570428_พ่อครูและอ.กฤษฎาที่ป้อมมหากาฬ
เรื่อง การเมืองต้องถึงปรมัตถ์จึงจะสำเร็จ

       ในมหาปเทส ๔ นี้มีหลักการ ในการใช้ ในการตัดสินใจอย่างไร? ซึ่งโดยความเข้าใจของผม มหาปเทส ​คือทางออก เปรียบเหมือนมาตรา ๗ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็น มหาปเทส ๔ เป็นเครื่องมือในการแก้ไข

       พ่อครูว่า... เป็นภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้า ท่านรู้ว่าจะมีปัญหา ที่ไม่ได้บัญญัติไว้ ซึ่งก็ตรงกับมาตรา ๗ เมื่อไม่มีบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญนี้ การกล่าวไว้ ก็จะมีสิ่งที่ไม่ได้ห้าม หรืออนุญาต
       คำว่าไม่ห้ามหรืออนุญาต นั้นทำได้อยู่แล้ว ท่านตรัสไว้ ๔ ประเด็น
       มหาปเทส ๔
๑.สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร
หากสิ่งนั้น เข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร
สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย
๒. สิ่งที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร
หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร
สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย
๓. สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร
หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร
สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย
๔. สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร
หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร
สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย. (พระไตรฯ ล.๕ ข.๙๒)

       ตอนนี้ก็เหลือแต่ อำนาจของตุลาการ กับประชาชน และมีกัมมาภิวัตน์ ที่จะหมุนเวียนไป ตอนนี้ สถาบันบริหาร ก็ถูกตัดสิน และสภา ก็หมดสภาพแล้ว สองสถาบัน หลุดไปแล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัว ยังมาแสดง อำนาจบาตรใหญ่อีก สส.ก็ไม่ได้เป็น รักษาการณ์ ก็มีอำนาจแค่ถือไว้ให้ ใช้ก็ไม่ได้

       เหมือนผู้รักษาธนบัตร แต่คุณไม่มีสิทธิ์ใช้นะ คุณมีหน้าที่แค่นั้น แต่คุณมาทำไม่ได้ให้เขาคืน และก็ใช้ก็ใช้ไม่ได้ นี่คือ ประเด็นที่ไปไม่ได้ไม่ออก ปัญหาคือ คุณไปดึงธนบัตรไว้ ประชาชน มาเอาคืน เป็นเจ้าของธนบัตร เป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่คุณไม่คืนเขา ทั้งที่เขาจ้างคุณ ด้วยธนบัตร นี่แหละ

      อ.กฤษฎาว่า... ทำไมกลุ่มประชาคมสาธารณสุข จึงออกมาก่อน

       พ่อครูว่า... เป็นคนมีปัญญา และมีคุณธรรม สรุปคือ เป็นคนดี ไม่ใช่คนชั่ว มีปัญญารู้อะไรควรและเป็นคนดี จึงกล้าออกมาแสดงตัว ก็ได้มาเพิ่มเรื่อยๆ อาตมาว่า จำเป็นต้องใช้ กัมมาภิวัตน์

       ฝ่ายแดง เขาก็ถือหางอยู่ ก็เลยเหมือน มีมวลอยู่ ๒ ฝ่าย นี่เขาก็ไปหาเสียงอยู่ เขายืนยันว่า เขามากกว่า เขาว่าพวกเราโรยรา แห้งเหี่ยว ไปทุกวันๆแล้วนี่

       แล้วที่เขาว่า เราโรยรา ก็มีส่วนนะ รู้สึกไม่คึกคัก ไม่ฮึกเหิมนะ อย่างที่เวที่ คปท. ก็มีรายการของสุริยะใส ส่วนผ่านฟ้านั้น เซียวๆ ซีดๆ คนมากินใช้อยู่นี่ ตอนนี้ ติดลบไปแล้ว ๖ แสน

       อาตมาว่า โค้งสุดท้ายแล้ว กัดฟันสู้ เต็มเหนี่ยวนะนี่ “กัดเขี้ยวยุ้มก้น” ตามภาษาอีสาน ของเขาก็โถมเต็มที่ อาตมาก็ต่อให้ เผื่อไว้อีกสักเดือน กัดฟัน มากินมานอน สมบุกสมบัน รวมตัวกันสัก ๓๐ วันสุดท้าย ให้เกิดกัมมาภิวัตน์

       อาตมาว่า ฟิตอย่างนี้ตั้งแต่ ๑ พ่อครู วันดีเดย์เลย อาตมาก็จะเปิด รายการใหม่ที่นี่ ๔ โมงเย็นมาเลย ทุกวันๆไป จนกว่าจะพิชิตชัย เปิดรายการใหม่ ๔๐,๖๐,๘๐ ตั้งแต่ สี่ถึงห้าโมง จากนั้น ก็ให้ใครมาต่อรายการ ช่างกล้องช่างเทคนิค อยู่ที่ใด ลูกๆหลานๆ มาช่วยหลวงปู่หน่อย ขอเวลาสักเดือนหนึ่ง ก็คิดว่า คงไม่ถึงเดือนหรอก

       แต่เราอยู่กันนี่ ก็เป็นวันที่ ๒๖๘ ของ กปท.
เป็นวันที่ ๒๖๕ ของกองทัพธรรม
เป็นวันที่ ๒๐๐ ของคปท.
และเป็นวันที่ ๑๘๐ ของ กปปส.
เป็น Best Record แล้วนะนี่

       ก็ขอส่งข่าว อย่าให้เวทีผ่านฟ้า แห้งเหี่ยวนัก แต่ก็ช่วยเรื่องข้าว เรื่องน้ำ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ มาช่วยกันรวมพล ช่วยกันไปฟัง วันที่ ๓๐ เม.ย. นี้กำนันจะแถลง เราก็ฟังกำนัน แต่จะมา ก่อนวันที่ ๓๐ ก็ได้นะ หรือจะมาวันที่ ๓๐ ก็มาเลยก็ได้ วันที่ ๑ อาตมา จะเริ่มเปิดรายการใหม่ รับรองว่า ไม่ใบ้หวย เหมือนนายกฯนะ ขอบอกกล่าว ทุกๆคน คราวนี้ เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว โค้งสุดท้าย ที่จะเข้าเส้นชัยแล้ว

       อาตมาไม่ได้ลำเอียงนะ มันต้องอภิวัตนะไป เป็นจักรกลไหลไป มีเหตุปัจจัย รวมกันครบแล้ว เหลือแต่ว่า ต้องพิชิตกันสุดท้าย ที่อาตมาใช้คำว่า กัมมาภิวัตน์

       คนมีทั้งทำดีและทำชั่ว มีทั้งปริมาณและคุณภาพ

       ในประชาธิปไตย มีเอามวล เป็นเครื่องตัดสิน เยภุยยสิกา ใช้จำนวนมาก เป็นเครื่องตัดสิน Majority rule แต่ในนั้นก็มี Right เป็นสิ่งที่กำหนดด้วย คือไม่ผิดศีล ผิดธรรม คำว่า Right แปลว่า ทั้งถูกต้อง และสิทธิมนุษยชนด้วย

       ๑.เอาปริมาณ ๒.คุณภาพ
       คุณภาพต้องเอาดีงามวิเศษ ทั้งถูกรัฐธรรมนูญ เมตตา สุภาพเรียบร้อย เสียสละอดทน มีคุณธรรม        

       ขณะนี้มวลชน มีสองฝ่าย ฝ่ายแดงเขาก็ทำ ตอนนี้ประกาศแล้ว ที่ถนนอักษะ วันที่ ๖ พ.ค.

       ถ้าทั้งปริมาณ เขามากกว่า เราก็ยังมีทางชนะได้ คือทาง Quality ทาง Minority right อีกอย่างคือ มวลของเรา อดทน และเหนียวแน่นกว่า อึดกว่านายกฯ ที่ว่าเหนียว เราต้องเหนียวให้ได้

       ฝ่ายแดง เขาจะเลี้ยงหมู่ของเขาได้ ๕วันไหม ลองดู ของเราทำมาตั้ง ๒๖๕ วันแล้ว เอาให้พรึ่บๆๆ ให้ชัดเจนไปเลย ชนะด้วยความน้อยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเหนียวด้วยสิ ถ้าคุณไม่เหนียว ก็สู้เราไม่ได้ เรานานกว่า เสถียรกว่า ของคุณรวมแล้ว ไม่กี่วัน ก็แพ้ลงๆ

       ถ้าไม่ยอมรับ ด้วยคุณภาพคุณธรรม ก็ว่ากันไป นี่พูดละเอียดแล้วนะ นึกขึ้นมา ก็ขำๆนะ เขาบอกว่า นายกฯรักษาการ เขาขอให้อยู่ใน กฎระเบียบ ตอนนี้เราก็รอ เติมเหตุปัจจัย ให้มากพอ กำนันก็รออันนี้ ถึงเวลาก็ต้อง ประกาศยึดอำนาจ เหมือนที่ทหารไปทำ อย่างใช้อาวุธ ไปทำ เขาก็กลัว ก็ให้ทำได้ โดยเฉพาะ หัวหน้าหน่วย ปลัดกระทรวง อธิบดี ก็ยอมรับ อำนาจใหม่

       ตอนนี้กรมกองต่างๆ ก็ออกมาแสดงมากแล้ว ครั้งนี้ เราต้องทำให้ได้ เป็น Best record ดีเยี่ยม ให้ได้ที่สุดเลย เป็นยอดสถิติเลย มาช่วยกัน ทำลายสถิติโลก กันเถอะ ข้าราชการ ก็แต่งตัว เต็มยศมาเลย นอกเวลาราชการ ก็มาเลย

       อาตมาว่า คงไม่น่าจะเกิน ๓๐ วัน น่าจะภายใน ๑๐ หรือ ๒๐ วันนี่นะ สมเด็จปู่นี่ชื่อว่า วิชิตอวิชชา จีวรลุ่ยเลย ถูกลมสลาตันพัด นี่คือ ภาพศิลปะอันหนึ่ง คือสิ่งที่เป็นวิกฤติ มาปะทะ อย่างแรงเลย ท่านก็สู้ด้วยธรรมะ จนตำรวจเขาว่า เขาเห็นแสง ออกมาเลย

       เป็นสัจธรรมไม่ได้เดา มีหลักฐานว่า เขาเห็นจริง ด้วยอุปาทาน จิตเขาเชื่อเช่นนั้น ศาสนา เทวนิยม จะเชื่อพระเจ้า ว่ามีฤทธิ์จริง ฉันเดียวกันกับ สมเด็จปู่ ก็มีแสงจริง ฤทธิ์จริง แต่เขาเห็นด้วยอุปาทาน

       ยกตัวอย่าง ความสุขนี่เป็นอัลลิกะ เคยสุขไหม ถ้าเขาบอกว่า ไม่เคยสุข นี่ก็โกหกแล้ว

       สุขเพราะกามรส นี่สมอยากสมใคร่กิเลส ทุกคนก็เคยได้รับมา ทั้งนั้น เช่น มะม่วงนี่ คุณเห็นก็นึกชอบ แล้วเมื่อได้เสพได้กิน ก็รู้สึกสุข ตามอุปาทาน แต่จริงๆรสสุข มันไม่มีหรอก เหมือนกับแสง ที่เขาเห็น ที่จริงแสงนั้น ไม่มีหรอก แต่เขามีอุปาทาน เลยเห็น

       ยกตัวอย่างพวกเรา แต่ก่อนกินเหล้า ดูดยา ได้แต่งตัว แต่งหน้า ได้กิน ได้รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส มันสุข แต่ตอนนี้ เรามาล้างแล้ว พอสัมผัสก็เฉยๆ เขายั่วยวนมาก็เฉย มีบ้างไหม นั่นแหละ มันหยุดได้ ๒ นัย
       ๑.กดข่ม หรือวิขัมภนปหาน ๒.แบบวิปัสสนาวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ อย่างถาวรกว่า

       ต้องอ่านรู้ มโนปวิจาร ๑๘ ที่รู้เนกขัมมสิต และเคหสิตะ แล้วเผามันด้วย พลังปัญญา

      อ.กฤษฎาว่า...ขณะจิตนั้น เป็นปัจจุบันขณะ แวบเดียว เราต้องปฏิบัติตรงนั้น ใช่ไหม เช่นการเห็นจอกน้ำ นั้นหมายความว่า อายตนะส่วนการเห็น ทำงาน แล้วพอเห็นน้ำด้วย แต่ความรู้สึก กระหายน้ำ มันเกิดตามมา มันอยากด้วย

       พ่อครูว่า...ความต้องการของร่างกาย มันเกิดได้ตามควร แต่ว่า ถ้าเห็นน้ำนี่ใส สีฟ้า น่าดูนะ น่าดื่มนะ คุณปรุงแต่ง ยิ่งตรงอุปาทาน ยิ่งตรงได้อิฏฐารมย์ แต่ว่าถ้าได้รับรส แต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์ ชอบชังนี่สิ ก็รับรู้ความจริง ตามความเป็นจริง แต่ความปรุงแต่งสิ ต้องล้างออก

      อ.กฤษฎาว่า..ถ้าเห็นแล้ว เราก็ว่าน่ากิน นี่คือ อุปาทานทำงานเลย

       พ่อครูว่า...เราได้สัมผัส ได้ดื่ม ก็เอามาเป็นประโยชน์ ไม่ได้ปรุงแต่ง ไปตามสเปคต่างๆ ก็แค่รับรู้ว่า น้ำนี่ก็มีรสอย่างนี้ กลิ่นอย่างนี้ ไม่ได้มีรสโลกีย์

       อ.กฤษฎาว่า... ถ้าฟังอย่างนี้ เหมือนง่ายๆนะ เราก็ต้องกินอาหาร ดื่มน้ำ ตามปกติ แต่เรามักปรุงแต่ง เป็นตัวที่ยากมาก เช่นเริ่มจาก การมองเห็น มองเห็นแล้วเกิด ปรุงแต่งชอบ ก็หยิบมาดื่ม แล้วได้รสตามนั้น

       พ่อครูว่า... ถ้าได้ตามสเปค ตามที่ยึดฉวย อุปาทานไว้ ว่ารูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสอย่างนี้ ตรงตามสเปค หรือ อุปาทาน นี่แหละ แต่ถ้าหมด อุปาทานแล้ว ก็จะรู้ว่า สุขทุกข์ มันไม่มีจริง

      อ.กฤษฎาว่า.. ได้ความใช่นี่ก็อยู่ แล้วแต่อุปาทานของใคร

    พ่อครูว่า. .เมื่อไม่มีรสอร่อย อย่างโลกีย์ แล้วก็ไม่ทุกข์ไม่สุข นี่คือ รสนิพพาน ไม่มีอารมณ์ของ เคหสิตเวทนา

       อ.กฤษฎาว่า.. ปัญญามันเห็นเลย

       พ่อครูว่า.. ญาณทัสสนะวิเศษ มันเกิดเลย เป็นมุทุภูเต กัมมนิเย ฐิเต อาเนญชัปปัตเต เราต้องฝึก ให้จิต เกิดจริง เป็นจริงเลย ถ้าได้แต่บังคับ ก็ได้แต่ วิกขัมภนะ แต่ถ้าได้ใช้ วิปัสสนาญาณ​ ๑๖ เห็นโทษภัย เสียหาย มันไม่เป็นคุณเลย เป็นโทษ ปัญญาคุณจะฉลาดขึ้น แต่ก่อนว่า ได้สัมผัส อย่างนี้ เป็นสุข เราก็เลิก มันเป็นวิบาก เป็นนิพพิทาญาณ ทำตาม ปหาน ๕ คือ ทำจนเป็น นิสสรณปหาน และมีญาณที่จะอนุโลมได้ เพราะมีความมั่นคง แข็งแรง ของจิตใจพอ

       พ่อครูว่า.. แต่ก่อนนี้ อาตมาตอนเป็นฆราวาส เหมือนลิงลม อมข้าวพอง หลงทำไป ตามโลกเขา อย่างที่พระพุทธเจ้า ตอนเป็นเด็กเป็นหนุ่ม ก็ถูกพระราชบิดา มอมเมา ไม่ให้เห็น คนเจ็บ คนแก่ คนตายเลย ... จนกระทั่ง ไปกับนายฉันนะ ได้เห็น เทวฑูตทั้ง ๔     

   www.asoke.info