เรื่องอันตรายสำหรับผู้ขับขี่บนท้องถนนใกล้ตัวมากๆ
อ่านให้จบ เรื่องสำคัญมีประโยชน์มากๆ ...
ระวัง ห้องน้ำปั๊ม!!
ระวังห้องน้ำในปั้มน้ำมัน และรถที่ขับตามมา
ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใย โปรด Fw: ต่อให้กับคนที่ท่านรักและห่วงใยต่อไป
สัตว์โลกทั้งหลาย พึงตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ความตายอยู่รอบตัว
เขาเคย คิดว่า ภาพข่าวอาชญากรรมที่มีให้เห็นบน น.ส.พ. ทุกวัน เป็นเรื่องไกลตัว
จนกระทั่ง กลางดึกคืนหนึ่ง
ในห้องน้ำของปั๊มน้ำมัน ที่เปิดไฟฟ้าสว่างไสว
วิชชุ ..... ศิลปินฝึกหัดของบริษัท Aratist ในเครือแกรมมี่กรุ๊ป
จึงตระหนักว่า ไม่ว่าใคร ก็มีโอกาสตก เป็นเหยื่อของอาชญากรได้พอๆกัน
วันที่เกิดเหตุ ผมไปคุยเรื่องงานดนตรีกับพวกเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ที่พรีเมียร์พระราม 9 คุยเสร็จเกือบตีสาม
ปกติก็ไม่ได้กลับดึกขนาดนั้น
แต่ วันนั้นคุยกันค่อนข้างซีเรียสเลยใช้เวลานาน คุยเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน
ผมขับรถเกือบจะถึงบ้านแล้ว ผ่านปั๊มแห่งหนึ่ง ก็เลยแวะเข้าไป
จริง ๆ แล้วไม่ถึงกับอยากเข้าห้องน้ำขนาดทนไม่ได้
แต่ อยากซื้อขนมกับ ไอศกรีมไปกินที่บ้านมากกว่า
ตอนนั้นไม่มีรถคันอื่นเข้ามาเติมน้ำมันเลย
ผมขับไปจอดหน้ามินิมาร์ท เข้าไปซื้อของเสร็จ คิดว่าเข้าห้องน้ำล้างหน้าหน่อยดีกว่า
ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ก็เดินไปล็อครถก่อน ห้องน้ำของปั๊มอยู่ข้างหลังมินิมาร์ท
ไม่มีใครในห้องน้ำเลย แต่ไฟสว่างมาก เพราะเป็นไฟนีออน
กำลังจะรูดซิปกางเกงก็ได้ยินเสียง ตึง... เป็นเสียงคนเดินเข้ามา
พอ เอี้ยวตัวไปมอง ก็เห็นปืนจ่ออยู่ตรงหน้า ความรู้สึกแรกคือ ไม่อยากเชื่อว่าถูกปล้น
แต่พอได้สติ ก็รู้ว่านี่ของจริง...
จังหวะนั้นมันเร็วมาก พอผมเอี้ยวตัวไป เห็นคนเดินตามหลังมาอีกสองคน
คน ถือปืนก็ขึ้นลำ ปืน แล้วพูดด้วยเสียงดุ ๆ ว่า... ถ้ามึงไม่อยากตายหันหลังไป
พอผมหันกลับ เขาก็ผลักผมกระเด็นไปติดกำแพงห้องน้ำ แล้วเอาด้ามปืน ตบที่ท้ายทอยซ้อนกันหลายครั้ง
ผมบอกเขาว่า. พี่อยากได้อะไร..เอาไปเลย ( หวังว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรร้ายแรง )
แต่ปรากฎว่าเขาไม่สน ทุบเอา อีก... แล้วอีกคน ก็เข้ามาจับมือผมไปไพล่หลัง
ได้ยินเสียงแกะเทปกาวดังแควก ก่อนจะเอาเทปนั้น มัดมือผมไว้
พอมัดเสร็จ ก็จับตัวผมหันมา
จากนั้น ก็ต่อยที่ท้องผมอย่างแรง หมัดเดียว แต่จุกมาก จนผมทรุดลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น
ต่อจากนั้น เขาก็จับขาผมรวบให้นั่งบนพื้น แล้วทำท่า เหมือนจะเอาเทปมามัดที่เท้า
แต่เปลี่ยนใจเป็นมาพันที่หน้าก่อน เริ่มจากปิดตา ปิดปาก
ตอนปิดปาก เขาปิดจมูกไปด้วย
ผม พยายามร้องว่าหายใจไม่ออก แต่เสียงมันดังออกมาแค่อือๆ เท่านั้น
โชคดีว่าพันไม่แน่นมาก ยังมีช่องเหลือให้ หายใจได้
หลังจากนั้น มันก็เอาเทปมามัดเท้าต่อ
ก่อนค้นตัว เอากุญแจรถไป
แล้วทุกอย่างก็เงียบ
ตอนแรก ผมคิดว่าพวกเขาคงทิ้งผมไว้ เอาแต่รถไปอย่างเดียว รออีกเดี๋ยวค่อย ๆ กลิ้งออกไปหา คนช่วยก็ได้ แต่ยังไม่ทันจะโล่งใจเลย ก็รู้สึกว่า ตัวเองถูกยกลอยขึ้น
ตอนนั้น ตกใจสุดขีดเลย ตกใจกว่าตอนเห็นปืนอีก เพราะคิดว่า คราวนี้คงต้องถูกเอาไปยิงทิ้งแน่
ผมดิ้นสุดชีวิต เลยโดนอัดหรือเตะไม่รู้แน่เข้า
หลังจากนั้น มันไม่เชิงว่ามีสติตลอด มันกึ่งรู้สึกตัว กับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากถูกมัดตาเอาไว้
ทำ ให้ไม่รู้ว่าเค้าอุ้มไปไหน รู้สึกว่าหลังแตะอะไรสักอย่าง
คิดว่าน่าจะเป็นรถ เพราะพอวางเสร็จรถก็ออกตัว
ตอนนั้นนึก ถึงพ่อแม่. ท่านจะอยู่อย่างไร เพราะผมเป็นลูกคนเดียว
แล้ว ก็นึกถึงพระปลงว่าท่าจะไม่รอด ร ถวิ่งไปได้ซักพักก็หยุด
รู้สึกตัวว่าถูกยกลอยขึ้น ก่อนจะถูกโยนโครมลงไปที่หญ้า คาดว่าคงเป็นข้างทางที่ไหนซักแห่ง
กลั้นใจว่าจะโดนอะไรอีกไหม
รู้สึกว่า จะถูกเตะเข้าที่กลางลำตัว อีกสองครั้ง
จากนั้นก็ได้ยินเสียงรถขับออกไป...
เขาคอยจนแน่ใจว่าพวกนั้นไปแล้ว แล้วก็พยายามแกะเทป แล้วตะกายไปขอความช่วยเหลือ
มีคนขับรถผ่านมา ช่วยเขา พาไปส่ง ร.พ. ไปนอนไอ.ซี.ยู 1 คืน
เค้าบอกว่า พ่อแม่เคยเตือน แล้วว่า การขับรถกลับบ้านดึก
ให้ระวัง คนขับรถมาชน อาจเป็นโจร....
คนๆนี้โชคดีกว่าหลายคน ที่เค้ายังกลับไปหาพ่อแม่ของ เค้าได้...
โลกนี้มันมีทั้ง เรื่องที่ดีงาม แล้วก็เรื่องที่ไม่ดี
มันเป็นโลกแห่งความจริง
ขอให้ระวังตัว อย่าชะล่า
หลาย ๆ คนคิดว่า... ไม่เป็นไรแค่นี้เอง แต่แค่นี้เองนั้น
มันเท่ากับ เราได้เอาตัวของเราทั้งชีวิต เข้าไปเสี่ยงซะแล้ว
ถึงแม้จะไม่ห่วงตัว ก็ขอให้คิดถึงคนที่บ้าน คนที่เป็นห่วงเราด้วยละกัน..
ป.ล. ถ้าเป็น หญิง. ก็อาจ จะเสียทั้งกายทั้งใจ
fwd Mail
เคาะรองเท้าก่อนสวมใส่
เรื่องจริงเตือนใจครับ
ผมเพิ่งกลับจากงานศพลูกสาวเพื่อนข้างบ้านมาครับ (อายุ 4 ขวบครึ่ง)
เป็นการเ สียชีวิตแบบไม่ควรเกิดเลยครับ
เรื่องมีอยู่ว่า...
ตอนเช้าคุณแม่เขาก็ไปส่งลูกไปโรงเรียนตามปกติ
แต่แปลกที่ว่าลูกสาวพอขึ้นรถมาสักพักก็บ่นว่า หนูง่วงนอน
แม่ก็แปลกใจนิดหน่อยแต่ไม่คิดอะไรมาก เลยให้นอนหลับไป
พอใกล้ถึง รร. คุณแม่เขาก็ปลุก
ปรากฎว่าลูกตัวแข็ง และปากเขียวคล้ำ ไม่รู้สึกตัว
แม่ตกใจมากรีบพาส่ง รพ. คุณหมอบอกว่าเสียชีวิตแล้ว
จากการสันนิษฐานน่าจะเกิดจาก "งูกัด"
คุณแม่บอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเดินออกบ้านมาด้วยกัน ขึ้นรถก็ไม่เห็นงูเลย
เชื่อไหมครับ คุณหมอลองถอดถุงเท้าและรองเท้าดู
ผมฟังยังขนลุกเลยครับ "ลูกงูเห่านอนตายอยู่ในรองเท้านักเรียนครับ"
ผมเสียใจแทนคุณแม่จริงๆครับ คาดว่ามันคงไปขดอยู่ในรองเท้า
แล้วน้องเขาใส่เขาไป มันเลยฉก แต่ด้วยความที่มีถุงเท้าอยู่
แล้วเด็กคงเจ็บไม่มาก เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่พิษมันมากครับ
ผมอยากฝากเพื่อนๆไว้ครับ บ้านใครที่ ต้นไม้เยอะๆ
หรือวางรองเท้าไว้นอกบ้าน ; ก่อนใส่เคาะดูสักนิดนะครับ
ผมไม่รู้ว่า โอกาสแบบนี้จะเกิด 1 ใน 100 หรือเปล่า
แต่อยากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ
เรื่องที่ 1
21.00 น. ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ผมเป็นคนที่สังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ ดังนั้นหากมองเผินๆ เหมือนกับว่า ผมเดินไป ดื่มน้ำในมือไป เรื่อยเปื่อย สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ รู้สึกว่ามีคนเดินตามผมห่างๆ แต่ผมยังไม่คิดอะไร ในทีแรก เพราะคงเป็นผู้มาใช้บริการ ที่จอดอยู่ชั้นเดียวกัน อีกอย่าง ที่รถที่จอดชั้นเดียวกับผมนี้ ยังค่อนข้างเยอะ บังเอิญว่า ผมอยากจะทิ้งแก้วน้ำในมือ ก็เลยมองหาถังขยะ ซึ่งมันไม่ค่อยมีหรอก ตามที่จอดรถ เพราะทางศูนย์การค้าพวกนี้ เค้ากลัวเรื่อง การลอบวางระเบิด ระหว่างที่ผมเดินหาที่ทิ้งในดวงใจอยู่นั้น ผมก็เดินเลย ที่จอดรถตัวเอง ไปหลายคันเหมือนกัน แต่ก็ไม่มี จะทิ้งมั่วๆ มันก็น่าเกลียด ก็ตัดสินใจว่า เอาไปไว้ ตรงที่วางแก้ว ในรถก่อนก็ได้ (ซึ่งตลอดเวลาไอ้บ้านี่ ก็ยังเดินตามผมอยู่) พอหมุนตัว จะกลับมาที่รถตัวเอง ไอ้บ้านี่ มันก็ทำเป็นเดินให้เลยผมไปก่อน แล้วก็หยุด เหมือนมองหารถมัน ว่าจอดตรงไหน ไอ้ช่วงที่หมุนตัวกลับมานี่เอง ที่ผมเห็นมันชัดๆว่า สภาพมัน ไม่ใช่ลักษณะคนขับรถเก๋ง แน่นอน
คือมันมีสายร้อยกุญแจแบบ Flex (สายที่วนๆ คล้ายสปริง) กับกุญแจดอกเดียว ใส่แจ๊คเก็ต สีดำ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ ว่าเป็นผู้ไม่หวังดีรึเปล่า
ก็เลยแกล้งทำเป็นเดินเลยรถตัวเองอีกสักสี่ห้าคัน แล้วไปหยุดทำท่าทางจะไขกุญแจ รถคันหนึ่ง ซึ่งมันก็รีบเดินตามกลับมา คงกลัวว่าจะไม่ทัน เดี๋ยวผมขึ้นรถไปเสียก่อน แต่ผมก็ทำท่าทาง เป็นเปลี่ยนใจอีกครั้ง มองหาที่ทิ้งแก้วน้ำ แล้วเดินสวนกับมัน ในระยะที่ปลอดภัย สำหรับผมเอง แต่เป็นอันตรายสำหรับมัน เพราะผมก็พร้อมอยู่แล้ว แน่นอนว่า ผมเดินกลับ ไปหารถผมเอง อย่างแท้จริง ซึ่งคราวนี้ มันหลงกลผมเต็มๆ เพราะมันไปยืนอยู่ท้ายรถ คันที่ผม ทำท่าจะไขประตู มันไปยืนแบบแอบๆ เพราะเดี๋ยวผมต้องกลับมาแน่นอน แต่คราวนี้ ผมเดินไปปั๊บ กดรีโมทปุ๊บ ขึ้นรถได้ ผมก็สตาร์ทเครื่อง กดเซ็นทรัลล็อค
ขณะที่ผมขับออกไป ผมมองไปที่มันซึ่งกำลังทำหน้างงๆ แต่ไม่กล้ามองแบบเต็มๆนัก เห็นหน้าตามันเหวอๆ ผมก็เลยคิดว่า ยังไงต้องแจ้ง ร.ป.ภ. ไว้ก่อน ไม่ว่ามันจะใช่ อย่างที่ผมคิด หรือไม่ก็ตามแต่ เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นๆ
ผมขับเลยไปจอดตรงที่คืนบัตรจอดรถ แล้วแจ้งทางเจ้าหน้าที่ห้าง รวมทั้งนำเจ้าหน้าที่ 4 คน ไปเองด้วย เพราะผมรู้อยู่คนเดียวนินา ไปเจอมันผลุ๊บๆโผล่ๆอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ จึงตรงเข้าไป สอบถามว่า ทำอะไร
มันตอบว่าไง รู้ไหมครับ ...... มันมาซื้อของแต่จำไม่ได้ว่าจอดรถไว้ตรงไหน แต่พอซักไป ซักมา ว่ารถยี่ห้ออะไร ทะเบียนอะไร มันก็อึกอักตอบมาว่า มันนึกขึ้นได้ว่า วันนี้เอา มอเตอร์ไซด์มา มั่วๆแล้วก็แถ พอเจ้าหน้าที่ค้นตัว ก็พบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม ทีนี้หน้ามันซีด อย่างชัดเจน ที่จริงหน้าผมก็ซีดครับ ผมก็เลยบอกให้เจ้าหน้าที่คุมตัว แล้วแจ้งตำรวจ เพื่อขยายผลต่อไป......
ต้องระวังนะครับ อย่าประมาทเด็ดขาด ถ้าเป็นสุภาพสตรี อย่าลีลาอย่างผม เพราะไม่คุ้ม แน่นอน ถ้าเราพลาด
เป็นห่วงทุกคนนะครับ
เรื่องที่ 2
อ่านเรื่องข้างล่างแล้วระวังตัวให้มากๆนะคะ
เพราะพี่ต่อก็เคยโดนลักษณะเดียวกัน โดยขับรถกลับบ้านตนเดียว ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ
พอเข้าซอย รู้สึกว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ขับตามมา และเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน และตามมาเรื่อยๆ พอพี่ต่อ จอดรถหน้าบ้าน เขาก็ขับเลยเข้าไปในซอย ซึ่งเป็นซอยตัน และเลี้ยวกลับ มาจอดอยู่ใกล้ๆ และลงมาเปิดประตูข้างคนขับ ที่พี่ต่อนั่งอยู่ พอดีคอยระวังอยู่แล้ว และคอยมองอยู่ และรถก็ล็อคอยู่ เขาจึงเปิดไม่ได้ แต่ทำท่าบุ้ยใบ้ ให้เราเปิดประตู เหมือนจะถามอะไร พี่ต่อก็เลยบีบแตรดังมากๆ หลายครั้ง แล้วโบกมือให้รู้ว่า ไม่เปิด พอดีแม่บ้าน เดินมาที่ประตู เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป
ทั้งหมดนี่ เกิดขึ้นเร็วมาก นับจากที่จอดรถหน้าประตูบ้าน ประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น ปกติ เมื่อถึงบ้าน พี่ต่อจะบีบแตร แล้วเปิดประตูรถ เพื่อส่งกุญแจประตูใหญ่ ให้แม่บ้าน ไขประตูบ้านให้ พอดีวันนั้น มองเห็นรถมอเตอร์ไซด์คันนี้อยู่ เลยยังไม่ได้กดแตร
เขาอาจจะคิดว่า เราจะลงจากรถ มาเปิดประตูบ้านเองก็ได้ ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้ารถไม่ได้ล็อคอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้หน้าบ้านเราเอง พวกมิจฉาชีพพวกนี้ จะลงมือเร็วมาก คนมาช่วย ก็อาจช่วยไม่ทัน ดังนั้น ขอย้ำให้ระมัดระวังมากๆ เพราะเหตุการณ์ประเภทนี้ เกิดขึ้นบ่อยมาก และขอให้ทุกคน ปลอดภัยนะคะ
เรื่องที่ 3
ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่ประตูล๊อกอยู่ 1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็ว ผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้ เหตุร้ายเกิดได้ตลอด ไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวัง อย่าเผลอเชียวละ
เรื่องที่ 4
ภรรยาผม จะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล๊อค ทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง และ ก่อนดับเครื่อง
มีรถเก๋งคันหนึ่ง สีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถ แล้วก็เดินมาที่รถของเรา อย่างสุภาพ
ขณะที่ภรรยาผม กำลังเล่นกับลูกอยู่ เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงตึ๊ก จากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจ รู้สึกตัว ว่ามีคนพยายามเปิด ประตูหลังของรถเรา แต่เพราะรถล๊อค พวกเขาก็เดินกลับไปขึ้นรถ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ
ถ้าหาก บังเอิญ รถไม่ได้ล๊อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคน มีนิสัย ขึ้นรถ ต้องล๊อครถ พวกผู้ร้าย มักจะลงมือ จากเบาะหลัง เพราะจะควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
เรื่องที่ 5
หลังจาก จ่ายเงินค่าจอดรถเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ก็จอดติดไฟแดง ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติ คงยังไม่ทำงาน ) ชายหนุ่มสองคน ก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ เคราะห์ดี ที่พ่อแม่ของผม ไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออก แล้วออกมา ยืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้น ก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่ง คุณแม่ของผม ตะโกนใส่พวกเขาว่า พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะ จะให้เรียกพวกเขา ลงมาคุยกับพวกแกไหม ?
พวกเขาจึงออกมาจากรถ แล้วบอกว่าขอโทษขึ้นผิดคัน (นี่มันปล้นกันชัดๆ) แล้วรถคันข้างหลัง ( มีคนอยู่ในรถ สองคน) ก็ขับมารับพวกเขาจากไป น่ากลัวที่สุด
เรื่องที่ 6
ตอนรถจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง จอดอยู่ท้ายรถผม บนรถมีชายหนุ่ม อายุ ประมาณ 20 กว่า สองคน แล้วที่น่าสงสัย ก็คือ พวกเขาพยายาม มองเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขา อยู่ครู่หนึ่ง พอไฟเขียว ก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยิน หนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า 'รถมันล๊อคหมด' แล้วก็ขับเลยไป
ขอให้ช่วยกัน Forward มากๆ ทั้งชายทั้งหญิงนะ
ส่งแค่คนสองคน ก็ได้บุญมากแล้ว
ข้อความจาก e-mail
FW: ส่งต่อให้มากที่สุด จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แจ้งเหตุร้ายจากสำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยบอกต่อ ขณะนี้กำลังมี การระบาดของ กลุ่มมิจฉาชีพ แกล้งทำทีมาขาย สเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แต่จริงๆแล้ว สารในสเปรย์กระป๋อง นั้นคือ คลอโรฟอร์ม ที่ทำให้ท่านสลบได้
เหตุการณ์ เริ่มจากเด็กสาววัยรุ่น ท่าทางดีมาเคาะกระจกขณะรถจอด หรือรี่เข้ามา ขณะท่าน กำลังจะ เข้ารถ บริเวณลานจอดรถ ตามที่สาธารณะทั่วไป... หากท่านไม่ระวัง หรือไข กระจกรถ เพื่อพูดคุยด้วย สเปรย์จะถูกฉีดเข้าในรถทันที เมื่อท่านสลบ งัวเงีย สลึมสลือ ไม่ได้สติ ผู้ชายอีก 2-3 คนจะเข้ามาปลดทรัพย์ หรืออาจทำอันตราย ร่างกายของท่านได้ เพื่อความปลอดภัย สำหรับทุกท่าน ขอให้ระวังตัว ในทุกย่างก้าว และไม่ประมาทด้วย
ความปราถนาดี และห่วงใยเสมอ สำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ช่วยกระจายต่อด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัย!!
คลอโรฟอร์ม ( Chloroform)
ชื่อเรียกอื่น Formyl trichloride; Freon 20; Trichloromethane.
CAS No. 67-66-3
สูตรโมเลกุล CHCl3
น้ำหนักโมเลกุล 119.38
จุดเดือด 61-62 องศาเซลเซียส
คุณสมบัติ เป็นของเหลวไม่มีสี ระเหยง่าย มีกลิ่นหอมหวาน
การใช้ที่ผิดกฎหมาย ใช้เป็นตัวทำละลายในการผลิต heroin, cocaine
การใช้ที่ถูกกฎหมาย ใช้ในการผลิต Fluorocarbon-22 เป็นตัวทำละลายน้ำมัน ไขมัน ยาง สารอัลคาลอยด์ ขี้ผึ้ง เรซิน และสารทำความสะอาด ใช้ในเครื่องดับเพลิง เพื่อลดจุดเยือกแข็ง
กฎหมายควบคุม พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495
บทลงโทษ ผู้ใดนำ ขนย้าย จำหน่าย มีไว้ในครอบครอง ใช้หรือ เปลี่ยนแปลงสภาพ ซึ่งโภคภัณฑ์นี้ โดยไม่ได้รับหนังสืออนุญาต จากผู้ว่าราชการจังหวัด แห่งท้องที่นั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
ข่าวจาก e mail
Subject: FW: เตือนภัยรูปแบบใหม่ น่าสนใจโปรดระวัง
Date: Thu, 5 Nov 2009 09:36:10 +0700
ถึงทุกๆท่าน
ดิฉันมีเรื่องอยากเตือนทุกท่านให้ระวังเอาไว้ ถึงการหลอกลวงรูปแบบใหม่
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 09.15 น. ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากหมายเลข +886226994823 +886226994823
เป็นระบบเสียงอัตโนมัติ อ้างว่าโทร."จากศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า มีหมายส่งถึงดิฉัน แต่ไม่สามารถส่งหมายได้ ให้ติดต่อไปยังศาลอาญา มิฉะนั้น ศาลจะออกหมายจับ ให้กด 1 หากต้องการฟังซ้ำ, กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่"
ด้วยความที่ดิฉันเป็นทนายความ จึงสงสัยและจับพิรุธได้ดังนี้
1. เกิดมาไม่เคยกระทำความผิดใดๆ ตามกฏหมายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา
2. เบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ เหมือนโทร.มาจากต่างประเทศ
3. ในประเทศไทยไม่มีศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร
4. ศาลไม่มีบริการติดตามคู่ความ หรือตรวจสอบข้อมูลทางโทศัพท์ (ยกเว้นท่านจะโทร.ไปที่ศาลเพื่อขอข้อมูลเองหรือตรวจสอบจากเว็บไซด์)
ดิฉันจึงตัดสินใจกด 9 เพราะอยากรู้ว่าเขามีลูกเล่นอย่างไร สักพักก็จะมีเสียงผู้หญิงรับสาย (มีเสียงผู้ชายดังเข้ามา เหมือนกำลังเจรจาเกี่ยวกับคดีความกับคนอื่นอยู่ ซึ่งทำให้เหมือนจริง ว่าโทร.มาจากศาล) แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาล อาสาจะตรวจสอบข้อมูลให้ ขอทราบชื่อ - นามสกุล ดิฉันก็แจ้งชื่อ -นามสกุลให้ทราบ จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าว ก็จะขอหมายเลข บัตรประชาชน 13 หลัก ดิฉันไม่ให้ เขาก็บอกว่า การติดต่อราชการ จะต้องใช้หมายเลข บัตรประชาชน ดิฉันจึงบอกไปว่า การตรวจสอบข้อมูลของศาลนั้น ไม่ต้องใช้เลข บัตรประชาชนก็ได้ ตรวจจากชื่อนาม-นามสกุลก็ได้แล้ว ผู้หญิงคนดังกล่าว ก็ยังยืนยันว่า ต้องใช้เลขบัตรประชาชน ดิฉันจึงแจ้งว่า จะไปติดต่อศาลเอง ขอทราบชื่อเจ้าหน้าที่ศาล ที่จะต้องติดต่อ ผู้หญิงคนดังกล่าว ก็ตอบมาด้วยเสียงดุๆ ว่าให้ไปติดต่อได้ที่ศาลอาญารัชดา แล้วก็รีบวางสาย ไม่ยอมแจ้งชื่อให้ทราบ
ดิฉันได้ตรวจสอบ หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว พบว่า
- ไม่ใช่หมายเลขของศาลอาญารัชดาฯ
- เป็นรหัสทางไกล 886 ซึ่งโทร.มาจากไต้หวัน
ดังนั้นจึงขอเตือนทุกๆท่าน ได้โปรดระวังการหลอกลวงแบบใหม่นี้ไว้ด้วย เพราะหากท่าน ให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักไป ไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำอะไร เลขบัตรประชาชน ของท่าน สามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆของท่าน เช่น ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต ฯลฯ ได้มากมาย
นอกจากนี้ ขอให้เตือนเพื่อนๆ ญาติสนิท มิตรสหายของท่านให้ทราบด้วย
ขอบคุณค่ะ
ธิดาพร
กินยาแล้วนอนทันที อาจตายได้
หลายๆคนป่วยจากการกินยา เม็ดแคปซูลกับน้ำอุ่นโดยที่ไม่รู้ว่า
ยาจะถึงกระเพาะก่อนละลายน้ำหรือไม่
เป็นเรื่องที่น่าคิดว่า คุณ ควรจะกินยาแบบไหนดี
คำแนะนำจาก แพทย์
- ยาเม็ดสามารถ ละลายด้วยน้ำเย็น หลังจากกลืนคุณควรดื่มน้ำตามมาก ๆ
- ควร ทานยาก่อนนอน 30 นาที ไม่ควรทานยา แล้วนอนเลย เพราะยาอาจะไม่ลงในกระเพาะ
ตัวอย่าง
ผู้ชายคนหนึ่งกินยา แอนตี้ไบโอติคส์และดื่มน้ำน้อยเกินไป
ยาจึงลงไปไม่ถึงกระเพาะ ยาค้างอยู่ที่ หลอดอาหาร และเป็นเหตุให้! หลอดอาหารอักเสบ
หกวันผ่านไป เค้ากินได้แค่นมเย็นกับ อาหารเหลว และนอนโรงพยายาลอีก 5 วัน
แพทย์เตือน ว่าอาการอาจจะแย่ลงและอาจมีผลข้างเคียง สุดท้ายเกิดอาการไตวายเฉียบพลัน และเสียชีวิตหลังเข้าโรงพยาบาลเพียง 2 สัปดาห์
เพราะฉะนั้น ต้องระวัง เมื่อกินยา เม็ดหรือแคปซูล
อย่าดื่มน้ำอุ่น หรือ น้ำร้อน น้ำผลไม้ หรือน้ำหวานทุกชนิดตามยาลงไป ทางที่ดีควร ดื่ม น้ำเย็น เท่านั้น
ถ้าคุณรู้สึก กระหายในลำคอหลังจากทาน ยา ให้ดื่มน้ำตามมาก ๆ และควรยืนหรือนั่งตัวตรงๆ
เมื่อกินยา อย่านอน ทันที
กรุณาส่งต่อให้คนอื่น ๆ และเพื่อน ๆ ของคุณ
|