บันทึกเหตุการณ์ประชาชนคนไทย หัวใจรักชาติ ด่วนที่สุด...สำคัญที่สุด !!! คราวนี้เราต้องการมวลประชาชน คนไทยที่หัวใจรักชาติ ไปรวมพลังกัน ให้มากที่สุด เพื่อแสดงอธิปไตย ครั้งสำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ไว้อย่างสันติ อหิงสา... โปรดออกไปแสดงพลังให้มากที่สุด ไม่มีวันและเวลาอื่นอีกแล้ว วิกฤติที่สุดแล้ว !!!... ใครคิดว่า ตนเป็นคนไทย รักชาติ ถ้าคุณไม่ออกไป ประชาไทยเสียดินแดน แน่ยิ่งกว่าแน่ !! ด่วนที่สุด ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว ๒๖ ก.ค. ๒๕๕๓ FMTV ประกาศเลื่อน วันไปยื่นหนังสือประท้วง เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยจากเขมร ที่หน้ายูเนสโก (องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization หรือ UNESCO) จากวันที่ ๒๘ เป็นวันที่ ๒๗ ฉันจึงวางงาน ที่อยู่ตรงหน้าไว้ก่อน งานของชาติสำคัญกว่า รีบขึ้นรถไปยัง สันติอโศกทันที หากพวกเราไม่ออกมาร่วมกัน ชุมนุมคัดค้าน โอกาสที่ไทยจะสูญเสียดินแดน ให้แก่เขมรนั้น แน่ยิ่งกว่าแน่ พี่น้องมากันมากมาย ทั่วประเทศ จากเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน เสียงทักทายเจริญธรรม ดังขึ้น ไม่ขาดสาย แม้จะมีท่าทีอิดโรย จากการเดินทาง แต่แววตายังดูแจ่มใส และมุ่งมั่น หากวันนี้ ฉันไม่มา คิดแต่เรื่องตัวเอง อยู่ในภพของตัวเอง ฉันคงยกโทษให้ตัวเองได้ยาก ๒๗ ก.ค. ๗ โมงเศษๆ ฉันขึ้นรถ ๖ ล้อที่ออกเป็นคันแรก เสียงทักทายเจริญธรรมๆๆ ดังขึ้น ด้วยใบหน้า ยิ้มแย้มแจ่มใส ของพี่น้องบนรถ ทักทายฉัน พี่น้องอโศกเยอะจริงๆ รถวิ่งออกไปได้สักพัก เสียงสนทนาก็เริ่มขึ้น "ผมขับรถออกจากโคราชตี ๒ มาถึง ตี ๕ กว่าๆ ถ้าฝนไม่ตก คงถึงเร็วกว่านี้" ฉันฟังแล้วอดทึ่งไม่ได้ แสดงว่าโชเฟอร์ ยังไม่ได้หลับเลยนะเนี่ย แล้วเสียงนั้นก็พูดต่อว่า "รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ไหว ไม่ทำอะไรเลย จะไปหวังพึ่งรัฐบาลคงไม่ได้แล้ว ถ้าวันนี้พวกเรา ไม่ออกมารวมกัน ผมว่า เราเสียดินแดนแน่" เขาหยุดไปนิดนึง แล้วพูดต่อ "ไม่มีสื่อช่องไหน เสนอเรื่อง เสียดินแดนเลย มีแต่ FMTV กับช่อง ๑๓ เท่านั้น" "ใช่" อีกคนพูดขึ้นบ้าง "นี่หากผมไม่ดู FMTV และช่อง ๑๓ ก็ไม่รู้นะว่า ตอนนี้เราเสียหมู่บ้าน ให้เขมรไป หลายหมู่บ้านแล้ว ชื่อหมู่บ้าน ถูกลบออกจากแผนที่ ประเทศไทยแล้ว FMTV ทันเหตุการณ์จริงๆ ปลอมตัว เข้าไปเป็นชาวบ้านเก็บเห็ด จึงได้ข้อมูลจริง ว่าทหารกันคนไทย ไม่ให้เข้าไป อ้างว่าอันตราย มีกับระเบิด แล้วแอบตัดไม้กัน ก่อนที่จะยกแผ่นดินให้เขมร ลำพังแค่เขาพระวิหารนั้น ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผลประโยชน์ ที่อ่าวไทยนี่ซิ มหาศาล ทั้งก๊าซ ทั้งน้ำมัน แล้วเมื่อไหร่ เราจะได้นักการเมือง ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ ของประเทศชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวบ้าง...เฮ้อ! นี่ถ้า FMTV ไม่เอาข้อมูล มาเปิดเผย เราก็จะไม่รู้ความจริง" "ถ้านักการเมืองมีคุณธรรม พวกเราคงไม่ต้องออกมาอย่างนี้ เมืองไทยจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้ นี่ย่ำเท้าอยู่กับที่ กี่ปีแล้ว" "แต่ผมว่าถอยหลังมากกว่า" อีกคนเสริม "ความไม่เอาไหน ไร้คุณธรรมของนักการเมือง และข้าราชการไทยบางคน ก็เป็นประโยชน์เหมือนกันนะ" อีกคนพูดบ้าง "เป็นประโยชน์ยังไง" ญาติธรรมอีกคน ถามขึ้นบ้าง "ก็ทำให้พวกเราได้มาเสียสละไง ลำพังพวกเราอยู่ตัวกันแล้ว ถือศีล กินมังฯ พออยู่พอกิน มีอาหารไร้สารพิษกิน อุดมสมบูรณ์ มีความสุข เขมรจะเอาดินแดนไปเท่าไหร่ ก็ไม่กระทบถึงพวกเราหรอก แต่เพราะคิดถึงคนอื่น ที่ถูกเขมรข่มเหง เอาแผ่นดินไปนี่ซิ เราต้องไปช่วย แล้วลูกหลานในภายหน้าอีกล่ะ หากไม่ออกไปช่วย ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปพบ บรรพชนของเรา ได้ยังไง" แหม พี่แกพูด เข้าท่าแฮะ เหมือนหนังจีนเลย ฟังๆไป พวกเขาเหล่านี้ เป็นนักการเมือง ตัวจริงนะเนี่ย อีกคนพูดต่อบ้าง "พวกเราโชคดีนะ ที่ได้มาปฏิบัติธรรม รู้ผิดชอบ-ชั่วดี บาป-บุญ คุณ-โทษ รู้จักเสียสละเพื่อคนอื่น ไม่อย่างนั้น ก็คงทำบาปอีกไม่รู้เท่าไหร่ โชคดีจริงๆ แล้วนี่พี่เตรียมมาค้างหรือเปล่า" เขาหันไปถามบ้าง "เตรียมแล้ว ถ้าค้างก็ค้าง ไม่มีปัญหา เสร็จภารกิจเมื่อไหร่ค่อยกลับ งานเราเอาไว้ทีหลัง ชาติต้องมาก่อน" เขาตอบอย่างสบายๆ เหมือนเรื่อง การพักค้างข้างถนน กับการนอนที่บ้านไม่ต่างกัน นับถือพี่เขาจริงๆ การได้ฝึกหัด ปฏิบัติ เรื่องกินอยู่หลับนอน ของเขา จึงกลายเป็นเรื่องง่ายๆ นี่ไงมนุษย์วรรณะ ๙ การสนทนาเหมือนจะจบลง หลายคนในรถ เริ่มคอพับคออ่อน ก็แหงล่ะ ส่วนมากเดินทางกันมา เมื่อคืน แบตหมดกันแล้ว นอนชาร์ตแบตเอาแรงเถอะ ในรถมีทั้งผู้อายุยาว ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา ญาติธรรม นักเรียนสัมมาสิกขา ซึ่งตอนนี้ กำลังหลับอยู่ บนตักของเพื่อน บางคนนั่งสัปหงก บางคนหลับพิงคนข้างๆ คนข้างๆ ก็หลับ พิงคนหลับเหมือนกัน ฉันได้แต่มอง และซาบซึ้ง ในหัวใจรักชาติ ของพวกเขา ภารกิจครั้งนี้ พวกเขาอดตาหลับ ขับตานอน ไปเพื่ออะไร แล้วได้อะไร "เพื่อไม่เอาไง มาให้ นี่ไงคนบุญนิยม มนุษย์พันธุ์ใหม่ ที่พ่อท่านสร้างขึ้นมา เป็นนักการเมืองตัวจริง เลยแหละ" ฉันถามเอง ตอบเอง ถูกผิดฉันรับผิดชอบ แต่เพียงผู้เดียว ๘ โมงกว่าๆ ๖ ล้อคันแรก ก็ถึงลานจอดรถวัดธาตุทอง มีรถรออยู่แล้ว ๔-๕ คัน มีลูกๆหลานๆ ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา และนศ.ม.อุบลฯ ดูแลเรื่องการจัดขบวน สักพักรถบัสจากที่ต่างๆ ก็วิ่งเข้ามา พร้อมเสียงปรบมือต้อนรับ จากผู้ที่มาถึงก่อน ฉันดีใจที่มากันเยอะ พวกเรามาช่วยกันจริงๆ ผู้ดูแลลานจอดรถเดินผ่านมา ญาติธรรมชายยกมือไหว้ พร้อมพูดว่า "ขอรบกวนด้วยนะครับ ขอจอดรถด้วย" "เอาเลยครับ วันนี้ลานจอดรถว่าง เป็นวันหยุด ปกติที่จอดเต็มนะครับ วันนี้ตามสบายครับ" ชายผู้ดูแล ตอบด้วยความยิ้มแย้ม แล้วจากไป ๙ นาฬิกาเศษ ลุงจำลอง และลุงปรีชา เดินนำหน้าขบวน ขบวนการต่อสู้ด้วยสันติ อหิงสา ก็เริ่มขึ้น เคลื่อนขบวนด้วยความสงบ การ์ดอาสา ทำหน้าที่เป็นเชือกมนุษย์ คอยกั้นรถ ขบวนข้ามถนน สุขุมวิทขาเข้า ไปยังถนนสุขุมวิทขาออก มีพี่น้องที่รออยู่บนทางเท้า เข้าร่วมขบวน เป็นระยะๆ ขบวนยาวขึ้น มีพลังมากขึ้น ไม่นานก็ถึงหน้า องค์การยูเนสโก สมทบกับพี่น้อง ที่รออยู่ก่อนแล้ว มากพอควร แล้วนั่งรอหน้าประตูยูเนสโก ลุงจำลอง แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า จะมายื่นหนังสือ คัดค้านฯ ไม่นาน สื่อแต่ละช่อง นักข่าวแต่ละสำนักพิมพ์ ก็แน่นพรึบ ลุงจำลองขึ้นพูดบนรถเวที บอกเป้าหมายที่มาครั้งนี้ เพื่อคัดค้านการยื่นหนังสือ แผนการบริหารจัดการ พื้นที่ปราสาท พระวิหาร ฉันเดินสำรวจรอบๆพื้นที่ ตั้งแต่หน้าโรงเรียนปทุมคงคา จนเลยหน้า ยูเนสโก มีพวกเรานั่งกันเกือบเต็ม เสียงเพลงและเสียงหัวเราะ สลับกันไป ตามจังหวะเพลง และลีลาของผู้ปราศัย ไม่ว่าจะเป็นพี่ปอง -อัญชะลี พี่ตั้ว อาจารย์ปานเทพ ลุงเทิดภูมิ คุณการุณ คุณไชยวัฒน์ และ อีกหลายท่าน รวมทั้งศิลปินเพื่อชีวิต หลากหลาย ค่ายตัวเอง บรรยากาศดี ฟ้าฝนเป็นใจ ไร้ฝนและแดดไม่ร้อน กองทัพเดินด้วยท้อง พี่น้องเริ่มเอากล้วยน้ำว้า ข้าวไข่เจียว อาหารมังสวิรัติ อาหารมังสะ และน้ำดื่ม มาแจกกัน บางคนก็พัก หลับเอาแรง บางคนก็กินข้าว แบ่งอาหารกันกิน กินง่ายกันจริงๆ พี่น้อง พร้อมกับภาพการมาคัดค้าน ได้ถ่ายทอดไปยังทีวี เกือบทุกช่อง ว่าขณะนี้ พี่น้องคนไทยกลุ่มหนึ่ง ได้ออกมาทำหน้าที่ ของคนไทย ที่จะรักษา และปกป้องผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ โดยมี FMTV ASTV และ ๑๓ สยามไทย ถ่ายทอดสด ตลอดการชุมนุม ไล่เลี่ยกัน ร้านแบกะดินก็ผุดขึ้น ขายเสื้อ พัด กาแฟ ผ้าโพกหัว แผ่นปูนั่ง ซีดีเพลง ดนตรีเปิดหมวก ฯลฯ เกิดการ กระจายรายได้ทันที ไม่นานคนเดินถือถุงดำ พร้อมคำถามและรอยยิ้มว่า "มีขยะทิ้งมั้ยคะ" ก็ปรากฏขึ้น นี่ไง วัฒนธรรม การชุมนุมของผู้เจริญ ชุมนุมที่ไหน สะอาดที่นั่น ลุงจำลองแจ้งว่า หลังจากยื่นหนังสือให้กับ ผู้อำนวยการใหญ่ยู เนสโก ผ่าน เอ็ดการ์ด ชารัค แล้ว เขาก็ชมว่า คนไทยน่ารัก และบอกว่า การมาคัดค้าน ของพวกเราในครั้งนี้ มีผลต่อการประชุม ที่ประเทศบราซิล และ ให้เรารอฟังผลว่า หนังสือที่เรายื่น ในวันนี้ ได้ไปถึงที่ประชุม คณะกรรมการยูเนสโก ที่บราซิลแล้ว ซึ่งเขาจะมาแจ้ง อีกครั้งหนึ่ง คุณลุงขึ้นเวทีครั้งสุดท้ายบอกว่า หนังสือที่คัดค้าน ได้ไปถึงที่ประชุมคณะกรรมการ ที่บราซิลแล้ว การชุมนุม ครั้งนี้ ท่านนายกฯได้เชิญตัวแทน ๔ คน เข้าพบที่บ้านพิษณุโลก เพื่อพูดคุยกันในเรื่อง การคัดค้านครั้งนี้ เป้าหมาย ที่พวกเรามาในวันนี้ ได้สำเร็จลงแล้ว หากมีอะไร ก็จะนัดรวมตัวกันอีก ๗ ชั่วโมงครึ่งหน้ายูเนสโก ที่พวกเราใช้เวลาต่อสู้ร่วมกัน ก็จบลงด้วยเสียงปรบมือ รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ วันนี้พวกเรา ได้มาทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ ร่วมปกป้องผืนแผ่นดินไทย ที่บรรพบุรุษของเรา เอาเลือดเนื้อชีวิตเข้าแลก หากต้องตกไปเป็นของชาติอื่น เพียงเพื่อผลประโยชน์ ของคนไม่กี่คน ฉันจะตอบคำถามลูกหลาน ในภายหน้าว่าอย่างไร หากฉันไม่ได้ออกมา ร่วมคัดค้านในครั้งนี้ เสียงเพลงปลุกใจดังขึ้น ในหัวใจฉัน "....บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้าน ป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย...." การคัดค้านครั้งนี้ สำเร็จลงในเบื้องต้น คณะกรรมการมรดกโลก ได้เลื่อนการพิจารณา แผนการบริหาร จัดการพื้นที่ ปราสาทพระวิหาร ของกัมพูชาออกไป ๒ ชั่วโมง (วันที่ ๒๗) และ เลื่อนอีก ๑ วัน (วันที่ ๒๘) ในวันต่อมา แต่ภาพการออกมาร่วมคัดค้าน ของพี่น้องประชาชนไทย ได้เผยแพร่ไป ทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ ประเทศบราซิล ต่างได้รับรู้ร่วมกันว่า สิ่งที่กัมพูชา เสนอในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกนั้น ประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วย แม้ผลการเลื่อน ที่ออกมาจะไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ยังดีกว่า ไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย อย่างน้อย ฉันก็ได้ออกมา ปกป้องประเทศไทยด้วย หัวใจและสามัญสำนึก ของความเป็นคนไทย ๒๙ ก.ค. พวกเราบางคนเห็นว่า จะใจเย็นรอฟังผลอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว หลังจากปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ ตอนเที่ยง จึงมี อาสาสมัคร ๔ คน เดินทางไปที่หน้ายูเนสโก เพื่อรอฟังผล ปรากฏว่า นายเอ๊ดการ์ ได้เข้ามาซักถาม สาเหตุ ของการกลับมาอีกครั้ง ต่อจากนั้น มีนักข่าวต่างประเทศ มาสัมภาษณ์ ผู้กล้าทั้ง ๔ แล้วพี่น้องคนไทย หัวใจรักชาติ ก็บอกต่อๆกันไป ไม่นาน คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำตัวแทนเครือข่าย ประชาชนไทย หัวใจรักชาติ อดีต ส.ว.การุณ ใสงาม อดีต ส.ว.สมบูรณ์ ทองบุราณ และพี่น้องคนไทย หัวใจรักชาติ ก็ทยอยมารวมกัน หน้ายูเนสโก ช่วยกันพูด สลับกับ ร้องเพลงปลุกใจ ผ่านโทรโข่ง โบกธงชาติ ชูป้ายคัดค้าน อยู่บริเวณทางเท้านั่นแหละ ฉันเห็นแล้ว ก็ประทับใจ ในน้ำใจ ของแต่ละคน พี่น้องจากพลังบุญ บอกฉันว่า "ปกติปิด ๖ โมง วันนี้บอกลูกค้า ขอปิด ๓ โมง เคลียร์งานเสร็จ แล้วรีบมาเลย" ประมาณ ๒ ทุ่ม คุณเอ็ดการ์ด ได้ออกมาพบคุณไชยวัฒน์ และบอกว่า ได้แจ้งไปยัง คณะกรรมการมรดกโลก ที่กรุงบราซีเลียแล้ว ว่าวันนี้ได้มีคนกลุ่มเดิม ที่มาเมื่อวานนี้ (๒๗ ก.ค.) ประมาณ ๕๐๐ คนได้มาคัดค้านอีกครั้ง ด้วยความสงบ สันติ และจะพักค้าง เพื่อรอฟังผลจากยูเนสโก ซึ่งจะทราบผล ในเวลา ๓ ทุ่มครึ่งคืนนี้ นายเอ็ดการ์ดได้แจกเอกสาร ของนางไอรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ซึ่งกำลังประชุม กันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนางได้เรียกร้อง ให้มีการหารือร่วมกัน เรื่องการคุ้มครอง ปราสาทพระวิหาร ให้คณะกรรมการ มรดกโลก คำนึงถึงการคุ้มครอง และส่งเสริมมรดกโลก ด้วยความเคารพ ปราศจากอคติ ที่มีต่ออำนาจอธิปไตย ของประเทศ สมาชิก หรือต่อการอ้างสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของอาณาเขต โดยคำนึงถึง การสร้างสันติภาพ ความเคารพ และความสามัคคี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของภารกิจของ องค์การยูเนสโก แล้วที่ทหารกัมพูชา ถือปืนเต็มไปหมด ที่ปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ผามออีแดง แม้แต่ทหารไทย ก็ไม่สามารถ เข้าไปได้ จะเข้าไปก็ต้อง ขออนุญาตทหารกัมพูชาก่อน การที่คนไทย ที่ทำมาหากิน อยู่แถวชายแดนไทย ถูกผลักไสออกจากพื้นที่ แล้วให้คนกัมพูชา เข้าไปอยู่แทน แล้วหมู่บ้านของคนไทย หายไปจาก แผนที่ประเทศไทย อีกหลายหมู่บ้านล่ะ มันสันติภาพ เคารพสิทธิ์กันตรงไหน แค่นี้ก็ขัดกับหลักการ ของยูเนสโกแล้ว ฉันว่ารัฐบาลไทย ต้องลาออกจากการเป็น สมาชิกยูเนสโก เพราะหลักการอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง ประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง พ่อท่านพร้อมสมณะ ได้เดินทางมาเยี่ยม ให้กำลังใจพวกเราที่พักค้าง รอฟังคำตอบ และ ให้สัมภาษณ์ FMTV แล้วเดินทางกลับ ในเวลาต่อมา ประมาณ ๓ ทุ่มครึ่ง พวกเราก็ทราบผลว่า คณะกรรมการมรดกโลก ได้เลื่อนการพิจารณา ออกไป ๑ ปี แต่พวกเรา ยังไม่กลับ อยากรอฟังผล ให้แน่ชัดอีกที จึงรวมตัวกันพักค้าง ที่หน้ายูเนสโก พวกเรานอนเรียงกัน บนทางเท้า บริจาคเลือดให้ยุง เฉลี่ยกันไป อากาศกำลังสบายๆ ฉันหลับๆตื่นๆ เป็นระยะ ฝนโปรยลงมาเบาๆ พวกเราลุกขึ้น ใส่เสื้อกันฝน บ้างก็กางร่ม ไม่มีใครถอย ไม่มีใครบ่น แล้วนอนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประมาณ ๒๐ นาที ฝนก็หยุดตก คงเห็นความมุ่งมั่น ของพวกรักชาติมั้ง ๓๐ ก.ค. ทางแกนนำและผู้ร่วมชุมนุม ไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนของยูเนสโก เพราะการเลื่อน เท่ากับซื้อเวลา เท่านั้น คนไทย ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แล้วเรื่องนี้ มีผลประโยชน์ทับซ้อน หลายชั้นมาก จึงตกลงที่จะนำแถลงการณ์ และข้อเรียกร้อง ไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันนี้ ๑๐.๓๐ น. พวกเราเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้อง ดังนี้ ๑. รัฐบาลต้องยกเลิกเพิกถอน สัญญาและข้อตกลง และพันธกรณี ซึ่งทำให้ประเทศไทย เสียเปรียบ และได้รับความเสียหาย ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๗ วัน ๒. รัฐบาลต้องมีมาตรการ ผลักดันชาวกัมพูชา และทหารกัมพูชา ออกไปจากเขตแดนไทย ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชาทันที แล้วรายงานให้ประชาชนทราบ ๓. รัฐบาลต้องเร่งรีบดำเนินการ ตามพินัยกรรม ของรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนรัตน์ ที่สงวนสิทธิ์ คำพิพากษาศาลโลก เพื่อทำให้ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของไทย โดยยึดหลักสนธิสัญญาโตเกียว ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นหลัก ๔. ไม่ขึ้นทะเบียนร่วม แบบผสมและข้ามพรหมแดน (Transboundary) กับกัมพูชา โดยไม่จัดทำหลักเขตแดน (โดยใช้หลัก สันปันน้ำ) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศ ออกมารับหนังสือ หลังจากยื่นหนังสือเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันกลับ ฉันคิดว่า เหตุการณครั้งนี้ คงยังไม่จบลงง่ายๆ คงต้องมีภาคต่อไป ขอคารวะในหัวใจอันบริสุทธิ์ ของคนไทยหัวใจรักชาติทุกคน ที่เสียสละ อดตาหลับ ขับตานอน ออกมาร่วมกัน ปกป้อง บ้านเมืองในครั้งนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น ลูกหลานจะได้รู้ว่า ยังมีคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง ได้ทำหน้าที่แล้ว ดุจเดียวกับ ชาวบ้านบางระจัน แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการ วันศุกร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๓ ทางเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ จึงได้มีการประชุมหารือกัน ซึ่งที่ประชุมตกลงให้ พลตรีจำลอง ศรีเมือง และ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เป็นผู้รับผิดชอบ ดูแลผู้ชุมนุมประท้วง แต่ก็มีบางส่วนท้วงว่า เราได้นัดประชาชนไว้แล้ว ที่ข้างทำเนียบ ประชาชนที่กำลังเดินทางมา อาจจะไม่รู้ แล้วไปตามที่นัดหมาย จึงขอไปรับประชาชน ที่จะมาที่ทำเนียบ แล้วจะเดินทางไปสมทบ ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ผู้ที่นำทีมไป มีคุณวีระ สมความคิด และคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ โดย ASTV จะช่วยถ่ายทอดสด ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ส่วน FMTV ถ่ายทอดสด ที่ทำเนียบรัฐบาล พ่อท่านได้กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ คือ "สงครามอาริยะ" ใครจะสงบปากหอก ได้มากกว่ากัน ให้สงบ สันติ พูดให้ความรู้แก่ประชาชน จะพูดหนักพูดแรงได้ แต่ห้ามการพูดหยาบคาย ไม่ให้ใช้ความจัดจ้าน รุนแรง จึงจะถือว่า ผู้นั้นชนะ โดยผู้ร่วมชุมนุมจะยึดหลัก "สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์" เป็นสำคัญ วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มีเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ มาร่วมชุมนุมประมาณ ๓,๐๐๐ คน ได้ทยอย เดินทางกันมาแต่เช้า โดยชุมนุมกันภายในสนามกีฬาเวสน์ ๒ ซึ่งติดแอร์เย็นฉ่ำ ตลอดเวลา เครือข่ายกองทัพธรรม จากปฐมอโศก และสันติอโศก จัดอาหารมังสวิรัติ เลี้ยงตลอดงาน ๑๓.๕๐ น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีตอบข้อซักถาม จากตัวแทน เครือข่ายประชาชนไทย หัวใจรักชาติ ๒ คน คือนายทศพล แก้วพิมา ผู้ประสานงานเครือข่าย คนรักชาติ ภาคประชาชน และ ดาบตำรวจ สุคนธ์ เริงฤทธิ์ ตัวแทนภาคประชาชนจาก จ.ศรีสะเกษ สลับกันถาม ให้นายกฯ ชี้แจง ซึ่งตลอดการถามตอบ มีทั้งเสียงปรบมือ และเสียงโห่ สลับกันไป หลังชี้แจงเสร็จ นายกฯได้เดินทางกลับในเวลา ๑๔.๔๐ น. ส่วนด้านเวที มีการแสดงดนตรีของศิลปิน จนกระทั่ง ๑๗.๐๐ น. จึงได้ยุติลง ประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ได้ฟังนายกฯแล้ว บ้างก็พอใจและไม่พอใจ และอีกมากที่ยังสับสน ในคำตอบของนายกฯ แต่พอใจที่ภาครัฐ และประชาชน เข้าใจตรงกัน ว่าต้องพยายามรักษาดินแดน เอาไว้ให้ได้ นับเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่รัฐบาลรับฟัง เสียงประชาชน ที่บ้านเมืองวิกฤติ เพราะนักการเมือง ฟังเสียงประชาชนน้อยไป หรือบางทีก็ไม่สนใจเลย การที่นายกฯยอมรับฟัง แล้วมาพูดจา ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะภาคประชาชนสำคัญ หากไม่รวมตัวกัน ไม่สร้างแรงกดดัน ในการที่จะดูแลประเทศ ประเทศเราจะอยู่ยากกว่านี้ จากนี้เป็นต้นไป ถือว่าภาคประชาชน สำคัญมาก ถ้าปล่อยให้ชุมนุม แล้วต่างคนต่างอยู่ ก็จะไม่เกิดผลอะไร วันอาทิตย์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๓ ส่วนทางฝ่ายกลุ่มเครือข่าย คนไทยหัวใจรักชาติ ประกอบด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตร ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย นายสมปอง สุจริตกุล อดีตทนายผู้ประสานงาน ฝ่ายไทย ปี ๒๕๐๓-๒๕๐๕, นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ และนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายฯ ใช้เวลาพูดคุย ๑๐.๐๐-๑๓.๐๐ น. ๓ ชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น และตึงเครียด ทำให้มีการทำความเข้าใจ ที่ตรงกัน ในบางส่วน แต่บางส่วน ก็ตกลงกันยังไม่ได้ รายการนี้ ทำให้ประชาชนเข้าใจปัญหา และรายละเอียดต่างๆ มากขึ้น หลังจากจบการถ่ายทอดสด ในเวลา ๑๔.๑๐ น. ที่ห้องกันเกรา พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ได้กล่าวออกอากาศทาง FMTV สรุปว่า "เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่คนไทยมารวมตัวกัน ใช้น้ำหนัก ของความเป็นประชาชน เพื่อเรียกร้อง ตามสิทธิหน้าที่ ของระบอบประชาธิปไตย ตามหลักรัฐธรรมนูญ โดยภาคประชาชน และภาครัฐได้เสวนา ตกลงกัน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน มีการสอดแทรกกันบ้าง ได้เห็นทั้งความจริง ความปรารถนา ความตั้งใจของรัฐบาล ไม่ได้ต่างไปจากภาคประชาชน ถือว่าเป็นผลงานที่พวกเรา ลงทุนลงแรง เดินทางมาเป็นร้อย เป็นพันกิโล เป็นนิมิตที่ดี ที่ทางภาครัฐและภาคประชาชน จะได้ร่วมมือกัน ทำเป้าหมายตรงกัน ถือว่าเป็นงานชิ้นหนึ่งของมนุษยชน ที่ทำหน้าที่อันควร ทำให้แก่สังคม ขณะนี้ ได้ทำเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็ขอขอบคุณทุกคน ที่ได้ร่วมมือร่วมใจ แม้แต่ผู้ที่ขัดแย้งก็ขอบคุณ เป็นการทักท้วงกันไว้ เพื่อเตือนสติ เป็นธรรมชาติที่ดี พวกเราไม่ได้มาเพื่อจะได้อะไร แต่เป็นความปรารถนาดี และเป็นมนุษยชาติ ที่เห็นว่าพึงกระทำ ก็ได้ปฏิบัติกิจนี้ จนผ่านพ้นได้ด้วยดี" ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ในการต่อสู้ของภาคประชาชน ได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยวิธีสันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ปราศจาก การเสียเลือดเนื้อ ประเทศไทยจะเสียพื้นที่ ปราสาทพระวิหาร และอีก ๑.๘ ล้านไร่ ให้แก่กัมพูชาไปหรือไม่ ประชาชนชาวไทย จะได้ปราสาทพระวิหาร คืนมาจากการสงวนสิทธิ์ ในรัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชนต์ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ และภาคประชาชน ที่จะสนธิกำลังช่วยกัน ขอบพระคุณทุกคน ที่ออกมาทำหน้าที่ ปกป้องแผ่นดินไทย และผู้ที่เอาใจช่วยอยู่ทางบ้าน ฉันขอสัญญาว่า... ในช่วงชีวิตของฉัน จะปกป้องรักษาบ้านเมือง จะไม่ยอมเสียพื้นที่ แม้แต่ตารางนิ้วเดียว ให้แก่ชาติอื่นเป็นอันขาด.... "ความรักอันใด แม้รักเท่าไหน คงไม่ยั่งยืน เช่นรักคู่รัก แม้รักดั่งกลืน ยังอาจขมขื่น ขึ้นได้ภายหลัง แต่ความรักชาติ รักแสนพิศวาส รักสุดกำลัง ก่อเกิดมานะ ยอมสละชีวัง รักจนกระทั่ง หมดเลือดเนื้อเรา ชีวิตร่างกาย เราไม่เสียดาย ตายแล้วก็เผา ทุกสิ่งย่อมคลาด เว้นแต่ชาติของเรา อย่าให้ใครเข้า เหยียบย่ำทำลาย..." ฅนไทยหัวใจรักชาติ (สารอโศก เดือน มีนา-พฤษภา๕๓ อันดับ ๓๑๗ หน้า ๓๑-๓๘) |