นานาทัศนะในปัญหาพระบัฌเฑาะก์

จาก “เอ็กซ์ไซท์ ไทย์โพสต์” 5 พฤษภาคม 2551    พาดหัวข่าวใหญ่ไว้ว่า “จี้จับพระบัณเฑาะก์บัดสี กอดโยม ลงเว็บ พบอยู่ใน จว.นนท์”

เกิดเรื่องสะเทือนใจชาวพุทธอีกแล้ว พระเกย์เปิดรีสอร์ตมั่วชาย เล่นน้ำตก สวมกอดกัน โจ๋งครึ่ม พร้อมถ่ายรูปโชว์ ผ่านเว็บไซต์ สำนักงานพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบ คาดเป็นพระ ในจังหวัดนนทบุรี เมื่อผู้สื่อข่าว สอบถาม นายวิชัย ธรรมเจริญ หัวหน้าส่วนคุ้มครอง พระพุทธศาสนา สถ. กล่าวว่า การแสดงออก ของพระสงฆ์ ที่มีพฤติกรรม เบี่ยงเบนทางเพศ   หากไม่กระทำเกินเลย ขอบเขต พระธรรมวินัย หรือ กิจของสงฆ์  ก็ไม่ใช่ เรื่องเสียหายอะไร แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้ ได้มีพระสงฆ์ เป็นเกย์ หรือกะเทย กันมากขึ้น กลายเป็น อีกปัญหาหนึ่ง ของสังคมไทย เนื่องจาก ขั้นตอน การกลั่นกรอง คุณสมบัติผู้บวชทำได้ยาก และยังมีเรื่องของ สิทธิมนุษยชน เข้ามาเกี่ยวข้อง

ประเด็นดังกล่าว ปรากฏว่าพระธรรมกิตติมุนี เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าอาวาสวัด เฉลิมพระเกียรติวรวิหาร แจ้งว่า ได้พิจารณาแล้ว ไม่เห็นว่าพระนฤพนธ์ ทำผิดวินัย การที่พระไปเที่ยว นอกสถานที่ ถือเป็นเรื่องธรรมดา และ ยังไม่มี ข้อพิสูจน์ได้ว่า พระรูปนั้น เป็นเกย์ เพียงแต่อาจจะมี พฤติกรรมไม่เหมาะสม แค่ตักเตือน เท่านั้น

ด้านพระราชธรรมนิเทศ  หรือพระพยอม  กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัด สวนแก้ว กล่าวว่า ทุกวันนี้ วงการพระภิกษุสงฆ์ มีจำนวน พระเกย์ หรือกะเทย เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะมีถึง 5% โดยแบ่งเป็น  2   พวกคือ  กลุ่มที่มี พฤติกรรม เรียบร้อย  มีหัวคิด สร้างสรรค์ และไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย ต่อพุทธศาสนา แต่อีกพวกหนึ่ง คือ ชอบล่วงละเมิด ทางเพศ เช่น กอดจูบลูบไล้ และมักจะรวมกลุ่ม ไปเที่ยวเตร่ ในป่าเขา หรือน้ำตก   จากนั้น ก็จะนำรูปถ่าย มาเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ เป็นที่ทุเรศ สายตา แก่ชาวพุทธ

"พวกนี้ถือเป็นมารศาสนา ทำให้วงการพระสงฆ์เสียหายยับเยิน  อาตมาอยากให้ พุทธศาสนิกชน และทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง พุทธศาสนา   เพราะทุกวันนี้ กฎระเบียบ พระสงฆ์ หย่อนยาน พวกสามเณร หรือ พระบวชใหม่ ก็เลยย่ามใจทำ ทั้งแต่งหน้า ทาปาก และเดินบิดก้น     อาตมาเห็นแล้วอุจาด เป็นเรื่อง ไม่เหมาะสม อย่างยิ่ง  ทั้งนี้ หากอาตมาเห็น พระลูกวัด เป็นเกย์ ก็จะตักเตือน ให้หยุดแสดง พฤติกรรม ลวนลาม ทางเพศ หากไม่เชื่อฟัง ก็ต้องจัดการสึก แน่นอน”.

พระธีราจารย์ชี้ผิด เห็นภาพ-อุทาน!อย่างนี้ไม่ใช่พระ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะหนใหญ่กลาง เจ้าอาวาส วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ  กล่าวถึงข่าวการประฤติตนไม่เหมาะสมของพระนฤพนธ์  ติสสวโร  เจ้าอาวาส วัดโบสถ์บน  ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่นำทีมพระ ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นเกย์ ไปเที่ยวน้ำตก  พักรีสอร์ต กับกลุ่ม ชายวัยรุ่น และมีการโอบกอด ถ่ายภาพลง อินเทอร์เน็ต  ว่าพฤติกรรมดังกล่าว ตามที่ปรากฏ ทางสื่อ เข้าข่าย ผิดอยู่แล้ว  อย่างน้อยทุกขกรรม เพราะเสื่อมเสีย กิริยาของสงฆ์ อย่างยิ่ง ทั้งนี้ พระสงฆ์ที่มี พฤติกรรม เบี่ยงเบน ทางเพศ ก็ไม่สามารถบวชได้อยู่แล้ว กล่าวคือ คนที่เป็นเกย์ ห้ามบวช  หรือบวชแล้ว พบภายหลัง ก็ต้องให้สึก แต่จะมีแนวทาง วินิจฉัยอย่างไร ว่าเป็นกะเทย ก็อีกเรื่องหนึ่ง  

จากพระไตรปิฎก เล่ม ๔ ข้อ ๑๒๕ พระพุทธองค์ทรงบัญญัติห้าม บุคคลที่ต้องห้าม ท่านเรียกว่า "อภัพบุคคล" ไม่ให้บวช โดยเด็ดขาด หากพลัดบวชเข้ามาได้ ถ้ารู้เมื่อไหร่ ก็ต้องให้สึก ออกไปทันที มีดังต่อไปนี้

ไม่ใช่มนุษย์ (นาค) ๑
คนฆ่ามารดา๑
ฆ่าบิดา ๑
เป็นคนฆ่าพระอรหันต์ ๑
ประทุษร้ายนางพระภิกษุณี๑
คนลักเพศ ๑
อุภโตพยัญชนก (คนมี ๒ เพศ)๑
บัณเฑาะก์ ๑
ไปเข้ารีดเดียรถีย์ ๑
เคยต้องปาราชิกไปแล้ว๑
เป็นผู้ก่อสังฆเภท ๑
และ ทำร้ายพระศาสดาจน ถึงห้อพระโลหิต๑

บัณเฑาะก์เป็นไฉน ? ท่านว่าชาย มีราคะกล้า ประพฤตินอกรีต ในทางเสพกาม ยั่วยวนชายอื่น ให้เป็นเช่นกัน หรือ ชายที่ถูกตอน และกะเทย โดยกำเนิด

สำหรับอุภโตพยัญชนะโก   พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่าหญิงก็มี ชายก็มี ทั้งนี้ มีภาวะรูปของ เครื่องเพศ ตรงข้าม ปรากฏ โดยสัณฐานด้วย

มูลเหตุที่ห้ามบัณเฑาะก์มิให้อุปสมบท
ก็โดยสมัยนั้นแล บัณเฑาะก์คนหนึ่งบวชในสำนักภิกษุ. เธอเข้าไปหาภิกษุหนุ่มๆ แล้วพูดชวนอย่างนี้ว่า มาเถิด ท่านทั้งหลาย จงประทุษร้ายข้าพเจ้า (ชวนร่วมเพศ) ภิกษุทั้งหลายพูด รุกรานว่า เจ้าบัณเฑาะก์จงฉิบหาย เจ้าบัณเฑาะก์ จงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยเจ้า.

เธอถูกพวกภิกษุพูดรุกราน จึงเข้าไปหาพวกสามเณรโค่งผู้มีร่างล่ำสัน แล้วพูดชวนอย่างนี้ว่า มาเถิด ท่านทั้งหลาย จงประทุษร้ายข้าพเจ้า.

พวกสามเณร พูดรุกรานว่า เจ้าบัณเฑาะก์จงฉิบหาย เจ้าบัณเฑาะก์จงพินาศ จะประโยชน์ อะไรด้วยเจ้า. เธอถูก พวกสามเณร พูดรุกราน จึงเข้าไปหา พวกคนเลี้ยงช้าง คนเลี้ยงม้า แล้วพูดอย่างนี้ว่า มาเถิด ท่านทั้งหลาย จงประทุษร้าย ข้าพเจ้า.

พวกคนเลี้ยงช้างพวกคนเลี้ยงม้า ประทุษร้ายแล้วจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะ เชื้อสาย พระศากยบุตร เหล่านี้ เป็นบัณเฑาะก์ บรรดาพวกสมณะเหล่านี้ แม้พวกใด ที่มิใช่บัณเฑาะก์ แม้พวกนั้น ก็ประทุษร้ายบัณเฑาะก์ (ทั้งเดาะทั้งไม่เดาะ ก็คงจะมั่วกันหมดแล้ว) เมื่อเป็นเช่นนี้ พระสมณะเหล่านี้ ก็ล้วนแต่ไม่ใช่เป็น ผู้ประพฤติ พรหมจรรย์.

ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกคนเลี้ยงช้าง พวกคนเลี้ยงม้า พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค.

พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัณเฑาะก์  ภิกษุไม่พึง ให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.

มูลเหตุห้ามอุปสมบทอุภโตพยัญชนก(คนมี ๒ เพศ)
ก็โดยสมัยนั้นแล อุภโตพยัญชนกคนหนึ่งได้บวชในสำนักภิกษุ. เธอเสพเมถุนธรรม ในสตรีทั้งหลาย ด้วยปุริสนิมิต (อวัยวะของบุรุษ) ของตนบ้าง ให้บุรุษอื่น เสพเมถุนธรรม ในอิตถีนิมิต (อวัยวะของสตรี) ของตนบ้าง.

ภิกษุทั้งหลาย จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งกะภิกษุ ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย อุภโตพยัญชนก ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้ว ต้องให้สึกเสีย.

บทสรุป ปัญหาพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในปัจจุบัน เหตุสำคัญประการหนึ่ง เกิดมาจาก ไม่มีการคัดเลือก บุคคลากร ที่จะเข้ามาสืบทอดอายุพระศาสนา จึงได้บุคคลากร ที่เข้ามาทำลาย พระศาสนา เสียมากกว่า ขนาดชาวบ้าน ปลูกพืชผัก ก็ยังมีการคัดเอาแต่เมล็ดพันธ์ที่ดี เพือให้ไร่นาของตน อุดมสมบูรณ์ แต่การคัดคน เข้ามาเป็นพระ เพื่อจะได้มาเป็น ผู้นำแสงสว่าง นำทางชีวิตของผู้คนให้พ้นทุกข์ ซึ่งพระพุทธองค์ ทรงมอบอำนาจ การคัดสรรบุคคล ให้กับคณะสงฆ์ เป็นผู้ร่วมกัน พิจารณา แต่ในปัจจุบัน คณะสงฆ์ที่ทำหน้าที่ คัดสรรบุคคล ซึ่งเรียกกันว่า “พระอันดับ” แทบจะไม่มีความหมายอะไร นอกจากเป็นเพียงแค่ “หุ่น” มานั่งร่วมพิธี ให้ครบจำนวน เท่านั้น จนมีสำนวนพูดกันว่า “มานั่งเป็นพระอันดับ” ซึ่งหมายถึง มานั่งแบบ ไม่มีความหมายอะไร และที่น่าห่วง ยิ่งกว่านั้น

เมื่อได้บุคคลอันตรายเข้ามาแล้วกลับไม่กล้าที่จะจัดการกันให้เด็ดขาด ตามพุทธบัญญัติ ที่ได้ห้ามไว้

อีกไม่นาน ศาสนาพุทธก็คงจะเละไปกับตุ๊ด เกย์ ทอม ดี้ ด้วยประการฉะนี้

- คิดคนละขั้ว เราคิดอะไร ฉบับที่ -