|
สงครามอริยะ เพื่อทวงคืนแผ่นดินแม่ การเคลื่อนไหวทวงคืนแผ่นดินไทย ของเครือข่ายภาคประชาชน คนไทยหัวใจรักชาติ ไม่ได้หยุดนิ่ง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เมื่อไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่าย ได้เดินทางมายื่นหนังสือ ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย ภายหลังที่คณะกรรมการมรดกโลก เลื่อนการพิจารณา ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกของกัมพูชา ออกไปเป็นปีหน้า โดยมีข้อเรียกร้อง ๔ ข้อ ๑. ต้องการให้รัฐบาลไทยเพิกถอนสัญญา ข้อตกลงและพันธกรณีทั้งหมด ที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ และได้รับความเสียหาย ให้แล้วเสร็จภายใน ๗ วัน ๒. รัฐบาลต้องมีมาตรการ พลักดันกัมพูชา และทหารกัมพูชา ออกไปจากเขตแดนไทย ตลอดแนวชายแดนไทย กัมพูชาทันที ๓. รัฐบาลต้องรีบดำเนินการ ตามพินัยกรรมของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่สงวนสิทธิคำพิพากษาโลก เพื่อทำให้ปราสาทพระวิหาร เป็นของไทย โดยยึดหลักสนธิสัญญาโตเกียว ปี ๒๔๘๔ ๔. ไม่ขึ้นทะเบียนร่วมแบบผสม และข้ามพรมแดน (Transboundary) กับกัมพูชา โดยไม่ทำหลักข้ามเขตแดน แต่ให้ใช้หลักสันปันน้ำให้แล้วเสร็จ เดิมทีเครือข่ายภาคประชาชนฯ มีนัดชุมนุมที่ ชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันที่ ๗ สิงหาคม ศกนี้ แต่มิทราบด้วยเหตุผลใด จึงเปลี่ยนที่นัดหมาย ชุมนุมเป็นทำเนียบรัฐบาล เป้าหมายของการชุมนุม ก็เพื่อทวงถาม คำตอบข้างต้นนั่นเอง สำหรับการขับเคลื่อนครั้งนี้ เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนทุกสี ซึ่งในขณะนี้ มีเครือข่าย ที่เข้าร่วมด้วยแล้ว ประมาณ ๔๐ องค์กร อาทิ กลุ่ม ๑๓ สยามไท กลุ่มอุณาโลม กลุ่มอีสานกู้ชาติ เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ กองทัพธรรมมูลนิธิ กลุ่มบุญนิยมมูลนิธิ กลุ่มสมัชชาประชาชน แห่งประเทศไทย กลุ่มพันธมิตรฯ ๑๖ จังหวัดภาคใต้ บรรดาแกนนำ เครือข่ายเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นคน คุ้นหน้าเวทีพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็น พล.ร.อ. บรรณวิทย์ เก่งเรียน, ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, การุณ ใสงาม, แซมดิน เลิศบุศย์, พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, วีระ สมความคิด, ไทกร พลสุวรรณ, ศรีเมือง วัฒนาชีพ ฯลฯ ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ พ่อท่าน หรือสมณะโพธิรักษ์ แห่งสันติอโศก ที่แสดงจุดยืนชัดเจน ในรายการ สงครามสังคม - ธรรมะการเมือง ทางทีวีดาวเทียม ช่อง FMTV สมณะโพธิรักษ์กล่าวว่า "การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ คือ สงครามอริยะ ใครจะสงบปากหอก ได้มากกว่ากัน และไม่ใช้ความจัดจ้านรุนแรง ผู้นั้นชนะ ผู้ร่วมชุมนุมมีธรรมาวุธ ที่มีปรัชญาคือ สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ! การประท้วงในสังคมที่เจริญ ประท้วงบอกให้รัฐบาลรู้ บอกให้ประชาชนรู้ ทำไมต้องประท้วง มีเหตุผล ทำให้ปรากฏมันขึ้นมา... แผ่นดินกำลังถูกหั่น ถูกแบ่งด้วยกลวิธีเล่ห์กลสมัยใหม่ ในการล่าอาณาจักรสมัยใหม่ ถ้าล่าไปได้มากๆ ก็เป็นการล่าอาณานิคม ยึดให้เป็นอาณานิคมได้ เขาก็เอาแหละ ยังไม่ได้ เขาก็รุกอาณาจักร รุกแผ่นดินไปก่อน นี่เป็นเรื่องจริง... สรุปแล้ว สงครามที่ว่านี้คือความขัดแย้ง ความขัดแย้งของไทยขณะนี้ เกิดระหว่างรัฐบาล กับภาคประชาชน ภาคประชาชนก็บริสุทธิ์ใจ ที่จะต้องให้รัฐบาลนี้ จะต้องประพฤติปฏิบัติ เพื่อที่จะให้ไม่เสีย รัฐบาลต้องปฏิบัติ ดังที่เสนอไปแล้ว ทั้งปรากฏในแถลงการณ์ต่างๆ..." ในการเคลื่อนไหวทำสงครามอริยะ ดั่งคำของ "พ่อท่านฯ" ชาวอโศกทั่วประเทศ มีความกระตือ- รือร้น เป็นอย่างมาก เนื่องจากการมี "สื่อ" เป็นของตัวเอง ทำการกระจายข้อมูลต่างๆ ให้ได้รับทราบกัน ตลอดเวลา นั่นคือ สถานีโทรทัศน์เพื่อมนุษยชาติ (For Mankind Television) หรือ FMTV FMTV ดำเนินการโดย มีมูลนิธิบุญนิยม และมีบริษัท เดินหน้าฝ่ามหาสมุทร (บุญนิยม) จำกัด เป็นผู้ดูแล ด้านการผลิตเนื้อหารายการ ซึ่งมีสตูดิโอ อยู่ภายในพุทธสถาน สันติอโศก ย่านบึงกุ่ม นี่มิใช่ครั้งแรก ในภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติไทย FMTV และชาวกองทัพธรรม ได้ร่วมเคลื่อนไหว ทวงคืนปราสาทพระวิหาร มาหลายครั้งแล้ว นอกจาก FMTV ก็ยังมีทีวีดาวเทียมช่อง ๑๓ สยามไท อันเปรียบเสมือนทีวีคู่แฝด ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท เสียงประชาชนไทย จำกัด ที่มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน เป็นประธาน และสมบูรณ์ ทองบุราณ เป็นผู้อำนวยการสถานี ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศบราซิล กลุ่มโทรทัศน์ช่อง ๑๓ สยามไท ส่ง วีระ สมความคิด และคณะ เดินทางไปชูป้าย และแจกเอกสาร เพื่อประกาศให้ประชาชนรับรู้ว่า การเสนอ ขึ้นทะเบียน ปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลก ที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง วีระ ได้วิดีโอลิงก์มาบอก เล่าเรื่องการประท้วง ผ่านหน้าช่อง ๑๓ สยามไท เป็นระยะๆ ขณะที่ ไชยวัฒน์ พร้อมคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง ได้รวมตัวกันชุมนุม ที่หน้าสำนักงานยูเนสโก ถ.สุขุมวิท เพื่อรอฟังผลการประชุม ในตอนค่ำ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ภาพของสมณะโพธิรักษ์ มานั่งถกธรรมะ หน้าสำนักงานยูเนสโก ในคืนดังกล่าว แสดงให้เห็น เจตนา ที่มุ่งมั่น ในการเรียกร้อง ให้รัฐบาลเข้ามาจัดการ ปัญหาที่หมักหมม อยู่ใต้ปราสาทพระวิหาร ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด จากนี้ไป ต้องจับตาดูบทบาทของมหาจำลอง ว่าจะเอายังไง เพราะสมณะโพธิรักษ์ เดินหน้า ไม่มีถอยแล้ว ! (สารอโศก เดือนมีค-พฤษภา๕๓ อันดับ ๓๑๗ หน้า ๓๙-๔๐) |