570313_พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ และอ.กฤษฎา ให้วัฒนานุกูล
เรื่อง การศึกษาอาริยะ


     อ.กฤษฎาว่า... วันนี้เราก็จะมาเรียนเรื่องอำนาจ จากพ่อครูอีก แต่ว่าอีกสองวัน เราจะมีพิธีกรรม รับกลด ของนร.สัมมาสิกขา ที่จะเรียนจบ

     พ่อครูว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ จิตวิญญาณ ธรรมเนียมเรามีพิธีกรรม พิธีการ เด็กเราเรียนจบ ม.๖ ก็จะมีพิธีกรรมรับกลด เป็นสัญญลักษณ์ กลด คือ Moving house เป็นเครื่องอาศัย สำหรับสมณะ สำหรับฆราวาส ก็หัดฝึกเหมือนกัน เมื่อก่อน เราอยู่ป่าช้ากัน มีพุทธสถาน ที่เป็นป่าช้า ก็ปฏิบัติกัน นอนกับพื้นดิน พื้นป่า เกี่ยวกับจิตวิญญาณ ที่มักน้อยสันโดษ เราฝึกไม่กลัวผี ผีเขาหลอกกันว่า มีจริง เป็นมโนมยอัตตา สรุปว่า กลดเป็นเรื่อง เกี่ยวกับ จิตวิญญาณสำคัญ

     เด็กเราเข้ามาม.๑ ๓๐ คน พอจบม.๖ เหลือแค่ ๑๐ คนก็มี ดีไม่ดี เหลือไม่ถึง ๑๐ คน เราคัดคน ที่คุณธรรม กิเลสเดี๋ยวนี้แรง ก็ทนไม่ค่อยได้ออกกันไป เราไม่เน้นเรื่อง ความรู้มาก เราเน้นสตริค เรื่องคุณธรรม เด็กจบแล้ว จึงภาคภูมิใจ ว่าเขาจบได้ ถึงธงชัยสำคัญ เมื่อจบแล้ว ก็ได้รับเครื่องหมายสำคัญ คือกลดไป

     อ.กฤษฎาว่า... อย่างน้อยพี่น้องที่ร่วมชุมนุม จะได้ดูวิถีพุทธ การจัดการชุมชนพึ่งตนเอง แบบวิถีพุทธ นี่คือตัวแบบ ปีนี้ได้มาจัดที่นี่ ทุกปีไม่ได้จัดที่นี่ จะจัดที่ปฐมอโศก เป็น บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) แล้ววันถัดไป ก็จะเป็น ตลาดอาริยะ

     พ่อครูว่า.. อาตมาชาตินี้ ไม่ได้เรียนรู้อะไรมาก เกี่ยวกับศาสตร์ต่างๆ ไม่จบทางโลกมามาก แต่มั่นใจ ในความรู้ทางธรรม ยิ่งจิตศาสตร์นี่ มั่นใจมาก แล้วอย่างอื่น ก็เป็นเรื่องเทคนิคต่างๆ แม้นิติศาสตร์ ก็สัมพันธ์สังคม รัฐศาสตร์ เกี่ยวเนื่องกับสังคมมาก อันนั้นอยู่ในหลักธรรมะของ พระพุทธเจ้าหมด เพียงแต่เรื่องเทคนิค เป็นเรื่องที่คน ต้องฝึกฝน เป็นกสิกรรม วิศวกรรม หรืออื่นๆ

     ส่วนเรื่องจิตศาสตร์เป็นเรื่องตรงของ พุทธศาสนา เป็นแก่นเลย

     เศรษฐศาสตร์ เป็นเรื่องว่าด้วย การจัดการทรัพยากรณ์ ของคนเลย ไม่ให้เหลื่อมล้ำ เอาเปรียบ ซึ่งตรงกับ พุทธศาสตร์เลย เพราะจะรู้เรื่อง ความเดือดร้อนของคน เมื่อเราศึกษาธรรมได้ ก็จะจัดบริหารสังคม หมู่กลุ่มได้

     ยกตัวอย่าง เรื่องสื่อสาร FMTV เราไม่ได้ตั้งมา เพื่อการค้า หรือหารายได้ แต่ตั้งมาเพื่อ รับใช้มวลมนุษยชาติ เราพิจารณาว่า อันไหนควรช่วยก็ทำ แม้เราไม่ถ่ายทำเอง แต่เราก็ได้ขอ เกี่ยวสัญญาณ ช่องอื่นมาออก ถ้าเป็นสิ่งดี ทำให้ฟรีเลย หากเป็นประโยชน์ ต่อสังคม เป็นสาระ ส่วนของเรา ใครจะเอาของเราไปออก ก็ฟรีเลย บางคน อาจเอาไปหาเงินบ้าง พอเป็นไป เราก็ให้ แต่อย่าขูดรีด เราก็ท้วงได้

     สังคม มีทั้งการสื่อสาร เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เป็นความเป็นอยู่ ของสังคม พระพุทธเจ้า ศึกษามนุษย์ กับความเป็นอยู่ ของสังคม ศาสตร์ไหนเทคนิคไหน ก็ศึกษาได้ ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ส่วนสังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นั้นอยู่ที่ จิตวิญญาณแท้ๆ

     ตอนนี้ เราต้องการที่จะพัฒนา ปฏิรูปประเทศไทยใหม่ จะเป็นเรื่องดีงาม เรื่องสำคัญ ที่จะต้องทำคือ เรื่องการเมือง แต่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญมาก คือการศึกษา การศึกษาขาด บ้าน วัด โรงเรียน คือการศึกษา หมาหางด้วน

     การศึกษาไทย ที่รับมาจากต่างประเทศ ปนเปไปหมด ก็ไม่ได้ผล การศึกษา ต้องอยู่ในขอบเขต มรรคองค์ ๘

๑.  สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) เป็นประธานไปทุกมรรค
๒.  สัมมาสังกัปปะ (ความดำริชอบ) . เป็นประธานปฏิบัติ
๓.  สัมมาวาจา (เจรจาชอบ) เป็นตัวปฏิบัติ .
๔.  สัมมากัมมันตะ (ทำการงานชอบ) เป็นตัวปฏิบัติ
๕. สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ) เป็นตัวปฏิบัติ .
๖. สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ) เป็นตัวเร่งห้อมล้อม
๗. สัมมาสติ (ความระลึกชอบ) เป็นดวงตาห้อมล้อม .
๘. สัมมาสมาธิ (สะสมลงเป็นจิตใจที่ตั้งมั่น) เป็นผล

     ไม่มีข้อไหนที่ว่า จะให้ไปนั่งหลับตา ทำสมาธิเลย เพราะเหตุที่ ครูบาอาจารย์ มีมิจฉาทิฏฐิ ลูกศิษย์ลูกหารุ่นนี้ จึงไม่แข็งแรง ทางจริยธรรม กลัวตาย ไม่กล้าหาญ ทางจริยธรรม

     อ.กฤษฎาว่า... เมื่อสักครู่นี้ ผมนึกถึงตลาดอาริยะ ซึ่งแสดงถึง ความเข้มแข็ง ทางจริยธรรม ของชุมชน

     พ่อครูว่า เราทำมา ตั้งแต่ ๒๕๒๕ ทำมาแต่บัดโน้น ถ้าจะนับว่า เป็นรูปร่างจริง ก็ปี ๒๕ เราเอาใบไม้ มาแทนธนบัติ พอต่อมา ก็มาจัดที่บ้านราชฯ

     สรุปคือ ถ้าใจเราพอ เราก็จะกินน้อยใช้น้อย ไม่โลภ น้อยลงกว่านี้ก็ได้ คนที่มีพลังงานสร้างสรร ความรู้สามารถ ปฏิบัติ ไม่ได้ไปป่าเขาถ้ำ ใครมีความรู้ความสามารถ ก็ต่อกับโลกเขาได้เลย มีสมรรถภาพอย่างไร ก็ใช้ เป็นสัมมาอาชีวะ กัมมันตะ ทำแล้ว เราก็ไม่เอาหน้า ไม่เอาเงินกำไรด้วย เราไม่อยากได้ จึงเป็นประสิทธิภาพ แรงงาน ไม่ต้องเสียไปกับ การคิดเอาเปรียบ จึงทำงานสร้างสรร เต็มที่เลย เป็นเศรษฐศาสตร์ ที่คอมมิวนิสต์ ก็ต้องการแบบนี้ หรือสังคมนิยม หรือประชาธิปไตย ก็ต้องการเช่นนี้ ให้ส่วนรวมมีมาก แล้วสะพัด ไปสู่สังคม

     ในมหาจักรวาล ไม่มีอะไรเท่าเทียม เสมอภาคกันจริงๆ คำว่าเสมอภาค เป็นเรื่องลอยลม มันมีฐานะที่เสมอกัน เรียกว่า สมานนัตตา โสดาฯเสมอโสดาฯ​ สกิทาฯเสมอสกิทาฯ แต่ว่าโสดาฯกับสกิทาฯ จะไม่เท่ากัน แต่จะสมานกัน สมานอัตตา จะเคารพกัน ด้วยปัญญา เป็นสัจจะนะ เคารพกันด้วยไม่ต้องบังคับ จิตมันรู้ มันยอมรับเอง เรื่องเสมอภาค เป็นเรื่อง จิตยอมรับกัน อรหันต์ธรรมดา กับอรหันต์สารีบุตร หรือ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่เท่ากัน แต่ว่า กิเลสหมดเท่ากัน

     ฝ่ายแดงก็ว่า เสมอภาค ในการเลือกตั้งนิดเดียว แต่เราเสมอภาค ในการเลือกตั้ง จะดีกว่าคุณด้วย ที่เราต้านนี่ เพราะคุณ มีเหลี่ยมโกง มากมายเลย แต่เขาก็เอามาพูดกัน มันน่าเขกกระบาล ทำอวดดี อวดรู้

     เรื่องความเสมอภาคนั้น ไม่มีจริง แต่ความเสมอสมานอัตตา มีจริง อรหันต์หมดตัวตน จึงเสอมสมาน ได้ด้วยสนิท ตามฐานะ ว่าคนนี้ควรได้น้อย คนนี้ควรได้มาก กำลังน้อย ก็ทำได้น้อย กำลังน้อยทำได้น้อย ก็เฉลี่ยสัดส่วนไป เด็กเฉลี่ยให้น้อย คนแก่คนป่วย ก็ได้มากหน่อย จัดสรรให้เสมอสมาน เป็นเรื่องลึกซึ้ง

     การอยู่อย่างสาธารณโภคี แต่ละคน ประสงค์เพื่อเสียสละ ลดละกิเลสตน จึงไม่เอาเปรียบ ผู้มีความตั้งใจ จะทำเช่นนั้น ผู้กิเลสไม่หมด ก็ตั้งใจสมาทาน ลดละ เกิดฝึกฝนจริง จะเกิดการไม่แย่งชิง แม้เขาจะฝึกฝนอยู่ ส่วนคนหมดกิเลส ก็เสียสละจริง

     ยิ่งเขากิเลสไม่มี แข็งแรงกว่า ก็เสียสละได้มากกว่า อดทนได้มากกว่า ทำได้มากกว่า ก็ทำให้คนอื่นได้มาก

     อ.กฤษฎาว่า... กลับด้านกว่า กิเลสหนา ที่แข็งแรงมาก ก็ยิ่งเอาเปรียบ

     พ่อครูว่า... การศึกษาที่รู้มาก สามารถมาก แทนที่จะไปเอาความรู้ ไปเสียสละ แต่กลับไปเอาเปรียบ ความรู้จึงเป็น ศาสตราอาวุธ ไปทำลายคนอื่น นี่คือ การศึกษาล้มเหลว เราจึงมาปรับ ให้เป็นการศึกษา ที่มีมรรคองค์ ๘ เรียนรู้โดยตรง เป็นเวทีประชาธิปไตย ก็มาเรียนที่นี่ ค้าขายตลาดอาริยะ

     ตอนนี้ ปฏิรูปการเมือง การเมืองมีผล ต่อสังคมมาก ทุกอย่าง ก็เกี่ยวกับการเมือง จึงมีความสำคัญมาก ที่เราต้อง มาทำงาน เราทำงานกับสังคม ก็ไม่อวดอ้าง ไม่ได้อยากดีเด่นดัง มาทำงาน คุณก็ไม่รู้จักเขาหรอก ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะพบว่า ชาวอโศก ทำงานอยู่ในนี้ ไม่ต้องห่วงหา รายได้ทรัพย์สิน มีสาธารณโภคี ไม่ต้องมี ทรัพย์สมบัติ ส่วนตัว เป็นสมบัติส่วนกลาง เป็นเศรษฐศาสตร์ ที่เยี่ยมยอดเลย ไม่ว่าจะเผด็จการ หรือประชาธิปไตย เขาก็อยากได้อันนี้ ต้องการรวม ทรัพย์สิน ส่วนกลางไว้ ให้มาก แล้วเอาไปเฉลี่ย ให้แก่สังคมทุกคน

     เผด็จการ ถ้ามีทศพิธราชธรรม มีทาน ศีล จริงเลย ซึ่งคอมมิวนิสต์ ไม่เข้าใจจิตวิญญาณ ก็ตีทิ้งศาสนา เพราะเป็น การศึกษา บริหาร แบบขาดวิญญาณ เป็นขาเดียว ชีวิตขาเดียว ไม่ใช่สองขา ที่มีทั้งรูปและนาม วัตถุนิยม

     ถ้าพวกเรียนจิตนิยม ก็ไปเรียนแต่จิต เอาแต่จิตสบาย เป็นการศึกษาไม่สมบูรณ์​ เขาก็มองว่า พวกจิตนิยม เป็นสิ่งเสพติด ไม่เป็นประโยชน์ต่อโลก แต่ของพระพุทธเจ้า ต้องอาศัยจิต เป็นประธาน แต่ก็ช่วยเหลือโลกด้วย จิตวิญญาณที่สูงส่ง จะไม่หลงวัตถุ ใช้วัตถุเป็นเครื่องอาศัย ทำประโยชน์

     ขออภัย ที่ต้องบอกว่า อาตมาเป็นโพธิสัตว์ มีภูมิรู้มาเก่า มาต่อเชื่อมพุทธ ให้ยาวนานไปอีก ถึงห้าพันปี

     อ.กฤษฎาว่า... เราท่องบทสวด พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

     พ่อครูว่า.. ก็เป็นของพระองค์เอง ท่านเป็นใหญ่ที่สุดแล้ว ในยุคกาล ไม่มีใคร จะมีธรรมสมบัติ ที่ดีสุดยอด เท่าท่านแล้ว ท่านมีพุทธการกธรรม สุดยอดแล้ว ได้มาจาก พระพุทธเจ้า องค์ก่อนๆมา พระพุทธเจ้าสมณโคดม ก็บอกว่า พบพระพุทธเจ้า องค์ก่อนๆ มากว่าห้าแสนพระองค์ ท่านสูงสุดแล้ว ไม่มีใครเทียบท่าน คนไม่เข้าใจ ฟังไม่ออก แต่อาตมามี สยังอภิญญา ไม่ใช่สยัมภูนะ

     ในสัมมาทิฏฐิ ๑๐ ข้อที่ ๑๐
๑๐. สมณพราหมณ์ทั้งหลาย เป็นผู้ดำเนินชอบ-ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้-โลกหน้า ให้แจ่มแจ้ง  เพราะรู้ยิ่งด้วย ตนเอง ในโลกนี้ มีอยู่ (อัตถิ โลเก สมณพราหมณา สัมมัคคตา สัมมาปฏิปันนา เย อิมัญ จ โลกัง ปรัญ จ โลกัง สยัง อภิญญา สัจฉิกัตวา ปเวเทนตีติ)

     อ.กฤษฎาว่า.. เคยบอกลูกว่า การที่เราได้เกิดมานี่ เรามีบุญเก่านะ เราควรสร้างบุญใหม่สะสม ทุกคนมีของดีสะสม มีโอกาส เกิดในดินแดน สยามเทวาธิราช คุณต้องรู้ และสะสมบุญ

    พ่อครูว่า... สำนวนกินบุญเก่า คือผู้ใช้แต่เงินเก่า มันก็มีหมด ไม่เที่ยง แต่อาริยธรรม ไม่มีหมด ได้แล้วได้เลย กิเลสลด ด้วยปัญญาของพุทธ รู้ละดับกิเลสได้แท้จริง

     จะรู้ว่า จิตเราเข้ากระแส รู้ว่าอย่างใดคือโลกียะ อย่างใดคือโลกุตระ ก็ค่อยๆ หักเข้าหาโลกุตระ กว่าจะได้ ๑๘๐ องศา นี่อรหันต์ ก็ค่อยเดินทาง อย่างรู้ทิศทางว่า จิตเรามีทิศทางอย่างไร ไม่สงสัยลังเล

     โสดาบัน
ส่วนที่เกิดทางจิต (โอปปาติกโยนิ)
๕. โสตาปันนะ (เข้าสู่กระแสโลกใหม ่คือโลกุตระ) . .
๖. อวินิปาตธัมโม (ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา)
๗. นิยตะ (เที่ยงแท้แน่นอน สู่มรรคผลที่สูงขึ้น)
๘. สัมโพธิปรายนะ (มุ่งตรัสรู้ ในภายหน้า)
    
     ผู้ได้แล้วแม้จะอยู่ในโลกสัมผัสกับโลกธรรม อยู่ก็ไม่มีสุขทุกข์ เป็นภาวะที่หยุด เป็นกลาง อุเบกขา ฐานนิพพาน ไม่ไปไม่มา ไม่หมุน ไม่ซ้ายไม่ขวา มันกลาง ไม่เอาอะไร การไปเปรียบ ลักษณะนิพพานนั้น เปรียบยาก ท่านว่า นัตถิ อุปมา ไม่ชอบไม่ชัง แต่รู้ว่า ควรอาศัยหรือไม่

     ถ้าผู้มีความจริง ก็จะรู้ความจริง จากคนจริง อาตมาทำงาน ก็รู้ความจริง จากที่เขาเป็น ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งจริง ชัดขึ้นๆ ก็เข้าใจว่า ความเที่ยงแท้ ของกิเลส ถ้าคนเข้าเขตนิยตะ ก็เหมือนกับ การเมืองปัจจุบัน ไม่ตกต่ำ มีแต่เดินหน้า สู่ชัยชนะ นี่คือ สัจธรรม ที่มีเหตุปัจจัยถึงขีด ไม่ได้โมเมนะ

     คนไม่มีความรู้ ก็ยังประมาณออกเลยว่า ประชาชนทำมาขนาดนี้ ไม่มีแพ้ มีแต่ชนะลูกเดียว แต่จะเมื่อไหร่ เท่านั้น เพราะเดายาก เจอคนอย่างนี้ ดื้อด้านดึงดันโง่เง่า ทั้งโง่เง่า และฉลาดเฉโกด้วยนะ ฉลาดอวิชชา

     ความฉลาดนี้คือ ไม่รู้เท่าทัน ฉฬายตนะ ไม่รู้ว่ากระทบสัมผัสแล้วมีกิเลสหรือไม่? แม้แต่จะเอาหมด ฉลาดในการเอา สำนวนเขาคือ เอาอยู่ แพ้ไม่เป็น ยอมตาย คาสนามรบเอา ไม่มีสนามรบ วางปล่อยไม่มี นี่คือสัจจะ เขาไม่มีความรู้ ในด้าน การกระทบสัมผัส สิ่งภายนอก แล้วจิตเขาเป็นอย่างไร เขามีแต่จะเอา

     อาตมาขอฝากเรื่องการศึกษาไว้ ให้เป็นบวร

     ในหลวงเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จะตรัสออกมาได้อย่างไร ว่าขาดทุนของเรา คือกำไรของเรา แบบคนจน อย่างนี้ ท่านไม่ได้ตรัสเล่นนะ ต้องมีสัจจะยิ่ง ท่านเป็นโพธิสัตว์ มีทศพิธราชธรรม

๑. ทาน (การให้) .
๒. ศีล (ความประพฤติดีงาม)
๓. ปริจจาคะ (การบริจาค) ใจต้องให้ด้วย ลด โลภ รสราคะได้ ทำทานอย่างนี้ เข้าข่ายจาคะ
๔. อาชชวะ (ความซื่อตรง)
๕. มัททวะ (ความอ่อนโยน)
     อ.กฤษฎาว่า...อย่างฆราวาสธรรม ๔
๑.  สัจจะ (ความจริง)
๒.  ทมะ (ข่มใจฝืนสู้กับความอยาก ฯลฯ)
๓.  จาคะ (เสียสละ)
 ๔.  ขันติ (อดทนต่อความไม่ชอบใจ ฯลฯ)

     ก็ให้สัญญาณการปฏิรูปว่า การเมืองจะต้องไม่ใจร้อน แต่เรื่องการศึกษา ให้เน้นศีลธรรม ศีลเด่นเป็นงาน ชาญวิชา ทำงานไม่ใช่ว่า ฉลาดชี้ใช้ได้เปรียบ เล่ห์กลซับซ้อน อย่างเช่น สังคมเล่นแชร์ ปั่นหุ้น หลอกล่อ เขามีวิธีการเอาชนะ ฉลาดได้เปรียบ นักเล่นการเงิน ในระบบการเงินทั่วโลก ซับซ้อน

     วันนี้เราได้พูดถึงสังคมอาริยะ บ้าน วัด โรงเรียน ขอเน้นเรื่องการศึกษา ถ้าได้อย่างนี้ สังคมไทยไปรอด เพราะตั้งแต่ เกิดจนตาย เราก็เป็น นักศึกษา …  
 

   www.asoke.info