"กระบี่มื้อเดียว" กองทัพธรรม และ ผู้รักชาติ ในภารกิจปกป้อง แผ่นดินแม่ สิบโมงเช้า วันเข้าพรรษา (๒๗ ก.ค.'๕๓) กองทัพธรรม สันติอโศก เคลื่อนพลไปรวมตัวกับ กลุ่มคนไทย หัวใจรักชาติ ตามที่ได้นัดหมายกันไว้ ณ ด้านหน้าสำนักงานองค์การยูเนสโก ประจำ ประเทศไทย ถ.สุขุมวิท เพื่อคัดค้านการขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก ภาพคนไทยหลายพันคน ชุมนุมกันบนถนนสุขุมวิท สร้างความประหลาดใจ ให้กับผู้สัญจรผ่านไปมา ในละแวกนั้น For Mankind TV หรือ FMTV ของ สันติอโศก ได้ทำการถ่ายทอดสดผ่านระบบ ๓ จี การชุมนุมครั้งนี้ ตั้งแต่วินาทีแรก ที่กองทัพธรรม เคลื่อนพลมาถึง สำนักงานองค์การยูเนสโก ที่ตั้งอยู่ใกล้ท้องฟ้าจำลอง ช่วงระหว่าง ถ.สุขุมวิท ซ.๔๒-๔๔ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ปรากฏตัวร่วมกับ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ, ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, สมบูรณ์ ทองบุราณ, การุณ ใสงาม และ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ ได้เป็นผู้ที่นัดหมายการชุมนุม ผ่านทีวีดาวเทียม ช่อง FMTV และ ช่อง ๑๓ สยามไท สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ได้ทำในนามของแกนนำพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะพันธมิตรฯ ประชุมไม่ทัน เนื่องจากทราบ "ข่าวด่วน" จากประเทศบราซิล ว่าการประชุมคณะกรรมการ มรดกโลก มีวาระจากประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับแผนบริหารพื้นที่ รอบปราสาท พระวิหารเท่านั้น ทำให้ไม่มั่นใจว่า การดำเนินการคัดค้าน แผนบริหารพื้นที่ ในการขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร ของกัมพูชา ที่รัฐบาลไทยคัดค้าน จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ จึงต้องออกมาชุมนุมแสดงพลังรักชาติ และส่งเสียงไปถึง คณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งกำลังจะรับรองการขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก ของกัมพูชา แต่เพียงฝ่ายเดียว จากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ยื่นหนังสือต่อ ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ผ่าน เอ็ดการ์ด ชารัค หัวหน้าฝ่ายบริหาร องค์การยูเนสโก ภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จะขอคัดค้านให้ถึงที่สุด และไม่เห็นด้วยที่ประเทศกัมพูชา ใช้แผนที่อัตราส่วน ๑ ต่อ ๒ แสน ของประเทศฝรั่งเศส ในการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก เนื่องจากไทย ไม่เคยรับรอง อีกทั้งแผนที่ดังกล่าว ไม่เคยผ่านกระบวนการพิจารณา ตามกฎหมายของไทย เพราะหากกัมพูชา ขอขึ้นทะเบียนสำเร็จ จะทำให้ประเทศไทย เสียดินแดน เพิ่มขึ้นอีกกว่า ๑ ล้าน ๘ แสนไร่ กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ปักหลักรอฟังคำตอบจากยูเนสโก ที่กำลังจัดการประชุมในประเทศบราซิล จนถึงช่วงเย็น พล.ต.จำลอง จึงประกาศยุติการชุมนุม เพราะทราบว่าหนังสือคัดค้าน ได้ส่งถึงที่ประชุม คณะกรรมการมรดกโลก ที่บราซิลแล้ว ย้อนไปก่อนจะถึงวันดีเดย์ เคลื่อนพลเพียง ๑ วัน ไชยวัฒน์, สมบูรณ์ และการุณ ได้ไปร่วมอภิปราย เรื่องการคัดค้าน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก ภายในสำนักสันติอโศก และประกาศถึง แนวทางการเคลื่อนไหว แสดงพลังรักชาติอย่าง "ฉุกเฉินที่สุด" คำประกาศนัดหมายการชุมนุม ถูกส่งผ่านทีวีดาวเทียมช่อง FMTV และช่อง ๑๓ สยามไท ซึ่งกิจกรรมรวมพล คนรักชาติหนนี้ "พ่อท่าน" หรือ สมณะโพธิรักษ์ เห็นชอบด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน พล.ต.จำลอง ได้เข้าสายในรายการ เคาะข่าวริมโขง ช่องอีสานทีวี (เครือข่าย ASTV) เพื่อฝากข่าว ไปยัง คนไทยทุกคน ให้ไปร่วมกิจกรรม ที่หน้าสำนักงานยูเนสโก หากประมวลภาพ ก่อนการชุมนุมในวันเข้าพรรษา จึงเข้าใจได้ว่า เหตุใด พล.ต.จำลอง ต้องออกมานำทัพ แบบปัจจุบันทันด่วน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "กองทัพธรรม" เข้าร่วมการประท้วงการขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก และคัดค้าน การปักปันเขตแดน ของกัมพูชา ที่รุกล้ำอธิปไตยของชาติไทย ๗-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ วีระ สมความคิด ในนามเครือข่าย ประชาชนผู้รักสันติ ได้ไปรวมตัวกันที่ พุทธสถานศีรษะอโศก เนื่องจากทราบข่าวว่า นายกฯ ฮุน เซน จะเดินทางมาบริเวณ พื้นที่ทับซ้อน ๔.๖ ตารางกิโลเมตร ที่ปราสาทพระวิหาร จึงรวมตัวกันไปประท้วง ต่อมา "วีระ" ทราบว่า ฮุน เซน ไม่ได้มาเยือนในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว แต่จะเดินทางไปที่ ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ กลุ่มผู้รักชาติ จึงเดินทางไปยังปราสาท ตาเมือนธมทันที กลุ่มผู้รักชาติ ได้ปักหลักพักค้างอยู่ที่ ปราสาทตาเมือนโต๊ด ใกล้ๆตาเมือนธม เพื่อรอประท้วงฮุน เซน จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ก็พากันถอนกำลังกลับ เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่า ฮุน เซน ไม่เดินทางขึ้นมา ยังตัวปราสาทตาเมือนธม ก่อนกลุ่มผู้รักชาติจะยกขบวนกลับ "วีระ" ได้พบเสาหลักเขต ที่ทางกัมพูชานำมาปักไว้ บริเวณตาเมือนโต๊ด ซึ่งข้ามเขต มาอยู่ในเขตไทยถึง ๒ กม. ซึ่งพวกเขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมถึงให้กัมพูชา มาปักหลักเขตในไทยได้ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๓ วีระ สมความคิด กับผู้รักชาติประมาณ ๑๐๐ คน ได้เดินทางไปที่สันเขื่อน ห้วยเมฆา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้ทำการถอนหมุดหลักจีพีเอส ออกจากพื้นที่ แล้วนำไปเก็บไว้ที่เมฆาอโศก ซึ่งในเวลาต่อมา ทางกองทัพภาคที่ ๒ ได้เข้าแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดี ทางกฎหมายแล้ว ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ การุณ ใสงาม พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และทีมงาน ทีวีดาวเทียม ช่อง ๑๓ สยามไท ได้ร่วมเดินทางกันไปพิสูจน์ พื้นที่ดินแดนไทย ที่มีหมุดพิกัดจีพีเอส บริเวณสันเขื่อนห้วยเมฆา ซึ่งเดิม เขียนกำกับหมุดไว้ว่า "ชายแดนไทย-กัมพูชา" แต่ตอนหลังกลายเป็น หมุดขยายโครงข่าย สร้างความระแวงสงสัย ให้แก่ประชาชนไทย พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ ๒ ได้ออกมาชี้แจงว่า หมุดหลักดังกล่าว เป็นหมุดหลักโครงข่าย จีพีเอส ที่ทางคณะกรรมการ ปักปันเขตแดน กรมแผนที่ทหาร ได้ทำการปักขึ้น ซึ่งก็จะมีทั้ง ในฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายไทยจะมีอยู่ ๒ แห่ง คือที่ จ.สระแก้ว ส่วนฝ่ายกัมพูชาก็จะอยู่ที่ จ.ปันเตียเมียนเจย และอีกแห่งของไทย อยู่ที่สันเขื่อนเมฆา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่วนฝ่ายกัมพูชาจะอยู่ที่ จ.บ้านนำปึน ซึ่งหมุดหลักจีพีเอส ทั้ง ๔ จุด คือในฝ่ายไทย ๒ จุด และฝ่ายกัมพูชา ๒ จุด เป็นหมุดหลักจีพีเอส ที่ใช้สำหรับการขยายงานโครงข่าย งานแผนที่ ของทั้งสองประเทศ เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่ง ในการพิจารณา เชื่อมโยงไปยังแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังมีปัญหาพิพาทกันอยู่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓ วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่าย ประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้เดินทางเข้ามอบตัว กับตำรวจภูธรบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามหมายเรียก ของพนักงานสอบสวน หลังกรมแผนที่ทหาร ได้เข้าแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับวีระ ในข้อหา "ทำให้เสียทรัพย์" "วีระ" กล่าวว่า ตนพร้อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เพราะไม่มีจุดประสงค์ ที่จะทำลายทรัพย์สิน ของทางราชการ ตามที่ถูกกล่าวหา แต่ตนกระทำไป ก็เพื่อต้องการจะปกป้อง ผืนแผ่นดินไทย ไม่ให้เสียดินแดน ให้กับกัมพูชา แต่กลับถูกจับดำเนินคดี ด้านภาคประชาชน ยังสับสนใน"หลักหมุดปริศนา" ดั่งคำบอกเล่าของ สิงห์ สุวรรณภร สาครไพรสนณ์ เลขาธิการ เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ ว่าราวเดือนสิงหาคม ๒๕๕๒ มีชาวบ้านพบหมุดปริศนา บริเวณสันเขื่อน ห้วยเมฆา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ห่างจากแนวเขตเดิม ๑๒.๕ กิโลเมตร ชาวบ้านรู้สึกแปลกใจอย่างมาก เพราะหมุดดังกล่าว ระบุว่า เป็นแนวเขตแบ่งดินแดนไทย และกัมพูชา ชาวบ้านพยายามตรวจสอบว่า มีหมุดลักษณะนี้ที่ไหนอีกหรือไม่ ก็พบหมุดลักษณะดังกล่าว อีกหลายจุด เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ พยายามตรวจสอบว่า หมุดเหล่านี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร โดยตรวจสอบกับชาวบ้าน เมื่อปี ๒๕๕๐ มีเจ้าหน้าที่กรมแผนที่ทหาร เป็นผู้เอาหมุดดังกล่าวมาฝังไว้ ชาวบ้านสอบถาม ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นภารกิจลับ ของทางการทหาร จึงไม่ได้สนใจอะไร ต่อมามีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยปี ๒๕๕๒ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เริ่มผลักดันชาวบ้าน ไม่ให้เข้าไปหลังแนวหมุด เครือข่ายฯ พยายามค้นหาความผิดปกติที่เกิดขึ้น ก็ทราบว่า หมุดทั้งหมดที่โผล่มา มีความเกี่ยวพันกับข้อสัญญา เอ็มโอยูปี ๒๕๔๓ ทั้งไทยกับกัมพูชา มีข้อสัญญา ใช้ชายแดนร่วมกัน แต่ทั้งสองประเทศ ถือแผนที่กันคนละฉบับ ถ้าใช้แผนที่ของกัมพูชาในสัญญา พื้นที่หลังแนว สันปันน้ำของไทย จะตกเป็นของกัมพูชา ฉะนั้น ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ วีระ สมความคิด ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ จะได้นัดหมายกันที่ พุทธสถานศีรษะอโศก อีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ความจริง ในเรื่องการสูญเสียดินแดนไทย ให้กัมพูชา (คอลัมน์ เรื่องจากปก จาก น.ส.พ.เนชั่น-สุดสัปดาห์ ปีที่ ๑๙ ฉบับ ๙๔๘ - ๓๐ ก.ค.'๕๓) (สารอโศก เดือน มีค-พฤษภา๕๓ อันดับ ๓๑๗ หน้า ๒๘-๓๐) |