน ทำเศรษฐกิจสังคมให้ดี เป็นรัฐศาสตร์ สุจริตยุติธรรม

        ศาสนาทุกศาสนา พาลดกิเลส แต่อาตมาว่า ของพุทธลดกิเลส อย่างมีประสิทธิภาพ สูงสุด ...คำตอบคือ มาลดกิเลส แบบพระพุทธเจ้า แล้วจะเป็นผู้ทำงาน สังคม เศรษฐศาสตรฺ์ รัฐศาสตร์ อย่างบริบูรณ์​ ต้องศึกษา ให้สัมมาทิฏฐิ

        ปัจจัยให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ก็คือ
        . ปรโต จ  โฆโส จ (การได้ฟังสัจจะมุมอื่น จากผู้รู้อื่นๆ หรือจากบัณฑิตอื่น  จะไม่ติดยึด แต่ภูมิรู้เดิมๆ ของตน)
        . โยนิโส จ  มนสิกาโร (ปรับใจ ปฏิบัติกระทำใจ ให้ละเหตุ แห่งการเกิดกิเลสที่ใจ  กระทำใจละให้เป็น  ให้ถ่องแท้  ให้หยั่งลงไปถึง แดนเกิด คือ สมุทัย ที่ใจ)

        สัมมาทิฐิ ย่อมมีเจโตวิมุติ มีปัญญาวิมุติ เป็นผล และเป็นอานิสงส์ โดยมีองค์ ๕ คือ สัมมาทิฐิ อันมีศีล อนุเคราะห์แล้ว  สุตะอนุเคราะห์ สากัจฉาอนุเคราะห์  สมถะอนุเคราะห์  วิปัสสนาอนุเคราะห์แล้ว (พตปฎ. เล่ม ๑๒   ข้อ ๔๙๗)

        ในสัมมาทิฏฐิ ๑๐ ข้อที่ ๑๐
๑๐. สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ  ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่ง ด้วยตนเอง  ในโลกนี้  มีอยู่  (อัตถิ  โลเก   สมณพราหมณา   สัมมัคคตา  สัมมาปฏิปันนา  เย  อิมัญ จ โลกัง    ปรัญ จ  โลกัง   สยัง อภิญญา   สัจฉิกัตวา  ปเวเทนตีติ)

        คำว่าโลกนี้โลกหน้า นี้สำคัญ... ที่จะต้องมีสมณะพราหมณ์ เป็นผู้เปิดเผย ต้องเป็นคนที่อย่างน้อย มีปัจจัตตัง หรือจะมี สยังอภิญญา หรือ สยัมภู ตามลำดับ

        ผู้จะมารู้ทวนกระแสพระพุทธเจ้า ต้องเรียนรู้ สัมมาทิฏฐิ มาลดละกิเลส ตามลำดับ เมื่อลดได้ ก็เป็นประโยชน์ต่อโลก อย่างแท้จริง รับใช้โลก อย่างแท้จริง พหุชนหิตายะ (เพื่อหมู่ชนเป็นอันมาก) พหุชนสุขายะ (เพื่อความสุข ของหมู่ชน เป็นอันมาก) โลกานุกัมปายะ (รับใช้โลก ช่วยโลก)

        คนเช่นนี้ โลกจะเลี้ยงไว้ ชีวิตนี้เนื่องด้วยผู้อื่น (ปรปฏิพัทธา เม ชีวิกา) ซึ่งคนทั้งโลก เขาไม่เชื่อว่า มีคนที่เป็นเช่นนี้อยู่ จะเป็นคนจริงใจ บริสุทธิ์ที่แท้จริง ไม่กลับกำเริบ แต่ชาวพุทธเรา ได้ปฏิบัติจะเชื่อ เพราะได้ปฏิบัติตน จนเป็นคนเช่นนี้ได้ ทำงานกับสังคม ได้อย่างดี ไม่เหมือนจัณฑาล ที่เขารังเกียจ แต่ของพุทธเรา ก็อยู่ไม่ถือยศศักดิ์ อยู่อย่างจัณฑาล แต่ว่ามีความรู้ค วามสามารถ ทำประโยชน์ต่อสังคม ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ อาตมานำมาเปิดเผย ก็ทำได้ ยังไม่มาก ต้องพยายามเผยแพร่ ให้ละเอียดละออ มากกว่านี้ ให้เป็นศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่ อาตมาก็เห็นว่า ชาติไทยเรา น่าจะมีทฤษฏีเช่นนี้ ทำได้ เป็นทฤษฎี ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งยิ่งใหญ่กว่า ลัทธิสังคมนิยม และประชาธิปไตย ทั่วโลก พูดไป เหมือนเบ่งข่มเขา แต่เป็นเรื่องจริง ที่เกิดจริงได้

        เราพูดไปทำไปนี่ เขาก็ยังไม่เชื่อ แม้ศาลตัดสินมา เขาก็ไม่เชื่อ บางคนเห็นว่าดี อย่างชาวอโศกดี แต่ไม่เชื่อว่า สิ่งจริง หาว่าทำโชว์ ซักวันก็ล้มไป เป็นการกดข่ม แต่เรารู้ว่า ไม่ได้กดข่ม เราทำได้จริง ลดละกิเลสได้ ประเสริฐ ไม่ได้พูดด้วย บัญญัติภาษา แต่ว่าเป็นความจริง ที่เกิดเป็นความรู้ ที่ลึกถึง จิตวิญญาณตัวแท้ เรียกว่า ญาณ หรือ วิชชา มันจริงเช่นนั้น จริงๆ เกิดปัญญาอย่างนั้น ควบคู่กับ ศรัทธา ความเชื่อ มีปัญญา ทำลายกิเลสได้ด้วย รู้แล้วกำจัดกิเลส สลายให้จางคลาย ให้สลายไปได้จริง ถ้าจริงแล้ว ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่กลับกลอกด้วย เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่ สรุป จะทำอย่างไร ก็ทำอย่าง พระพุทธเจ้าพาทำ แม้จะยาก จะนาน ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เมืองไทย เป็นเมืองพุทธ มีประชากร เป็นพุทธศาสนิกชน ๙๕ %     

        ทำจนรู้ว่า เป็นสิ่งที่เป็นทรัพย์แท้ เป็นสิ่งด ีที่ได้มาเสียสละ ลดละกิเลส มีความพอใจ ฉันทะ เมื่อพอใจ ก็จะมาฟัง มีปรโตโฆษะ เมื่อก่อน ก็ไม่ฟังเท่าไหร่ ก็ฟังแต่อย่างนั้น พอมาฟัง ปร ก็คืออื่นจาก ที่เคยได้ยินมา เป็นเสียงอื่น ก็จะเกิด สัมมาทิฏฐิ 

        เราจะมีธรรมะ ด้วยความยินดี เริ่มด้วย อิทธิบาท ในสุริยเปยยาล ก็มี ฉันทะ ในข้อ ๓ ส่วนมูลสูตรนั้น เริ่มด้วยฉันทะเลย
๑.     มีฉันทะ เป็นมูล-รากเหง้า (มูลกา)
๒.     มีมนสิการ เป็นแดนเกิด (สัมภวะ)
๓.     มีผัสสะ เป็นเหตุเกิด (สมุทัย) เป็นเหตุให้กิเลสตาย ซึ่งใช้คำว่า สมุทัย เหมือนใน อาริยสัจ ๔
๔.     มีเวทนา เป็นที่ประชุมลง (สโมสรณา) ซึ่งก็จะแตกเวทนา ออกเป็น เวทนา ๑๐๘ เลย แล้วตัวเหตุ หรือสมุทัย ในเวทนา ก็คือ ตัณหา ที่จะแก้ไขได้ แก้ไขได้ก็ทำให้ จิตมีสมาธิ สั่งสม ตกผลึกตั้งมั่น เป็นเอกกัคคตาจิต เป็นอุเบกขาเวทนา เป็นสมาธิ
๕.     มีสมาธิ เป็นประมุข (ปมุขะ)

        สามารถปฏิบัติได้ ตามหลักธรรม พระพุทธเจ้าเยอะ เช่น ปัญญาวุฑฒิ ๔ เป็นต้น ขอผ่านไปก่อน

        มาพูดถึง ที่คุณไชยวัฒน์ ว่าเราจะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งทางอื่นนั้น เป็นวัวพันหลัก อาจใช้กฎหมาย หรืออำนาจ กดขี่กดข่ม ให้เขาทำดี แต่ไม่ลดกิเลส นั้นไม่จบ เมื่อไหร่ก็ไม่จบ แต่จะสำเร็จจบได้ ต้องทำตาม พระพุทธเจ้า ซึ่งรากเหง้านั้นคือ ความแค้นเคือง โลภโมโทสัน การเสพรส ถ้าไม่ล้างกิเลส ก็ไม่สำเร็จจริง อาจกดข่มอย่างไร ก็ไม่ถอนราก ก็วนเวียนกลับได้ แต่ถ้าได้ล้างกิเลส ที่เป็นเหตุแท้จริงได้ อย่างตายสนิท แท้จริง       

        อาตมามีหลักฐาน ในพระไตรปิฎก ให้อธิบายอีกมากเลย.... อาตมากำลังเขียน เรื่องนิโรธ ซึ่งทุกวันนี้ เป็นมิจฉานิโรธ เกือบไม่เหลือแล้ว อาตมาก็เห็นว่า ท่านแปลภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทย ก็ยังมีที่ ไม่ตรงสภาวะ อาตมาก็พยายาม มาเรียบเรียง อาตมาแปลบาลี ด้วยสภาวะ แต่ก็เรื่องจริง อาตมาไม่ขี้เกียจหรอก ขยันจนถูกว่า

        ขอพูดพาดพิงถึง เรื่องเหตุที่ คนไม่เข้าใจ ความจริงกัน มาฟังความจริง ในเรื่องความเป็นกลาง ของผู้ยุติธรรม

        ความเป็นกลางของผู้ยุติธรรม
        หรือผู้ไม่อคติ ไม่ลำเอียง แท้ๆจริงๆ นั้น.... เมื่อวิเคราะห์วิจัย วินิจฉัย เจาะลึก สัจธรรมแล้ว ก็จะพบความจริง_ความถูกต้องนั้น มีหนึ่งเดียวเท่านั้น ความจริง ไม่มีสอง หรือเป็นอื่นไป จากหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่ได้
        ดังนั้น เมื่อ ศาล ทุกศาล ที่เป็นศาลที่ยุติธรรม แท้จริง ทุกศาล ทำหน้าที่ ตัดสินออกมา
        “คำตัดสิน” ก็จะตรงกับคนถูก และตรงกันข้าม กับคนผิด ทุกทีไป
        การที่ศาล เห็นตรงกันกับ ความถูก_ความจริง ของคนถูก นั่นแหละคือ
        ผู้เป็นกลาง ต้องเข้าข้างคนดี คนถูก คนที่มีความจริง ทุกที
        ดังนั้น คนผิด คนเลว คนไม่มีความจริง เมื่อตนเองแพ้ จึงพาล ด้วยความโง่ว่า ศาลอคติ
        เพราะฉะนั้น คนผู้ไม่รู้จริงๆ หรือโง่ แท้ๆ เช่นที่ฝ่าย นปช. หรือแม้แต่ รัฐบาล ก็ดี สภาก็ดี ก็หาว่า ศาล ลำเอียง ก็ถูกแล้ว ที่เขาจะพูด แสดงภูมิจริง ที่ไม่ยุติธรรม บ้างล่ะ
        ลำเอียงบ้างล่ะ เข้าข้างที่ไม่ตรงกับตนบ้างล่ะ เพราะไม่เข้าข้างตัวเอง
        ใครไม่ตัดสินว่า ให้เขาถูก จึงเป็นคนลำเอียง ไม่ยุติธรรม ก็ถูกแล้ว
        คนโง่ หรืออวิชชา ย่อมมองความจริง ความถูกต้อง ของความยุติธรรม ไม่ออก เพราะโง่จริงๆ รู้ความจริง รู้ความถูกต้องไม่ได้
        จึงเรียกว่า คนโง่ หรืออวิชชา เขาจึงด่าว่า ศาลยุติธรรม เพราะไม่เข้าใจ หรือไม่มีปัญญารู้ว่า คนเป็นกลาง ต้องมีปัญญา มีวิชชา เข้าข้างคนดี คนถูกเสมอ

        นี่คือ ลักษณะของอวิชชา โง่ ไม่เข้าใจ ทำให้สังคมเดือดร้อน นี่ไม่ได้ว่ากล่าว ไส่ไคร้ แต่พูดด้วยเมตตา อยากให้เขาหยุด เป็นอกุศลกรรม ทำแล้วสั่งสม เป็นวิบาก คุณทำมันแล้ว ทั้งที่พูดออกมาแล้ว ก็กลับลำอีกว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้น แถ_ลง อีก พวกเรา ต้องอดทน เราต้องเอาชนะ ด้วยความดี ความสงบ ถูกต้อง

        อาตมาฟัง คุณนกแสก ออกมาร่าย ยุทธศาสตร์ ๕ ประการ
        ประชาชนต้องประกอบด้วย มวลชนเสื่อแดง และมวลชนทั่วไป มาเป็นพวกให้ได้ เรียกว่า ยุทธศาสตร์ ๒ ขา
        ยุทธศาสตร์ สร้างที่มั่น ทางการเมืองให้ได้ เรียกว่า ๕ เขตยุทธศาสตร์ แล้วก็สาธยายต่อว่า มี ๔ ประเด็น ที่ต้องจัดการคือ

        .การนำมวลชนจารีตนิยมของกปปส.
        .องค์กรอิสระ
        .กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม
        .การรัฐประหารโดยกองทัพ

        นี่คือ ๔ประเด็น ที่ต้องจัดการ เขาว่ามวลชนกปปส. คือพวกศักดินา ไม่เสมอภาค ส่วนองค์กรอิสระ เป็นภัยต่อเขาไม่เข้าข้างเขา และก็ว่า ความยุติธรรม ไม่ยุติธรรม และเขาก็ไม่อยากให้เกิด รัฐประหาร แต่ถ้าจะเกิด ก็เพราะเขาทำให้เกิด เพราะมีความวุ่นวายเกิด และ จะลั่นกลองรบ แยกประเทศนะ คือเขาสับสน ประสาทหรือเปล่า

        เขาก็ต้องทำลายสุเทพ กับแนวร่วม และเปิดโปง องค์กรอิสระ ให้ปฏิรูป และปฏิรูปกระบวน การยุติธรรม และชูกองทัพ ให้ก้าวหน้า เขาคิดใหญ่มากเลย คงใหญ่ไปเรื่อยๆ เป็นอึ่งอ่างพองลม ไปจนซักวันหนึ่ง ก็ท้องแตกตาย

        อ.ไชยวัฒน์​ ว่า...การจะเกิดสัมมาทิฏฐิ ต้องฟังอย่างอื่น ที่ไม่เคยชินให้ได้ ฟังแล้วจะเกิด ปฏิกิริยาในใจ เมื่อจับมันได้ เป็นกิเลส ก็ดัดมัน ทำให้มันอ่อนแรง ทำโยนิโสมนสิการ เข้าสัมมาทิฏฐิ

        สิทธิเสรีภาพนั้น มวลมหาประชาชน ต่อสู้อย่างเสรีชน ถ้ามีกม.กำกับเสรีชน อย่างเดียวนั้นไม่ใช้ เพราะมิติจิตวิญญาณ และการเปิด ของสื่อสารนั้น วัฒนธรรมต้องแข็งแรง หากวัฒนธรรมอ่อนแอ ก็จะเกิดปั่นป่วนได้

        ประเด็นความห่วงหาอาทร และอยากจะไปสู่ วาทะแห่งความเกลียดชัง HATE speech

        ฝ่ายผู้สูญเสีย ก็จะเกิดความห่วงหา อาทรอย่างยิ่ง แต่ก็ได้มีผู้ที่ เทกำลังใจ ให้ค่อยผ่อนคลาย แต่คนที่ตายไปแล้ว คนมีความผูกพันกัน เด็กสองคน ที่ตายไปแล้ว เขาจะแก้ความผูกพันได้ไหม หรือรอเข้าฝัน เอาไว้โอกาสหน้า ค่อยมาถามต่อ..จบ

 

 

www.asoke.info